ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #61 : บทที่59: มาตาร์กับเมโลดี้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.98K
      109
      21 ธ.ค. 54

    บทที่59 มาตาร์กับเมโลดี้

    “อือ” มาตาร์ค่อยๆลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาเห็นคือนัยน์ตาสีเขียวมรกตของคนที่เขาเอาหัวหนุนตักเธออยู่

    “ฟื้นแล้วเหรอคะพี่มาตาร์” หญิงสาวนัยน์ตาสีมรกตพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่ม

    มาตาร์พยายามจะลุกขึ้นแต่กลับถูกมือของหญิงสาวกดลงมาอีกจนเขาต้องสงสัย

    “มีอะไรเหรอเมล?” มาตาร์ถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมให้เขาลุกขึ้น

    “พี่มาตาร์คะ ไหนพี่สัญญาว่าจะไม่ตายแล้วกลับมาหาหนูไงคะ” เมโลดี้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “เอ๋?” ชายหนุ่มสงสัย ก็ในเมื่อเขายังไม่ตาย แล้วหญิงสาวก็ยังอยู่ตรงนี้ แล้วเขาผิดสัญญาตรงไหน ทำไมเธอถึงได้ดูโกรธแบบนี้

    “ไม่ต้องเอ๋เลยค่ะ วิธีสู้แบบแลกชีวิตนั่นมันอะไรกัน เอาตัวเข้ารับมีดเนี่ยนะ” เมโลดี้ทวนความทรงจำให้ชายหนุ่ม พร้อมกับกดไหล่ของชายหนุ่มเอาไว้แน่นเหมือนจะลงโทษเขาที่ไม่ยอมรักษาสัญญา

    “ตอนนั้นพี่ลืมคิดไปจ้ะ คิดแต่ว่าต้องชนะมันให้เร็วที่สุด แต่พี่ก็คิดว่ามันเป็นทางรอดที่มีโอกาสสูงสุดแล้วนะ” มาตาร์พยายามให้เหตุผล พร้อมๆกับมองหน้าหญิงสาวอย่างรู้สึกผิด

    “ฮื~อ พี่มาตาร์โกหกหนู” เมโลดี้ร้องไห้ออกมาอย่างเกินกลั้น มันเป็นความอัดอั้นตั้งแต่ที่เห็นชายหนุ่มล้มลงไปแล้ว เธอเป็นห่วงเขามาก ระหว่างที่เธอป้อนน้ำยาให้เขาในใจเธอก็มีแต่ความวิตกตลอดเวลา หยาดน้ำตาของเธอร่วงลงมาใส่ใบหน้าของชายหนุ่มที่อยู่บนตักของเธอ

    “เมล!” มาตาร์ตกใจมาก จู่ๆหญิงสาวก็ร้องไห้ออกมาแบบไม่มีวี่แวว ชายหนุ่มพยายามจะฝืนตัวลุกขึ้น แต่กลับโดนกดลงไปอีก

    แล้วจู่ๆ เมโลดี้ก็ก้มลงมากอดชายหนุ่มเอาไว้ทั้งตัว ทำเอามาตาร์ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหนดี ได้แต่นอนนิ่งๆให้เธอกอดเอาไว้

    “พี่มาตาร์บ้าที่สุด” เมโลดี้ก้มหน้าลงซบกับอกของมาตาร์ จริงๆแล้วตัวของเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าต้องการอะไรจากชายหนุ่มกันแน่ อย่างน้อยก็ควรมีปฏิกิริยาสักหน่อยสิ จะลูบหัวหรือกอดกลับก็ได้ แต่ชายหนุ่มกลับนิ่งเฉยทั้งๆที่เธอกอดเขาเอาไว้อย่างนี้

    “เวลาอย่างนี้คุณมาตาร์ต้องพูดอะไรออกมาซักหน่อยหรือกอดกลับนะ” แม่นางฟ้าผมทองโพล่งออกมาหลังจากเห็นชายหนุ่มที่ทำตัวไม่ได้ดั่งใจเธอเลย ทำเอาเมโลดี้สะดุ้งขึ้นมา เพราะลืมไปว่านางฟ้าของเธอก็ยังอยู่ด้วยกันตรงนี้ ทำเอาเมโลดี้เงยหน้าขึ้นเลิกกอดมาตาร์ทันที

