ตอนที่ 39 : บทที่ ๑๒ แผนของคนชั่ว
๑๒
แผนของคนชั่ว…
สองวันถัดมา… ทั้งสายใจและฤทัยรัตน์ออกไปซื้อของตามที่นัดกันไว้ โดยเฉพาะหมู่นี้ปานทิพย์มีแขกมาเยือนบ่อยครั้งทำให้ต้องตระเตรียมเสบียงตุนไว้ตลอด เมื่อถึงตลาดทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังร้านประจำทันที ระหว่างนั้นเองทั้งนายชายและพวกต่างจับตามองทั้งสองโดยไม่คลาดแล้วโทรศัพท์รายงานเปรมปรีดิ์ทันทีที่หญิงสาวปรากฏตัว
“มันมากันแล้วครับคุณเปรม…” เสียงต้นสายที่ดังออกมาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ทันสมัยทำให้คนที่กำลังขับรถยนต์จนเกือบจะถึงที่หมายเผยยิ้มอย่างสะใจ
“ดี! จับตามองมันเอาไว้อย่าให้คลาด อีกไม่เกินสิบนาทีฉันจะถึงตลาด”
“ครับ” เปรมปรีดิ์ตัดการติดต่อพร้อมแสยะยิ้ม คิดถึงจุดจบของฤทัยรัตน์ด้วยความสะใจ…
นายชายและพวกต่างกระจายตัวเพื่อจับตามองและติดตามคนทั้งคู่อย่างไม่คลาดสายตา มันหวังให้งานนี้สำเร็จด้วยดีเพื่อจะได้กลับเข้าไปทำงานในฟาร์มของปานกมลอีกครั้ง จนกระทั่ง ฤทัยรัตน์และสายใจซื้อของครบ ทั้งสองจึงเดินกลับไปยังรถกระบะที่จอดรออยู่ไม่ไกลนัก
“เฮ้ย พวกมึงสามคนล่วงหน้าไปได้แล้ว แล้วกูกับไอ้นี่จะตามรถพวกมันไป…” นายชายหันไปส่งสัญญาณให้พรรคพวกสามคนล่วงหน้าไปก่อน ส่วนตนเองและเพื่อนตามรถกระบะที่พาฤทัยรัตน์และสายใจมุ่งหน้ากลับฟาร์มไปติดๆ
รถกระบะของฟาร์มปานทิพย์มุ่งหน้าสู่เส้นทางเดิม แต่เมื่อถึงช่วงหนึ่งซึ่งค่อนข้างคดเคี้ยว เปลี่ยวและครึ้มไปด้วยต้นไม้คนขับรถก็ต้องชะลอความเร็วลงจนหยุดในที่สุดเมื่อด้านหน้ามีท่อนไม้ยาวมาขวางเอาไว้จนผ่านไปไม่ได้
“หยุดทำไมล่ะ” สายใจและฤทัยรัตน์ที่นั่งอยู่ด้านหลังเอ่ยถาม
“มีขอนไม้มาขวางทางครับ เดี๋ยวรอบนรถก่อนนะครับ ผมจะลงไปลากไม้ออก สงสัยไอ้พวกขนไม้ทำร่วงไว้อีกแล้วละครับ”
คนขับรถบ่นพึมพำเมื่อเปิดประตูลงไป สายใจหันมองสาวน้อยที่นั่งหน้าไม่ดีข้างๆ แล้วส่ายหน้า
“ประจำ… ไม่รู้ไม้ถูกกฎหมายหรือเปล่า ไอ้พวกนี้มันลักลอบกันประจำแหละ ร้องแรกแหกกระเชอไปก็เท่านั้น ใครที่ไหนก็ไม่มาสนใจเสียงของคนตัวเล็กๆ อย่างพวกเราหรอก เสียงชาวบ้านอย่างพวกเรามันเบาไป คนข้างบนเขาไม่ได้ยิน ใครพอจะเสียงดังหน่อยพวกเขาก็มีวิธีทำให้เงียบ อีกอย่างพวกเจ้าหน้าที่ที่พอมีอำนาจก็เป็นคนของพวกมันหมด คนดีอยู่ยากขึ้นทุกวันนะเดี๋ยวนี้น่ะ มันถึงได้เกิดเหตุอาเพศขึ้นไม่เว้นแต่ละวันไง เดี๋ยวๆ น้ำท่วม เดี๋ยวๆ ไฟไหม้ แล้วนี่ลักลอบไม่พอ ยังจะสร้างความเดือดร้อนทิ้งไว้ให้คนข้างหลังอีก…” สายใจบ่นงึมงำอย่างหงุดหงิดแกมปลดปลงพลางชะเง้อมองคนขับรถที่กำลังลากท่อนไม้เลี่ยงไปไว้ข้างทาง ทว่าระหว่างนั้นจู่ๆ ก็มีชายหลายคนกระโจนออกมาจากข้างทางพวกมันมีไอ้โม่งปิดคลุมหน้าตามิดชิด!
