ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Killer สุดป่วนก๊วนโจรสลัด

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9 คนอับโชค และ ภารกิจเร่งด่วน

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 55


    Chapter 9 คนอับโชค และ ภารกิจเร่งด่วน

                    เช้าในวันที่สองของงานเทศกาลช็อคโกแลต  

    “เอาล่ะ  ลูกเรือทั้งหลาย  ได้อะไรกันมาบ้าง”  เสียงกัปตันสาวเรียกรวมพลตรวจความคืบหน้าแต่เช้า  และพอสืบสาวราวเรื่องเสร็จเท่านั้นแหละ

    “อะไรนะ!!  ได้มาแค่นี้เองเร๊อะ!!   เจ้าหนูเนลยังไม่เท่าไหร่  แต่ทั้งแอลและซีกเกอร์ก็ยังพลอยกลับมามือเปล่าอีก   แล้วนี่อะไรพัตเตอร์นอกจากรางวัลยังไม่ได้แล้วบิลค่าเสียหายนี่มันอะไร!!  เจ้ซิลฟี่ใส่เป็นชุด

    “เอ่อ  คือผมไปร่วมประกวดดอกไม้ไฟ  แล้วพอดีมันมันมือไปหน่อยเลยเผลอเผางานเค้าซะได้ แหะๆ”  พัตเตอร์ยิ้มแห้งๆแก้เขิลซึ่งสวนทางกับหน้าทะมึนทึ่งของเจ้ซิลฟี่เอามากๆ

    “แกนะแก!!....เจ้าตัวแสบบบบบ”  ตู้ม!!  เสียงหมัดเสยของอาเจ้ซิลฟี่ซัดเต็มคางพัตเตอร์ลอยหายไปไกล 

    “ที่พอรับได้ก็คงเป็นเจ้ามาเมะอะนะ  บอกให้เอามาซักอย่างก็เอามาอย่างเดียวจริงๆ  แต่ก็ยังดี   พวกแกทำไมไม่เอาอย่างเจ้าไนท์มันดีสิ  รางวัลเกือบร้อยเปอร์เซ็นที่ได้มาเป็นของเจ้านั่นนะ”  ว่าแล้วอาเจ้ก็ผายมือไปยังกองของรางวัลด้านหลัง

    “ฮ้าว….แต่เจ้เองก็ยังไม่ได้รางวัลเลยไม่ใช่หรอ  ยังไม่มีสิทธิ์มาว่าพวกผมหรอกนะ”  แอลหาวก่อนย้อนถามกัปตัน  ซึ่งแน่นอนโดนใจลูกเรือคนอื่นๆอย่างยิ่ง

    “จุ๊ๆ  เด็กน้อยไม่รู้อะไรเสียแล้ว  วันนี้ต่างหากที่จะเป็นวันของชั้น  ชั้นจะกวาดรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของงานมาเอง  นั่นก็คือการลงเข้าประกวด  มิสช็อคโกแลต!!!!

    “หา~” เป็นการประสานเสียงอันพร้อมเพรียงของเหล่าลูกเรือโดยไม่ได้นัดหมาย  

    “หา?”  กัปตันทวนคำพร้อมรอยยิ้มมรณะที่พร้อมจะปลิดทุกชีวิตที่เคลือบแคลงใจ 

    “เอ้อ  เปล่าๆครับ  ไม่มีอะไรๆ”  ทุกรีบบอกปัดอย่างรวดเร็วจนแทบฟังไม่เป็นศัพท์

    “นึกว่าจะมีปัญหา….หรือใครมี”  นี่มันไม่ใช่ประโยคคำถามแล้วนี่มันประโยคข่มขู่ชัดๆ!!

    …………..”  ความาคุเข้าปกคลุมอย่างฉับพลัน  แต่ทันใดนั้นซีกเกอร์ก็ยกมือขึ้นหรือว่าคนๆนี้!!!