    แต่แล้วมือของมาตาร์กลับคว้าตัวเมโลดี้กลับมากอดเอาไว้ ทำเอาเมโลดี้ตกใจหน้าแดงขึ้นมาทันที แต่เธอก็ไม่ได้ฝืนตัวอะไร

    “พี่ขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงทางรอดเอาไว้มากนัก แต่ที่พี่รอดมาได้ก็เพราะเมลยังอยู่ตรงนี้กับพี่นี่แหละ ไม่อย่างนั้นพี่ก็คงตายไปจริงๆ ขอบคุณเมลมากนะที่ช่วยพี่เอาไว้” มาตาร์พูดออกมาขณะที่กอดเมโลดี้เอาไว้ พร้อมๆกับลูบหัวเธอไปด้วย

    เมโลดี้เงยหน้าขึ้นมา ประสานตากับชายหนุ่ม เธอจ้องมองหน้าของเขาอย่างซึ้งใจ มาตาร์ก็จ้องกลับพร้อมกับยิ้มให้เธอน้อยๆ หญิงสาวหัวใจแทบจะละลายไปตรงนั้น เธอแค่ต้องการให้เขาแสดงออกถึงความรักต่อเธอบ้างสักเล็กน้อยเท่านั้นแหละ มันก็ช่วยให้เธอมีกำลังใจแล้ว

    ใบหน้าของเมโลดี้ค่อยๆเคลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าของมาตาร์เรื่อยๆ

    “อะแฮ่ม! คุณมาตาร์ก็ฟื้นแล้ว เราจะไปไหนกันต่อดีคะท่านเมโลดี้” เสียงนางฟ้าจอมกวนเรียกสติเมโลดี้ขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เธอลืมไปว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคนนะ

    เมโลดี้สะดุ้งกันมาทันที หน้าเธอแดงขึ้นมาเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะทำอะไรลงไป ถึงเธอจะเคยประกบปากกับมาตาร์หลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ชายหนุ่มไม่เคยมีสติสักครั้ง จะเรียกว่าเคยจูบกันก็เรียกได้ไม่เต็มปาก แต่เมื่อสักครู่เธอเกือบจะจูบเขาไปแล้ว

    “เอ้อ!! ...ร ...เราจะไปทำอะไรต่อดีคะพี่มาตาร์ จะกลับเมืองเลยมั้ย” เมโลดี้ละล่ำละลักถามชายหนุ่มที่นอนอยู่บนตักของเธอ

    “พี่ว่าพี่อยากจะเก็บทักษะอาวุธให้ถึงสามก่อนจ้ะ จะได้ไปรับภารกิจเสริมจิตซักที” มาตาร์พูดจาเรียบๆแล้วลุกขึ้นมาจากตักของหญิงสาวได้สำเร็จ

    “งั้นเราก็ไปล่านกกันต่อนะคะ” เมโลดี้พูดกลบเกลื่อนให้ดูเหมือนว่าเมื่อสักครู่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดปกติ แต่แก้มของเธอก็ยังแดงอยู่ดี

    “ไปสิ” มาตาร์ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอามือยีหัวเมโลดี้ ให้เธอหายเขิน

    “อ๊า!! พี่มาตาร์แกล้งหนู” เมโลดี้พูดอย่างร่าเริงพร้อมเอามือมาจัดผมเธอให้เข้าทรงเหมือนเดิม

    หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ออกมาจากบ่อศักดิ์สิทธิ์แล้วก็เริ่มล่านกในป่าฝูงนกต่อตามกำหนดการเดิม โดยเน้นให้มาตาร์เป็นคนต่อยนกทั้งฝูงเพื่อเพิ่มค่าทักษะมือเปล่า ซึ่งการฝึกก็เป็นไปอย่างยากเย็นกว่าเดิม เมื่อฝีมือของมาตาร์ก้าวหน้าขึ้น

    มาตาร์สามารถใช้ลมคุมพวกนกให้เข้าแถวมาให้เขาต่อยได้ง่ายขึ้น หมัดเดียวของชายหนุ่มสอยนกได้ร่วมสิบตัว ทำให้เขาต้องสู้กับนกหลายฝูงขึ้น ส่วนเมโลดี้กับแองเจล่าก็เน้นป้องกันตัวเองเอาไว้เฉยๆ

