ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ] Illusion แค่ภาพลวงตา[Kihae]

    ลำดับตอนที่ #3 : Short Fiction : Irreversible Part1 [Kihae]

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 54


    SF…..Irreversible… part1  [Kihae]

     

     

     

    คำสาปนี้จะยังคงอยู่ตลอดไป

    เวลาแห่งการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ใกล้จะจบลง

    พร้อมๆกับหัวใจที่กำลังจะหยุดเต้น..ตลอดกาล

     

     

     

    ‘เราจะไม่พรากจากกันไปไหน...เราจะต้องอยู่ด้วยกันไป..ตลอดกาล...’

     

     

     

     

    12.09.20xx

     

    แสงตะวันที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอันแสนอบอุ่น ผ้าม่านที่ปลิวไสวเพียงเล็กน้อยบ่งบอกถึงสายลมที่พัดเข้ามาจากการที่เขาเปิดหน้าต่างออกไปเพียงเล็กน้อย สองร่างที่เปลือยเปล่ายังคงนอนอยู่ใต้ผ้าห่มและสร้างความอบอุ่นให้แก่กันและกันด้วยการกอด

     

     

    ได้โปรด ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายในราตรีอันมืดมิด

     

     

     ดวงตาคู่สวยเป็นประกายค่อยๆเปิดขึ้นรับแสงอรุณของวัน ร่างสูงยังคงกอดไว้แนบกายไม่ห่าง ร่างบางพยายามขยับตัวให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้ร่างสูงรู้สึกตัวก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องน้ำเพื่อทำธุระของตนให้เสร็จ ก่อนจะลงไปทำอาหารเช้าให้แฟนหนุ่มได้รับประทาน

     

    “คิบอม ลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่”เสียงหวานของร่างบางเอ่ยถามขึ้นเมื่อมีบุคคลมากอดจากทางด้านหลัง

    “ซักพักนึงแล้วล่ะ ผมมาแอบมองทงเฮของผมว่ามีใครอยู่ด้วยรึเปล่า”

    “พูดอะไรบ้าๆน่ะ ก็เห็นอยู่ว่าทั้งบ้านมีแค่เราสองคน”

    “มีคนอื่นแอบอยู่ด้วยรึเปล่า”

    “เป็นอะไรตั้งแต่เช้าน่ะคิบอม แต่จะว่าไปก็มีนะ”

    “ใคร”

    “มดน่ะ เห็นเดินอยู่สองสามตัว ฮ่าๆ ทำไมคิบอมจะโดนหลอกง่ายขนาดนี้”

    “ผมยอมเป็นคนโง่เพื่อให้ทงเฮยิ้มนะรู้รึเปล่า เวลาทงเฮยิ้มน่ะน่ารักที่สุดเลย”

    “จริงเหรอ”

    “อืม”

    “งั้นฉันจะยิ้มให้คิบอมทุกเช้าเลย”

    “แล้วตกลงวันนี้ทงเฮจะไปเที่ยวไหนเหรอ คิดไว้รึยัง”

    “คิดไว้แล้วล่ะ มีประมาณสามสี่ที่ วันนี้ฉันขับรถเองนะคิบอม ฉันอยากเซอร์ไพรส์”

    “แล้วแต่คุณแล้วกัน”

    “วันนี้วันอะไร คิบอมจำได้ไหม”

    “วันศุกร์”

    “ไม่ใช่ คิดสิว่าวันอะไร”

    “วันที่12”

    “คิบอม!!!”

    “วันครบรอบที่เราคบกันครับ วันนี้ครบรอบ9ปีแล้ว โอเครึยังครับคุณอีทงเฮ”

    “คุณแกล้งลืมล่ะสิ”

    “ก็ผมอยากแกล้งคุณ”

    “ฉันถามอะไรอย่างนึงได้ไหมคิบอม”

    “ครับ”

    “.........”

    “.............”

    “รักฉันมั้ยคิบอม”

    “รักสิ”

    “มากไหม”

    “มาก”

    “คุณบอกรักฉันสักครั้งได้ไหม”เมื่อร่างบางพูดจบ ร่างสูงก็ก้มลงมาประทับริมฝีปากของตนลงบนปากของร่างบาง เป็นเวลายาวนานพอสมควร แต่ก็ไม่ได้รุกล้ำอะไรไปมากกว่านี้

    “ขอบคุณนะคิบอม”

    “มีอะไรไม่สบายใจอยู่รึเปล่าทงเฮ”

    “อืม ฉันแค่รู้สึก เหมือนกำลังมีคนจับมือฉันอยู่...ที่ไม่ใช่นาย”

    “.........”

