คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #71 : บทที่69: วิธีใช้ปราณมากกว่าหนึ่งธาตุ
บทที่69 วิธีใช้ปราณมากกว่าหนึ่งธาตุ
ผัวะ!!
“อั้ก!” คราวด์เสียหลักล้มลงก้นจ้ำเบ้า
หมัดของมาตาร์พุ่งจากด้านล่างกระแทกกับดาบของคราวด์จนดาบเปลี่ยนทิศกระเด็นขึ้นตามแรงต่อยของมาตาร์ ทำให้ชายหนุ่มผมแดงรอดพ้นจากดาบที่กำลังจะฟันเขาขาดกลางตัวได้
คราวด์และเซซิลตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหมัดของมาตาร์มีพลังสูงกว่าดาบของคราวด์เสียอีก
เมื่อเท้าติดพื้น ถึงจะส่งพลังได้ไม่เต็มที่เพราะบิดข้อเท้าไม่ได้ก็ตาม แต่เท่านั้นก็เพียงพอให้มาตาร์ใช้หมัดความเร่งแล้ว เขายังใช้ปราณลมหมุนวนคลุมหมัดเพิ่มความรุนแรง และผนึกเวทกับพลังจิตเพื่อลดทอนผลของสายฟ้าจากดาบของคราวด์ด้วย แต่ผลจากสายฟ้าในดาบก็ทำให้มือของมาตาร์รู้สึกชาอยู่ดี
แล้วมาตาร์ก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เบื้องล่าง เมื่อเท้าของเขาสามารถยกขึ้นจากพื้นได้แล้ว
มาตาร์หันกลับไป แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อเซซิลที่เดิมทีใส่ชุดผ้าสีขาวทั้งตัว สวมเกราะสีดำที่คลุมมิดไปทั้งตัวปิดบังไปหมดแม้กระทั่งใบหน้า
“อะไรครับนั่นน่ะ” ทีดัสถามขึ้นเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของเซซิล
“นั่นคือพลังจิตของพี่เซซิลไงล่ะ เกราะนักรบดำ” ซีดานเฉลยถึงความสามารถของเซซิล
“ผมว่าซื้อเกราะมาใส่สะดวกกว่ารึเปล่าครับ ไม่เห็นต้องเปลืองพลังจิตสร้างเกราะมาใช้เองเลยนี่นา” ทีดัสยังสงสัยถึงประสิทธิภาพของมันเมื่อต้องแลกกับความจุของพลังจิตที่เสียไปในการสร้างแค่เกราะมาใช้เอง
“เจ้าบ้า มันไม่ใช่เกราะธรรมดาหรอกนะ เกราะนั้นทลายขีดจำกัดพลังธาตุตามปกติได้เชียวนะ” ซีดานเอ่ยถึงความเจ๋งของเกราะที่เซซิลสวมอยู่
“ยังไงครับ” ทีดัสถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ปกติมนุษย์เลือกปราณได้แค่ธาตุเดียวใช่มั้ย” ซีดานถามลองภูมิทีดัส
“ใช่ครับ พี่เซซิลเค้าเป็นเผ่ามนุษย์ธาตุแสงใช่มั้ยครับ” ทีดัสตอบ
“แต่เกราะนั้นพี่เซซิลใส่ความสามารถให้ผู้ใส่สามารถใช้ปราณความมืดได้ด้วย” ซีดานเฉลย
