ตอนที่ 3 : บทที่ ๑ ฝนฟ้าคะนองเป็นบางแห่ง
เช้านี้ชุ่มช่ำเพราะฝนที่เทกระหน่ำลงมาเมื่อคืน ใบไม้ต้นไม้จึงเขียวชะอุ่มอย่างทั่วถึง นิลินสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเมื่อเดินมาหยุดที่ระเบียงหน้าบ้าน ก่อนจะหันไปมองข้างในจึงเห็นมารดากำลังเดินไปมาในครัว จึงหมุนตัวเข้าไปหาท่าน...
“แม่ ทำอะไรกินเหรอ”
จำปีหันมายิ้มให้ลูกพร้อมกับเดินไปเปิดสำรับ
“วันนี้แม่ผัดกระเพราหมู ทอดไข่ดาว แล้วก็แกงจืดวุ้นเส้น”
“ดีจ้ะ แต่ตอนนี้ยังไม่หิวเลย ขอกินกาแฟสักแก้วก่อนดีกว่า” ว่าแล้วนิลินก็เดินไปชงกาแฟให้ตนเอง ก่อนหันไปถามแม่ที่กำลังปิดสำรับ
“แม่กินหรือยังจ๊ะ”
“ยังเลย” จำปีตอบลูก
“งั้นหนูชงเผื่อแม่เลยแล้วกันนะ”
“อืม” จำปีรับคำเบาๆ แล้วเดินไปหยิบขนมขบเคี้ยวที่มีไว้กินแกล้มกับกาแฟเดินไปรอที่ระเบียงหน้าบ้าน สถานที่ประจำที่ใช้ทั้งกินข้าวและพูดคุย ครู่ต่อกาแฟหอมกรุ่นวางลงตรงหน้ามารดาพร้อมร่างระหงของลูกสาวคนสวย
“พี่ลัยบอกจะมาค่ำนี้ พาตัวเล็กมาด้วย บอกว่าจะมาค้างคืนหนึ่ง แต่ตอนเช้าต้องรีบกลับ เพราะพี่ไก่ต้องไปประชุม”
“คุยกันแล้วเหรอ” คนเป็นแม่คนกาแฟพลางถามลูก
“จ้ะ” หญิงสาวพยักหน้า พลางยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มเบาๆ “คุยกันเมื่อคืนนี้”
นั่งคุยกันไปพักใหญ่ กาแฟก็หมดแก้ว นิลินจึงหันไปมองแม่แล้วบอก
“แม่ น้ำค้างแห้งหนูว่าจะไปดูที่เสียหน่อย แม่ไปกับหนูนะ”
จำปีเงยหน้าขึ้นมองลูก แล้วยิ้มจางๆ
“เอาสิ กินข้าวกินปลาแล้วค่อยออกไป”
หญิงสาวยิ้มให้มารดา พร้อมกับลุกขึ้นเก็บแก้วกาแฟไปล้าง พอกินข้าวเช้าอิ่ม สองแม่ลูกจึงออกไปดูที่
ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตพอดีตัวกับกางเกงยีนสีเข้มขายาว รองเท้าบูธสีดำ ก้าวไปหยุดที่ริมธาร ถัดไปอีกเกือบสิบเมตรมีต้นไม้ใหญ่ ดวงตาคู่งามมองไปรอบๆ เลยไปยังไร่อีกฝั่งลำธาร ก่อนจะหันมามองมารดาที่กำลังล้างเท้า
“ไร่โน้นเขาปลูกอะไรเหรอแม่ เห็นมีหลายอย่าง คนเยอะแยะไปหมด”
จำปีเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปตามสายตาของลูก
“ที่เห็นไกลๆ เขาทำไร่ข้าวโพด ถัดมาสงสัยเป็นมัน”
“แล้วตรงนี้ล่ะ ที่ติดกับที่ของเรา เขาเว้นเอาไว้ทำไม”
“ว่าจะเอาไว้รวมกับไร่นี้นี่แหละ แล้วค่อยคิดว่าจะทำอะไรต่อทีหลัง”
คำตอบจากเสียงทุ้มๆ คุ้นหูทำให้คนถามหันขวับกลับไปมอง แล้วก็ต้องหน้าร้อนผ่าวตึงเปรี๊ยะเมื่อพบกับเจ้าของร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำที่ยืนจังก้าอยู่อีกด้านหนึ่งของลำธาร ซึ่งไม่รู้ว่าเขาเดินมาจากทางไหนและตั้งแต่เมื่อไร
“ฉันไม่ขาย” นิลินตอบพลางเชิดหน้า ทำให้คนเป็นแม่ต้องผ่อนลมหายใจยาว มองลูกสาวสลับชายหนุ่มหน้าเข้ม
“ไปอยู่ตรงไหนมาคมน์ แม่ไม่ทันเห็น”
จำปีเรียกตนเองว่าแม่จนติดปากมาตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่คบหา จนเลิกรานางก็ยังติดปากเรียกตนเองกับชายหนุ่มเช่นนั้น และคมน์เองก็ยังเรียกอีกฝ่ายว่าแม่ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน แต่กลับทำให้ใครบางคนไม่ชอบใจอย่างแรง!