    “คิบอม ฉันกลัว”

    “...........”

    “ฉันกลัวว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก”เมื่อร่างบางพูดจบก็กอดร่างสูงไว้อย่างแน่นเพื่อไม่ให้คนรอบข้างไม่ว่าใครจะมาพรากเขาออกจากกันได้

     

     

     

    ตราบใดที่สถานที่แห่งนั้นยังเป็นความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ มันก็จะยังคงความศักดิ์สิทธิ์ไว้ตลอดกาล ตราบจนโลกนี้จะแตกสลายไป

     

     

     

     

    “คิบอม พร้อมมั้ย”

    “อืม”

    “งั้นฉันนับเลยนะ 1...”

    “2....”

    “3!!”ร่างบางและร่างสูงกำลังแข่งความเร็วโดยใช้ม้าเป็นยานพาหนะ ทั้งสองกำลังประลองความเร็วของม้าอย่างสนุกสนานในที่ร่มที่ทางสถานที่แห่งนี้จัดไว้ ร่างบางที่กำลังสนุกสนานกับการแข่งขันกลับรู้สึกเหม่อลอยขึ้นมาเฉยๆ เพียงเพราะได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ

     

     

     

    ‘อย่าคิดจะลบล้างคำสาป ก่อนที่เจ้าจะสูญเสียทุกอย่าง แม้กระทั่งลมหายใจ’

     

     

     

    เสียงกระซิบชวนขนหัวลุกทำให้ร่างบางเหม่อลอยจนกระทั่งไม่สามารถควบคุมม้าได้ในที่สุด ร่างบางตกจากหลังม้าลงสู่พื้นอย่างแรง ร่างสูงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ทำให้ตัดสินใจหยุดม้าแล้วรีบลงมาดูร่างบางทันที

     

    “ทงเฮ เจ็บมากไหม”

    “อืม ไม่เป็นไรหรอก”

    “คิดอะไรอยู่รึเปล่า ปกติทงเฮขี่ม้าเก่งกว่าผมอีกนะ”

    “มีคนมากระซิบฉัน มาเตือนฉัน คิบอมได้ยินมั้ย”

    “เขาพูดว่าอะไร”

    “เขาบอกว่า...อย่าคิดจะลบล้างคำสาป ก่อนที่ฉันจะสูญเสียทุกอย่าง”

    “ผม....ไม่ได้ยิน”

    “ฉันไม่เข้าใจความหมาย”

    “.............”

    “ฉันไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร”

    “ทงเฮคิดมากไปรึเปล่า”

    “ไม่ ฉันขี่ม้าของฉันดีๆ อยู่ดีๆก็มีเสียงผู้หญิงพูดขึ้นมา”

    “ไปพักที่บ้านก่อนมั้ย”

    “ไม่นะคิบอม วันนี้วันสำคัญ”

    “แต่คุณจะไหวเหรอ”

    “ฉันไหว ฉันต้องไปที่นั่นให้ได้”

    “งั้นผมจะขับรถให้ ถ้าทงเฮไม่ยอมก็กลับบ้าน”

    “ก็ได้”

    “ทงเฮจะไปไหน”

    “หน้าผาริมหาดฝั่งตะวันออก”

     

    ร่างสูงขับรถมาด้วยอารมณ์ที่ดูไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ กับการกระทำที่แปลกไปของร่างบาง ร่างบางยังคงนั่งเหม่อลอยมองออกไปทางนอกหน้าต่าง สายตาที่เหม่อลอยอย่างไร้จุดหมายทำให้ร่างสูงยิ่งเป็นห่วงร่างบางมากขึ้นกว่าเดิม

     

    ‘ถ้าเจ้าไม่หยุด เจ้าจะต้องเสียทุกอย่าง’

     

    “ใครพูดน่ะ!!!”ร่างบางตะโกนเสียงดังอย่างลืมตัว ทำให้ร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อย

    “อะไรทงเฮ ใครพูดอะไร”

    “เสียงผู้หญิงคนเดิมอ่ะคิบอม”

     

    ‘คำสาปนี้จะต้องแลกได้เพียงโลหิตอันบริสุทธิ์ของคู่รัก’

     

    “ใครพูดน่ะ!! ออกมาสิ!!”