“ฮ้า!! พลังจิตทำของแบบนั้นได้ด้วยเหรอครับ” ทีดัสตื่นตกใจที่เกราะมันทลายขีดจำกัดของเผ่ามนุษย์ตามปกติลงไปได้ด้วย
“เพราะธาตุแสงกับธาตุความมืดเสริมกันได้นั่นแหละ เมื่อรู้ลักษณะของแสงดีแล้วก็จะเข้าใจความมืดด้วย ตามปกติพี่เซซิลก็ใช้ปราณความมืดจำนวนน้อยนิดคอยเสริมปราณแสงได้อยู่แล้ว ชุดเกราะนั่นแค่ขยายขอบเขตปราณความมืดให้ใช้ได้เต็มความสามารถเหมือนมนุษย์ที่เลือกใช้ปราณความมืดเท่านั้นเอง” ซีดานอธิบายถึงความสามารถของเกราะนักรบดำ
“แค่นั้นก็สุดยอดแล้วพี่ซีดาน”
ทีดัสเข้าใจดีว่าการที่มนุษย์ใช้ปราณได้สองธาตุมันแตกต่างกับมนุษย์ที่ใช้ปราณได้ธาตุเดียวเป็นอย่างมาก และนี่คือสิทธิพิเศษที่มีแต่เผ่ามนุษย์ที่ทำได้ เพราะถ้าเป็นเทพจะไม่สามารถใช้ปราณความมืดได้เลย ความสามารถในการใช้ธาตุอันหลากหลายไร้ขอบเขตคือความสามารถของเผ่ามนุษย์
มาตาร์ยังคงมองเซซิลด้วยความแปลกใจ แต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดมากนักเมื่อขณะนี้คือช่วงเวลาของการต่อสู้
ถึงแม้ว่าคราวด์จะเสียหลักไปแล้วก็ตาม แต่มาตาร์ก็ยังคงต้องปล่อยคราวด์เอาไว้ตามแผนตัดกำลังทั้งคู่พร้อมๆกัน ดังนั้นมาตาร์จึงพุ่งเข้าไปหาเซซิลที่สวมเกราะสีดำทั้งตัวแทน โดยลืมไปเลยว่ากติกาในการประลองนี้ไม่จำเป็นต้องตายก็ถอนตัวออกไปได้
“ยอมแพ้!!” คราวด์ประกาศออกมาแล้วถอนตัวออกไปทันที เขารู้ว่าแผนของมาตาร์คืออะไร ตอนนี้ถ้าเขายังคงต่อสู้อยู่ก็คงได้แต่เป็นตัวถ่วงเท่านั้นเอง
มาตาร์รู้สึกว่าผิดแผนขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ใช่เวลาจะลังเล
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
หมัดพลังจิตของมาตาร์ถูกปล่อยออกไปสามหมัดติดๆกัน
ควากก!!
เซซิลสะบัดดาบเป็นแนวกลางอากาศ ปรากฏเป็นรอยฉีกสีดำขึ้นมา แล้วหมัดพลังจิดของมาตาร์ก็ถูกเจ้ารอยสีดำนั่นดูดกลืนหายไปหมด
แวบ! แวบ! แวบ!
ลำแสงสามสายพุ่งออกมาจากรอยฉีกนั้นแทนแล้วเข้าจู่โจมมาตาร์ทันที
“เฮ้ย!” มาตาร์อุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเขาถูกสวนอย่างไม่คาดคิด
เพียะ! ฟุบ! ฟุบ!
