คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9 คนอับโชค และ ภารกิจเร่งด่วน
Chapter 9 คนอับโชค และ ภารกิจเร่งด่วน
เช้าในวันที่สองของงานเทศกาลช็อคโกแลต
“เอาล่ะ ลูกเรือทั้งหลาย ได้อะไรกันมาบ้าง” เสียงกัปตันสาวเรียกรวมพลตรวจความคืบหน้าแต่เช้า และพอสืบสาวราวเรื่องเสร็จ…เท่านั้นแหละ
“อะไรนะ!! ได้มาแค่นี้เองเร๊อะ!! เจ้าหนูเนลยังไม่เท่าไหร่ แต่ทั้งแอลและซีกเกอร์ก็ยังพลอยกลับมามือเปล่าอีก แล้วนี่อะไรพัตเตอร์นอกจากรางวัลยังไม่ได้แล้วบิลค่าเสียหายนี่มันอะไร!!” เจ้ซิลฟี่ใส่เป็นชุด
“เอ่อ คือผมไปร่วมประกวดดอกไม้ไฟ แล้วพอดีมันมันมือไปหน่อยเลยเผลอเผางานเค้าซะได้ แหะๆ” พัตเตอร์ยิ้มแห้งๆแก้เขิลซึ่งสวนทางกับหน้าทะมึนทึ่งของเจ้ซิลฟี่เอามากๆ
“แกนะแก!!....เจ้าตัวแสบบบบบ” ตู้ม!! เสียงหมัดเสยของอาเจ้ซิลฟี่ซัดเต็มคางพัตเตอร์ลอยหายไปไกล
“ที่พอรับได้ก็คงเป็นเจ้ามาเมะอะนะ บอกให้เอามาซักอย่างก็เอามาอย่างเดียวจริงๆ แต่ก็ยังดี พวกแกทำไมไม่เอาอย่างเจ้าไนท์มันดีสิ รางวัลเกือบร้อยเปอร์เซ็นที่ได้มาเป็นของเจ้านั่นนะ” ว่าแล้วอาเจ้ก็ผายมือไปยังกองของรางวัลด้านหลัง
“ฮ้าว….แต่เจ้เองก็ยังไม่ได้รางวัลเลยไม่ใช่หรอ ยังไม่มีสิทธิ์มาว่าพวกผมหรอกนะ” แอลหาวก่อนย้อนถามกัปตัน ซึ่งแน่นอนโดนใจลูกเรือคนอื่นๆอย่างยิ่ง
“จุ๊ๆ เด็กน้อยไม่รู้อะไรเสียแล้ว วันนี้ต่างหากที่จะเป็นวันของชั้น ชั้นจะกวาดรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของงานมาเอง นั่นก็คือการลงเข้าประกวด มิสช็อคโกแลต!!!!”
“หา~” เป็นการประสานเสียงอันพร้อมเพรียงของเหล่าลูกเรือโดยไม่ได้นัดหมาย
“หา?” กัปตันทวนคำพร้อมรอยยิ้มมรณะที่พร้อมจะปลิดทุกชีวิตที่เคลือบแคลงใจ
“เอ้อ เปล่าๆครับ ไม่มีอะไรๆ” ทุกรีบบอกปัดอย่างรวดเร็วจนแทบฟังไม่เป็นศัพท์
“นึกว่าจะมีปัญหา….หรือใครมี” นี่มันไม่ใช่ประโยคคำถามแล้วนี่มันประโยคข่มขู่ชัดๆ!!
“…………..” ความาคุเข้าปกคลุมอย่างฉับพลัน แต่ทันใดนั้นซีกเกอร์ก็ยกมือขึ้นหรือว่าคนๆนี้!!!
“เจ้ประกวดไปก็ไม่ชนะหรอกครับ…..” โอ้…พูดไปแล้ว(ไอความกลัวเข้าปกคลุมจนลูกเรือคนอื่นจนแข็งกลายเป็นหิน)
“ว่า…ไง….นะ…” อาเจ้ซิลฟี่เหมือนกำลังจะระเบิดได้เลยทีเดียว
“ผมว่ามันไม่เหมาะกับอาเจ้หรอก” แนะ!! ยังอีกยังไปเติมไฟอีก งานนี้ระเบิดลงแน่ๆ!!