    “ทงเฮ คุณเป็นอะไรน่ะ!! ทั้งรถก็มีแค่เราสองคนนะ”

    “ไม่จริง มีคนอื่นด้วย ฉันได้ยินเสียงผู้หญิง”

    “หยุดได้แล้วทงเฮ!! มีแค่เราสองคน สองคนเท่านั้น เราจะอยู่ด้วยกัน เราจะไม่พรากจากกันไปไหน เข้าใจมั้ย!!”ร่างสูงเสียงดังใส่ร่างบางเพื่อเตือนสติร่างบางที่เหมือนจะหลุดลอยไปกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

     

    ‘ข้าต้องการเพียงโลหิตของเจ้า โลหิตของผู้มีรักอันบริสุทธิ์’

     

    “คิบอมฉันไม่ไหวแล้ว!” ร่างบางเขย่าแขนร่างสูงอย่างแรงทำให้ร่างสูงต้องเหยียบเบรกรถแทบจะทันที

    “ทงเฮ คุณเป็นอะไร”

    “ผู้หญิง...ผู้หญิงคนนั้น....ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าจะเอาชีวิตฉันไป...คิบอม..ฉันกลัว...ฮึก..”ร่างบางแสดงออกถึงความหวาดกลัว น้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้น สีหน้าที่ดูหวาดวิตกกับคนรอบข้าง

    “ทงเฮพอจะเดาออกไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

    “ไม่....ไม่เลย...ฉันเดาไม่ออก...ฉันกลัว...ฮืออ....”ร่างบางเริ่มดูเสียสติไปแล้วเล็กน้อย ร่างสูงกอดร่างบางเพื่อพยายามจะให้ร่างบางคลายความหวาดกลัวและความวิตกได้บ้าง

    “ใจเย็นๆนะทงเฮ ผมอยู่ตรงนี้...ผมอยู่กับคุณเสมอ”

    “ฉันกลัว...เขาจะเอาชีวิตฉันไป”

    “ไม่มีใครมาเอาชีวิตคุณไปได้ ผมอยู่ตรงนี้กับคุณ ผมจะปกป้องคุณ”

    “ฉันจะเชื่อใจคิบอม..ว่าคิบอมจะรักฉันและจะยอมปกป้องฉัน”

    “......”

    “คิบอม....ขับรถต่อไปเถอะ”

    “คุณไม่เป็นอะไรแน่นะ”

    “ไม่ ฉันไม่เป็นอะไร”

     

     

     

     

    ดอกหญ้าที่ขึ้นสูงปลิวไสวไปมา แสงแดดยามบ่ายแก่ๆที่สะท้อนกับพื้นผิวน้ำทะเล ลมพัดอ่อนๆทำให้ผ้าคลุมไหล่ผืนบางสีขาวมุกของร่างบางที่ชายผ้าคอยปลิวไปตามลมด้วย หากแต่เพียงมือบางยังคงกระชับมันไว้ให้อยู่กับตัว ร่างสูงใช้มือโอบร่างบางไว้อย่างอ่อนโยนก่อนจะนึกถามร่างบางขึ้นมา

     

    “ที่นี่มีอะไรสำคัญเหรอ ถึงต้องมาให้ได้”

    “ที่นี่..คือหน้าผาต้องคำสาป”

    “แล้ว..มันสำคัญยังไง”

    “ที่นี่มีเรื่องเล่าต่อกันมายาวนานถึงห้าร้อยกว่าปี คิบอมเห็นบันไดหินกว้างๆนั่นไหม”

    “อืม”

    “นั่นคือบันไดมรณะที่ไม่ว่าใครก็ห้ามลงไปเล่นๆ มิเช่นนั้นจะถูกวิญญาณเข้าสิงให้ร่างกายเราฆ่าตัวเองตายแล้วอยู่เฝ้าที่นี่”

    “ดูลึกลับน่ากลัวจังเลยนะ”

    “บันไดมรณะนั่น คนที่จะลงได้มีเพียงสองกรณีคือ ลงไปหาคนรักที่ตกหน้าผาตาย กับลงไปรับศพของผู้ที่ตายขึ้นมาทำพิธีทางศาสนา”

    “.........”

