ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ] Illusion แค่ภาพลวงตา[Kihae]

    ลำดับตอนที่ #2 : Illusion : Chapter 1 [rewrite]

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 54


    Chapter 1 …  [rewrite]

     

     

     

    ท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนกันไปมาประเทศที่ไม่คุ้นเคย ที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพังโดยไร้ซึ่งคนที่จะเดินเคียงข้างไปด้วยกัน หิมะที่ตกโปรยปรายลงมา ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษแห่งนี้ คือสถานที่แห่งความรักที่คู่รักคู่หนึ่งจะจดจำไว้ตลอดกาล...หากความรักของพวกเขายังคงอยู่และร่ำร้องเรียกหาซึ่งกันและกัน เมื่อหิมะที่โปรยปรายเริ่มหยุดลง แสงอ่อนๆจากดวงอาทิตย์ก็เริ่มฉายขึ้นมาอีกครั้ง ระฆังที่ดังกังวานจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ได้เตือนให้ผู้คนเดินเข้าหาเพื่อทำพิธีกรรมทางศาสนา ขาทั้งสองที่เดินเข้าไปอย่างช้าๆก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวในโบสถ์ มือเรียวถือคัมภีร์ไบเบิลไว้ก่อนจะเปิดมันเพื่อสวดมนต์และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า

     

    เหงา...จนแทบจะขาดใจ

    เดียวดาย..เหมือนอยู่คนเดียวบนโลก

     

    เมื่อพิธีกรรมทางศาสนาจบลง ทุกคนต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านหรือไปทำธุระอย่างอื่นต่อ เหลือเพียงชายหนุ่มที่มีร่างผอมบางและใบหน้าที่สวยหวานราวกับสตรีผู้เลอโฉมก็มิปาน ร่างบางยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่ภายในโบสถ์ที่สวยงามแห่งนี้ น้ำตาที่ไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยแสดงถึงอารมณ์ข้างในจิตใจได้เป็นอย่างดีว่าเศร้าเพียงใด

     

    ‘เราจะแต่งงานกันที่นี่’

     

    เสียงทุ้มนี้ยังคงดังก้องกังวาลในสมองของเขาและยังคงไม่จางหายไป รอยยิ้มจากใบหน้าหล่อที่พูดกับเขาตรงหน้าโบสถ์ เขายังจำมันได้ดีเสมอ มือหนาที่จับมือบางจุมพิตอย่างอ่อนโยน การคุกเข่าที่แสดงถึงความอ่อนโยนอย่างสุภาพบุรุษต่อคนตรงหน้า...บัดนี้..ไม่มีอีกแล้ว

                มือบางเช็ดน้ำตาบนใบหน้าด้วยตนเองก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ขายาวพาร่างบอบบางนี้ออกไปยังสถานที่อันวุ่นวายเช่นเดิมทุกวัน

     

    ใครกัน...ที่เคยเช็ดน้ำตาให้เมื่อร้องไห้

     

    ร่างบางเดินไปยังสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านมากหน้าหลายตาที่ต้องการจะมาจับจ่ายซื้อสิ่งของที่ตนปราถนา ขาเรียวหยุดก้าวเดินต่อ.. ชุดแต่งงานของชายหญิงที่ยืนอยู่คู่เคียงกัน

     

    จำเป็นหรือ..ที่สตรีจะต้องอยู่เคียงคู่กับบุรุษตลอดกาล

     

    ร่างบางตัดสินใจสลัดความคิดทั้งหมดออกจากหัวสมองก่อนจะก้าวเดินต่อไปยังสถานีรถไฟใต้ดินผู้คนช่างรีบร้อนยิ่งนักเพราะภาระหน้าที่ของพวกเขาที่จะต้องรับผิดชอบ รถไฟโดยสารในที่สุดก็ได้จอดเพื่อรับผู้โดยสารอย่างเช่นทุกวัน ร่างบางเดินเข้าไปในรถไฟใต้ดินก่อนจะหาที่นั่งที่ว่างและนั่งลง คนด้านข้างของร่างบางที่อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับของวันนี้พร้อมกับถือคาปูชิโน่ร้อนถ้วยหนึ่งเพื่อจิบไปพลางระหว่างการอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อรับข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน

     

    ใครกัน..ที่เคยอ้อนให้เราชงคาปูชิโน่ให้ทานทุกเช้า

    ใครกัน...ที่ไปหยิบหนังสือพิมพ์พร้อมกับนมสดที่หน้าบ้านแล้วเดินกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม

     

    ระบบสั่นจากโทรศัพท์เครื่องสวยในกระเป๋าเสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อนบ่งบอกถึงการที่ใครสักคนต้องการสื่อสารให้เขาได้รับทราบ

     

     Park Jungsoo

     

    “สวัสดีครับพี่จองซู”

    (ทงเฮ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย ตอนนี้ว่างรึเปล่า)

    “ครับ ตอนนี้คุยได้”

    (พอดีคิบอมไม่ว่างจะโทรหาทงเฮน่ะ เลยฝากให้พี่บอกทงเฮว่าตอนนี้คิบอมกลับไปอังกฤษไม่ได้ซักระยะ ถ้าทงเฮต้องการเจอคิบอมก็ให้รอหรือไม่ก็กลับมาเกาหลี)

    “คิบอมงานยุ่งมากเลยเหรอครับ”

    (ใช่ พอดีคุณอามิยองต้องการให้คิบอมดำเนินเรื่องโปรเจคใหม่ของบริษัทน่ะ คุณอามิยองมีโครงการจะเปิดตัวโรงแรมและรีสอร์ทใน5ประเทศพร้อมๆกัน  แต่ตอนนี้งานเดินช้ามาก คิบอมเพิ่งติดต่อสถาปนิกออกแบบได้เอง)

    “แล้วทำไมเขาถึงไม่ติดต่อผมเลยล่ะครับ”

    (เขาคงยุ่งน่ะ ตอนนี้คิบอมแทบไม่มีเวลานอนเลยด้วยซ้ำมันเป็นโปรเจคใหญ่ของบริษัท ทงเฮต้องเข้าใจคิบอมด้วยนะ)

    “ครับ ผมจะพยายามเข้าใจ”

    (ทงเฮ...เหงาใช่ไหม)

    “ครับ”

    (พี่พูดอะไรไม่ได้มากหรอกนะ แต่พี่จะพูดให้ทงเฮฟังอยู่ประโยคนึง)

    “....”

    (อย่าเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็นเด็ดขาด เรารู้ดีแก่ใจว่าความจริงคืออะไร จงอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น)พูดจบชายหนุ่มก็วางสายไปปล่อยให้ร่างบางคิดไตร่ตรองกับสิ่งที่เพิ่งได้ฟัง

     

    คิบอมไม่ว่างถึงขั้นไม่คิดจะโทรหาคนที่บอกว่าจะแต่งงานด้วยน่ะเหรอ..

    ไม่ว่าง....หรือไม่เคยคิดจะใส่ใจกันแน่

    แล้วอะไร...ที่เราไม่ควรจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

     

    ค่ำคืนที่ปกติทุกวันร่างบางจะเข้าบ้านหลังเล็กๆตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเพื่อใช้ชีวิตอยู่ในนั้น แต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ร่างบางกลับเลือกที่จะอยู่กับราตรีอันแสนยาวนานกับแสงสี ผู้คน เสียงเพลง และ แอลกอฮอล์ ร่างบางตัดสินใจนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ก่อนจะสั่งวิสกี้มาดื่ม

     

    “นี่ คุณคนสวย อย่างคุณน่ะแค่คอกเทลก็น่าจะพอแล้วนะ”สำเนียงภาษาอังกฤษของใครบางคนกำลังเอ่ยถามร่างบางที่เพิ่งสั่งเครื่องดื่มมาเมื่อสักครู่

    “......”

    “ผมกำลังคุยกับคุณอยู่นะคุณคนสวย คุณเป็นคนเอเชียใช่ไหม”

    “ครับ ผมเป็นคนเกาหลี”

    “อ้อ ผมปาร์คยูชอน ยินดีที่ได้รู้จักคุณ..”

