ตอนที่ 13 : บทที่ ๖ เพื่อนเก่า
“ทุกครั้งที่นึกย้อนไป เราก็แทบไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกัน”
นิลินยิ้มแป้น ใบหน้างามแจ่มใส ฟังเพื่อนเล่าจนเพลิน
“แล้วตอนนี้โนชยังทำกับบริษัทนั้นอยู่หรือเปล่า”
มาโนชยิ้มให้เพื่อนรักแล้วส่ายหน้า
“ออกมาแล้ว เราทำงานกับที่นั่นได้สี่ปี เริ่มมีเส้นสายมีลู่ทาง ก็เริ่มออกมารับเหมาด้วยตัวเอง โดยมีลุงของเราคอยให้ความช่วยเหลือ จากนั้นเราก็มีงานไม่เคยขาด เพิ่งจะได้หยุดก็ตอนนี้นี่แหละ” เขายิ้มกว้างเมื่อบอกเล่าเกี่ยวกับช่วงชีวิตหนึ่งให้เพื่อนฟัง
“ดีใจด้วยนะโนช เราภูมิใจและดีใจกับโนชจริงๆ งั้นตอนนี้เราจะเรียนโนชว่าโนชเฉยๆ ไม่ได้แล้ว จะต้องเรียกว่า เสี่ยโนช”
สิ้นเสียงกระเซ้าหวานๆ มาโนชก็หัวเราะออกมาทันที ทำให้มารดาที่ก้าวออกมาพร้อมของกินและเครื่องดื่มเอ่ยอย่างเห็นด้วย
“ใช่ๆ แม่เห็นด้วย เรียกเสี่ยโนชเลยแล้วกันเนอะลินเนอะ”
มาโนชหัวเราะออกมาเบาๆ อีกครั้งขณะกล่าวขอบคุณเมื่อจำปีรินน้ำให้
จำปีนั่งลงบนเก้าอี้ข้างมาโนช ส่วนลูกสาวนั่งฝั่งตรงข้าม แล้วมองเพื่อนลูกสาวด้วยสายตาชื่นชม
“เก่งนะเราน่ะ แม่ดีใจด้วยนะที่โนชได้ดิบได้ดี พ่อของเราเขาคงภูมิใจในตัวเรามากเลยใช่ไหม”
คำถามของจำปีเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มได้อีกครั้ง เขานึกถึงตอนที่ตนเองได้รับปริญญา พ่อของเขาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา จากนั้นท่านก็ตัดสินใจเลิกเหล้าอย่่างเด็ดขาด ทำให้มาโนชแทบไม่อยากเชื่อว่าคนที่เคยติดเหล้างอมแงมจะเลิกได้ในที่สุด
“ครับ ผมก็ดีใจที่ทำให้พ่อภูมิใจได้ เพราะพอผมได้รับปริญญา พ่อก็เลิกเหล้า”
คำบอกเหล้าของชายหนุ่มยังความปลื้มปีติแก่สองแม่ลูกขึ้นไปอีก ไม่คิดเลยว่าพ่อของอีกฝ่ายที่เคยไม่เอาไหนจะกลับมาเป็นผู้เป็นคน กับเขาอีกครั้ง คงต้องยกความดีให้กับผู้ชายตรงหน้าคนนี้คนเดียว
“เราดีใจด้วยนะ ว่าแต่ตอนนี้โนชไปอยู่ที่ไหน เห็นว่าขายที่ขายทางไปแล้วใช่ไหม” นิลินเอ่ยถาม
“ใช่ เราขายเพราะเอาไปทำทุนตอนเริ่มรับเหมาเอง พอมีเงินเลยไปซื้อที่แถวอุทัยธานี ปลูกบ้านหลังเล็กๆ อยู่กันสองพ่อลูกน่ะ” เขาตอบพร้อมกับหยิบโทรศัพทม์ออกมาเลื่อนรูปภาพให้สองแม่ลูกดู
“นี่ไง บ้านเรา”
นิลินมองบ้านหลังน้อยสีขาว รอบๆ มีต้นไม้ให้ผลและต้นไม้ยืนต้นให้ร่มเงาธรรมดา บริเวณหน้าบ้านเป็นท้องทุ่งนาผืนใหญ่ ด้านหลังเป็นวิวภูเขาล้อมรอบ