มาตาร์ผนึกปราณจิตเวทใส่หมัดแล้วปัดลำแสงได้สายหนึ่ง ส่วนอีกสองสายเขารับเข้าไปเต็มๆ
“อั้ก!” มาตาร์ส่งเสียงร้องออกมา ลำแสงสองสายทิ่มเข้าไปที่ลำตัวของเขา
‘สุดยอด! นี่มันความมืดกับแสงทำงานด้วยกันเหรอเนี่ย ไอ้ที่ทำให้เรายกขาไม่ขึ้นตอนแรกนั่นก็พลังดึงดูดของความมืดสินะ’ มาตาร์คิดขึ้นพร้อมกับใช้ปราณเยียวยาตัวเองไปด้วย
“โอ้โห! นายผมขาวนั่นเก่งจังเลยนะ” โรสที่ดูอยู่ไกลๆกับสามสาวเอ่ยชมขึ้นมาเมื่อเห็นพลังของเซซิล
“มาตาร์ยังไม่ได้เอาจริงเลยนะ” โมเรน่าพูดขึ้นมา
“เอ๋? พี่มาตาร์ยังเก่งได้มากกว่านี้อีกเหรอ” โรสซึ่งไม่เคยเห็นมาตาร์สู้จริงๆมาก่อนเลยย่อมไม่รู้ว่ามาตาร์ทำอะไรได้บ้าง เพราะครั้งเดียวที่เห็นมาตาร์สู้คือตอนที่เล่นรุมสกรัมเจ้าแมวเสือในป่าแมวเปลี่ยวเมื่อนานมาแล้ว
“ถ้าเอาจริงก็คงชนะได้ แต่ไม่รู้ว่ามาตาร์จะทำอะไรเหมือนกัน” โมเรน่าพูดขึ้นมาอีก
โรสรู้สึกทึ่งขึ้นมาทันที เพราะเมื่อตอนป่าแมวเปลี่ยวในครั้งนั้นฝีมือของมาตาร์กับพวกโซล่าร์ซิสฯยังไม่แตกต่างกันมาก แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนว่ามาตาร์จะมีฝีมือเหนือล้ำพวกเธอไปไกลเลย
วูบ! ควากก! ควากก! ควากก!
เซซิลพุ่งตัวเข้าใส่มาตาร์พร้อมกับตวัดดาบกลางอากาศ สร้างรอยฉีกสีดำไปด้วยระหว่างทาง
มาตาร์ไม่ถอยแต่ยืนปักหลักรอรับดาบของเซซิล เพราะเขารู้ดีกว่าการโจมตีครั้งนี้ของเซซิลไม่สามารถหลบหนีได้ และเขาพร้อมจะเข้าแลก
ฟวับ! ฟิ้ว!!
ทันใดที่เซซิลเข้าสู่ระยะฟัน ดาบของเขาก็ตวัดใส่มาตาร์ มาตาร์เข้าสู่สมาธิเตรียมสวนเต็มที่ ชายหนุ่มใช้เคล็ดเท้าไร้เงาเสริมด้วยกงจักรลมที่ปลายเท้า พุ่งเข้าใส่เซซิลอย่างรวดเร็ว
หมับ!!
มาตาร์ใช้มือซ้ายคว้าข้อมือของเซซิลเพื่อหยุดสภาวะดาบและล็อกร่างเซซิลเอาไว้ด้วยแล้วกระชากมือของเซซิลเข้าหาตัวอย่างแรงด้วยเคล็ดความเร่ง ส่วนแขนขวาก็ใช้ออกด้วยการโจมตีแบบที่เขาไม่เคยลองมาก่อนเลย นั่นคือศอกเสริมด้วยเคล็ดลมหมุนวน
‘จะได้ผลมั้ยนะ’ มาตาร์คิดขึ้นมาในขณะที่อยู่ในโลกอันหยุดนิ่งของสมาธิ
ปึ้กก!!
เสียงกระแทกแน่นๆที่เกิดจากเคล็ดเพลงมวยของมาตาร์ผสมกับศอกที่เสริมด้วยลมหมุนวนดังขึ้น
แวบ! แวบ! แวบ! แวบ! แวบ! แวบ! แวบ!
แล้วทันใด พร้อมกันนั้นลำแสงเป็นสิบสายก็พุ่งออกมาจากรอยฉีกสีดำที่เซซิลสร้างเอาไว้ เข้าโจมตีมาตาร์
ฟืดด! ฉึกก!! ฉึกก!! ฉึกก!! ฉึกก!! ฉึกก!! ฉึกก!!