    “ทงเฮ อีทงเฮ”

    “คุณทงเฮ คุณดื่มพวกวิสกี้ได้เหรอ”

    “ได้สิครับ นิดหน่อยเอง”

    “แต่ผมดูจากสีหน้าของคุณ คุณคงมีเรื่องเศร้าที่จะต้องให้แอลกอฮอล์มาบรรเทาความเศร้าของคุณสินะ ซึ่งนั่นก็อาจจะทำให้การดื่มของคุณคงไม่ได้มาเพื่อดื่มแก้วเดียว”

    “คุณรู้?”

    “ในเวลากลางคืน ชายโสดอย่างผมก็ไม่มีที่ไป ผมอยู่กับบรรยากาศแบบนี้แล้วก็คนที่จะมาปรับทุกข์กับการดื่มอย่างเช่นคุณเป็นประจำ ทำไมผมจะไม่รู้”

    “คุณมาทุกคืนเลยเหรอ”

    “มันก็แล้วแต่ว่าผมจะมีงานรึเปล่า อย่างเช่นวันนี้ที่ผมไม่มีงาน ผมก็ใช้ชีวิตกลางคืนส่วนใหญ่อยู่กับที่นี่”

    “แล้วกลางวันล่ะ”

    “วันไหนผมว่างผมก็จะนั่งทำงานอดิเรก ถ้าวันไหนผมไม่ว่างนั่นก็คือผมทำงาน”เมื่อร่างสูงพูดจบวิสกี้ในแก้วใบงามก็ได้ถูกวางตรงหน้าร่างบาง มือเรียวที่กำลังจะจับแก้วใบงามก็ได้ถูกมือหนารั้งเอาไว้

    “คุณจะห้ามผมทำไม”

    “ต่อให้คุณดื่มวิสกี้หมดผับนี้ คุณคิดว่าคุณจะลืมสิ่งที่คุณคิดอยู่ได้ไหม”ร่างโปร่งพูดจบก็หยิบแก้ววิสกี้ขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแก้วก่อนจะเรียกบาร์เทนเดอร์ที่อยู่ตรงหน้า

    “น้อง คอกเทลแก้วนึง ให้คุณคนสวยที่นั่งข้างๆพี่”

    “คุณยูชอนครับ ผมเป็นผู้ชาย”

    “ดูจากการแต่งตัวของคุณผมก็พอรู้ แต่คุณก็มีรูปร่างแล้วก็ใบหน้าไม่ต่างจากผู้หญิงเลย”

    “......”

    “ถ้าคำพูดของผมกำลังทำให้คุณทงเฮลำบากใจ ผมก็ต้องขอโทษ”

    “ไม่หรอกครับ ผมชินแล้ว”

    “คุณอีทงเฮ...ใช่ลูกชายคนโตของชินซองกรุ๊ปรึเปล่าครับ”

    “ครับ แล้วคุณทำงานอะไรเหรอครับ ถึงทำทั้งกลางวันแล้วก็กลางคืน”

    “อาชีพของผมน่ะ ใกล้ตัวสำหรับคุณมาก เพียงแต่ว่าเราจะได้พบเจอกันรึเปล่า ถึงเวลานั้นแล้วคุณก็จะรู้เอง”

    “คุณคงไม่อยากบอกผมตรงๆ งั้นผมก็จะไม่ถามต่อ”

    “ที่ผมไม่บอกคุณ เพราะผมเชื่อว่าสักวันคุณคงจะได้ยินชื่อผมซักครั้งจากการทำงานของผม ผมชื่อปาร์คยูชอน คุณจำไว้ให้ดีแล้วกัน”

    “นี่ คุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ”ร่างบางที่คุยกับชายหนุ่มเริ่มที่จะหัวเราะออกมาได้บ้างเล็กน้อย

    “ไม่รู้สิ ผมแค่รู้สึกว่า เราควรจะได้เจอกันอีก”

    “ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”