“เฮ้ย!! พวกแกเป็นใครวะ” คนขับรถผงะหนี ถอยได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกหนึ่งในสามกระทุ้งเข้าที่ท้องอย่างจังจนลงไปกองกับพื้น ก่อนจะรุมซ้ำจนช้ำไปทั้งตัวทำให้สายใจกรีดร้องด้วยความตกใจ
“ว้าย!! อะไรกันเนี่ย” สองในสามปรี่เข้ามายังสายใจและฤทัยรัตน์ทันทีที่หันมาเห็น และโผล่หน้าเข้ามายังด้านคนขับพร้อมกับขู่กรรโชกเสียงดัง
“ออกมาเดี๋ยวนี้ทั้งสองคนนั่นแหละ มีเงินเท่าไรเอาออกมาให้หมด ไม่งั้นไอ้คนนี้ตาย!” ด้วยเกรงว่าคนขับรถจะถูกพวกมันฆ่าตายทั้งสองจึงต้องลงจากรถยนต์ตามที่มันสั่ง ทั้งสายใจและฤทัยรัตน์ถูกหนึ่งในสามกระชากออกจากรถอย่างรวดเร็ว สายใจรีบดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาทันทีที่มันย้ำถาม
“ดีมาก เฮ้ย มึงลองไปค้นในรถดูอีกสิวะว่ามีอะไรอีก เอามาให้หมดอย่าให้เหลือ!” เสียงสั่งของมันเฉียบขาดน่ากลัว แม้จะถูกสั่งให้ทำทีเป็นปล้นแต่เมื่อเจอของมีค่าน่าสนใจก็ไม่อยากจะเสียเที่ยว ก่อนจะหันมายังสายใจและฤทัยรัตน์ แล้วผลักสายใจจนล้มพร้อมกับบอกให้ก้มหน้า
“ก้มหน้าลง ห้ามมองนะโว้ย ไม่งั้นนังนี่ตาย!!” พูดจบไอ้วายร้ายก็กระชากร่างเล็กของฤทัยรัตน์เข้าไปหาตัวมันพร้อมกับจ่อมีดเข้าที่ลำคอระหงของหญิงสาว
“ว้าย!! ก้มแล้วๆ อย่า! อย่าทำอะไรใครนะ พวกแกอยากได้อะไรเอาไปให้หมดเลย เอาไปแต่อย่าทำร้ายใครก็พอ” สายใจละล่ำละลักบอกคนร้าย ฝ่ายนั้นกระหยิ่มยิ้มย่อง ทุกอย่างลงล็อกตามแผนที่วางไว้ ชั่วอึดใจเสียงรถยนต์ก็แล่นเข้ามาใกล้ พวกมันจึงทำทีเป็นถอยหนีเข้าข้างทาง
“เฮ้ย! มีคนมาโว้ย หลบก่อน!” สายใจและฤทัยรัตน์รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของคนขับรถซึ่งพอดีกับที่รถยนต์คันดังกล่าวเข้ามาจอดเทียบข้าง
“เป็นอะไรกันหรือเปล่าคะ” เสียงถามนั้นทำให้ฤทัยรัตน์และสายใจหันขวับ
“คุณเปรม!” เปรมปรีดิ์รีบลงจากรถด้วยอาการตื่นตระหนก
“นี่เกิดอะไรขึ้น!” สายใจรีบลุกขึ้นยืนแล้วเล่าเรื่องราวให้ฟัง
“โจรค่ะ! โจรมันมาดักปล้นเอาของมีค่าไปหมดเลยค่ะ”
เปรมปรีดิ์มีสีหน้าตกใจ
“ตายจริง! แล้วนี่มีใครเป็นอะไรกันหรือเปล่า” ทำทีเป็นสาวเท้าเข้าไปดูอาการของคนขับรถ แล้วหันมาถามฤทัยรัตน์ที่ยืนหน้าซีดข้างๆ “แล้วนี่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดเชียว…”
“เอ่อ มะ… ไม่เป็นค่ะ นุ่มไม่เป็นอะไร” เปรมปรีดิ์พยักหน้า ก่อนจะหันไปบอกกับคนทั้งหมด
“ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้ว งั้นรีบกลับกันเถอะ ก่อนที่พวกมันจะกลับมาอีก”
“นั่นสิคะ ไปนุ่ม” แต่ยังไม่ทันที่ทั้งหมดจะกลับขึ้นรถยนต์คนร้ายก็กรูกันออกมาอีกครั้ง
“เฮ้ยหยุดนะ!”