ในขณะจิตนั้นทุกคนสงบนิ่งเตรียมอาลัยให้ซีกเกอร์อย่างพร้อมเพรียง ‘เราจะลำรึกถึงนายเสมอเพื่อนรัก’….
“…………………”
“…………………”
“อย่างนี้เองสินะ….ถ้ามีแต่ผู้ชายตามจีบคงเป็นโจรสลัดได้ลำบากขึ้นนี่เอง ขอบใจที่ช่วยเตือนนะซีกเกอร์” อ้าวเฮ้ย!! ไหงงั้นO[]o!! ลูกเรือต่างพากันช็อคกับหักมุมครั้งนี้
“ไม่เป็นไรครับกัปตัน” เอ็งก็เนียนเชียว!!!! เป็นการประสานเสียงในใจอย่างพร้อมเพรียงกัน
“แต่รางวัลมันก็มากโขอยู่นา งั้นส่งมิบุไปคนเดียวแล้วกัน กะว่าจะกวาดทั้งรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศมาให้หมดเลยนะเนี่ย” เจ้ซิลฟี่บ่นพึมพำเสียดาย
“นี่ถ้าลงประกวดทั้งคู่ ใครจะได้ที่หนึ่งใครจะได้ที่สองหรือครับ?” แอลถามขึ้นมา(เพื่ออะไร?(ความในใจลูกเรือคนอื่น))
“แน่นอนที่หนึ่งก็ต้องเป็นชั้นแล้วที่สองก็คือมิบุไง ถึงมิบุจะน่ารักแต่ก็ยังขาดเสน่ห์ของผู้ใหญ่นะจ๊ะ (หัวใจ)” อาเจ้พูดพร้อมขยิบตาให้
“หึ..” เสียงหัวเราะสั้นๆที่เล็ดลอดมาของแอลนั้น เป็นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมอย่างใหญ่หลวงในภายหลัง….
บ่ายวันนั้น
ผมเนลครับ เป็นสมาชิกกลุ่มโจรสลัดเดอะคิลเลอร์ เรากำลังเตรียมความพร้อมเข้าสู่การล่ารางวัลในงานเทศกาล หลังจากที่ต้องหนีตายในเกมเซอไวเวิลของอาเจ้ซอลฟาเรียกัปตันของเรือนี้มาร่วมชั่วโมงเศษ หลังจากทำแผลพร้อมพักร่างกายแล้วดูเหมือนตอนนี้เราพร้อมที่จะกลับเข้าไปในงานแล้วครับ ….
“กำลังเขียนอะไรน่ะ” จู่ๆแอลก็โผล่พรวดเข้ามาข้างหลังผมโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ซึ่งนั่นทำให้ผมสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว
“ดะ ไดอารี่ครับ” ผมตอบกลับไป
“หรอ น่าสนใจแฮะอ่านได้มั๊ย?” แอลทำท่าทางสนใจใหญ่
“มันเสียมารยาทไม่ใช่หรอครับอ่านไดอารี่ของคนอื่นเนี่ย” ผมตอบกลับไปพร้อมพับปิดสมุด
“ก็ถึงได้ขอยู่นี่ไง” แอลกล่าวกับผม
“งั้นก็ขอตอบว่าไม่ได้ครับ” ผมพูดพร้อมเก็บสมุดลงกระเป๋าเป้ของผม ซึ่งแอลนั้นก็ทำหน้าเสียดายอยู่เล็กๆ
“งั้นก็ช่างเถอะไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น ว่าแต่วันนี้นายยังจะให้ชั้นพาไปงานมั๊ย เริ่มรู้เส้นทางแล้วนี่” แอลถามผมซึ่งผมอาจจะรู้สึกไปเองว่านั่นคือความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรแล้วครับ ผมจำเส้นทางได้เกือบหมดแล้ว เพราะเมื่อก่อนต้องคอยเป็นขโมยวิ่งราวเลยต้องจำเส้นทางดีๆ มันก็เลยติดเป็นนิสัยเสียแล้วล่ะครับ” ผมพูดตอบกลับไปอย่างอายๆเล็กน้อย