เซซิลไถลไปตามพื้นอย่างแรง ศอกของมาตาร์เข้ากระทุ้งที่ลิ้นปี่จนเขากระอักเลือดออกมาพร้อมกับเกราะนักรบดำที่แหลกสสลายไป ส่วนมาตาร์ถูกลำแสงนับสิบปักใส่ร่างจนเป็นเม่น
“พี่มาตาร์!!/มาตาร์!!!” โรสและสามสาวประสานเสียงกันด้วยความเป็นห่วง
“พี่เซซิล!!” ส่วนอีกด้านหนึ่งชายทั้งสี่คนที่ดูอยู่ก็อุทานออกมาด้วยความเป็นห่วงเหมือนกัน ยกเว้นอยู่คนหนึ่งในกลุ่มที่ไม่ส่งเสียงอะไรออกมาเลย
“โอย~ย” เซซิลครางออกมาอย่างอ่อนแรงแล้วพยุงตัวลุกขึ้นมา “อ๊อก!!” แต่อาการบาดเจ็บภายในก็ทำให้เขาต้องกระอักเลือดออกมา ท่าทางการโจมตีของมาตาร์ครั้งนี้จะมีผลเยอะพอสมควร
ส่วนอีกด้านหนึ่งมาตาร์ก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไหร่
“อูย~ย” มาตาร์ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อเลือดไหลนองออกมาเต็มพื้นจากบาดแผลนับสิบที่เกิดจากการทะลวงของลำแสง
ตุ้บ!!
มาตาร์ทรุดลงไปเมื่อเขารู้สึกหน้ามืดเนื่องจากเสียเลือดจำนวนมาก
“คุณเซซิล ...ผมยอมแพ้” มาตาร์รวบรวมกำลังเอ่ยยอมแพ้ออกมาก่อน เพราะเขาสู้ต่อไม่ไหวแล้ว
“ผมก็..ยอ..ม..แพ้แล้ว อ๊อก!!” เซซิลก็รู้ตัวเหมือนกันว่าสู้ต่อไม่ไหวแล้วพร้อมๆกับกระอักเลือดออกมาอีก แถมถ้ายังต้องสู้กันถึงตายก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเป้าหมายของทั้งคู่ก็บรรลุแล้ว
และแล้วในที่สุดการต่อสู้ของทั้งคู่ก็จบลงในลักษณะนี้นี่เอง
หลังจากที่ปฐมพยาบาลและดื่มน้ำยารักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้นกันเรียบร้อย
“แล้ววันแข่งคงได้เจอกันนะคุณมาตาร์” เซซิลพูดขึ้นพร้อมยื่นมือออกมา ขณะที่ยืนอยู่ในพื้นที่พิเศษกับเพื่อนร่วมทีมอีกสี่คน
“แล้วเจอกันคุณเซซิล” มาตาร์ตอบกลับพร้อมกับยื่นมือออกมาจับ
แล้วชายทั้งห้าก็หายไปในพื้นที่พิเศษหน้าสนามต่อสู้
“เฮ้อ” มาตาร์ถอนหายใจออกมาพร้อมกับทรุดร่างลงพื้นทันที
“พี่มาตาร์! เป็นอะไรคะ” โรสอุทานออกมาเมื่อเห็นว่ามาตาร์ลงไปนั่งกองกับพื้น
“ไม่มีอะไรหรอกโรส แค่เหนื่อย” ถึงแม้อาการบาดเจ็บจะรักษาได้ แต่ตวามเหนื่อยและอ่อนเพลียนั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้การพักผ่อนเท่านั้น หรือไม่ก็ตายสักครั้งก็จะหายเหนื่อยเหมือนกัน
“มาตาร์ไปนอนพักใต้ต้นไม้นั่นมั้ยคะ เดี๋ยวคลาร่าร้องเพลงกล่อมให้นะ” แม่หมาป่าสาวชี้ไปที่ต้นไม้ที่มาตาร์เคยร้องเพลงกล่อมให้พวกเธอตอนตายครั้งหนึ่งเมื่อตอนสู้กับโลกอส