    “แองจี้ เธอใช้อาวุธอะไรรึเปล่าจ๊ะ” เมโลดี้ถามคู่หูของเธอในระหว่างการล่านกของมาตาร์

    “เราไม่ใช้อาวุธ ทักษะอาวุธอะไรก็ยังไม่มี ส่วนใหญ่เราใช้ตุ๊กตาจัดการให้ทั้งหมด” นางฟ้าแองเจล่ารายงานเจ้านายของเธอ

    “ถ้าอย่างนั้นน่าจะฝึกอาวุธระยะประชิดซักอย่างนึงนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นระยะประชิดจะเป็นจุดอ่อนของเธอ” เมโลดี้แนะนำนางฟ้าของเธอ

    “ท่านเมโลดี้ว่าเราควรจะฝึกอาวุธอะไรดีล่ะ” นางฟ้าถามย้อนกลับไป

    “แองจี้ชอบอาวุธอะไรล่ะจ๊ะ” เมโลดี้เริ่มสำรวจนางฟ้าของเธอ

    “เราไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ และก็ไม่เกลียดอะไรเป็นพิเศษ แต่เราว่าเราจะฝึกอาวุธที่ท่านเมโลดี้ใช้ได้ด้วยดีกว่า” แองเจล่าตอบ

    “ทำไมล่ะจ๊ะ” เมโลดี้สงสัย

    “ก็เพราะว่าตอนประสานร่างกัน ท่านเมโลดี้ก็จะได้ใช้ด้วยอย่างไรเล่า” นางฟ้าแองเจล่าเฉลย

    “ตอนประสานร่างกันชั้นใช้ได้กระทั่งทักษะอาวุธของแองจี้เลยเหรอเนี่ย” เมโลดี้รู้สึกทึ่งขึ้นมาทันที อย่างนี้ก็เท่ากับมีสองร่างแล้วแยกกันฝึก ประหยัดเวลาได้ถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

    “ใช่แล้วล่ะ ไม่ว่าอะไรที่เราใช้ได้ท่านเมโลดี้ก็ใช้ได้ทั้งหมด”

    “แล้วตอนประสานร่างกันนี่มีแบบที่แองจี้เป็นร่างต้นมั้ยจ๊ะ” เมโลดี้เกิดสงสัยขึ้นมาอีก

    “ไม่มีหรอก มีแต่เจ้านายเท่านั้นแหละที่สามารถเป็นร่างต้นได้ สัตว์อสูรอย่างเราเป็นร่างต้นไม่ได้หรอก”

    เมโลดี้มาลองคิดดู ถ้าเกิดใช้ให้แองเจล่าเป็นร่างต้น ถ้าอย่างนั้นเธอก็แค่อยู่เฉยๆแล้วให้แองเจล่าเป็นคนสู้ตลอด ออกจะสบายเกินไป เกมนี้คงไม่อนุญาตให้ทำอย่างนั้นหรอกกระมัง

    “ถ้าอย่างนั้นฝึกมีดติดแขนละกันนะจ๊ะ เวลาใช้ธนูจะได้ไม่เกะกะด้วย” เมโลดี้ใช้มือซ้ายถือคันธนู ถ้าเกิดมือขวาต้องถืออาวุธอะไรอีกคงไม่สะดวกเวลายิงธนู แต่ถ้าใช้มีดติดที่แขนขวาก็จะไม่รบกวนเวลายิงธนูด้วย

    “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเข้าเมืองแล้วเราจะเริ่มฝึกมีดติดแขนนะ” นางฟ้าแองเจล่ารับคำ

    แล้วการตะลุยฝูงนกก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น นกอีกสิบฝูงถูกใช้ในการฝึกเพื่อให้มาตาร์ขึ้นระดับทักษะมือเปล่าเพียงแค่ระดับเดียว

    “ผู้เล่นมาตาร์ปฏิบัติตามเงื่อนไข ทักษะอาวุธ มือเปล่า เลื่อนขึ้นเป็นระดับสามค่ะ”

    ทักษะอาวุธ

    มือเปล่า ระดับ3

    เมื่อไม่ติดอาวุธ สถานะพื้นฐานทั้งหก +60%

     