คมน์ละสายตาจากนิลินกลับมาที่จำปีแล้วยิ้มให้นางพร้อมตอบ
“ผมยืนอยู่หลังต้นไม้ กำลังคุยธุระอยู่ครับ พอดีหันมาเห็น เลยเดินเข้ามาทัก”
นิลินได้ยินคำตอบแล้วทำปากยื่นพลางอุบอิบเบาๆ
“ที่ตั้งไม่รู้กี่สิบไร่ จำเป็นต้องมายืนตรงนี้โดยเฉพาะด้วยเหรอไงกัน”
คมน์หันไปมองคนที่บ่นอุบอิบ ขณะที่จำปีถอนหายใจเฮือกก่อนเอ่ยถามถึงพ่อและแม่ของชายหนุ่ม
“หมู่นี้พ่อกับแม่เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอเสียนานเลย”
จำปีกวาดตามองคมน์ หลังจากที่ลูกสาวเลิกรากับคนตรงหน้า ทั้งตนและครอบครัวของอีกฝ่ายก็ห่างกันออกไป แต่เจอที่ไหนก็ยังทักทายกันดี เพียงแต่ไม่ได้ไปมาหาสู่กันเหมือนเก่าเท่านั้น และระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาทำให้คมน์สุขุมขึ้นตามวัย ไม่ได้ใจร้อนมุทะลุเหมือนสมัยที่คบหากับนิลิน
“ก็ยังเหมือนเดิมครับ มีเจ็บไข้ได้ป่วยบ้างตามประสา เย็นนี้ผมว่าจะแวะไปหาแม่พอดี มีของมาฝาก” ชายหนุ่มปรายตามองสาวร่างบางที่ไม่ยอมมองหน้าเขา แต่เมื่อได้ยินว่าจะแวะไปที่บ้านหล่อน หญิงสาวก็หันกลับมาทันที
“ไม่เห็นต้องเอามาฝากเลย บ้านเรามีของกินเยอะแยะแล้ว”
“ลิน” จำปีหันมาเอ็ดลูกสาวพร้อมขึงตาใส่ ขณะที่คนตัวโตเพียงแต่ตวัดตามองนิดเดียวก่อนจะกลับไปกล่าวกับจำปีราวว่าไม่มีหล่อนอยู่ตรงนั้น
“ผมตั้งใจเอามาให้แม่น่ะครับ ไม่ได้คิดจะให้คนอื่น ใครไม่กินก็ช่างเขานะครับ ผมอยากให้แม่สุขภาพดี”
คมน์ยิ้มให้จำปี เป็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูสำหรับผู้ใหญ่ ทว่าเป็นอะไรที่ขัดนัยน์ตามากสำหรับนิลิน
หญิงสาวเม้มปาก รู้สึกขัดใจเมื่อมารดาของตนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีคนทั้งคู่ไปตามลำธาร ไม่ยอมหันกลับไปมองเขาอีก ใบหน้างามบูดบึ้งงอเง้าจนเหยียดแทบไม่ออก
“โธ่เอ๊ย! ทำเป็นมาเรียกแม่งั้นแม่งี้ เอาหน้าชัดๆ แม่ตัวเองก็มีไม่รู้จักจะไปเอาใจ ฮีโธ่!!”
“บ่นอะไรไม่ทราบ”
และฝากผลงานเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

บ้านที่มีคนทำกับข้าวเก่งๆ ได้กินแบบอิ่มอุ่นร้อน นี่ดีจัง