    “ที่ฉันพาคิบอมมาที่นี่...เพราะฉันเพียงแค่อยากพิสูจน์”

    “พิสูจน์อะไร”

    “ตามความเชื่อของที่นี่ ให้คู่รักทั้งสองคนยืนอยู่บนปากหน้าผา คู่ไหนที่มีรักอันบริสุทธิ์ให้แก่กัน คู่นั้นจะไม่ตกหน้าผา และจะมีแต่โชคลาภเข้ามาสู่ชีวิต ส่วนคู่ไหนที่มีคนที่มอบรักอันบริสุทธิ์ให้แก่ฝ่ายตรงข้ามเพียงคนเดียว คนๆนั้นจะถูกวิญญาณที่เฝ้าที่นี่ผลักตกลงไป ส่วนคนที่คิดคดทรยศกับความรักจะต้องจมอยู่กับความทรมานอันแสนเจ็บปวดจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”

    “.........”

    ถ้าคิบอมรักฉันเพียงคนเดียว ฉันก็จะไม่ตาย”คำพูดของร่างบางทำให้ร่างสูงอึ้งไปชั่วขณะ ร่างบางจับมือของร่างสูงให้เดินตามตนมายังปากหน้าผาก่อนจะปล่อยมือร่างสูงลง

    “พิธีนี้จะไม่มีใครจับมือใครทั้งนั้น...เพราะหัวใจของคนทั้งสองไม่ใช่คนเดียวกัน”ร่างบางพูดเตือนเมื่อเห็นร่างสูงจะจับมือร่างบางไว้ ร่างบางค่อยๆหลับตาลงเบาๆ สายลมแห่งความอ้างว้างเริ่มปะทะใบหน้าสวยและใบหน้าคมแรงขึ้นเรื่อย ร่างบางตัดสิ้นใจเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป

     

    “เราจะไม่พรากจากกันไปไหน...เราจะต้องอยู่ด้วยกันไป..ตลอดกาล...”เมื่อร่างบางเอ่ยจบ โลกของร่างบางก็ได้ดับวูบลงเช่นกัน ตัวบางโน้มลงไปยังด้านหน้าของริมหน้าผา ไม่มีสิ่งใดจะเหนี่ยวรั้งร่างบางไว้ได้อีกต่อไป ผ้าคลุมไหล่ผืนบางสีขาวมุกได้ปลิวไสวออกไป ร่างกายของร่างบางกำลังจมดิ่งสู่ห้วงของความตาย ตัวบางกระทบกับพื้นหินอันแข็งกระด้างที่พื้นหินแห่งนั้นมีคราบโลหิตสีแดงอ่อนๆอยู่เต็มบริเวณไปหมด โลหิตสีแดงฉานค่อยๆไหลออกมาจากตัวบางไม่หยุด ร่างสูงที่ยืนอยู่บนหน้าผาช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ร่างหนาไม่สามารถจะขยับตัวไปไหนได้เลย สายตาคอยแต่มองร่างบางที่อยู่ด้านล่าง น้ำตาลูกผู้ชายค่อยๆไหลออกมาจากดวงตารัตติกาลคู่นั้น  ร่างสูงที่เมื่อมองร่างบางเป็นเวลานานก็เริ่มได้สติก่อนจะรีบวิ่งลงไปหาร่างบางตรงทางบันไดมรณะ ร่างสูงพยายามประคองคอของร่างบางขึ้นมาบนตัก..แต่ก็ไม่เป็นผลมากนักเมื่อร่างบางคอหักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ร่างสูงได้แต่นั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่เคียงคู่กับร่างบางที่บัดนี้ไม่มีแม้แต่ลมหายใจแล้ว

     

     

     

     

    3 เดือนผ่านไป

     

     

    “คิบอม”เสียงใสของร่างบางดังขึ้นจากห้องนอนเพื่อเรียกร่างสูงให้เข้ามาในห้องนอนของตน เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางที่ขนาดใหญ่กว่าตัวบ่งบอกได้ดีว่าไม่ใช่ของตน ร่างสูงที่ท่อนบนเปลือยเปล่าก้าวเข้ามายังห้องนอนที่เฟอร์นิเจอร์ถูกประดับด้วยสีส้มทั้งหมด...จากที่เมื่อก่อนมันเคยเป็นสีเหลือง

