คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #212 : บทที่ 205 ปะทะพื้นโลก
บทที่ 205 ปะทะพื้นโลก
ฐานลับของเผ่าจักรกลค่อย ๆ เคลื่อนเข้าใกล้โลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างการต่อสู้ และตอนนี้มันโดนแรงดึงดูดโลกจับเอาไว้แล้วและกำลังเข้าใกล้ชั้นบรรยากาศ ในเวลาอีกไม่กี่นาทีฐานทัพที่ใหญ่ประมาณดาวเคราะห์น้อยจะพุ่งชนโลก
ซึ่งขณะนี้ภายในฐานทัพ มีผู้เล่นคนหนึ่งกับอสูรจักรกลจำนวนหนึ่งกำลังสู้กันอยู่
ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก! ฉับ!
ชายหนุ่มในชุดรบอวกาศสีดำคลุมทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้ากำลังใช้ทอนฟามือเดียวควงสะบัดไปทั่ว อสูรจักรกลขนาดเท่ามนุษย์โดนกระทุ้งจนร่างแตกโดนฟาดจนร่างขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย
ตูม!!
กำปั้นขนาดห้าเมตรทุบลงไปบริเวณที่ชายหนุ่มชุดดำกำลังต่อสู้อยู่ แต่เขาก็หลบได้อย่างทันท่วงที แต่แล้วทันใดนั้นเกิดแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้ทุกสิ่งที่ยืนอยู่บนพื้นเสียการทรงตัว แม้กระทั่งเหล่าหุ่นยนต์ยักษ์ขนาดสามสิบเมตร
ครืน~!!
“เกิดอะไรขึ้น!” แอฟโรอุทานขณะที่ยืนกางขาให้กว้างที่สุดพร้อมกับใช้มือซ้ายที่ไม่ได้ถืออาวุธจับพื้นเอาไว้เพื่อช่วยทรงตัว
“พบปฏิกิริยาแรงดึงดูดภายนอก เรากำลังเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกครับ” พ่อบ้านแสนสะดวกให้ข้อมูล
“ฮ้า!! แบบนี้ก็ได้ตายกันหมดน่ะสิ” แอฟโรอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เรายังมีโอกาสรอดครับ วัสดุที่เป็นฐานอวกาศพวกนี้จะรับการเสียดสีจากชั้นบรรยากาศแทนเรา แล้วช่วงนั้นเราค่อยหนีออกไป ...เพียงแต่ว่า แรงกระแทกของฐานอวกาศนี้กับโลกจะมีกำลังเท่ากับระเบิดนิวเคลียร์ประมาณร้อยลูก” พ่อบ้านให้ข้อมูล
เท่ากับว่าเขาไม่มีทางรอดตายได้เลย โมโนไบค์ของเขาถึงจะฝ่าชั้นบรรยากาศโลกได้แต่ตอนนี้มันกำลังเสียหายอยู่ แต่ถ้าเลือกที่จะตกลงไปพร้อมกันก็จะโดนแรงกระแทกจากวัตถุขนาดยักษ์นี่โจมตีอยู่ดี
“ถ้างั้นเราทำลายฐานนี้ให้มันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกันดีกว่าสไลป” แอฟโรบอกทางเลือกที่เขาต้องการ
“จะยิงปืนใหญ่ที่แขนซ้ายเหรอครับ” พ่อบ้านเสียงนุ่มถาม
“ใช่ ถ้าไม่ทำอะไรตอนนี้ก็ตายไปเปล่า ๆ อยู่ดีแหละ” ชายหนุ่มหัวฟูกล่าว พร้อมกับแขนซ้ายที่เปลี่ยนเป็นปืนลำแสง
รอบ ๆ ร่างของชายหนุ่มมืดลงเล็กน้อยจากการดูดพลังงานจากแสงโดยรอบ
แซดด~~~!!!