“โอ๊ย สวยจังเลยโนช บ้านน่ารัก วิวสวยมาก ดีใจด้วยนะ เราดีใจด้วยจริงๆ” หญิงสาวเอื้อมมือไปจับมือเพื่อนแล้วเขย่าเบาๆ ด้วยความดีใจจนลืมตัว แต่ความลืมตัวกลับทำให้มาโนชยิ้มออกมาด้วยความอิมเอิบใจ ดวงตาคู่คมหลุบมองมือของตนที่ถูกมือเรียวนุ่มกุมเอาไว้ด้วยสายตาปราบปลื้ม
จำปีมองตามสายตาของมาโนชจึงรับรู้ถึงความรู้สึกที่ชายหนุ่มมีต่อลูกสาว อันที่จริงก็รู้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่คิดจะบอกให้นิลินรู้ เพราะจะกลายเป็นมองหน้ากันไม่ติด แต่เวลานี้ลูกสาวของนางเป็นโสดแล้ว หากจะบอกก็คงไม่ผิดนัก
ทว่าทั้งสามคนต้องชะงัก เมื่อจู่ๆ ก็มีรถกระบะขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
คมน์ขมวดคิ้วนิ่วหน้า เขามองรถจี๊ปสีดำและผู้ชายหน้าตาคุ้นเคยคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ระเบียงบ้านพร้อมสองแม่ลูก ชายหนุ่มเปิดประตูและก้าวออกไปทันที เท้าที่ก้าวเข้าไปหาคนทั้งสามชะลอช้าลงเมื่อพบว่ามือเรียวของนิลินวางบนหลังมือของผู้ชายที่มีใบหน้าคุ้ยเคยอย่างประหลาดคนนั้น
นิลินดึงมือกลับเมื่อประสานสายตาคมดุเข้า ทำให้มาโนชมองตามอย่างอาลัยอาวรณ์ก่อนจะหันสบสายตากับผู้มาใหม่ด้วยความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายร้อยเท่า
“ไปไหนมาเหรอคมน์” จำปีร้องถาม จึงทำให้คมน์ละสายตาจากนิลินและผู้ชายตรงหน้าขณะก้าวมาหยุดยังชายคาบ้าน ไม่ได้ขึ้นไปบนระเบียงเหมือนทุกครั้ง
“พาพ่อกับอาไปดูที่ที่จะปลูกบ้านมาครับ” เขาตอบ ใบหน้ามีรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย จำปีรับรู้ถึงความไม่พอใจของชายหนุ่ม นางหันไปมองมาโนชตามสายตาของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“คมน์จำมาโนชได้ไหม เพื่อนลินไง คนที่เคยอยู่บ้านตรงหัวโค้งน่ะ”
มาโนชสบตาอีกฝ่าย เขายิ้มให้คนตัวโตตรงหน้าแล้วยกยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้อย่างคนมีการอบรม
คมน์เองก็รับไหว้อย่างงงงัน เขามองผู้ชายตรงหน้านิ่ง ก่อนจะมีรอยยิ้มออกมาในที่สุด
“ผมจำได้แล้วครับ ไงโนช หายไปไหนมาเสียนานเลย” เขาเอ่ยถาม พลางกวาดตามองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว มาโนชดูดีกว่าแต่ก่อนมาก จากเด็กผู้ชายท่าทางเรียบร้อยเจียมเนื้อเจียมตัว มาตอนนี้มีสง่าราศีผิดจากแต่ก่อนราวฟ้ากับเหว แต่ถึงจะดูดีมีสง่าอย่างไร ก็ยังคงน้อยกว่าเขาอยู่ดี ชายหนุ่มอดคิดอย่างเข้าข้างตัวเองเสียไม่ได้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหนพี่คมน์ คู่แข่งมาแล้วนะ