    “ไชโย ได้ระดับสามแล้ว” มาตาร์ร้องออกมาอย่างดีใจ ในที่สุดระดับอาวุธของเขาก็ขึ้นถึงระดับสามได้สักที

    “งั้นเราก็กลับเมืองได้แล้วใช่มั้ยคะ” เมโลดี้ถามชายหนุ่ม

    “อื้อไปสิ เดี๋ยวเราไปทะลุออกด้านสนามต่อสู้ละกันนะ” มาตาร์ตอบ

    “งั้นหนูติดต่อรัตให้ไปรอที่ลานกลางเมืองเลยละกัน จะได้เอาน้องๆมาส่งคืนพี่มาตาร์ ไม่รู้ฝึกถึงไหนแล้ว” เมโลดี้บอกชายหนุ่มแล้วก็ส่งข้อความทันที

     

    ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! กึ้ง!

    ดาบของราตรีตวัดออกมาด้วยความรวดเร็วเข้าไปที่ร่างของเด็กสาวผมขาว คลาร่าไหวตัวทันกระโดดถอยออกจากระยะดาบ แต่ราตรียังคงก้าวประชิดเข้าไปอีก คลาร่าจึงตัดสินใจพุ่งเข้าใส่ในแนวทแยงแล้วไสมีดของเธอเข้าใส่สีข้างของราตรีทันที ราตรีใช้มืออีกข้างยกขึ้นมาคว้ามีดของคลาร่าไว้แล้วดึงเข้ามาพร้อมกับเปลี่ยนมุมดาบพาดใส่คอของคลาร่าทันที

    “คลาร่า ระยะของเธอคือระยะประชิด ถ้าจะถอยก็ถอยไปให้ห่างกว่านี้ ถ้าจะโจมตีก็ไม่ควรควรถอยแต่แรก ควรหาทางเข้าระยะโจมตีของตัวเองให้เร็วที่สุด ไม่งั้นจะโดนแบบนี้เข้าใจมั้ย เธอให้เวลาคู่ต่อสู้คิดเยอะเกินไปแล้ว” ราตรีสอนคลาร่าหลังจากที่ฝึกซ้อมกันเป็นรอบที่ห้าสิบเข้าไปแล้ว

    ทั้งสองสาวฝึกกันอยู่ที่พิ้นที่พิเศษที่ลานกลางเมืองด้วยดาบจริง เนื่องจากหากเกิดพลาดพลั้งไปจะได้ไม่บาดเจ็บ

    ทันใดนั้นข้อความจากเมโลดี้ก็ถูกส่งมาหาราตรี

    ฝึกเสร็จแล้ว กำลังจะกลับ ข้อความจากเมโลดี้ถึงราตรี

    เสร็จแล้วเหรอ ผลลัพธ์เป็นยังไงบ้าง ราตรีส่งกลับไป

    พี่มาตาร์ได้ระดับอาวุธถึงสามแล้ว ส่วนชั้นได้นางฟ้ามาหนึ่งคน ข้อความจากเมโลดี้

    หา? แกหมายถึงน้ำตานางฟ้ารึเปล่า ราตรีเกรงว่าเพื่อนสาวของเธอจะสับสนระหว่างนางฟ้ากับน้ำตานางฟ้า

    เดี๋ยวกลับไปแล้วแกก็เห็นเอง บอกพวกน้องๆให้มาเตรียมรับพี่มาตาร์ด้วยนะ ข้อความจากเมโลดี้

    “สาวๆ นายมาตาร์เสร็จธุระ กำลังจะกลับมาแล้วนะ” ราตรีพูดเสียงดังให้โมเรน่ากับบราวนี่ที่ฝึกอยู่ห่างออกไปได้ยินด้วย

    สองสาวที่ฝึกเข้าท่ากันก็หันมายิ้มรับ แต่ก็ยังไม่หยุดฝึก

    “จริงเหรอคะพี่ราตรี” คลาร่าพูดออกมาอย่างแจ่มใส

    “อื้ม คงอีกไม่นานหรอก ก่อนหน้านั้นเราฝึกกันอีกซักหน่อยให้มาตาร์ทึ่งไปเลยว่าคลาร่าเก่งขึ้นเยอะดีมั้ย” ราตรีปลุกใจแม่หมาป่าสาว