แล้วลำแสงสีขาวขนาดร้อยเมตรก็พุ่งทะลวงลงไปตรงกลางของฐานทัพจักรกลทันที ลำแสงยังลากผ่านเหล่าอสูรจักรกลตัวเล็ก ๆ และใหญ่ ๆ ไปทั่วด้วย
แอฟโรใช้ไอพ่นที่ใช้ช่วยในการเคลื่นไหวตามแขนขา พาร่างเขาพุ่งไปตามลำแสงแล้วหมุนตัวตีลังกาไปมาโดยรอบ ลำแสงขนาดร้อยเมตรก็ตัดผ่านฐานทัพให้แยกส่วนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ลำแสงยังพุ่งออกมานานกว่าห้านาที ชิ้นส่วนฐานที่เคยใหญ่ก็ถูกย่อยจนมีขนาดไม่เกินสิบลูกบาศก์เมตรทั้งหมด แต่ก็ยังมีสิ่งของบางอย่างที่ไม่โดนย่อยจนเล็กขนาดนั้น เช่นอสูรจักรกลขนาดสามสิบเมตรสิบตัว และห้าสิบเมตรอีกหนึ่งตัว
และเมื่อลำแสงหมดลง วัตถุทั้งหมดที่เคยเป็นฐานทัพและผู้ที่เคยอยู่บนฐานทัพก็เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก
ครืน~! วูด~~~!!!
วัตถุขนาดเล็กเริ่มส่ายไปมาพร้อมกับส่งเสียงที่เหมือนกับนกหวีดออกมา พร้อมกับขนาดที่ค่อย ๆ เล็กลงพร้อมกับกลายเป็นลูกไฟ แรงดึงดูดของโลกช่วยเร่งความเร็วให้วัตถุทั้งหลายเคลื่อนที่เร็วจนเผชิญหน้ากับแรงอัดอากาศบริมาณมหาศาลจนทำให้มันเสียดสีกับชั้นบรรยากาศจนลุกไหม้แล้ว พวกจักรกลขนาดเล็กที่ยังไม่ตายต่างลุกไหม้แล้วก็กลายเป็นเศษเหล็กทีละตัว ๆ
แต่แม้ความเร็วของวัตถุจะเร็วเพียงใด แรงอัดอากาศจะมหาศาลเพียงไหน ก็ยังมีสิ่งไม่สนใจวิกฤตนี้อยู่ นั่นก็คือพวกหุ่นยนต์ยักษ์ทั้งสิบเอ็ดตัวและชายหนุ่มในชุดรบสีเทาที่แขนขาพังไปแล้วอย่างละข้าง
แอฟโรเรียกชุดรบมาสวมอีกครั้งเมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เพราะวัลแคนเคยบอกว่าโมโนไบค์ของเขาสามารถฝ่าชั้นบรรยากาศได้ เขาไม่กล้าเสี่ยงกับชุดอวกาศสีดำของเขาตั้งแต่ตอนที่แจ็คเก็ตไหม้ไปหมดและตัวของเขาเริ่มเปล่งเป็นสีแดงแล้ว
“ตอนนี้เราเหลืออะไรให้ใช้บ้างสไลป” แอฟโรถามพ่อบ้านของเขา
“ด้วยความเร็วการตกขนาดนี้ การยิงด้วยปืนทุกชนิดคงไม่มีผลเท่าไหร่ ผมแนะนำเข้าไปสู้ระยะประชิดแล้วให้ชั้นบรรยากาศของโลกช่วยครับ” พ่อบ้านเสนอความคิด
“โอเค” แอฟโรขานรับ เขารู้แล้วว่าควรจะทำอะไร
หุ่นยนต์แต่ละตัวและแอฟโรต่างก็เปิดใช้ไอพ่นเพื่อต่อต้านแรงดึงดูดกันทั้งนั้น เพราะอย่างน้อยก็ช่วยลดความเร็ว ลดการเสียดสีจากชั้นบรรยากาศได้บ้าง สิ่งที่ชายหนุ่มหัวฟูวางแผนว่าจะทำก็คือ ทำลายไอพ่นที่ช่วยในการเคลื่อนที่เหล่านั้น แล้วก็ถีบพวกหุ่นยนต์ให้ตกลงไปเร็วขึ้น
ฟูว!
นักรบชุดเทาใช้ไอพ่นพุ่งเข้าไปประชิดร่างของหุ่นยนต์ยักษ์ขนาดสามาสิบเมตรตัวหนึ่งทันที ก่อนจะเริ่มใช้ทอนฟาอัดตามชิ้นส่วนที่ปล่อยไอพ่นได้พร้อมกับยิงลำแสงอัดในระยะประชิด ส่งผลให้หุ่นยักษ์ตัวนั้นตกลงไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ซึ่งก่อนที่มันจะตกลงไปทิ้งห่างกับตัวอื่นมากนัก แอฟโรก็ใช้ขาถีบเร่งให้มันตกเร็วขึ้นไปอีกพร้อมกับส่งร่างของตัวเองเข้าไปประชิดหุ่นยักษ์ตัวอื่นทันที
ตูม! ตูม! ตูม! ฟิ้วว~~~!!