    “เจ้ประกวดไปก็ไม่ชนะหรอกครับ…..”  โอ้พูดไปแล้ว(ไอความกลัวเข้าปกคลุมจนลูกเรือคนอื่นจนแข็งกลายเป็นหิน)

    “ว่าไง….นะ”  อาเจ้ซิลฟี่เหมือนกำลังจะระเบิดได้เลยทีเดียว

    “ผมว่ามันไม่เหมาะกับอาเจ้หรอก”  แนะ!!  ยังอีกยังไปเติมไฟอีก  งานนี้ระเบิดลงแน่ๆ!!

                    ในขณะจิตนั้นทุกคนสงบนิ่งเตรียมอาลัยให้ซีกเกอร์อย่างพร้อมเพรียง   เราจะลำรึกถึงนายเสมอเพื่อนรัก’….

    …………………

    …………………

    “อย่างนี้เองสินะ….ถ้ามีแต่ผู้ชายตามจีบคงเป็นโจรสลัดได้ลำบากขึ้นนี่เอง  ขอบใจที่ช่วยเตือนนะซีกเกอร์”  อ้าวเฮ้ย!!  ไหงงั้นO[]o!!  ลูกเรือต่างพากันช็อคกับหักมุมครั้งนี้

    “ไม่เป็นไรครับกัปตัน”  เอ็งก็เนียนเชียว!!!!  เป็นการประสานเสียงในใจอย่างพร้อมเพรียงกัน

    “แต่รางวัลมันก็มากโขอยู่นา   งั้นส่งมิบุไปคนเดียวแล้วกัน  กะว่าจะกวาดทั้งรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศมาให้หมดเลยนะเนี่ย”  เจ้ซิลฟี่บ่นพึมพำเสียดาย 

    “นี่ถ้าลงประกวดทั้งคู่  ใครจะได้ที่หนึ่งใครจะได้ที่สองหรือครับ?”  แอลถามขึ้นมา(เพื่ออะไร?(ความในใจลูกเรือคนอื่น))

    “แน่นอนที่หนึ่งก็ต้องเป็นชั้นแล้วที่สองก็คือมิบุไง  ถึงมิบุจะน่ารักแต่ก็ยังขาดเสน่ห์ของผู้ใหญ่นะจ๊ะ (หัวใจ)”  อาเจ้พูดพร้อมขยิบตาให้

    “หึ..”  เสียงหัวเราะสั้นๆที่เล็ดลอดมาของแอลนั้น เป็นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมอย่างใหญ่หลวงในภายหลัง…. 

                                    บ่ายวันนั้น

                    ผมเนลครับ   เป็นสมาชิกกลุ่มโจรสลัดเดอะคิลเลอร์  เรากำลังเตรียมความพร้อมเข้าสู่การล่ารางวัลในงานเทศกาล   หลังจากที่ต้องหนีตายในเกมเซอไวเวิลของอาเจ้ซอลฟาเรียกัปตันของเรือนี้มาร่วมชั่วโมงเศษ   หลังจากทำแผลพร้อมพักร่างกายแล้วดูเหมือนตอนนี้เราพร้อมที่จะกลับเข้าไปในงานแล้วครับ   ….

    “กำลังเขียนอะไรน่ะ”  จู่ๆแอลก็โผล่พรวดเข้ามาข้างหลังผมโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง  ซึ่งนั่นทำให้ผมสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว 

    “ดะ ไดอารี่ครับ”  ผมตอบกลับไป

    “หรอ  น่าสนใจแฮะอ่านได้มั๊ย?”  แอลทำท่าทางสนใจใหญ่

    “มันเสียมารยาทไม่ใช่หรอครับอ่านไดอารี่ของคนอื่นเนี่ย”  ผมตอบกลับไปพร้อมพับปิดสมุด

