ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #203 : บทที่ 196 จุดเริ่มต้นของจุดจบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.4K
      39
      3 มี.ค. 67

    บทที่ 196 จุดเริ่มต้นของจุดจบ

     

    ตูม~~!!

    วัตถุทรงกลมสีเหลือบ ๆ ที่กลมกลืนไปกับห้วงอวกาศระเบิดขึ้นมา ชิ้นส่วนเล็ก ๆ แตกกระจายออกมา และยังมีเสียงระเบิดตามออกมาอีกหลายสิบครั้ง จนกระทั่งวัตถุทรงกลมนั้นแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

    “ฮ่า ๆ ๆ ๆ สำเร็จ ในที่สุดชั้นก็ทำลายนรกได้แห่งนึงแล้ว เท่านี้ผู้คนก็ไม่ต้องทนทุกข์มัวเมาอยู่ในโลกที่หลอกลวงอีก” เสียงหญิงวัยกลางคนร่างอ้วนกล่าวขึ้นมาพร้อมกับมองภาพการระเบิดนั้นด้วยความพอใจ

     

    “นี่ยัยคลั่งหุ่น เสร็จธุระนี่แล้วจะไปไหนต่อเนี่ย” ชายหนุ่มหัวฟูถามหญิงสาวผมเขียว

    “ก็บอกว่าให้เรียกโอลีฟไงคะ ก็ไม่มีเป้าหมายอะไรแล้วล่ะ รวบรวมร่างของอสูรจักรกลครบแล้ว ...เห็นแอฟโรอยากจะไปตามหาคนที่มีเวทสำรวจขั้นสองนี่ ชั้นไปช่วยหาด้วยก็ได้นะ ไหน ๆ คุณก็ช่วยชั้นตามหาชิ้นส่วนจนครบ” โอลีฟตอบกลับ

    “ถ้าเธออยากจะช่วยชั้น ไม่ต้องไปด้วยกันก็ได้ แยกกันออกไปแบบนี้น่าจะมีโอกาสมากกว่า ถ้าเจอแล้วค่อยติดต่อหากันน่าจะดีกว่านะ” แอฟโรปฏิเสธการร่วมเดินทางกับสาวสวยผมเขียว พร้อมกับเดินไปที่ประตู

    “อืม ...ตามใจละกัน เดินทางคนเดียวระวังตัวด้วยล่ะ” โอลีฟตอบกลับ เธอไม่รั้งชายหนุ่มเอาไว้แล้วหันหน้ากลับมาสนใจชิ้นส่วนของหุ่นยนต์สีขาวขนาดตัวเท่ามนุษย์ที่ยังประกอบร่างไม่เสร็จตรงหน้าของเธอ

    “เธอก็เหมือนกัน ...บาย โอลีฟ” แอฟโรกล่าวลาพร้อมกับเปิดประตูออกจากห้องไป

    หญิงสาวผมเขียวได้ยินชายหนุ่มเรียกชื่อเธอก่อนจะหายไปก็หันหน้ากลับไปมองอีกทีด้วยสายตาที่แสดงความแปลกใจ

    “เรียกชื่อจริง ๆ ก็ได้เหมือนกันนี่นา” หญิงสาวเอ่ยออกมา เพราะตั้งแต่ที่เขาตั้งฉายาให้เธอว่า ‘ยัยคลั่งหุ่น’ เขาก็ไม่ได้เรียกเธอว่าโอลีฟอีกเลยจนกระทั่งเมื่อสักครู่นี่แหละ

    ที่นี่คือเมืองแมนฮัตตั้นที่อยู่บนเกาะแมนฮัตตั้นซึ่งเป็นแผ่นดินขนาดเล็กที่อยู่ระหว่างเกาะที่สามและสี่ของทวีปอเมริกา แต่ถึงจะเป็นแผ่นดินที่เล็กที่สุดก็มีขนาดใหญ่กว่าเกาะเริ่มต้นถึงห้าเท่า

    มาตาร์เดินออกมานอกห้องแล้วก็ขึ้นลิฟท์ลงมาด้านล่างของตึกทันที สถานที่ที่เขากับโอลีฟนัดเจอกันคือตึกให้เช่าหรือจะเรียกว่าคอนโดก็คงได้ ที่แมนฮัตตั้นนี้มีแต่ตึกสูง ๆ เรียงรายอยู่เต็มไปหมด เป็นเมืองที่ให้ภาพลักษณ์เมืองแห่งธุรกิจและความวุ่นวายของโลกในยุคเก่า

    ชายหนุ่มเดินออกมาบริเวณล็อบบี้ของคอนโดแล้วก็ยืนนิ่งไป

    “ไปไหนต่อดีล่ะสไลป” ชายหนุ่มหัวฟูปรึกษาพ่อบ้านของเขาที่ตอนนี้อยู่ในร่างหัวเข็มขัดถึงจุดมุ่งหมายต่อไป

    “คุณแอฟโรว่าแหล่งข้อมูลที่กว้างขวางที่สุดคือที่ไหนล่ะครับ” พ่อบ้านเสียงนุ่มถามกลับโดยมุ่งไปที่จุดมุ่งหมายถึงเดียวในขณะนี้

    “เอ่อ ...กว้างที่สุดเลยเหรอ” ชายหนุ่มครุ่นคิดก่อนจะตอบอย่างไม่แน่ใจ “บอร์ดข่าวสาร?”