แล้วก้อนลูกไฟรูปหุ่นยนต์ยักษ์ขนาดสามสิบเมตรก็ค่อย ๆ เพิ่มเป็นสามตัว สี่ตัว ห้าตัว จนในที่สุดหุ่นขนาดสามสิบเมตรก็กลายเป็นลูกไฟครบทั้งสิบตัว เหลือเพียงหุ่นยักษ์ขนาดห้าสิบเมตรเท่านั้น
“คุณแอฟโรครับ พลังงานที่เหลืออยู่ของโมโนไบค์ไม่พอที่จะต้านแรงโน้มถ่วงในระยะที่เหลือแล้วครับ ถึงเราจะจัดการศัตรูได้ทั้งหมด ถึงเราจะไม่สลายไปจากการเสียดสีของชั้นบรรยากาศ แต่เราจะตายจากแรงกระแทกเมื่อถึงพื้นโลกครับ” พ่อบ้านบอกข้อมูลที่แสนเศร้า
“ถึงแม้เราจะใช้พลังงานทั้งหมดพรวดเดียวในการต้านแรงตกน่ะเหรอ” แอฟโรทวน
“ใช่ครับ” พ่อบ้านยืนยัน
“แต่ถ้าเราเข้าไปประชิดเจ้าตัวใหญ่นั่นได้แล้วเราจะมีพลังงานเหลือเท่าไหร่” แอฟโรถาม
“ก็พอที่จะเปิดไอพ่นเต็มกำลังได้สิบห้าวินาทีนั่นแหละครับ ความเร็วคงจะลดลงไปแค่สองเปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังไม่พออยู่ดี” พ่อบ้านรายงาน
“โอเค ถ้างั้นเข้าประชิดแล้วเราจะเก็บพลังงานที่เหลือเอาไว้ทำอย่างอื่นนะ”
และเมื่อชายหนุ่มหัวฟูพูดจบ เขาก็พุ่งเข้าประชิดหุ่นยักษ์จากทางด้านหน้าทันที ซึ่งเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์ก็เตรียมง้างหมัดสวนมาแล้ว แต่เนื่องจากความเร็วจากแรงตกสูงมาก เมื่อเจ้าหุ่นเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว ร่างกายของมันก็เสียศูนย์แล้วหมุนคว้างอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้ร่างของมันตกลงไปเร็วกว่าเดิม
ปุ้ง! ปุ้ง!!
กำปั้นเหล็กขนาดห้าเมตรพุ่งสวนแรงโน้มถ่วงขึ้นมาสู่ร่างของชายหนุ่มในชุดรบสีเทาแบบกะทันหัน ที่แท้เจ้าหุ่นยนต์ยักษ์วางแผนจะโจมตีระยะไกลโดยอาศัยแรงโน้มถ่วงอยู่แล้ว ถึงแม้การโจมตีในแนวระนาบจะใช้ไม่ได้ แต่การโจมตีในแนวตั้งยังใช้ได้อยู่ แถมยังรุนแรงกว่าเดิมด้วยถ้าโจมตีสวนกับแรงดิ่งแบบนี้
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
แอฟโรใช้ขาข้างที่เหลืออยู่เบี่ยงเบนกำปั้นลูกแรกออกไปได้สำเร็จแลกกับการที่ขาแหว่งไปอีกข้าง แล้วใช้แขนอีกข้างที่เหลือเบี่ยงเบนกำปั้นลูกที่สองออกไปแลกกับแขนข้างนั้นเหมือนกัน ซึ่งผลก็คือร่างของเขาตกช้าลงไปมาก
“สไลป! เปลี่ยนแผน เราไม่ต้องกำจัดเจ้าตัวใหญ่นั่นแล้ว โอกาสรอดของเรามากขึ้นแล้ว” ชายหนุ่มหัวฟูคิดขึ้นพร้อมกับปลดชุดรบสีเทาออกทันทีก่อนจะใช้คำสั่งที่เขาไม่ค่อยได้ใช้ นั่นคือ “คืนร่าง!!”