    “ก็ถึงได้ขอยู่นี่ไง”  แอลกล่าวกับผม

    “งั้นก็ขอตอบว่าไม่ได้ครับ” ผมพูดพร้อมเก็บสมุดลงกระเป๋าเป้ของผม  ซึ่งแอลนั้นก็ทำหน้าเสียดายอยู่เล็กๆ

    “งั้นก็ช่างเถอะไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น  ว่าแต่วันนี้นายยังจะให้ชั้นพาไปงานมั๊ย  เริ่มรู้เส้นทางแล้วนี่”  แอลถามผมซึ่งผมอาจจะรู้สึกไปเองว่านั่นคือความเป็นห่วง

    “ไม่เป็นไรแล้วครับ  ผมจำเส้นทางได้เกือบหมดแล้ว  เพราะเมื่อก่อนต้องคอยเป็นขโมยวิ่งราวเลยต้องจำเส้นทางดีๆ  มันก็เลยติดเป็นนิสัยเสียแล้วล่ะครับ”  ผมพูดตอบกลับไปอย่างอายๆเล็กน้อย

    “แต่ยังไงก็พกเจ้านี่ติดตัวไว้”  แอลพูดพร้อมยื่นแท่งพลุกับไฟแช็กให้ผม

    “ถ้าเกิดอะไรขึ้นจุดนี่ขึ้นฟ้า  ใครก็ตามที่ไหนจะรีบวิ่งไปช่วยนายทันที   หวังว่านายจะไม่ได้ใช้”  แอลพูดต่อมาอีกพร้อมตบไหล่และเดินจากไปในที่สุด

                    และแล้วเวลาก็ล่วงเลยมาถึงตอนเย็นอันเป็นเวลาเริ่มงานเทศกาล   วันนี้ผมคิดว่าต้องหารางวัลอะไรซักอย่างมาคุ้มกะลาหัวให้ปลอดภัยจากกัปตันจอมวีนเสียให้ได้  และรางวัลการแข่งขันที่ผมเล็งไว้ก็คือรายการกินจุ!!   และเพื่อการนี้ผมก็ได้อดอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าแล้วก็หิวชะมัดเลย  

                    ผมเดินโซเซด้วยความหมดแรงจนถึงลานแข่งขันจนได้   และที่นั่นเอง……

    “อ้าว!!   นายก็จะลงแข่งด้วยเหรอ”  เสียงใสๆของกัปตันเอ่ยทักขึ้นจากคิวข้างหน้าในแถวที่กำลังรอส่งใบสมัครลงแข่งขัน

    = =  เอ่อ  เจ้ก็ลงแข่งด้วยเหรอครับ”  ถอดใจกลับไปเลยดีไหมเนี้ย

    “ใช่แล้ว  แล้วชั้นก็มั่นใจมากด้วย   แล้วนายล่ะจะมาลงแข่งขันประเภทอะไร”

    “ประเภทอะไร?”  ผมเลิกคิ้วทวนคำด้วยความสงสัย

    “ก็ในใบสมัครก็มีให้เลือกนี่ว่าจะลงแข่งประเภทอะไร  รู้สึกจะมีกินอาหารจุ  กับกินของหวานจุน่ะนะ” 

    “แล้วเจ้ลงอะไรอ่ะครับ?”

    “ลงกินอาหารจุ!!   เพราะเจ้ชอบกินข้าว!! O[]o!!”  ก็ดูเหมือนเป็นเหตุเป็นผลกัน…..ล่ะมั้ง

    “งั้นผมก็ขอลงกินของหวะ….