    “ได้เลยค่ะ” คลาร่าขานรับอย่างร่าเริง

    แล้วทั้งคู่ก็ฝึกใช้อาวุธต่อไป

     

    “หนูส่งข้อความเรียบร้อยแล้วค่ะ” เมโลดี้รายงานให้ชายหนุ่มรับทราบ

    “ขอบคุณจ้ะเมล” มาตาร์พูดแล้วก็เดินนำลึกเข้าไปในป่าเพื่อที่จะทะลุไปออกด้านสนามต่อสู้

    ตลอดทางทั้งคู่เดินกันอย่างเงียบๆ มาตาร์เดินนำท่ามกลางความมืดของป่ายามค่ำคืน เมโลดี้เดินตามในระยะที่ไม่ห่างกันมากนัก ส่วนแองเจล่าก็ทำตัวเหมือนวิญญาณ คอยสังเกตว่าจะมีดราม่าระหว่างทั้งคู่ให้ดูอีกรอบมั้ยด้วยสีหน้ายิ้มอย่างลุ้นระทึก

    “พี่มาตาร์คะ หลังจากที่พี่มาตาร์สำเร็จภารกิจเสริมจิตแล้วจะทำอะไรต่อไปคะ” เมโลดี้ถามขึ้นมาทำลายความเงียบ

    “...ยังไม่ได้คิดเลยจ้ะ” มาตาร์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมา

    “ถ้าพี่มาตาร์จะออกจากเกาะเริ่มต้น ...พวกเราไปด้วยกันนะคะ” เมโลดี้รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป มันไม่เชิงเป็นคำขอร้อง แต่มันใกล้เคียงคำสั่งเลยทีเดียว

    มาตาร์หยุดเดินแล้วหันกลับมามองเมโลดี้ สายตาของเขามันยากที่จะอธิบายว่าเป็นอารมณ์ไหน ยิ่งมืดๆแบบนี้ทำให้หญิงสาวมองหน้าเขาไม่ชัดเจนนัก

    “ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะเมล”

    มาตาร์ถามขึ้นมา แต่หญิงสาวไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มหมายความว่าอย่างไร มันหมายความว่าเขาจะไม่ไปกับเธอหรือเปล่า หรือว่าเขาคิดว่าพวกเธอน่ารำคาญ ถ้าออกจากเกาะเริ่มต้นก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่ไหม

    คำพูดของชายหนุ่มทำเอาเมโลดี้เริ่มมีน้ำตาซึมออกมา

    “อ้าว เป็นอะไรไปเมล” ชายหนุ่มเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่ทำท่าเหมือนจะร้องจึงถามขึ้นมา

    “เพราะพวกหนูมันน่ารำคาญใช่มั้ยคะ ฮึก ...พี่มาตาร์ถึงไม่อยากจะเดินทางไปด้วยกันแล้~ว” เมโลดี้พูดออกมาด้วยสำเนียงที่เริ่มสะอึกสะอื้น

    “อะไรกันเมล ร้องไห้ทำไมเนี่ย เข้าใจผิดอะไรไปรึเปล่า” ชายหนุ่มรีบเข้ามาจับไหล่หญิงสาวเอาไว้

    “ก็พี่มาตาร์ไม่ชอบที่หนูชวนพี่ออกเดินทางไปด้วยกันนี่” เมโลดี้ทวนสิ่งที่มาตาร์พูดออกมา ที่เขาว่า ทำไมถึงพูดอย่างนั้น

    “เมลเข้าใจผิดแล้ว พี่หมายความว่าทำไมเมลต้องขอพี่อย่างนั้นด้วย ถึงไม่พูดเราก็ไปด้วยกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” มาตาร์แก้ไขความเข้าใจผิดให้เมโลดี้

    คำพูดนี้ของชายหนุ่มทำเอาเมโลดี้ที่เริ่มสะอื้นหยุดทันทีพร้อมกับหน้าที่เริ่มแดงออกมาด้วยความเขิน เพราะว่าเธอดันเข้าใจคำพูดของเขาผิดไป

    “อ้าว ทีนี้เป็นอะไรไปอีกล่ะ หน้าแดงเชียว” มาตาร์พูดพร้อมจ้องมองที่หน้าของหญิงสาว ที่เหมือนปากจะยิ้มออกมาอย่างปิดไม่มิด