“ว้าย!!” ผู้หญิงทั้งสามต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะกระชากฤทัยรัตน์ไปอีกครั้ง พร้อมขู่เปรมปรีดิ์
“มีอะไรเอาออกมาให้หมด ไม่งั้นนังนี่ตาย!” เปรมปรีดิ์เบิกตาโพลงก่อนจะรีบส่งกระเป๋าให้พวกมัน
“เอานี่ เอาไป!” มันรับกระเป๋าของเปรมปรีดิ์ไปแล้วรีบค้นหาของมีค่า แต่ยังไม่ยอมปล่อยฤทัยรัตน์ “ได้ไปแล้วก็ปล่อยคนสิ”
มันเงยหน้าขึ้นพร้อมแสยะยิ้ม
“ปล่อยก็โง่สิวะ!” คราวนี้ทุกคนขยับตัวกันอย่างตกใจ
“แกก็ได้ของไปหมดแล้วนี่” เปรมปรีดิ์พยายามต่อรอง อีกฝ่ายหัวเราะลั่น ฤทัยรัตน์กลัวจับใจแต่ก็พยายามมองหาลู่ทางช่วยเหลือตนเอง
“ถูก… ได้มาแล้ว แต่ก็อยากได้นังนี่ด้วย เฮ้ยพวกเรากลับโว้ย!”
“ไม่นะ!” ฤทัยรัตน์ดิ้นรนอย่างรุนแรงเมื่อไอ้คนที่คุมตัวหล่อนไว้ออกแรงดึงเข้าข้างทาง เปรมปรีดิ์ได้จังหวะจึงกระโดดเข้าไปผลักไอ้คนที่พยายามจับหญิงสาวไปด้วยจนล้ม แล้วกระชากฤทัยรัตน์กลับมาจนได้แต่ขณะที่กำลังหมุนตัวหนี เปรมปรีดิ์ก็ถูกมันกระชากผมกลับแล้วตบลงที่ใบหน้าเต็มแรง
“โอ๊ย!!”
“คุณเปรม!!” ต่างกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเมื่อเปรมปรีดิ์ถูกตบโครมลงบนแก้มจนหมุนคว้างลงไปกองบนพื้นถนน แต่แล้วรถยนต์อีกคันก็แล่นเข้ามาพร้อมกับเสียงล้อที่เบรกครูดไปตามถนน
เอี๊ยดดด…
“เฮ้ย พี่หนีเหอะ!” หนึ่งในนั้นเห็นท่าไม่ดีรีบบอกลูกพี่ของมัน ทั้งฤทัยรัตน์ เปรมปรีดิ์และสายใจต่างหันไปมองคนที่ลงมาจากกระบะเก่าๆ ด้วยความดีใจ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นนายชายอดีตคนงานเก่าที่มีเรื่องกันมาก่อนก็หน้าถอดสี คิดว่าเป็นพวกเดียวกัน
“เฮ้ย! พวกมึงจะทำอะไรวะ” นายชายตะโกนถามคนร้าย
“พวกมันปล้นเรา ทำร้ายคนด้วย!” เปรมปรีดิ์ตะโกนบอกทันที
“เฮ้ย อย่ามายุ่งถ้าไม่อยากตาย” หัวหน้าคนร้ายตะโกนบอกเตรียมพร้อมสู้ แต่นายชายและเพื่อนมีปืนมาด้วยพวกมันจึงออกอาการหวาดกลัว เพราะพวกมันไม่มีใครมีปืน
“พวกมึงต่างหากที่ต้องตาย!” นายชายเล็งปืนไปยังพวกมัน
“เฮ้ย! มันมีปืนพี่!” และก่อนที่จะมีกระสุนเจาะหัวใคร ทั้งหมดก็วิ่งหนีเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว ฤทัยรัตน์และสายใจมองนายชายและเพื่อนอีกคนของเขาด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น ขณะที่เปรมปรีดิ์สบตานายชายอย่างรู้กัน
“เป็นไงบ้างครับ ไม่คิดว่าจะเป็นน้องนุ่มกับป้าใจ” ทำทีเข้ามาไถ่ถาม ก่อนจะหันมองคนรถที่มีสภาพสะบักสะบอม “โอ้โห นี่อาการหนักนะครับเนี่ย ผมว่าไปหาหมอดีกว่านะครับ มาครับเดี๋ยวผมขับรถไปให้ เฮ้ยมึงขับรถตามกูไปนะ แล้วคุณล่ะเป็นอะไรหรือเปล่า”
เปรมปรีดิ์สบตาอีกฝ่ายแล้วส่ายหน้า
“เปล่า ฉันไม่เป็นอะไร นายรีบพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะขับรถตามไป นุ่มไปกับนายคนนี้ก่อนนะเดี๋ยวฉันโทรศัพท์หาปานก่อน บอกเขาให้รู้”
“ค่ะคุณเปรม ป้าใจไปเถอะค่ะ” หันไปบอกกับสายใจแล้วพากันมุ่งหน้าตรงไปยังโรงพยาบาล เปรมปรีดิ์กระตุกยิ้ม สายตาวาววับขึ้นอย่างพอใจเมื่อเข้ามานั่งในรถยนต์ของตนเอง พลางดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเลือดที่มุมปากอย่างใจเย็น
“พวกหน้าโง่! คราวนี้ละเป็นทีของฉันบ้างแล้ว แกไม่มีวันแย่งปานไปจากฉันได้แน่นังนุ่ม ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางได้เขาไปเด็ดขาด!”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