ร่างภายใต้ชุดเกราะสีดำเปลี่ยนจากชายหนุ่มหัวฟูเป็นชายหนุ่มผมแดงทรงเดร็ดล็อกส์
กงจักรลมถูกสร้างขึ้นเป็นชั้น ๆ ตามการตกของเขา มาตาร์ใช้พลังงานที่เหลืออยู่กับโมโนไบค์เพื่อการคืนร่างนี้เพราะคิดว่าการคืนร่างคงจะอยู่ได้นานกว่าการปล่อยพลังทั้งหมดออกมาเพื่อต้านแรงดึงดูด โดยเขาคิดจะใช้กงจักรลมชะลอการตกแทน ซึ่งคงต้องสร้างไปจนกว่าปราณที่เขามีจะหมดลงนั่นแหละ
ผึง! ผึง! ผึง! ผึง! ผึง! ผึง!
ร่างของชายหนุ่มผมแดงกระแทกกับกงจักรลมจนแตกสลายแล้วร่างของเขาก็ค่อย ๆ ลดความเร็วลงไปทีละน้อย จนในที่สุดเมื่อผ่านไปประมาณสองนาที เขาก็เห็นน้ำทะเลสีฟ้าชัด ๆ ใต้กลุ่มเมฆที่ร่างของเขาทะลุลงมา
“แย่ล่ะ! ปราณหมดแล้ว” มาตาร์อุทานออกมาเมื่อเขาปล่อยกงจักรลมไม่ออกแล้ว แต่ความเร็วของเขาตอนนี้มันยังเร็วประมาณความเร็วเสียงอยู่เลยนี่สิ
“คุณมาตาร์ใช้อุปกรณ์ขับเคลื่อนของชุดสีดำไปก่อน พอปราณฟื้นแล้วก็ค่อยใช้กงจักรลมช่วย” พ่อบ้านเตือน
“เอ้อจริงด้วย ยังไม่ได้ใช้พลังงานจากไอ้ชุดนี้เลยนี่หว่า” มาตาร์คิดขึ้นมาได้แล้วก็ปล่อยพลังขับเคลื่อนจากแขนและขาทันที
“คุณมาตาร์ปล่อยพลังในแนวระนาบนะครับ” พ่อบ้านเตือน
“ทำไมล่ะ แบบนั้นมันไม่ได้ทำให้เราพุ่งเร็วขึ้นหรอกเหรอ” มาตาร์สงสัย
“ตอนนี้เราอยู่เหนือน้ำครับ การตกจากความสูงขนาดนี้ลงไปตรง ๆ ไม่ได้ต่างกับเอาร่างไปกระแทกหินเลย แต่โอกาสรอดของคุณมาตาร์จะมากกว่าถ้าตกแฉลบไปตามผิวน้ำ” พ่อบ้านให้ข้อมูล
“เหมือนหินที่กระเด้งไปตามน้ำแบบนั้นใช่มั้ย” มาตาร์นึกภาพตาม
ซูม!
ชายหนุ่มในชุดสีดำปล่อยพลังออกไปตามแนวระนาบ เขาไม่ฝืนปล่อยพลังต้านแรงดึงดูด ซึ่งส่งผลให้การเคลื่อนที่จากการตกในแนวดิ่งเป็นการตกในแนวเฉียงแทนแล้ว
ซูมม!!
ชายหนุ่มผมแดงยังเร่งพลังมากขึ้นไปอีก ส่งผลให้การเคลื่อนที่แนวระนาบเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อความสูงของเขาอยู่เหนือพื้นน้ำประมาณหนึ่งกิโลเมตร พลังงานจากชุดรบสีดำก็หมดลง
“ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับดวงล่ะนะ” มาตาร์พูดขึ้นพร้อมกับปล่อยกงจักรลมออกมาอีกครั้งเพื่อต้านแรงจากการตก
ผึง! ผึง! ผึง! ผึง! ผึง! ผึง! ผึง!
กงจักรลมแตกสลายไปตามทางที่ชายหนุ่มผมแดงเคลื่อนที่ ซึ่งความเร็วในแนวดิ่งนั้นลดลงแต่ความเร็วในแนวระนาบนั้นก็ยังเร็วมากอยู่ดี และเมื่อความสูงของมาตาร์ห่างจากพื้นประมาณหนึ่งเมตรน้ำทะเลใต้ร่างของเขาก็แหวกเป็นทางตามการเคลื่อนที่ ซึ่งมันเกิดจากแรงดันอากาศที่ร่างของเขาทำให้ปรากฏนั่นเอง
และวินาทีที่ร่างของเขากำลังจะปะทะเข้ากับพื้นน้ำ มาตาร์ก็เรียกชุดเกราะสีเทาออกมาสวมพร้อมกับปลดปล่อยพลังหยดสุดท้ายของมันออกมาทันที
ซูม!!