    “อ้าว!!ทั้งสองคนก็ลงแข่งด้วยเหรอ”  OAo!! เสียงนี่มัน!!  แอลนี่นา!!  หรือว่า

    “ปีนี้ก็ลงแข่งอีกแล้วสินะ   หรือต้องเรียกว่าป้องกันแชมป์สินะ ^^” เจ้ซิลฟี่เอ่ยทักกลับไป   แต่เดี๋ยวนะป้องกันแชมป์  แสดงว่าหมอนี่ปีที่แล้วได้รางวัลชนะเลิศเหรอเนี่ย  แล้วปีนี้ก็ลงอีก

    “แอลนี่ลงประเภทไหนเหรอครับ”  ก็พอจะเดาได้นะครับ  แต่เพื่อความสบายใจผมขอถามให้เคลียร์ดีกว่า

    “ประเภทของหวานน่ะ ^^”  จบสิ้น!!  ประเภทของหวานไม่ไหวแน่ชนะแอลไม่ได้แน่  งั้นทางรอดทางเดียวของเราคือประเภทอาหารสินะ!!

    “ว่าแต่ผมเถอะ  เจ้เองปีนี้ก็มาในฐานะแชมป์เก่าเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ ^^”  แผนการพินาศโดยสมบูรณ์!!  ทั้งคู่เป็นแชมป์เมื่อปีที่แล้วทั้งคู่อีกต่างหาก   แต่ไหนๆก็มาแล้วคงต้องสู้ล่ะนะ  ว่าแต่จะสู้กับใครดี   ใครดี   ใครดี…..

                    “ขอต้อนรับเข้าสู่การแข่งขันกินจุประเภทอาหารคร๊าบบบ”  คงจะเผลอคิดนานไปหน่อยรู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเวทีเสียแล้ว  มิหนำซ้ำเหมือนโฆษกงานจะเริ่มการแข่งแล้วด้วย   คู่แข่งแต่ละคนก็ดูเหมือนจะกินเก่งกันทั้งนั้นเลยด้วย

                    “เริ่มได้!!”  อ่าวเฮ้ย!!  กว่าจะตั้งหลักได้ก็เริ่มเสียแล้ว   มาถึงตรงนี้แล้วก็คงต้องตั้งหน้าตั้งตากินแล้วล่ะครับ   แต่ดูเหมือนผมจะทำได้อย่างที่หวังไว้ได้ดีทีเดียวภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีผมก็กินข้าวราดแกงหมดไปสองจานอย่างรวดเร็ว   คงเพราะความหิวที่ไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน    แต่ก็อย่างว่าแหละครับขึ้นชื่อว่าการแข่งกินจะเขาคงไม่ได้วัดกันที่ความเร็วหรอกพอเริ่มจานที่สิ่งผมก็ยัดอะไรไม่ลงเสียแล้ว   การแข่งขันนี้มีเวลาให้ 45 นาที  ผมแค่ 15 นาทีก็อิ่มเสียแล้วตอนนี้ความผะอืดผะอมก็เริ่มครอบงำผม    ในขณะที่กำลังเป็นทุกข์กับการกินนั้นผมก็เริ่มว่างพอที่จะหันไปมองคนข้างๆ  

    10 จาน !!    กินเข้าไปได้ยังไงเนี่ย!!  ผมตะลึงกับกองจานเปล่าที่เรียงซ้อนของคนข้างๆ   เมื่อมาเทียบดูจานของตัวเองแล้ว 6 จานเองบวกด้วยความอิ่มแล้วชัยชนะที่จริงแล้วอยู่ห่างไกลผมมากเหลือเกิน   แต่ยังไงก็ดีขอแอบดูเจ้ฟี่หน่อยเถอะว่าแชมป์เก่าจะได้ซักเท่าไหร่    แล้วภาพที่ปรากฏเข้าในสายตาผมแทบทำให้ผมช็อค   กองจานที่ใช้แล้วเรียงกันจนมองไม่เห็นคนกินเสียแล้ว   ไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไรอ่ะครับ  ประมาณอารมณ์ว่า นี่ไปตายอดตายอยากที่ไหนมาอะไรแบบนั้นอ่ะครับ   นับๆดูประมาณ40กว่าใบ    นี่ไม่ใช่กระเพาะคนแล้ว หลุมดำชัดๆ!!