    “อ๊าย! เปล่านะ พี่มาตาร์ไม่ต้องจ้องหน้าหนูเลย” เมโลดี้ยิ่งเขินเข้าไปอีก เธอพยายามซ่อนใบหน้าจากชายหนุ่มโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเธอกอดเขาเข้าไปเต็มตัวแล้ว เพราะไม่ต้องการให้เขาเห็นหน้าที่แดงจัดของเธอ

    กว่าเมโลดี้จะรู้ตัวว่าเธอกอดเขาเข้าไปเต็มที่ เธอก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะถอนตัวออกมาจากสถานการณ์แบบนี้อย่างไรดี แต่เธอยิ่งคาดไม่ถึงเข้าไปอีก เมื่อมือของชายหนุ่มที่จับไหล่เธออยู่ เลื่อนไปกอดเธอเหมือนกัน

    “ขอบใจเมลมากนะ ที่เข้ามาทักพี่ในวันนั้น” มาตาร์ระลึกถึงครั้งแรกที่เขาและเมโลดี้ได้เจอกัน

    “...” เมโลดี้ไม่ตอบคำ ตอนนี้ในสมองของเธอแทบจะว่างเปล่า เธอทำอะไรไม่ถูก รู้แต่ว่าตอนนี้มีความสุขมาก มาตาร์แทบไม่เคยแสดงออกให้เธอรู้เลยว่าเขารู้สึกอย่างไร และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรับรู้ได้ชัดๆว่าเขาไม่ได้รังเกียจหรือรำคาญเธอ

    เมโลดี้เงยหน้าขึ้นมา สบตากับชายหนุ่มที่ใบหน้าอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบ

    ทั้งสองจ้องหน้ากันเนิ่นนาน แล้วใบหน้าของทั้งคู่ค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ เมโลดี้หลับตาลงเตรียมพร้อมที่จะรับการประทับริมฝีปากจากชายหนุ่ม แต่ในจังหวะสุดท้าย เขากลับจูบไปที่หน้าผากเธอ ทำเอาเธอค้างไปอีกรอบ เพราะไม่คิดว่าเขาจะจูบแค่หน้าผากของเธอ

    แล้วชายหนุ่มก็ผละจากหญิงสาวไป

    “ไปกันเถอะเมล เดี๋ยวคนอื่นจะรอเรานานนะ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเรียบๆแล้วเริ่มเดินนำไปอีกครั้ง

    “ค...ค่ะ” ในขณะที่หญิงสาวกำลังอึ้งเพราะรู้สึกผิดหวังเล็กๆ แต่ก็เดินตามไปโดยดี แค่หน้าผากเหรอ ...อืม ก็ยังดีน่า อย่างน้อยพี่เค้าก็เป็นคนจูบเอง ไม่ใช่เราเป็นฝ่ายจูบอยู่คนเดียว

    “น่าเสียดายนะคะ แค่ที่หน้าผากเอง” นางฟ้าจอมซุ่มแอบกระซิบที่ข้างหูเจ้านายของเธอ

    “ว้าย!! แองจี้ ดูอยู่ด้วยเหรอ” เมโลดี้ตกใจออกมาเงียบๆเมื่อเธอเพิ่งคิดได้ว่ายังมีนางฟ้าประจำตัวของเธออยู่อีกคน

    “จะให้เราไปอยู่ที่ไหนได้ล่ะ แต่ก็คุ้มค่ากับการที่อุตส่าห์อยู่เงียบๆมาตั้งนานล่ะนะ” นางฟ้าจอมกวนพูดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยให้เมโลดี้

     

    หลังจากเดินทางกันได้สักพัก ทั้งสามคนก็ทะลุออกมาถึงที่ราบหน้าสนามต่อสู้จนได้

    “ออกมาจากป่าได้แล้ว เราตื่นเต้นจริงๆ จะได้เดินทางไปยังสถานที่อื่นๆอีกมากมาย ฮิฮิฮิ” นางฟ้าแองเจล่าพูดออกมาอย่างดีใจพร้อมกับบินไปบินมาไม่หยุด