ไอพ่นจากกลางหลังลดความเร็วในจุดปะทะอย่างมีนัยยะ และในจุดที่ชุดเกราะสีเทาปะทะเข้ากับพื้นน้ำนั่นเอง ร่างของมันก็แตกและหลุดเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับร่างของชายหนุ่มผมฟูที่กระเด้งกระดอนไปตามผิวน้ำแบบควบคุมไม่ได้
แฉะ! แฉะ!!
ร่างของเขากระเด็นลอยไปไกลเป็นร้อยเมตรก่อนจะหล่นลงมากระแทกน้ำอีกครั้งแล้วก็ลอยขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เป็นระยะทางกว่าสิบกิโลเมตร ซึ่งช่วงปลาย ๆ การกระเด้งก็ลดระยะทางลงจนเหลือแค่สิบเมตร และลดลงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ไม่กระเด้งขึ้นอีกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มหัวฟูที่จมลงไปในทะเล
ที่เกาะไรเดอร์ ทะเลตรงกึ่งกลางโลก ชายชราผู้ดูแลเกาะกำลังยืนอยู่ที่ชายหาดแล้วมองออกไปในทะเล
“โอ้! วันนี้ท่าจะมีแขกมาทางทะเลแฮะ ...แต่ ไอ้นั่นมันไม่ใช่โมโนไบค์นี่หว่า” ชายชราเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเงาร่างของคนผู้หนึ่งที่อยู่ในทะเลไกลลิบ ๆ กำลังเข้าใกล้เกาะมากขึ้นเรื่อย ๆ
แล้วในที่สุดร่างนั้นก็เข้าใกล้พอที่จะมองเห็นได้ชัดถนัดตา
มันคือร่างของเด็กสาวผมแดงคนหนึ่งกำลังขี่หลังวาฬเพชฌฆาต และยังมีร่างอีกร่างหนึ่งที่อยู่ในชุดสีดำขาด ๆ นอนคว่ำหน้าบนหลังของเจ้าวาฬ กำลังมาที่เกาะนี้
“โอ๋! นั่นมันไอ้หนุ่มที่เป็นไรเดอร์หมายเลขสามของเรานี่นา” ชายชราเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเพราะไม่คิดว่าคนที่เป็นไรเดอร์แล้วจะกลับมาอีก
และแล้วหลังจากนั้นประมาณสิบนาที ร่างของเด็กสาวที่แบกร่างของชายหนุ่มหัวฟูในชุดสีดำที่ขาดวิ่นขึ้นมาจากทะเลก็มานอนแผ่หราบนชายหาดในที่สุด
“เหนื่อยจังเลย” เลดี้บ่นออกมาพร้อมกับหอบหายใจ
“เป็นไงมาไงล่ะแม่หนู” ชายชราทักขึ้นขณะที่เขายืนมองเฉย ๆ ไม่ได้เข้าไปช่วยเลย ก็เขาไม่ได้มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้เล่นนี่นะ
“แอฟโร เลดี้ สไลป ตกลงมาจากฟ้า แล้วก็ตกลงมาในทะเล แต่แอฟโรสลบไปตอนกระแทกน้ำ เลดี้เห็นเกาะอยู่ไกล ๆ ก็เลยพามานี่แหละ” เด็กสาวลำดับเหตุการณ์ให้ฟังคร่าว ๆ
“โห ตกลงมาจากฟ้าเลยเหรอ ท่าทางจะไปมาไกลนะพวกเจ้าน่ะ” ชายชรากล่าว
“อื้อ หิวจังเลย มีอะไรกินมั้ยอ้ะ” แม่เต่าทองสาวถาม
“มีสิ แต่พวกเจ้าต้องหากินกันเองตามปกตินะ ข้าไม่ได้มีหน้าที่ช่วยชีวิตคนที่มาถึงเกาะนี้” ชายชรากล่าว
“งั้นเดี๋ยวเลดี้ไปหาของกินในป่าก็แล้วกัน ฝากแอฟโรด้วยนะ” เด็กสาวกล่าวก่อนจะลุกขึ้นแล้วออกเดินเข้าไปในป่าที่อยู่บนเกาะทันที
“ได้สิ นอนอยู่ตรงนี้คงไม่เป็นอะไรหรอก” ชายชรากล่าวพร้อมกับมองกลับไปที่ร่างของชายหนุ่มหัวฟูที่นอนสลบอยู่ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “เอ้อ!! ป่าช่วงนี้มัน... อ้าว ไม่ทันแล้วแฮะ” ชายชราต้องเงียบไปเมื่อไม่เห็นร่างของเด็กสาวผมแดงแล้ว
เด็กสาวผมแดงบนหลังเสือเขี้ยวดาบตัวใหญ่พุ่งร่างไปมาในป่าเพื่อล่าสัตว์อสูรมาทำอาหาร เธอเห็นหมูป่าเขี้ยวโง้งอยู่ไกล ๆ จึงพุ่งไปทางทิศนั้นทันที แต่ทันใดนั้น
เปรี้ยง!!