    “มีอะไรเหรอครับ ที่รัก

    “คิบอม อุ้มฉันไปที่ห้องน้ำหน่อยสิ ฉันเดินไม่ไหว”

    “ขี้อ้อนจังเลยนะ ฮยอกแจของผม”ร่างสูงค่อยๆอุ้มร่างบางขึ้นมาจากที่นอน แต่ร่างบางกลับใช้แขนทั้งสองข้างที่ประสานมือกันอยู่ที่ท้ายทอยของร่างสูงรั้งร่างสูงโน้มตัวลงมา

    “คิบอม”

    “ครับ”

    “ฉันร้อนน่ะ”

    “...........”

    “แต่ฉันรู้สึกเหมือนไม่อยากอาบน้ำแล้วล่ะ”

    “.........”

    “คิบอมทำให้ฮยอกแจหายร้อนหน่อยได้มั้ย”

    “ได้เสมอครับ ฮยอกแจของผม”ร่างสูงโน้มใบหน้าลงไปที่คอระหงของร่างบางก่อนจะใช้ริมฝีปากทำรอยรักไว้เต็มคอระหงของร่างบาง เสียงครางเบาๆจากปากของร่างบางเริ่มสร้างให้อารมณ์ของร่างสูงมีเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

    “อื้อ..คิบอม..”

     

     

     

    ‘ถ้าคิบอมรักฉันเพียงคนเดียว ฉันก็จะไม่ตาย’

    ‘ถ้าคิบอมรักฉันเพียงคนเดียว ฉันก็จะไม่ตาย’

    ‘ถ้าคิบอมรักฉันเพียงคนเดียว ฉันก็จะไม่ตาย’

    ‘ถ้าคิบอมรักฉันเพียงคนเดียว ฉันก็จะไม่ตาย’

    ‘ถ้าคิบอมรักฉันเพียงคนเดียว ฉันก็จะไม่ตาย’

     

     

    เสียงของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วยังคงก้องกังวานในสมองอย่างไม่หยุดยั้ง ร่างสูงหยุดการกระทำทุกอย่างจากร่างอรชรดุจดั่งสตรีเพศตรงหน้า ภาพที่ร่างบางตกลงไปในหุบเหวมรณะ ภาพที่ร่างบางมีโลหิตออกจากร่างกายอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ภาพที่ทั้งคู่มีความสุข ภาพที่ทั้งคู่มีความรักร่วมกัน ถูกฉายขึ้นมาอย่างซ้ำไปซ้ำมา ร่างสูงใช้มือทั้งสองกุมหัวไว้ ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนมีใครมาจับที่ด้านหลัง

     

     

    ‘นายทำร้ายฉันตั้งแต่ต้น นายมีคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน นายมันหลอกลวง นายมันผู้ชายสองหน้า!!!’

     

     

    “ทงเฮ!!!!!!!!”ร่างสูงตะโกนอย่างสุดเสียงก่อนจะหันไปรอบๆห้องนอน ร่างสูงเห็นเพียงห้องนอนที่ถูกตกแต่งด้วยสีเหลือง ลมที่พัดจากหน้าต่างที่ถูกเปิดไว้เพียงเล็กน้อย ผ้าม่านสีขาวมุกยังคงปลิวไสวด้วยแรงลม ร่างบางที่นั่งอยู่ริมเตียงนอนอีกด้านหนึ่งหันมายิ้มให้กับร่างสูง

     

    “ทงเฮ....”ร่างสูงเอ่ยออกมาเมื่อเห็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคย ร่างบางสวมชุดสีขาวสะอาดพร้อมกับยิ้มให้ร่างสูงอย่างจริงใจ

    “คิบอม ฉันคิดถึงคุณนะ”

    “ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”

    “อย่าโกหก”

    “ผมไม่ได้โกหกคุณนะ”

    “งั้นพาฉันไปที่ที่นึงหน่อยสิ”

    “หน้าผาริมทะเลฝั่งตะวันออก”

     

     

     