    “พรุ่งนี้คุณว่างไหม”

    “ครับ พรุ่งนี้ว่าง”

    “ไปเที่ยวกับผมวันนึงได้ไหม ผมไม่ได้เที่ยวมาเกือบสองปีแล้ว”

    “ได้สิ ยินดี”

    “งั้นพรุ่งนี้ตอนสิบโมงเจอกันที่หน้าผับ ตกลงไหม”

    “ครับ คุณปาร์คยูชอน “ร่างบางพูดพร้อมกับรอยยิ้ม การได้พบเจอชายหนุ่มที่ดูดีคนนึงทำให้ร่างบางรู้สึกดีเลยไม่น้อยที่ได้ระบายกับใครบางคนในเรื่องที่ไม่สบายใจ

     

     

     

     

    “นี่ คุณยูชอน หันมาสิ ฉันจะถ่ายรูปให้”เพียงแค่ชั่วข้ามคืน สรรพนามที่ดูห่างเหินก็ดูสนิทสนมขึ้นมาทุกที ร่างบางเรียกร่างโปร่งที่หันหน้าเข้าหา บิ๊กเบน หอนาฬิกาที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามเพื่อให้หันหน้ามามองกล้อง ร่างโปร่งค่อยๆหันมาตามเสียงก่อนที่ร่างบางจะวิ่งเข้าหาร่างสูงแล้วก็กอดคอก่อนจะใช้ไอโฟนสี่ของตัวเองถ่ายรูปคู่

    “นี่ไง คุณดูสิ คุณหล่อมากเลยนะ”ร่างบางยื่นโทรศัพท์ให้ร่างโปร่งดูรูปที่เพิ่งถ่ายเมื่อซักครู่ ร่างโปร่งยิ้มให้เป็นคำตอบก่อนจะเดินนำหน้าร่างบางไป

    “เฮ้ย! คุณยูชอนรอฉันก่อนสิ

     

     

     

     

     

     

    “เข้ามาได้”เสียงทุ้มจากชายหนุ่มในห้องผู้บริหารดังขึ้นเมื่อเลขาสาวได้เคาะประตูเพียงเล็กน้อยเพื่อขออนุญาต

    “คิบอม ทำไมต้องเคาะประตูด้วยล่ะ”

    “ตามมารยาทที่ควรจะทำ”

    “แต่เจสเป็นว่าที่คู่หมั้นของคุณนะ”

    “เรื่องนี้ผมไม่สนใจ เพราะเป็นแค่ในนาม”

    “แต่เจสชอบคุณนะคะคิบอม”

    “เจสสิก้า ถ้าคุณยังไม่หยุดคำพูดของคุณก็ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้ ผมจะทำงาน!!”ร่างสูงที่เริ่มจะอารมณ์ไม่ค่อยดีก็เริ่มพูดเสียงดังใส่หญิงสาวก่อนที่เธอจะระเบิดอารมณ์กลับมาบ้าง

    “อ่อ เจสน่ะอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าคนในรูปนี่คุณคงให้อยู่ถึงเช้าแบบไม่ต้องกลับบ้านเลยล่ะสิ!!

    “รู้ไว้ซะก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องพูดมากให้เมื่อยปาก ผมไม่อยากจะทะเลาะกับพวกดีแต่ปากแต่จริยธรรมต่ำยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน”

    “กรี๊ดดดดดด คุณด่าฉันเหรอคะคิบอม”

    “แล้วแต่คุณจะคิด เพราะทั้งห้องมีแค่ผมกับคุณ ผมคงไม่โง่ด่าตัวเองหรอกนะ”

    “คิบอม วันนี้ฉันยอมออกจากห้องคุณก็ได้!!”ร่างของหญิงสาวที่สวมเดรสสีแดง รองเท้าส้นสูงสีแดง กระเป๋าหนังสีแดง พร้อมกับลิปสติกสีแดงที่ริมฝีปากเดินออกจากห้องของคิบอมออกไปอย่างไม่พอใจนัก