“แต่ยังไงก็พกเจ้านี่ติดตัวไว้” แอลพูดพร้อมยื่นแท่งพลุกับไฟแช็กให้ผม
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นจุดนี่ขึ้นฟ้า ใครก็ตามที่ไหนจะรีบวิ่งไปช่วยนายทันที หวังว่านายจะไม่ได้ใช้” แอลพูดต่อมาอีกพร้อมตบไหล่และเดินจากไปในที่สุด
และแล้วเวลาก็ล่วงเลยมาถึงตอนเย็นอันเป็นเวลาเริ่มงานเทศกาล วันนี้ผมคิดว่าต้องหารางวัลอะไรซักอย่างมาคุ้มกะลาหัวให้ปลอดภัยจากกัปตันจอมวีนเสียให้ได้ และรางวัลการแข่งขันที่ผมเล็งไว้ก็คือรายการกินจุ!! และเพื่อการนี้ผมก็ได้อดอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว…ว่าแล้วก็หิวชะมัดเลย
ผมเดินโซเซด้วยความหมดแรงจนถึงลานแข่งขันจนได้ และที่นั่นเอง……
“อ้าว!! นายก็จะลงแข่งด้วยเหรอ” เสียงใสๆของกัปตันเอ่ยทักขึ้นจากคิวข้างหน้าในแถวที่กำลังรอส่งใบสมัครลงแข่งขัน
“= = เอ่อ เจ้ก็ลงแข่งด้วยเหรอครับ” ถอดใจกลับไปเลยดีไหมเนี้ย…
“ใช่แล้ว แล้วชั้นก็มั่นใจมากด้วย แล้วนายล่ะจะมาลงแข่งขันประเภทอะไร”
“ประเภทอะไร?” ผมเลิกคิ้วทวนคำด้วยความสงสัย
“ก็ในใบสมัครก็มีให้เลือกนี่ว่าจะลงแข่งประเภทอะไร รู้สึกจะมีกินอาหารจุ กับกินของหวานจุน่ะนะ”
“แล้วเจ้ลงอะไรอ่ะครับ?”
“ลงกินอาหารจุ!! เพราะเจ้ชอบกินข้าว!! O[]o!!” ก็ดูเหมือนเป็นเหตุเป็นผลกัน…..ล่ะมั้ง
“งั้นผมก็ขอลงกินของหวะ….”
“อ้าว!!ทั้งสองคนก็ลงแข่งด้วยเหรอ” OAo!! เสียงนี่มัน!! แอลนี่นา!! หรือว่า…
“ปีนี้ก็ลงแข่งอีกแล้วสินะ หรือต้องเรียกว่าป้องกันแชมป์สินะ ^^” เจ้ซิลฟี่เอ่ยทักกลับไป แต่เดี๋ยวนะ…ป้องกันแชมป์ แสดงว่าหมอนี่ปีที่แล้วได้รางวัลชนะเลิศเหรอเนี่ย แล้วปีนี้ก็ลงอีก
“แอลนี่ลงประเภทไหนเหรอครับ” ก็พอจะเดาได้นะครับ แต่เพื่อความสบายใจผมขอถามให้เคลียร์ดีกว่า
“ประเภทของหวานน่ะ ^^” จบสิ้น!! ประเภทของหวานไม่ไหวแน่ชนะแอลไม่ได้แน่ งั้นทางรอดทางเดียวของเราคือ…ประเภทอาหารสินะ!!
“ว่าแต่ผมเถอะ เจ้เองปีนี้ก็มาในฐานะแชมป์เก่าเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ ^^” แผนการพินาศโดยสมบูรณ์!! ทั้งคู่…เป็นแชมป์เมื่อปีที่แล้วทั้งคู่อีกต่างหาก แต่ไหนๆก็มาแล้วคงต้องสู้ล่ะนะ ว่าแต่จะสู้กับใครดี ใครดี ใครดี…..