“อ๊ะ!! นอนหนุนตักโมเรน่านะ” แม่เสือสาวเสนอตักตัวเองให้ชายหนุ่มนอนหนุน
“บราวนี่ทำเอง” แม่เหยี่ยวสาวดึงมือมาตาร์ไปที่ใต้ต้นไม้ทันที เพราะเธอเคยบอกมาก่อนหน้านี้แล้วว่าเธออยากจะร้องเพลงกล่อมมาตาร์เอง เมื่อครั้งที่มาตาร์ตายหลังจากล้างแค้นโลกอสสำเร็จ
แล้วสามสาวก็ยื้อแย้งกันฉุดมาตาร์ไปนอนหนุนตักตัวเองใต้ต้นไม้นั้นให้ได้ โรสตื่นตะลึงกับภาพที่สาวๆสามคนยื้อแย่งชายหนุ่มคนเดียว แต่เธอก็เดินตามไปเงียบๆพร้อมกับแอบยิ้มอยู่เหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าพี่ชายผมแดงคนนี้จะเสน่ห์แรงขนาดนี้
สุดท้ายแล้วบราวนี่ก็ได้สิทธิ์ในการให้มาตาร์นอนหนุนตักเพราะถือว่าเคยพูดออกมาก่อน โดยมาตาร์ก็ยอมแต่โดยดีเพราะไม่อยากจะขัดใจสาวๆ ถึงจะเขินโรสที่มองอยู่อย่างขำๆก็ตาม
“เดี๋ยวพวกคริมซั่นฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยฝึกกันนะโรส” มาตาร์พูดขึ้นมาขณะที่นอนหนุนตักบราวนี่อยู่โดยมือของแม่เหยียวสาวจับหัวของเขาเอาไว้ไม่ให้อีกสองสาวแย่งไปได้
“ค่ะ” โรสตอบกลับแบบยิ้มๆกับท่าทางตลกๆของสามสาวและมาตาร์ที่มีสีหน้ายิ้มแบบลำบากใจ
“การต่อสู้จริงๆพวกเราคงจะพอเอาชนะได้แหละนะ” มาตาร์ชวนโรสคุยเมื่อเห็นเธอไม่มีอะไรจะทำ
“แต่ว่าพวกหนูแพ้กันหมดทุกคนเลยนะคะ ถ้าวันแข่งจริงเจอพวกนั้นเข้าไปจะสู้ได้เหรอคะ” โรสกล่าวออกมาอย่างกลุ้มใจ
“โรส พวกโซล่าร์ซิสฯมีอาวุธที่ยังไม่ได้ใช้ออกไป และเป็นอาวุธที่สำคัญมาก” มาตาร์กล่าว
“อะไรคะ” โรสสงสัย
“การต่อสู้เป็นทีมไงล่ะ” มาตาร์เฉลยให้โรสฟัง
“...” โรสยังไม่แน่ใจว่ามันจะช่วยได้ เมื่อฝีมือของพวกเธอแต่ละคนแตกต่างกับพวกห้าคนนั่นแบบสู้กันไม่ได้เลย
“ถึงโรสจะไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ แต่ขอให้มั่นใจในทีมของตัวเองนะ” มาตาร์พูดให้กำลังใจ
“ค่ะ” โรสขานรับอย่างสดใส เรื่องมั่นใจในทีมนี่ยังง่ายกว่ามั่นใจในตัวเองเยอะ เมื่อเธอเชื่อว่ามันไม่มีอะไรจะเจ๋งไปกว่ายอดมนุษย์ห้าสีอีกแล้ว
มาตาร์หลับตาลงแล้วเริ่มโคจรลมปราณทันที ความสบายาจากปราณลมถือว่าช่วยให้พักผ่อนได้ดีที่สุดในปราณธาตุทั้งเจ็ดแล้ว เพราะแต่ละธาตุก็มีจุดเด่นแตกต่างกัน