    และแล้วการแข่งขันก็จบครับตามคาด  กัปตันได้แชมป์ไปด้วยคะแนนที่ขาดลอย  ผมก็ได้แค่รางวัลปลอบใจ   ในอีกฝั่งหนึ่งการแข่งขันกินของหวานจุจบไปแล้ว  แต่แอลยังคงนั่งกินต่างหน้าตาเฉย  ใครแชมป์คงไม่ต้องบอก

    “ฮ่าๆ  เครียดไปทำไมของอย่างนี้ฝึกบ่อยๆก็เก่ง”  เจ้ซิลฟี่เดินมาตบไหล่ปลอบใจผม  ซึ่งในใจเถียงกลับไปว่า ของแบบนี้มันฝึกกันได้ด้วยเหรอฮะ = A= ’     

    ผมจากมาพร้อมความผิดหวัง  แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้  ผมเข้าแข่งขันรายการอื่นๆอีกสามสี่รายการ  แต่ทุกรายการก็ไม่สามารถคว้ารางวัลมาได้เลย  เฮ้อ..เหนื่อยจริง   ผมเดินเตร็ดเตร่อยู่ในงานอย่างหมดไฟเสียแล้ว   เวลาที่เหลือคงจะใช้ไปกับการเที่ยวงานเทศกาลให้สนุกล่ะนะ   

    ราวๆเกือบสี่ทุ่ม   เหมือนว่าจะใกล้เวลาชมดอกไม้ไฟอันเป็นไฮไลท์ของวันนี้แล้ว  ผมตั้งใจว่าถ้าหากดูดอกไม้ไฟเสร็จจะกลับเรือเสียเลย   และทันใดนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่าหากมีขนมกินไปด้วยขณะนั่งดูพลุก็คงเพลินดี  เลยเดินไปแผงขายที่กำลังขายข้าวโพดคั่วอยู่

    “ผมขอข้าวโพดคั่วรสหวานถุงหนึ่งครับ”  ผมเอ่ยกับแม่ค้า

    “ได้จ้าๆ  นี่  ร้อนๆเลยราคา 10โกลจ้า” แม่ค้าเอ่ยตอบพร้อมยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

    “นี่ครับ งะ..”  ผมกำลังยื่นเงินให้แม่ค้าไปแต่เหรียญดันตกไปที่ปลายนิ้วของแม่ค้ากลิ้งไหลไปตามพื้น

    “ขอโทษทีจ้า  เดี๋ยวป้าเก็บเอง”

    “ไม่เป็นไรครับ  ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมเก็บให้ ^^” ผมยิ้มให้พร้อมวางฝากถุงข้าวโพดคั่วไว้กับแม่ค้า   หลังจากนั้นก็ก้มหาเหรียญโกลที่ทำหล่นไปเมื่อครู่ และแล้วผมก็เจอมันตกอยู่ไม่ไกลแต่ตอนนั้นเอง

    “นั่นนายจะทำอะไรนะ”    ผมเอ่ยทักเด็กอีกคนหนึ่งที่รุ่นราวคราวเดียวกับผม  ที่กำลังหยิบเหรียญของผมไป   และเด็กคนนั้นก็ไม่พูดตอบเราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง   ถึงไม่กี่วินาทีมันก็นานพอที่ทำให้ผมเห็นว่าเด็กคนนี้คิดจะทำอะไร  ทันใดนั้นเด็กคนนั้นก็ออกวิ่ง!!