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งครั้ง แล้วกระสุนก็เจาะเข้าไปที่หน้าผากของเจ้าเสือเขี้ยวดาบก่อนที่มันจะเสียหลักล้มลงตีลังกาหน้าทิ่ม ซึ่งส่งผลให้เด็กสาวที่ขี่หลังมันอยู่กระเด็นตกลงมาบนพื้น
‘พอส’ (Pause)
เลดี้เรียกใช้ความสามารถของเธอทันทีระหว่างที่ร่างกายของเธอลอยอยู่กลางอากาศ เวลาทั้งหมดก็แข็งค้างไปในความคิดของเธอ
‘แม็พปิ้ง’ (Mapping)
พลังจิตแผ่ออกมาโดยรอบสำรวจสภาพรอบบริเวณ เธอกำลังหาตำแหน่งของคนที่ยิงใส่เธอเมื่อสักครู่ และเพียงพริบตาเธอก็พบ มีร่างของใครบางคนอยู่บนต้นไม้ด้านหน้า ห่างไปประมาณห้าสิบเมตร
แล้วช่วงเวลาที่หยุดนิ่งก็เดินตามปกติอีกครั้ง
เด็กสาวผมแดงตีลังกาม้วนหน้าลงพื้นหนึ่งรอบก่อนที่ร่างของเธอจะจมหายไปในดินด้วยความรวดเร็ว มันคือความสามารถธาตุดินที่เธอได้มาจากเวทเงาอสูรตัวที่สองของเธอนั่นเอง
เลดี้แหวกร่างไปในดินเข้าใกล้เป้าหมายภายในเวลาชั่วอึดใจ แล้วก็ใช้พลังจิตเคลื่อนย้ายร่างจากในดินมาปรากฏที่ด้านหลังของเป้าหมายบนต้นไม้ภายในพริบตา
ระยะเวลาตั้งแต่เจ้าเซเบอร์โดนยิงจนถึงเลดี้มาปรากฏตัวกลางอากาศในระยะห้าสิบเมตรนี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น มือปืนที่ยิงเธอยังอยู่ในท่านั่งประทับปืนไรเฟิลกระบอกยาวอยู่เลย
เลดี้อยู่ในท่าง้างขาเตรียมจะเตะไปที่เป้าหมาย โดยที่เท้าของเธอยังมีรองเท้าติดล้อใบมีดที่สร้างจากพลังจิตหุ้มอยู่ด้วย นี่เป็นรองเท้าสเก็ตพลังจิตที่ติดมากับผลึกดินตอนรับเจ้าออก้าเป็นเงาอสูรนั่นเอง
เปรี้ยง!!
เท้าของเด็กสาวผมแดงหวดเข้าไปที่กลางลำตัวของเป้าหมาย แต่ทว่ามือปืนที่ยิงเธอกลับใช้ไรเฟิลรับได้ ถึงกระนั้นก็ยังกระเด็นไปตามแรงเตะของเลดี้อยู่ดี
และเพียงพริบตา ร่างที่กระเด็นไปนั้นก็หายไปกลางอากาศ
เลดี้รู้ตัวทันทีว่ามันคือการเคลื่อนที่ด้วยพลังจิต เธอใช้พลังขับเคลื่อนจากไอพ่นที่แขนหมุนตัวกลับหลังพร้อมกับตวัดขาเตะส้นเท้าไปที่ด้านหลังทันที เพราะเดาทางได้ว่าจะต้องถูกโจมตีจากทางด้านหลังแน่ ๆ
เปรี้ยง!!