โรสเห็นท่าทางของมาตาร์แล้วก็เลยลองหลับตาโคจรปราณบ้าง เพราะเธอไม่ค่อยได้ฝึกเองคนเดียวสักเท่าไหร่ ปกติเวลาอยู่กับพวกโซล่าร์ซิสฯก็จะซ้อมเป็นคู่กันอย่างเดียว
ไอเย็นแผ่ออกจากร่างของโรสจนรู้สึกได้ มาตาร์ลืมตาขึ้นมาเพราะรับรู้ถึงความเย็นของอากาศรอบๆ
“โรส?” มาตาร์ฝืนตัวลุกขึ้นมาในขณะที่บราวนี่ก็พยายามกดหัวเขาลงไปบนตักเธออีกครั้ง
“คะ?” โรสลืมตาขึ้นมาแล้วก็ทำหน้าสงสัยว่าชายหนุ่มเรียกเธอทำไม
“ปราณน้ำแข็งนี่มันทำอะไรได้บ้างเหรอ” มาตาร์สงสัยเพราะตอนที่เขาโคจรปราณลมก็จะรู้สึกได้ถึงความสบายจนแทบจะเสพติด แล้วปราณสายอื่นมันจะมีความรู้สึกแตกต่างกันบ้างไหม
“...เย็นไงคะ” โรสก็ตอบกลับมาห้วนๆ เพราะเธอก็รู้สึกว่ามันเย็นจริงๆ
“ลองถ่ายปราณมาให้พี่หน่อยได้มั้ย” มาตาร์เริ่มอยากรู้อยากเห็น เพราะปราณลมมันสามารถถ่ายให้คนอื่นเพื่อเยียวยาได้ แล้วถ้าลองปราณสายอื่นจะให้ความรู้สึกอย่างไร
โรสก็ยังทำหน้าสงสัยอยู่แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เธอเอามือมาจับแขนมาตาร์ไว้แล้วถ่ายปราณน้ำแข็งให้ทันที
ทันใดนั้นมาตาร์รับรู้ถึงความเย็นที่ไหลเข้ามาที่แขนของตนเองได้ และยังมีความรู้สึกอย่างอื่นด้วย เลือดลมของเขาเริ่มไหลช้าลงและเริ่มง่วงขึ้นมา เพราะนี่คือลักษะของธาตุน้ำแข็ง คุณสมบัติสำคัญของมันคือหยุดนิ่ง
ตุบ!
มาตาร์เอนหลังลงจนหัวไปอยู่ที่ตักของบราวนี่เหมือนเดิม
“ว้าย! พี่มาตาร์” โรสตกใจที่เห็นว่าปราณของเธอทำให้มาตาร์หมดสติไป
สักพักหนึ่งมาตาร์ก็ได้สติขึ้นมาอีก เพราะได้รับปราณไปไม่มากนั่นเอง มาตาร์ลืมตาขึ้นมาก็เห็นสายตาของหญิงสาวที่แสดงความห่วงใยเขาอยู่เพราะเธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาหมดสติไป
“เป็นยังไงบ้างคะพี่มาตาร์ หนูขอโทษค่ะ” โรสกล่าวออกมาอย่างเป็นห่วง
“พี่หลับไปเหรอเนี่ย” มาตาร์แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาหมดสติไป พร้อมๆกับลุกขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็หนูถ่ายปราณให้พี่ได้แป๊บเดียว พี่ก็ล้มลงไปเลย” โรสเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟัง
“เอ้อ ไม่ได้บาดเจ็บอะไรหรอก แค่หลับไปเท่านั้นเอง ...ลองใหม่อีกครั้งได้มั้ย” มาตาร์ยังอยากลองอีกครั้ง เพราะเขาจำได้รางๆว่ามันมีความรู้สึกอะไรบางอย่างกับปราณของโรสที่เขารับรู้ได้ด้วย
“จะเอาอีกรอบเหรอคะ” โรสถามอย่างเป็นกังวล