“ขอต้อนรับเข้าสู่การแข่งขันกินจุประเภทอาหารคร๊าบบบ” คงจะเผลอคิดนานไปหน่อยรู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเวทีเสียแล้ว มิหนำซ้ำเหมือนโฆษกงานจะเริ่มการแข่งแล้วด้วย คู่แข่งแต่ละคนก็ดูเหมือนจะกินเก่งกันทั้งนั้นเลยด้วย
“เริ่มได้!!” อ่าวเฮ้ย!! กว่าจะตั้งหลักได้ก็เริ่มเสียแล้ว มาถึงตรงนี้แล้วก็คงต้องตั้งหน้าตั้งตากินแล้วล่ะครับ แต่ดูเหมือนผมจะทำได้อย่างที่หวังไว้ได้ดีทีเดียวภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีผมก็กินข้าวราดแกงหมดไปสองจานอย่างรวดเร็ว คงเพราะความหิวที่ไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็อย่างว่าแหละครับขึ้นชื่อว่าการแข่งกินจะเขาคงไม่ได้วัดกันที่ความเร็วหรอกพอเริ่มจานที่สิ่งผมก็ยัดอะไรไม่ลงเสียแล้ว การแข่งขันนี้มีเวลาให้ 45 นาที ผมแค่ 15 นาทีก็อิ่มเสียแล้วตอนนี้ความผะอืดผะอมก็เริ่มครอบงำผม ในขณะที่กำลังเป็นทุกข์กับการกินนั้นผมก็เริ่มว่างพอที่จะหันไปมองคนข้างๆ
10 จาน !! กินเข้าไปได้ยังไงเนี่ย!! ผมตะลึงกับกองจานเปล่าที่เรียงซ้อนของคนข้างๆ เมื่อมาเทียบดูจานของตัวเองแล้ว 6 จานเองบวกด้วยความอิ่มแล้วชัยชนะที่จริงแล้วอยู่ห่างไกลผมมากเหลือเกิน แต่ยังไงก็ดีขอแอบดูเจ้ฟี่หน่อยเถอะว่าแชมป์เก่าจะได้ซักเท่าไหร่ แล้วภาพที่ปรากฏเข้าในสายตาผมแทบทำให้ผมช็อค กองจานที่ใช้แล้วเรียงกันจนมองไม่เห็นคนกินเสียแล้ว ไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไรอ่ะครับ ประมาณอารมณ์ว่า ‘นี่ไปตายอดตายอยากที่ไหนมา’ อะไรแบบนั้นอ่ะครับ นับๆดูประมาณ40กว่าใบ นี่ไม่ใช่กระเพาะคนแล้ว หลุมดำชัดๆ!!
และแล้วการแข่งขันก็จบครับตามคาด กัปตันได้แชมป์ไปด้วยคะแนนที่ขาดลอย ผมก็ได้แค่รางวัลปลอบใจ ในอีกฝั่งหนึ่งการแข่งขันกินของหวานจุจบไปแล้ว แต่แอลยังคงนั่งกินต่างหน้าตาเฉย ใครแชมป์คงไม่ต้องบอก
“ฮ่าๆ เครียดไปทำไมของอย่างนี้ฝึกบ่อยๆก็เก่ง” เจ้ซิลฟี่เดินมาตบไหล่ปลอบใจผม ซึ่งในใจเถียงกลับไปว่า ‘ของแบบนี้มันฝึกกันได้ด้วยเหรอฮะ = A= ’
ผมจากมาพร้อมความผิดหวัง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ ผมเข้าแข่งขันรายการอื่นๆอีกสามสี่รายการ แต่ทุกรายการก็ไม่สามารถคว้ารางวัลมาได้เลย เฮ้อ..เหนื่อยจริง ผมเดินเตร็ดเตร่อยู่ในงานอย่างหมดไฟเสียแล้ว เวลาที่เหลือคงจะใช้ไปกับการเที่ยวงานเทศกาลให้สนุกล่ะนะ
ราวๆเกือบสี่ทุ่ม เหมือนว่าจะใกล้เวลาชมดอกไม้ไฟอันเป็นไฮไลท์ของวันนี้แล้ว ผมตั้งใจว่าถ้าหากดูดอกไม้ไฟเสร็จจะกลับเรือเสียเลย และทันใดนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่าหากมีขนมกินไปด้วยขณะนั่งดูพลุก็คงเพลินดี เลยเดินไปแผงขายที่กำลังขายข้าวโพดคั่วอยู่
“ผมขอข้าวโพดคั่วรสหวานถุงหนึ่งครับ” ผมเอ่ยกับแม่ค้า
“ได้จ้าๆ นี่ ร้อนๆเลยราคา 10โกลจ้า” แม่ค้าเอ่ยตอบพร้อมยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“นี่ครับ งะ..” ผมกำลังยื่นเงินให้แม่ค้าไปแต่เหรียญดันตกไปที่ปลายนิ้วของแม่ค้ากลิ้งไหลไปตามพื้น
“ขอโทษทีจ้า เดี๋ยวป้าเก็บเอง”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมเก็บให้ ^^” ผมยิ้มให้พร้อมวางฝากถุงข้าวโพดคั่วไว้กับแม่ค้า หลังจากนั้นก็ก้มหาเหรียญโกลที่ทำหล่นไปเมื่อครู่ และแล้วผมก็เจอมันตกอยู่ไม่ไกลแต่ตอนนั้นเอง
“นั่นนายจะทำอะไรนะ” ผมเอ่ยทักเด็กอีกคนหนึ่งที่รุ่นราวคราวเดียวกับผม ที่กำลังหยิบเหรียญของผมไป และเด็กคนนั้นก็ไม่พูดตอบเราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ถึงไม่กี่วินาทีมันก็นานพอที่ทำให้ผมเห็นว่าเด็กคนนี้คิดจะทำอะไร ทันใดนั้นเด็กคนนั้นก็ออกวิ่ง!!