    “เข้ามาได้”เสียงประตูที่เคาะเพียงเล็กน้อยจากมือบางของเลขาสาวอย่างคิมยูบินทำให้ร่างสูงต้องตอบรับออกไป

    “ท่านประธานคะ วันนี้บ่ายสามทางคณะผู้จัดงานจะมีการประชุมเรื่องการจัดงานครบรอบ30ปีของบริษัทเรา ท่านประธานมีอะไรจะเสนอรึเปล่าคะ”

    “ช่วงเปิดงานเราจะเปิดโดยการให้น้องชายคนเล็กของผมบรรเลงเปียโนเปิดงาน ถ้าทางที่ประชุมเห็นด้วยก็เป็นไปตามนั้น แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ให้เขาคิดกันเอง”

    “วันนี้บ่ายสองครึ่งท่านประธานมีนัดเจรจาธุรกิจกับMr.Frankนะคะ”

    “ครับ”

    “แล้วก็ช่วงค่ำประมาณ1ทุ่ม ท่านประธานจะต้องไปงานแฟชั่นการกุศลของคุณอังเดร คิมค่ะ”(ไรเตอร์คิดได้แค่นี้==’)

    “ช่วง3ทุ่มมีนัดไดรฟ์กอล์ฟกับคุณคิมจุนโฮ”

    “ส่วนพรุ่งนี้ท่านประธานก็ต้องตื่นแต่เช้านะคะ เพราะว่าท่านประธานจะต้องไปร่วมพิธีงานแต่งงานในโบสถ์ของคุณลีซังอากับคุณคิมฮวางมิน”

    “.......”

    “ซึ่งท่านประธานจะต้องไปพิธีงานแต่งงานคู่กับคุณเจสสิก้าค่ะ”

    “แล้วก็...”เธอตัดสินใจหยุดพูดไปชั่วขณะเพื่อที่จะไตร่ตรองให้แน่ชัดอีกครั้งว่าควรพูดไปดีไหม

    “อะไรคุณยูบิน พูดมา”

    “อีกสองวันคุณทงเฮจะบินกลับมาเกาหลีค่ะ”ร่างสูงจากที่มือจับปากกาหูฟังเลขาร่ายตารางงานให้ฟังก็ต้องถึงขั้นวางปากกามามองหน้าเลขาสุดสวยของเขาเพียงเพราะประโยคสุดท้าย

    “ทงเฮจะกลับมา?

    “ค่ะ คุณทงเฮบอกกับคุณจองซูไว้ คุณจองซูจึงมาบอกดิฉันอีกทีค่ะว่าให้รายงานท่านประธานด้วย”

    “รู้ไหมว่ามาไฟลท์กี่โมงแล้วถึงเกาหลีกี่โมง”ร่างสูงที่ดูจะใจร้อนอย่างแปลกเอ่ยถามเลขาขึ้น ทำให้เธอมีสีหน้าที่ดูไม่สู้ดีนัก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วเอ่ยตอบอย่างปกติที่สุด

    “ถึงประมาณสิบโมงครึ่ง..ช่วงที่ท่านประธานจะต้องเข้าพิธีหมั้นกับคุณเจสสิก้าค่ะ”

     

     

     

    “คุณยูชอน สวยจังเลยอ่ะ คุณรู้ไหมว่าฉันอยู่ที่อังกฤษมา5ปี แต่ฉันไม่เคยได้มาเที่ยวจริงๆ”

    “ผมก็ไม่ได้มาเที่ยวที่นี่สองปีแล้วเหมือนกัน”

    “ว้าว คุณยูชอน เรามาทันเวลาพอดีเลย”

    “ผมคำนวณเวลาไว้แล้วน่ะ”

    “คุณนี่เก่งสุดๆไปเลย ในที่สุดฉันกห็ได้มาดูการผัดเปลี่ยนเวรของที่นี่”

    “พระราชวังบักกิ้งแฮม จะมีการแสดงการผลัดเปลี่ยนเวรแค่วันละครั้งเท่านั้น”ร่างบางที่สายตาเอาแต่จ้องมองการแสดงตรงหน้าทำให้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตอนนี้ร่างโปร่งกับร่างบางได้จับมือกันโดยไม่รู้ตัว