“เอาน่า แค่หลับเอง ไม่ได้บาดเจ็บซักหน่อย ไม่ต้องกลัวหรอก แต่คราวนี้พี่อยากจะลองอะไรบางอย่างด้วย” มาตาร์ยื่นมือให้โรสเพื่อให้เธอถ่ายปราณให้
“อืม ...ก็ได้ค่ะ” โรสวางมือลงไปบนมือของมาตาร์เบาๆแล้วเริ่มถ่ายปราณให้อีกครั้ง
คราวนี้มาตาร์จับความรู้สึกของปราณโรสเอาไว้ตั้งแต่แรก มันเป็นความรู้สึกที่ปราณแปรสภาพไปเป็นไอเย็น ทำให้เลือดไหลช้าลง และร่างกายเข้าสู่สภาวะจำศีล
แต่มาตาร์ไม่ได้ทำเพียงแค่รับรู้แค่นั้น มืออีกข้างของเขาก็โคจรปราณลมของตัวเองเอาไว้ด้วย
ในขณะที่มือข้างขวารับปราณน้ำแข็งของโรสมา มือซ้ายของเขาก็โคจรปราณลมออกมา แล้วมันก็ค่อยๆเปลี่ยนไปช้าๆ จากลม กลายเป็นสายลมที่มีความเย็นเยียบ และเริ่มมีเกล็ดน้ำแข็งออกมาจากมือซ้ายของมาตาร์
โรสก็มองอยู่ด้วยความตกตะลึงเหมือนกัน จู่ๆปราณลมของมาตาร์ก็เปลี่ยนเป็นปราณน้ำแข็ง
“พี่มาตาร์ใช้ปราณน้ำแข็งเหรอคะ” โรสเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น ในขณะที่มือของเธอก็ยังไม่หยุดถ่ายปราณให้มาตาร์
“ไม่ใช่หรอกโรส พี่เป็นตัวขยายปราณของโรสออกมาต่างหาก” มาตาร์ตอบ เขาเพียงแค่เหนี่ยวนำปราณจำนวนน้อยนิดของโรสที่เขารับมาแล้วใช้ปราณของเขาเองขยายมันออกมาให้ใหญ่ขึ้นเท่านั้นเอง
“เหรอคะ? พี่มาตาร์ทำได้ยังไงอ้ะ” โรสสงสัยขึ้นมาเหมือนกัน
“ลองดูมั้ยล่ะ เดี๋ยวพี่จะลองถ่ายปราณลมให้โรส ดูซิว่าโรสจะใช้ลมออกมาได้มั้ย” มาตาร์ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำได้อย่างไร แต่ถ้าเขาทำได้โรสก็น่าจะทำได้
ดังนั้นเขาจึงถ่ายปราณลมของเขากลับไปหาโรสบ้าง
ปราณลมของมาตาร์เข้าสู่ร่างหญิงสาวผมชมพู ความรู้สึกเบาสบายแผ่ซ่านออกมาจนเธอเคลิ้มจนแทบจะลืมว่าควรจะทำอะไร
“โรส? เป็นไง” มาตาร์ถามขึ้น เรียกสติของโรสที่เคลิ้มอยู่ขึ้นมา
“อะ...เอ้อ ค่ะ” โรสขานรับแบบเขินๆแล้วลองจับความรู้สึกถึงปราณดู
มือซ้ายของโรสที่จับกับมือของมาตาร์อยู่รับปราณลมเข้ามา มือขวาของเธอใช้ปราณน้ำแข็งของตัวเอง เกล็ดน้ำแข็งเกาะตัวออกมาเป็นก้อน แต่ทำยังไงมันก็ไม่เปลี่ยนเป็นลม ทั้งๆที่เธอก็รับรู้ถึงปราณลมของชายหนุ่มได้
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ” โรสพูดออกมาเมื่อเห็นว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับเธอเลย
“ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้นะ โรสลองทำให้น้ำแข็งเคลื่อนไหวดูซิ” มาตาร์แนะ เพราะเขาคิดว่าโรสอาจจะยังไม่ได้ลองใช้ปราณแบบที่เขาทำ เมื่อธาตุลมมีคุณสมบัติสำคัญคือเคลื่อนไหว
“เอ๋? ...น้ำแข็ง? ...เคลื่อนไหว?” โรสยังงงกับสิ่งที่มาตาร์พูด น้ำแข็งมันหยุดนิ่ง แล้วจะให้มันเคลื่อนไหวได้ยังไง
ถึงจะยังงงๆกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูด แต่เธอก็ลองคิดจะเคลื่อนน้ำแข็งที่อยู่รอบๆแขนของเธอดู แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อน้ำแข็งที่เธอคิดว่ามันขยับไม่ได้ เปลี่ยนรูปร่างไปทั้งๆที่ยังแข็งอยู่ เหมือนกับน้ำแข็งมีชีวิตขึ้นมา
“อย่างที่คิดจริงๆ” มาตาร์พูดออกมาอย่างพอใจถึงผลลัพธ์ที่ได้แล้วก็เลิกถ่ายปราณให้โรส
โรสนิ่งอึ้งไปพร้อมกับความรู้สึกทึ่งที่สามารถเปลี่ยนคุณสมบัติของปราณน้ำแข็งได้ด้วย
“โรสดูนี่นะ” มาตาร์ปล่อยมือออกจากโรสแล้วลองใช้ปราณของเขาออกมา
สายลมแผ่ออกมาจากมือของมาตาร์ แล้วมันก็เริ่มมีความเย็นออกมาจนโรสเริ่มสงสัย
“ลมของพี่มาตาร์เย็นขึ้น ตกลงพี่ใช้น้ำแข็งได้จริงๆเหรอคะ” โรสสงสัยขึ้นมาอีก
“ไม่ใช่หรอก แต่พี่ขยายเขตปราณลมของพี่ไปทางน้ำแข็งได้เท่านั้นเอง” มาตาร์เฉลยสิ่งที่เขาทำ
“ขยาย?” โรสไม่เข้าใจคำนี้ของมาตาร์
“โรสจำรูปภาพความสัมพันธ์ของธาตุทั้งเจ็ดได้มั้ย ที่มีลมอยู่ตรงกลางแล้วก็มีธาตุธรรมชาติอีกสี่อย่างล้อมรอบแล้วมีเส้นลากเชื่อมโยงน่ะ” มาตาร์นึกย้อนไปถึงตอนที่เขาฟังข้อมูลเรื่องธาตุจากอาคารรับรองที่ถนนทางเลือกจากนาตาลี NPCสาวสวย ‘ตามปกติแล้ว ภารกิจธาตุนั้นจะเลือกได้เพียงธาตุเดียวนะคะ แต่ด้วยความสัมพันธ์ของธาตุธรรมชาติทำให้สามารถใช้ธาตุข้างเคียงได้ด้วย’
“ค่ะ จำได้ค่ะ” โรสก็นึกย้อนถึงรูปความสัมพันธ์ของธาตุทั้งเจ็ดขึ้นมาเหมือนกัน
“แล้วเห็นเซซิลมั้ย ที่เค้าใช้ได้ทั้งแสงและความมืดน่ะ” มาตาร์พูดถึงหัวหน้ากลุ่มชายห้าคนที่เพิ่งประลองเสร็จไป
“ค่ะ” โรสขานรับ แล้วก็เริ่มตามความคิดของมาตาร์
“พี่ก็สงสัยแหละว่าทำยังไงถึงจะสามารถใช้ธาตุข้างเคียงได้ ตอนนี้เรามีคำตอบแล้ว” มาตาร์พูดแล้วคิดถึงสิ่งที่เขาจะทำต่อไปเมื่อพวกโซล่าซิสฯทั้งหมดฟื้นขึ้นมา “มีปราณธาตุธรรมชาติครบแบบนี้ก็สบายล่ะ ฮึๆๆ”
อย่างนี้พวกโซล่าร์ซิสฯก็เทพกันหมดล่ะสิ ...แน่นอน รวมทั้งซิลเวอร์ด้วย -_-
ความคิดเห็น