ผมวิ่งไล่ตามไปในซอกตรอกซอยในหมู่บ้านที่อยู่นอกตัวงาน เลี้ยวซ้ายทีขวาทีอย่างรวดเร็ว ไม่บอกก็รู้ว่าเด็กคนนั้นชำนาญเส้นทางขนาดไหน ผมกวดไล่แทบไม่ใกล้ขึ้นเลยทั้งๆที่ผมก็เร่งเต็มฝีเท้าแล้ว ผมไม่ได้ต้องการเงินคืนขนาดนั้นไม่ได้เป็นคนใจแคบเลย ผมรู้ดีทำไมเด็กคนนั้นถึงต้องทำอย่างนั้น แต่อย่างน้อยอยากให้เด็กคนนั้นได้เงินไปโดยไม่ใช่วิธีแบบนี้
เกือบห้านาทีที่วิ่งวนอยู่ในตรอกซอกซอยจนสุดท้ายผมก็ยอมแพ้ไปในที่สุด
“โชคดีนะ แล้วอย่างทำอย่างนี้อีกล่ะ” ผมตะโกนไล่หลังเขาไปก่อนที่ผมจะหยุดวิ่งด้วยความอ่อนล้า ตอนนี้ผมได้แต่นั่งหอบอยู่อย่างอดสมเพสตัวเองเสียมิได้ ทั้งๆที่เป็นเด็กวัยเดียวกันแท้ๆยังแพ้อีก ผมชักจะสงสัยขึ้นมาจริงๆแล้วว่า คนอย่างผมจะมีประโยชน์กับเดอะคิลเลอร์จริงรึเปล่า แต่ตอนนี้ผมคงต้องหยุดห้วงความคิดนั้นไว้ก่อนแม่สำนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองได้มาอยู่ในสถานที่ๆไม่คุ้นเคยเสียแล้ว
“นั่นไง เหมือนจะหลงทางแฮะ รีบหาทางกลับเข้าไปในงานดีกว่า” ผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะเริ่มหาหนทางกลับตัวงาน
ผมเดินลัดเลาะซอยไปมาตามทางที่คิดว่าน่าจะพาออกไปหาตัวงานได้ ก็สังเกตจากแสงไฟในงานกับเสียงของงานนำทางมา จนในที่สุดผมก็ค่อยๆเริ่มเจอเส้นทางที่คุ้นตาบ้าง ถ้าจำไม่ผิดทางนี้เป็นทางที่เราใช้กลับมาจากบ้านคุณลุงจาคินนี่นา…
ก่อนที่ผมจะย่างเท้าก้าวต่อไปนั้นก็มีสำเนียงเสียงบางอย่างลอยเข้าหูผมมาให้ต้องเอ๊ะใจ เป็นเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน เหมือนลอยมาจากที่ไกลๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรดลใจให้ผมอยากรู้ขึ้นมา ผมค่อยๆเดินตามเสียงนั่นไปในซอยที่ลึกขึ้น ลึกขึ้น แต่ยิ่งคุ้นเคย บางอย่างทำให้ผมเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้ว…คุณลุงจาคิน!!