ขาทั้งสองข้างไขว้กันเป็นรูปกากบาทกลางอากาศ ในช่วงเวลานั้นเลดี้ก็เห็นมือปืนผู้เป็นคู่ต่อสู้ชัดตาเป็นครั้งแรก มันมีรูปร่างสูงพอ ๆ กับเธอ ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงเพราะตรงหน้าอกที่นูน ๆ ออกมาชัดเจนนั่น แม้จะมีผ้าคลุมหนา ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นกระสอบสีน้ำตาลคลุมไปครึ่งตัว ที่หัวสวมหน้ากากหรือหมวกกันน็อกอะไรสักอย่างที่ปิดหน้าท่อนบนซึ่งดูเหมือนจะเป็นกล้องที่มีเลนเดียวติดอยู่ด้วย ส่วนจมูกและปากยังมองเห็นได้ตามปกติ ส่วนเสื้อผ้าเป็นบอดี้สูทรัดติ้วสีน้ำเงินม่วง ที่ขาเป็นบู้ทสูงครึ่งแข้งติดสเปอร์ไว้ที่ส้นเท้า
“เธอเป็นใครน่ะ มาทำร้ายเลดี้ทำไม” เด็กสาวผมแดงเอ่ยขณะที่ร่างของทั้งคู่ยังไม่ถึงพื้นและขายังไขว้กันอยู่
“เบื่อหมู จะกินเสือ” เสียงคู่ต่อสู้ตอบกลับมาเรียบ ๆ มันเป็นเสียงของผู้หญิงจริง ๆ ด้วย
“ไม่ได้ เซเบอร์เป็นของเลดี้” เลดี้ตอบกลับก่อนจะงัดเอาปืนสั้นสองกระบอกขึ้นมาเตรียมจะยิง แต่คาดไม่ถึงว่าปากกระบอกของไรเฟิลกลับยื่นเข้ามาที่หน้าของเธอก่อนแล้ว ดังนั้นเลดี้จึงใช้มือไขว้ปืนสั้นทั้งสองกระบอกงัดปลายของไรเฟิลขึ้นทันที
เปรี้ยง!!
เสียงปืนดังขึ้นอีกหนึ่งนัด กระสุนพลาดเป้าไปพร้อมกับร่างของหญิงสาวทั้งสองที่ผละออกจากกันแล้วลงสู่พื้น
แต่แล้วทันใดนั้นทั้งสองก็พุ่งเข้าหากันอีกครั้งแทบจะในทันทีที่เท้าถึงพื้น
กึ้ง!!
สเปอร์ที่ส้นเท้าปะทะเข้ากับล้อใบมีดจนเกิดเสียงดังพร้อมกับประกายไฟที่แลบออกมา
กึ้ง! กึ้ง! กึ้ง! กึ้ง! กึ้ง!
เสียงของมีคมที่เท้าของทั้งคู่ปะทะกันไม่หยุด แต่ละคนวาดลีลาเพลงเตะออกมาด้วยความรวดเร็ว หญิงสาวในชุดน้ำเงินม่วงหมุนตัวสะบัดเท้าต่อเนื่องส่งส้นเท้าของเธอออกมาไม่หยุดด้วยท่าทางที่สวยงาม ในขณะที่เด็กหญิงผมแดงในชุดสีแดงต้องคอยตั้งรับเสียเป็นส่วนใหญ่ด้วยการยกเท้าหรือโยกหลบแล้วสวนกลับบ้าง แต่ก็ยังไม่มีใครเสียท่าให้กัน
แต่ในเมื่อในมือของเลดี้มีปืนพกสองกระบอกที่เหมาะกับการสู้ในระยะประชิดนี่เหมือนกันทำไมเธอจะไม่ใช้
ปัง! ปัง!
กระสุนปืนจากเลดี้พุ่งสวนกลับไปในจังหวะที่เธอยกขาตั้งการ์ด แต่ทว่าหญิงสาวในชุดน้ำเงินม่วงก็ยังเบี่ยงตัวหลบได้อยู่ดีพร้อมกับสะบัดเท้าออกมาแรงขึ้น
เปรี้ยง!!
ฝ่าเท้าของหญิงสาวชุดน้ำเงินม่วงถีบเข้าไปที่ร่างของเลดี้จนตัวเธอปลิวไปชนกับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง ก่อนที่ปากกระบอกไรเฟิลจะหันไปทางเธอ
ปัง!!