                    ผมวิ่งไล่ตามไปในซอกตรอกซอยในหมู่บ้านที่อยู่นอกตัวงาน   เลี้ยวซ้ายทีขวาทีอย่างรวดเร็ว  ไม่บอกก็รู้ว่าเด็กคนนั้นชำนาญเส้นทางขนาดไหน  ผมกวดไล่แทบไม่ใกล้ขึ้นเลยทั้งๆที่ผมก็เร่งเต็มฝีเท้าแล้ว    ผมไม่ได้ต้องการเงินคืนขนาดนั้นไม่ได้เป็นคนใจแคบเลย  ผมรู้ดีทำไมเด็กคนนั้นถึงต้องทำอย่างนั้น  แต่อย่างน้อยอยากให้เด็กคนนั้นได้เงินไปโดยไม่ใช่วิธีแบบนี้  

                    เกือบห้านาทีที่วิ่งวนอยู่ในตรอกซอกซอยจนสุดท้ายผมก็ยอมแพ้ไปในที่สุด 

    “โชคดีนะ  แล้วอย่างทำอย่างนี้อีกล่ะ”  ผมตะโกนไล่หลังเขาไปก่อนที่ผมจะหยุดวิ่งด้วยความอ่อนล้า   ตอนนี้ผมได้แต่นั่งหอบอยู่อย่างอดสมเพสตัวเองเสียมิได้  ทั้งๆที่เป็นเด็กวัยเดียวกันแท้ๆยังแพ้อีก  ผมชักจะสงสัยขึ้นมาจริงๆแล้วว่า  คนอย่างผมจะมีประโยชน์กับเดอะคิลเลอร์จริงรึเปล่า   แต่ตอนนี้ผมคงต้องหยุดห้วงความคิดนั้นไว้ก่อนแม่สำนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองได้มาอยู่ในสถานที่ๆไม่คุ้นเคยเสียแล้ว

    “นั่นไง  เหมือนจะหลงทางแฮะ  รีบหาทางกลับเข้าไปในงานดีกว่า”    ผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะเริ่มหาหนทางกลับตัวงาน

                    ผมเดินลัดเลาะซอยไปมาตามทางที่คิดว่าน่าจะพาออกไปหาตัวงานได้  ก็สังเกตจากแสงไฟในงานกับเสียงของงานนำทางมา  จนในที่สุดผมก็ค่อยๆเริ่มเจอเส้นทางที่คุ้นตาบ้าง   ถ้าจำไม่ผิดทางนี้เป็นทางที่เราใช้กลับมาจากบ้านคุณลุงจาคินนี่นา

                    ก่อนที่ผมจะย่างเท้าก้าวต่อไปนั้นก็มีสำเนียงเสียงบางอย่างลอยเข้าหูผมมาให้ต้องเอ๊ะใจ  เป็นเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน  เหมือนลอยมาจากที่ไกลๆ  ไม่รู้ว่าเพราะอะไรดลใจให้ผมอยากรู้ขึ้นมา   ผมค่อยๆเดินตามเสียงนั่นไปในซอยที่ลึกขึ้น  ลึกขึ้น   แต่ยิ่งคุ้นเคย   บางอย่างทำให้ผมเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้วคุณลุงจาคิน!!

                    ผมรีบสาวเท้าอย่างรวดเร็วแต่เงียบที่สุดไปยังบ้านคุณลุง   และที่นั่นเองผมก็ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดฝัน!!......คุณลุงจาคินกำลังถูกลักพาตัว!!

                    กลุ่มโจรชายร่างสูงกำยำราวๆเจ็ดรึแปดคนกำลังเดินออกมาจากบ้านของคุณลุงจาคินที่ตอนนี้กำลังถูกพันธนาการด้วยเชือกอย่างแน่นหนาไม่ได้สติ  โดยมีโจรคนหนึ่งแบกเอาไว้  ในบ้านเองก็ดูเละเทะมีร่องรอยทั้งการต่อสู้ขัดขืนและการรื้อค้นอย่างชัดเจน   อาจเพราะตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านเตรียมออกไปดูดอกไม้ไฟกันหมดจึงไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์เลยนอกจากผม   ผมควรทำไงดี….