ผมรีบสาวเท้าอย่างรวดเร็วแต่เงียบที่สุดไปยังบ้านคุณลุง และที่นั่นเองผมก็ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดฝัน!!......คุณลุงจาคินกำลังถูกลักพาตัว!!
กลุ่มโจรชายร่างสูงกำยำราวๆเจ็ดรึแปดคนกำลังเดินออกมาจากบ้านของคุณลุงจาคินที่ตอนนี้กำลังถูกพันธนาการด้วยเชือกอย่างแน่นหนาไม่ได้สติ โดยมีโจรคนหนึ่งแบกเอาไว้ ในบ้านเองก็ดูเละเทะมีร่องรอยทั้งการต่อสู้ขัดขืนและการรื้อค้นอย่างชัดเจน อาจเพราะตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านเตรียมออกไปดูดอกไม้ไฟกันหมดจึงไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์เลยนอกจากผม ผมควรทำไงดี….
หลังจากที่ลังเลตัดสินใจอยู่พักนึงผมก็คิดว่าผมควรที่จะแอบสะกดรอยตามมันไป เพื่อที่จะได้รู้ว่ารังพวกมันอยู่ไหนแล้วจะได้กลับไปบอกคนในเรือให้กลับเข้าไปช่วย ดีล่ะถึงเวลาที่ผมจะแสดงผลงานและทำประโยชน์ให้เรือแล้ว!!........ครับอันที่จริง มันควรจะเป็นอย่างนั้น ถ้าผมไม่ไปเหยียบท่อเหล็กล้มเสียงดังโครมเสียก่อน…
“เฮ้ย!! นั่นใคร แกสองคนไปจดการปิดปากมันซิ” หนึ่งในโจรพวกนั้นสั่งออกมาอย่างฉับพลัน ซึ่งก็มรโจรสองคนไล่กวดผมตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมต้องรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้!!
จากซอยหนึ่งสู่ซอยหนึ่ง ผมอาศัยความได้เปรียบทางด้านรูปร่างที่บางเล็กลัดเลาะไปตามทางแคบๆเพื่อหลบเลี่ยง แต่ดูเหมือนจะใช่ได้ผมได้ไม่นานผมเองก็เริ่มเหนื่อยอีกแล้ว เจ้าโจรสองคนนั้นก็ไล่กวดอย่างบ้าคลั่งและน่ากลัวอย่างที่สุด และในขณะที่หัวใจทำงานอย่างหนักบีบรัดเสียจนแน่นหน้าอีก กล้ามเนื้อที่เริ่มขาดอ็อกซิเจนเริ่มสำแดงอาการด้วยความรู้สึกราวกับมีเข็มนับพันเล่มแทงผิวอยู่ก็ไม่ปาน แต่ในนาทีวิกฤตินั้นผมก็พึ่งนึกขึ้นได้ “พลุ!!” ผมรีบหยิบพลุในกระเป๋าออกมาจัดพร้อมชูขึ้นเหนือศีรษะ เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ
พลุของผมวิ่งตรงดิ่งขึ้นเป็นเส้นไปยังท้องฟ้า และทันใดนั้น
“บรึ้มๆๆ ตูมๆ ปังๆ” เสียงพลุของงานเทศกาลเริ่มขึ้นในเวลาเดียวกันกลับพลุของผมเสียพอดิบพอดี แล้วแบบนี้จะมีใครเห็นพลุขอความช่วยเหลือไหมเนี่ย!
ผมวิ่งต่อไปอย่างสิ้นหวัง ในใจคิดโทษโชคชะตาที่เล่นตลกกับผมถึงเพียงนี้ ไม่รู้จะหัวเราะดีรึเปล่าแต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมล้าเกินกว่าจะหัวเราะลงแล้ว ผมถูกไล่ต้อนอ้อมไม่ให้กลับเข้าไปในงานได้ ไม่นานผมคงต้องถูกจับได้เป็นแน่ นาทีนี้คงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์เท่านั้นแล้วสินะ….
“แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ แกไม่รอดหรอก!!” พวกมันขู่คำรามผมอย่างนี้ตลอดทางแล้วล่ะ แต่มันทำให้ผมเชื่อขึ้นมาหน่อยๆแล้วว่าผมคงไม่รอดแน่ และในที่สุดผมก็หมดแรงลงแต่ไม่ใช่เพราะถอดใจหรอกนะ เพราะผมโดนต้อนมาจนถึงทางตันแล้วต่างหาก ในซอยนั้นพวกมันยิ้มร่าด้วยความรู้สึกมีชัย ค่อยๆก้าวเข้ามา ทีละก้าว ทีละก้าว สะกดให้ผมแทบต้องหยุดหายใจ…
“คะ ใครก็ได้ ใครก็ได้ช่วยผมที!!!!!” ผมตะโกนสุดเสียง
“แหกปากไปเถอะ ถือซะว่าเป็นคำสั่งเสียแล้วกัน เพราะไม่มีใครมาช่วยแกได้หรอก” หนึ่งในเจ้าโจรนั่นหัวเราะเย้ยหยันผม
“แต่ชั้นว่ามีอยู่นะ…” เสียงใครบางคนดังมาจากด้านหลังของเจ้าโจรทั้งสองคนนั้น เจ้าโจรตกใจรีบหันกลับไปยังต้นเสียงปริศนาและทันทีนั้น หมัดขวาตรงก็ซัดอัดปลายคางเจ้าโจรคนซ้ายมือของเขาอย่างรวดเร็วและในวินาทีเดียวกันนั้นเจ้าโจรอีกคนกุมดาบเพื่อจะชักดาบออกมา แต่ก็ไม่ได้เร็วไปกว่าอีกฝ่ายที่ตอนนี้เอามือขวากดปลายด้ามดาบไว้ไม่ให้ดึงออกมาจากฝักได้ก่อนที่จะใช้ศอกซ้ายซัดเต็มใบหน้าอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างจบลงภายในเวลาแค่วินาทีเดียวเท่านั้น
“อย่ามารังแกลูกเรือของเดอะคิลเลอร์นะ…” เงาปริศนาเอ่ยขึ้นพร้อมเดินเข้ามาใกล้พอที่จะมองเห็นว่าเป็นใคร
“ซีกเกอร์!!”
“เกิดอะไรขึ้น พวกนี้ไล่ตามนายมาทำไม..” ซีกเกอร์เอ่ยถามผม นั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้อย่างตกใจ
“ลุงจาคิน!! คนพวกนี้ลักพาตัวคุณลุงจาคินไป!!” ผมรีบพูดจนแทบไม่เป็นศัพท์ และซีกเกอร์เองก็ดูเหมือนจะตกใจมากด้วยเช่นกัน
“จริงหรือ!! ถ้างั้นเนล! เธอรีบไปตามคนอื่นๆมาให้เร็วที่สุด ใครก็ได้ เดี๋ยวชั้นจะเค้นถามเจ้าพวกนี้เองว่ามันพาตัวลุงจาคินไปไว้ไหน ” ซีกเกอร์รีบสั่งผมซึ่งผมก็รีบทำตามอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องหรอก!!” เสียงใครบางคนดังขึ้นมาจากซอยด้านหลัง แอลนั่นเอง!!
“แอลคือ…”
“ชั้นได้ยินแล้ว ก็คิดไว้แล้วว่าอาจเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ตอนแรกที่เห็นพลุสัญญาณของนายก็ยังไม่แน่ใจเพราะดันมาตอนงานเขาจุดพลุกันแต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้ชั้นได้บอกกับสมาชิกเรือคนอื่นๆให้เตรียมพร้อมแล้วตอนนี้เรามุ่งประเด็นไปที่การสอบสวนเจ้าพวกนี้เถอะ ถ้ารู้รังของมันเมื่อไปถึงเราค่อยให้สัญญาณพลุเรียกพวกเรามาในทีเดียวเลย” แอลเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างดีก่อนที่ผมจะได้อธิบายอะไรเสียอีก
“ซีกเกอร์เรามาเริ่มการสอบสวนกันเถอะ….” แอลเอ่ยขึ้นพร้อมส่งสัญญาณให้ซีกเกอร์
และแล้วการสอบสวนเพื่อการบุกชิงตัวประกันก็เริ่มขึ้น ภารกิจเร่งด่วนกับเวลาที่ไม่รู้ว่ามีเท่าไหร่ กำลัง…ดำเนินต่อไป
ความคิดเห็น