กระสุนไรเฟิลพุ่งใส่ต้นไม้ ขณะที่เด็กสาวผมแดงพุ่งเฉียง ๆ สวนกับวิถีกระสุนมาแล้วไต่ขึ้นต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ กับหญิงสาวชุดน้ำเงินม่วงไปหนึ่งก้าวก่อนที่ล้อของสเก็ตจะหมุนแล้วส่งร่างของเธอให้หมุนตัวพร้อมกับเตะกลับมาในแนวดิ่งสู่ร่างของคู่ต่อสู้
ตูม!
เท้าของเลดี้ปะทะพื้นจนเศษดินแตกกระจายออกมา ในขณะที่คู่ต่อสู้ของเธอถอยเท้าไปเพียงก้าวเดียวเพื่อให้พ้นระยะจู่โจมก่อนจะตวัดส้นเท้าเตะต่ำไปที่ขาของเลดี้ที่เพิ่งปะทะกับพื้นดิน
ผัวะ!!
ลูกเตะของหญิงสาวชุดน้ำเงินม่วงส่งผลให้ร่างของเลดี้ตีลังกาลอยหมุนคว้างอยู่ เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็วเตรียมจะเตะซ้ำด้วยท่าถีบส้นใส่ร่างที่ลอยหมุนอย่างไร้การควบคุมนั่น แต่ทว่าเลดี้กลับเล็งปืนเตรีมสวนอยู่แล้ว
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เลดี้รัวกระสุนกลับไปขณะที่ร่างของเธอยังหมุนอยู่ ซึ่งหญิงสาวในชุดน้ำเงินม่วงก็หลบได้ทั้งหมด
แล้วเลดี้ก็เอาเท้าลงพื้นอย่างสวยงามในขณะที่หันปากกระบอกปืนคุมเชิงคู่ต่อสู้ เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีถึงจะยิงโดนคู่ต่อสู้คนนี้ได้ เพราะขนาดระยะประชิดก็ยังยิงไม่โดนเลย ทำได้แค่สกัดการรุกเท่านั้นเอง
ส่วนหญิงสาวในชุดน้ำเงินม่วงก็ยืนคุมเชิงอย่างสงบนิ่งเหมือนกัน เธอก็ไม่รู้ว่าจะโจมตีใส่เด็กสาวตรงหน้าอย่างไรดี จะเตะให้แรงอย่างไรก็รับได้ ยิงปืนใส่ระยะประชิดก็หลบได้อีก
แต่แล้วสัญญาณห้ามทัพก็ปรากฏขึ้นเมื่อหญิงสาวใช้มือข้างหนึ่งจับไปที่หูของตัวเองแล้วนิ่งไปเหมือนกำลังฟังข้อความอะไรอยู่
“รับทราบ จะกลับเดี๋ยวนี้” หญิงสาวพูดออกมา ดูเหมือนเธอจะตอบรับข้อความจากเครื่องมือสื่อสารของเธอที่เป็นหมวกกันน็อก
หญิงสาวหันหน้ามามองเลดี้ครั้งหนึ่งด้วยกิริยาราบเรียบ
“อะไร! จะสู้ต่อเหรอ” เด็กสาวผมแดงขึ้นเสียง
แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับเลิกหน้ากากที่คลุมดวงตาของเธออยู่ขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีแดงที่ดูเรียบนิ่งไร้อารมณ์ พร้อมกับหยิบอุปกรณ์อะไรสักอย่างมาถือไว้ในมือ
“บ๊ายบาย” หญิงสาวตาสีแดงเอ่ยออกมาเรียบ ๆ ก่อนจะกดปุ่มอุปกรณ์ในมือของเธอพร้อมกับร่างที่เรืองแสงขึ้นมาแล้วก็พุ่งขึ้นฟ้าหายไปทันที
เลดี้ยังยืนนิ่งเตรียมรับสถานการณ์อยู่เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณสิบวินาที เธอก็รู้ตัวว่าคู่ต่อสู้ได้จากไปแล้ว
“อะไรของเค้านะ จะมาก็มา จะไปก็ไป ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” เด็กสาวผมแดงเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเรียกร่างของเจ้าเสือเขี้ยวดาบออกมาอีกครั้งแล้วหาของกินต่อไป
น่าจะดูกันออกนะว่าสาวชุดน้ำเงินม่วงนี่คือใคร
ความคิดเห็น