                    หลังจากที่ลังเลตัดสินใจอยู่พักนึงผมก็คิดว่าผมควรที่จะแอบสะกดรอยตามมันไป  เพื่อที่จะได้รู้ว่ารังพวกมันอยู่ไหนแล้วจะได้กลับไปบอกคนในเรือให้กลับเข้าไปช่วย  ดีล่ะถึงเวลาที่ผมจะแสดงผลงานและทำประโยชน์ให้เรือแล้ว!!........ครับอันที่จริง   มันควรจะเป็นอย่างนั้น    ถ้าผมไม่ไปเหยียบท่อเหล็กล้มเสียงดังโครมเสียก่อน

    “เฮ้ย!!  นั่นใคร  แกสองคนไปจดการปิดปากมันซิ”  หนึ่งในโจรพวกนั้นสั่งออกมาอย่างฉับพลัน  ซึ่งก็มรโจรสองคนไล่กวดผมตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว    ตอนนี้ผมต้องรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้!!

                    จากซอยหนึ่งสู่ซอยหนึ่ง  ผมอาศัยความได้เปรียบทางด้านรูปร่างที่บางเล็กลัดเลาะไปตามทางแคบๆเพื่อหลบเลี่ยง  แต่ดูเหมือนจะใช่ได้ผมได้ไม่นานผมเองก็เริ่มเหนื่อยอีกแล้ว   เจ้าโจรสองคนนั้นก็ไล่กวดอย่างบ้าคลั่งและน่ากลัวอย่างที่สุด  และในขณะที่หัวใจทำงานอย่างหนักบีบรัดเสียจนแน่นหน้าอีก   กล้ามเนื้อที่เริ่มขาดอ็อกซิเจนเริ่มสำแดงอาการด้วยความรู้สึกราวกับมีเข็มนับพันเล่มแทงผิวอยู่ก็ไม่ปาน   แต่ในนาทีวิกฤตินั้นผมก็พึ่งนึกขึ้นได้   “พลุ!!”  ผมรีบหยิบพลุในกระเป๋าออกมาจัดพร้อมชูขึ้นเหนือศีรษะ  เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ

                    พลุของผมวิ่งตรงดิ่งขึ้นเป็นเส้นไปยังท้องฟ้า  และทันใดนั้น

    “บรึ้มๆๆ ตูมๆ ปังๆ”  เสียงพลุของงานเทศกาลเริ่มขึ้นในเวลาเดียวกันกลับพลุของผมเสียพอดิบพอดี   แล้วแบบนี้จะมีใครเห็นพลุขอความช่วยเหลือไหมเนี่ย!

                    ผมวิ่งต่อไปอย่างสิ้นหวัง  ในใจคิดโทษโชคชะตาที่เล่นตลกกับผมถึงเพียงนี้  ไม่รู้จะหัวเราะดีรึเปล่าแต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมล้าเกินกว่าจะหัวเราะลงแล้ว  ผมถูกไล่ต้อนอ้อมไม่ให้กลับเข้าไปในงานได้  ไม่นานผมคงต้องถูกจับได้เป็นแน่   นาทีนี้คงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์เท่านั้นแล้วสินะ….

                    “แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ  แกไม่รอดหรอก!!”  พวกมันขู่คำรามผมอย่างนี้ตลอดทางแล้วล่ะ  แต่มันทำให้ผมเชื่อขึ้นมาหน่อยๆแล้วว่าผมคงไม่รอดแน่   และในที่สุดผมก็หมดแรงลงแต่ไม่ใช่เพราะถอดใจหรอกนะ  เพราะผมโดนต้อนมาจนถึงทางตันแล้วต่างหาก    ในซอยนั้นพวกมันยิ้มร่าด้วยความรู้สึกมีชัย  ค่อยๆก้าวเข้ามา   ทีละก้าว  ทีละก้าว   สะกดให้ผมแทบต้องหยุดหายใจ