    เหมือนร่างสูงจะถูกมนต์สะกดจากร่างบาง เพราะร่างสูงกลับไม่ได้นึกถึงคนที่บ้านอีกคนเลยว่าจะเป็นยังไงบ้าง เมื่อถึงยังจุดหมาย ร่างบางก็จูงมือร่างสูงให้เดินตามร่างบางไป

    “คิบอม”

    “หืม”

    “เดินไปที่ปากเหวนั่นด้วยกันนะ”

    “ครับ”มือบางจูงมือหนาให้เดินตามตนไป ทั้งคู่เดินมายังปากของหุบเหวมรณะ ร่างบางใช้มือของตนบีบมือของร่างสูงอย่างเต็มแรง ทำให้ร่างสูงแทบจะร้องเพราะความเจ็บปวดในทันที

    “โอ้ยยยย!” ร่างสูงเมื่อหันไปทางร่างบางอีกทีก็พบว่าไม่มีร่างของร่างบางอยู่แล้ว เมื่อร่างสูงเริ่มพอจะมีสติขึ้นมาบ้างจึงมองลงไปยังด้านล่าง แผ่นหินใหญ่นั่นยังคงมีคราบเลือดของผู้มีรักอันบริสุทธิ์นับหลายหมื่นศพอยู่เช่นเคย เมื่อร่างสูงตั้งใจจะกลับหันหลังเพื่อกลับไปยังรถสปอร์ตคันหรู หางตาก็เหมือนได้พบเห็นสิ่งที่คล้ายกับวันนั้น

     

    .....ผ้าคลุมไหล่สีขาวมุกที่ปลิวล่องลอยไปกับอากาศ....

     

    เมื่อร่างสูงมีความรู้สึกเหมือนได้เห็นสิ่งนั้นจึงตัดสินใจมองกลับไปยังจุดเดิมที่ด้านล่าง ภาพที่เห็นคือร่างบางนอนจมกองเลือดสีแดงสดอย่างน่าสยดสยอง ร่างสูงเริ่มรู้สึกเหมือนมือที่ด้านซ้ายของเขาจะเปียกอย่างแปลกๆ เมื่อสายตามองลงไปก็ต้องพบกับโลหิตสีแดงสดที่ไหลไม่หยุด ร่างสูงเริ่มรู้สึกหวาดวิตกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับ...ผ้าคลุมไหล่ผืนเดิมที่ติดอยู่บนกิ่งไม้

     

     

     

    เมื่อร่างสูงกลับมายังบ้านพักตากอากาศริมทะเลแห่งนั้นก็ต้องเดินทางไปยังโรงพยาบาลทันที เนื่องจากผู้เป็นที่รักของร่างสูงอีกคนหรือ ‘อีฮยอกแจ’ มีอาการเป็นตายเท่ากัน เนื่องจากร่างบางพยายามปลิดชีวิตตัวเองโดยการผูกคอตาย..แต่ก็ไม่สามารถจะลาโลกนี้ไปได้เพียงเพราะร่างสูงสามารถเข้าไปช่วยได้ทัน

     

    “คุณคะ ดิฉันว่าคุณควรไปทำแผลนะคะ ที่ข้อมือคุณ...เลือดยังไม่หยุดไหลเลยค่ะ”พยาบาลสาวเอ่ยทักร่างสูงขึ้นเมื่อเห็นสภาพข้อมือของร่างสูงที่เรียกได้ว่าสยดสยองไม่แพ้คนตาย...เนื้อเหมือนถูกกรีดด้วยมีดแหลมคม..กรีดลึกไปจนถึงข้างในพอสมควร...หากเพียงแต่ร่างสูงไม่ได้โดนกรีดข้อมือด้วยมีด

    .......แต่ถูกอีทงเฮกรีดข้อมือด้วยแรงอาฆาต.....

     

     














    Writer Talk.

     

    ไรเตอร์จะบอกว่าแต่งเองหลอนเอง (บ้ารึเปล่าวะ)

    ก็เรื่องนี้เป็นแนวหลอนๆที่ไรเตอร์แต่งครั้งแรกในชีวิตนะคะ

    ยังไงก็ช่วยติชมกันด้วย

    แล้วก็ วันพุธนี้หลายๆคนก็คงจะต้องไปโรงเรียนกัน

    ยังไงก็ตั้งใจเรียนกันทุกคนนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×