    “สวยจังเลยเนอะ ว่าไหม”ร่างบางที่ยิ้มอย่างมีความสุขหันไปหาร่างโปร่ง ทำให้ร่างบางได้รู้ว่าเขากำลังถูกร่างโปร่งมองอยู่ตลอด สายตาของทั้งสองคู่จ้องมองกันอย่างไม่วางตาโดยบังเอิญ ก่อนที่ร่างบางจะเป็นคนหลบสายตา ออกห่างจากความอึดอัดในชั่วขณะนี้เสียที

    “ถ้าดูจบเราไปหาอะไรกินกันนะ ฉันหิวแล้ว”เป็นร่างบางที่พูดออกมาอย่างเอาแต่ใจเล็กน้อย ก่อนที่จะหันกลับไปดูการแสดงตรงหน้าอย่างจริงจังอีกครั้ง

     

     

     

     

     

    “นี่ๆ คุณชอบมาที่นี่เหรอ”

    “ใช่ ไชน่าเทาวน์น่ะ ส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกอาหารเอเชีย ผมชอบกินอาหารจีนด้วย”

    “คุณถึงพาฉันมาร้านติ่มซำ”

    “คุณไม่ชอบเหรอทงเฮ”

    “เปล่าหรอก ฉันชอบมากเลยล่ะ เพียงแต่ว่าฉันไม่ค่อยได้มาน่ะ ส่วนใหญ่เขาจะพาฉันไปกินร้านหรูๆมากกว่า”

    “เขาคนนั้น...คงเป็นคนที่ทำให้คุณมาดื่มเมื่อคืนสินะ”

    “ใช่..แต่อย่าเพิ่งพูดถึงเขาเลย เรามากินกันดีกว่า”ร่างบางพูดด้วยรอยยิ้มเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าลำบากใจก่อนจะคีบอาหารโดยตะเกียบเข้าปากตัวเองอย่างไม่ค่อยจะเกรงใจซักเท่าไหร่

    “นี่”

    “หืม”

    “นี่ คุณยูชอน”

    “หืม”

    “ฉันป้อน”ร่างโปร่งรู้สึกงงกับสิ่งที่ร่างบางทำเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากรับอาหารเข้าไป

    “อร่อยมั้ย”

    “อืม”

    “ทีหลังถ้าคุณว่างเรามากินแบบนี้กันอีกนะ ถ้ามันจะไม่เป็นภาระของคุณมากเกินไป”

    “ยินดีเสมอ”ร่างบางเมื่อได้ยินคำตอบของร่างโปร่งก็เผยยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหุบยิ้มเล็กน้อยกับประโยคถัดมาของร่างสูง

    “เพียงแต่..”

    “อะไรเหรอ”

    “คนของคุณ...จะไม่ว่าผมใช่ไหม”

     

     

     

     

    Writer talk.

    รีไรท์กันอีก1ตอนค่ะสำหรับเรื่องนี้

    หลายคนอาจจะงงๆ(สำหรับคนที่อ่านตอนแรกไปแล้ว)

    ตอนแรกคิบอมบินมาเอง ทำไมรอบนี้ด๊องจะบินเองซะงั้น

    อย่าตกใจค่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าเป็นฟิคของนังนี่ ==’

    อ่อ เรื่องนี้ตาปาร์คเปลี่ยนอาชีพแล้วนะคะ (เดี๋ยวคนอ่านรอบแรกๆจะงงกัน)

    บอกไว้ก่อน ณ ตรงนี้เลยค่ะว่า “โครงเรื่องยังเหมือนเดิมทั้งหมด” ไม่ต้องตกใจค่ะ

    รับรองว่าเรื่องนี้เรยายังต้องพ่ายแพ้ใครบางคนในฟิคอีกเช่นเคย!

    (จะเป็นใครก็ต้องรอลุ้นค่ะ)

    สำหรับตอนนี้ไรเตอร์ขอตัวก่อนค่ะ ^__^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×