    “คะ   ใครก็ได้   ใครก็ได้ช่วยผมที!!!!!”  ผมตะโกนสุดเสียง

    “แหกปากไปเถอะ  ถือซะว่าเป็นคำสั่งเสียแล้วกัน  เพราะไม่มีใครมาช่วยแกได้หรอก”  หนึ่งในเจ้าโจรนั่นหัวเราะเย้ยหยันผม

    “แต่ชั้นว่ามีอยู่นะ”  เสียงใครบางคนดังมาจากด้านหลังของเจ้าโจรทั้งสองคนนั้น   เจ้าโจรตกใจรีบหันกลับไปยังต้นเสียงปริศนาและทันทีนั้น   หมัดขวาตรงก็ซัดอัดปลายคางเจ้าโจรคนซ้ายมือของเขาอย่างรวดเร็วและในวินาทีเดียวกันนั้นเจ้าโจรอีกคนกุมดาบเพื่อจะชักดาบออกมา  แต่ก็ไม่ได้เร็วไปกว่าอีกฝ่ายที่ตอนนี้เอามือขวากดปลายด้ามดาบไว้ไม่ให้ดึงออกมาจากฝักได้ก่อนที่จะใช้ศอกซ้ายซัดเต็มใบหน้าอย่างรวดเร็ว   ทุกอย่างจบลงภายในเวลาแค่วินาทีเดียวเท่านั้น

    “อย่ามารังแกลูกเรือของเดอะคิลเลอร์นะ  เงาปริศนาเอ่ยขึ้นพร้อมเดินเข้ามาใกล้พอที่จะมองเห็นว่าเป็นใคร

    “ซีกเกอร์!!

    “เกิดอะไรขึ้น  พวกนี้ไล่ตามนายมาทำไม..”   ซีกเกอร์เอ่ยถามผม  นั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้อย่างตกใจ

    “ลุงจาคิน!!   คนพวกนี้ลักพาตัวคุณลุงจาคินไป!!”  ผมรีบพูดจนแทบไม่เป็นศัพท์  และซีกเกอร์เองก็ดูเหมือนจะตกใจมากด้วยเช่นกัน

    “จริงหรือ!!  ถ้างั้นเนล! เธอรีบไปตามคนอื่นๆมาให้เร็วที่สุด ใครก็ได้ เดี๋ยวชั้นจะเค้นถามเจ้าพวกนี้เองว่ามันพาตัวลุงจาคินไปไว้ไหน ”  ซีกเกอร์รีบสั่งผมซึ่งผมก็รีบทำตามอย่างรวดเร็ว

    “ไม่ต้องหรอก!!”  เสียงใครบางคนดังขึ้นมาจากซอยด้านหลัง  แอลนั่นเอง!!

    “แอลคือ

    “ชั้นได้ยินแล้ว   ก็คิดไว้แล้วว่าอาจเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้   ตอนแรกที่เห็นพลุสัญญาณของนายก็ยังไม่แน่ใจเพราะดันมาตอนงานเขาจุดพลุกันแต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ   ตอนนี้ชั้นได้บอกกับสมาชิกเรือคนอื่นๆให้เตรียมพร้อมแล้วตอนนี้เรามุ่งประเด็นไปที่การสอบสวนเจ้าพวกนี้เถอะ   ถ้ารู้รังของมันเมื่อไปถึงเราค่อยให้สัญญาณพลุเรียกพวกเรามาในทีเดียวเลย”  แอลเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างดีก่อนที่ผมจะได้อธิบายอะไรเสียอีก

    “ซีกเกอร์เรามาเริ่มการสอบสวนกันเถอะ….” แอลเอ่ยขึ้นพร้อมส่งสัญญาณให้ซีกเกอร์ 

     และแล้วการสอบสวนเพื่อการบุกชิงตัวประกันก็เริ่มขึ้น    ภารกิจเร่งด่วนกับเวลาที่ไม่รู้ว่ามีเท่าไหร่  กำลังดำเนินต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×