    “แองจี้จ๊ะ ถ้าอยู่ในเมืองเก็บปีกเอาไว้นะ จะได้ไม่เด่นเกินไป” เมโลดี้สั่งนางฟ้าของเธอ เพราะถ้าผู้เล่นใหม่ที่เมืองเริ่มต้นมีนางฟ้าเป็นผู้ติดตามคงจะเด่นน่าดู ยิ่งพวกกิลด์ที่มาตั้งโต๊ะยังอยู่แบบนี้ อาจจะนำปัญหามาให้เธอก็ได้

    “ได้ค่ะ เราจะเก็บทั้งปีกทั้งวงแหวนบนหัว เอาให้เหมือนมนุษย์ธรรมดาเลย” แองเจล่าพูดพร้อมกับร่อนลงพื้นเก็บปีกและวงแหวนบนหัวของเธอไป

    “ไปกันเถอะสาวๆ” มาตาร์หันมาเรียกทั้งคู่ หลังจากที่เขาเงียบมาตลอดทาง

    “ค่ะ” เมโลดี้ขานรับอย่างร่าเริง

    จริงๆหลังจากที่มาตาร์จูบหน้าผากเมโลดี้แล้ว เธอรู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกไประหว่างเขากับเธอ ในขณะที่เดินอยู่ในป่า มาตาร์ไม่ได้เหลียวหลังกลับมามองเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกัน ทำเอาเมโลดี้รู้สึกกังวลไปเหมือนกัน แต่เมื่อเขาหันกลับมาพูดกับเธอเหมือนเดิม เธอก็โล่งอก

    เมโลดี้วิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มแล้วควงแขนเขาเดินไปทันที โดยมีนางฟ้าแองเจล่าเข้าไปควงแขนอีกด้านหนึ่งด้วย เพราะเธอก็พอจะรู้แนวของเจ้านายเธอแล้วว่าต้องทำยังไง ถึงจะช่วยให้เธอไม่รู้สึกเขินมากจนเกินไปได้ ถ้าควงคนเดียวแล้วเหมือนฝ่ายหญิงจะแสดงความเป็นเจ้าของเกินไป แต่ถ้าควงทีละสองคนผู้ชายจะดูเจ้าชู้แทน ฮิๆๆ

    มาตาร์จึงเดินควงแขนสองสาวไปที่พื้นที่พิเศษหน้าสนามต่อสู้อย่างช้าๆ

    เมื่อเดินมาถึงหน้าสนามต่อสู้ มาตาร์จ้องมองเข้าไปในสนามต่อสู้อย่างมีนัย เหมือนต้องการจะระลึกถึงสถานที่ที่เขาเคยมา เหมือนกับจะบอกลาสถานที่แห่งนี้ เขามองไปที่ตารางการแข่งขันประจำวัน ดูรายชื่อของรางวัล แล้วก็ลอบหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อคิดถึงตอนที่เขาอยากจะประลองเพื่อให้ได้โมโนไบค์สักคัน

    แต่แล้วเมื่อเขามองรายชื่อของรางวัลประจำสัปดาห์แล้ว สีหน้าของมาตาร์ก็เปลี่ยนไป ชายหนุ่มดูตื่นตระหนกและเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

    “พี่มาตาร์เป็นอะไรไปคะ” เมโลดี้ถามขึ้นหลังจากที่เห็นอาการผิดปกติของมาตาร์

    “ป...เปล่าหรอกเมล ไม่มีอะไร” มาตาร์พูดว่าไม่มีอะไรออกมา แต่สีหน้ากลับยังไม่คลายกังวล

    “แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ” เมโลดี้พูดพร้อมกับเริ่มมองดูที่รายชื่อของรางวัลประจำสัปดาห์

    “ไปกันเถอะเมล! เดี๋ยวคนอื่นจะรอนะ” มาตาร์พูดตัดบทแล้วเดินไปที่พื้นที่พิเศษทันที เหมือนกับไม่ต้องการให้หญิงสาวรู้ว่าเขามองอะไรเมื่อสักครู่

    เมโลดี้จำต้องถอนสายตาออกมาแล้วเดินตามชายหนุ่มไปอย่างลังเล ก่อนที่ร่างทั้งสามจะหายไปจากพื้นที่พิเศษหน้าสนามต่อสู้ด้วยกัน

     

    Rewrite tag: จัดหน้าใหม่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×