    “ถูกต้องครับ” พ่อบ้านตอบ

    “จะให้ผมโพสข้อความตามหาสามสาวในบอร์ดข่าวสารเนี่ยนะ แบบนี้พวกยัยแม่มดได้ตามตัวผมเจอทันทีน่ะสิ” มาตาร์ไม่คิดจะพึ่งบอร์ดข่าวสารถึงจะรู้อยู่ว่ามันเป็นหนทางที่ดูมีความหวังที่สุด เขาเที่ยวตะลอนตามหาเหล่าน้องสาวอย่างมั่ว ๆ แล้วก็ยังไม่มีความหวังเลยแม้แต่นน้อย เพราะเขาพยายามหลีกเลี่ยงการติดต่อสื่อสารกับพวกคนรู้จักทั้งหลายของเขา

    “ผมว่าถ้าคุณแอฟโรมีเป้าหมายอะไรชัดเจนแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นมันก็ไม่สำคัญหรอกครับ คิดซะว่ามันคือส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายสิครับ” พ่อบ้านแนะนำ

    “...” มาตาร์นิ่งเงียบแล้วคิดตามคำของพ่อบ้าน

    ตอนแรกที่เขาหนีออกมาจากเกาะเริ่มต้นคนเดียวเพราะว่าไม่อยากจะสนิทกับคนอื่น ๆ มากเกินไป เพราะปัญหาเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเขา ซึ่งตอนนั้นสามสาวยังอยู่กับเขา แต่ตอนนี้สามสาวไม่อยู่แล้ว และเขาต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ มันเลี่ยงไม่ได้ถ้าเขาต้องการจะตามหาพวกเธอจริง ๆ ถ้าเขาจะถูกตามตัวจนเจอแล้วหลังจากนั้นได้สามสาวคืนมา เขาคิดว่ามันอาจจะคุ้มค่ามากกว่า

    ‘แล้วค่อยชิ่งอีกทีก็ได้นี่นา’

    คิดได้ดังนั้นมาตาร์ก็เปิดบอร์ดข่าวสารขึ้นมา แล้วโพสข้อความประกาศหาผู้ติดตามทั้งสามของเขาทันที โดยแยกออกเป็นสามหัวข้อตามหาตัวแต่ละคน

    ตามหาผู้ติดตามหมาป่าสีขาว ร่างมนุษย์เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบห้า ผิวขาว ผมซอยสั้นสีขาว ตาสีดำ ชื่อคลาร่า
    ตามหาผู้ติดตามเสือดำ ร่างมนุษย์เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบห้า ผิวสีแทน ผมทรงพังค์สีดำยาวประมาณไหล่ ตาสีเหลือง ชื่อโมเรน่า
    ตามหาผู้ติดตามเหยี่ยวสีน้ำตาล ร่างมนุษย์เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบห้า ผิวค่อนข้างขาว ผมสีน้ำตาลไว้ผมถักเปียเล็ก ๆ ทั้งหัว ตาสีแดง ชื่อบราวนี่

     

    “เรียบร้อย เท่านี้ก็คงจะหาเจอเร็ว ๆ นี้ล่ะมั้ง” ชายหนุ่มหัวฟูเอ่ยหลังจากทบทวนสิ่งที่เขาโพส

    “แล้วตอนนี้แอฟโรจะไปไหนต่ออ้ะ” เด็กสาวผมแดงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่แรกเอ่ยถาม

    แต่แล้วทันใดนั้น ประตูลิฟท์ก็เปิดออกมาพร้อมด้วยร่างของหญิงสาวผมเขียวที่พุ่งพรวดออกมา

    “เฮ่! แอฟโร” โอลีฟตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มหัวฟูออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    “มีอะไรอีกล่ะ ลืมของเหรอ?” ชายหนุ่มหัวฟูถามด้วยสีหน้าเรียบ ๆ ไม่ตื่นตกใจไปด้วย เพราะหญิงสาวผมเขียวคนนี้มักจะชอบแสดงสีหน้าท่าทางที่มากเกินปกติเสมอจนเขาชินเสียแล้ว

    “นาย ...รู้จักไมเคิลรึเปล่า” โอลีฟถามด้วยน้ำเสียงที่ลดความตื่นเต้นลงมาเล็กน้อย

    “ไม่นี่ ไม่เคยมีเพื่อนชื่อนี้เลย” ชายหนุ่มหัวฟูตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องคิด ‘เอ๊ะ?’

    “แล้วทำไมไมเคิลถึงบอกว่ารู้จักเจ้านายของบราวนี่ล่ะ” โอลีฟพูดออกมาอีก

    “อ๊ะ!?” แอฟโรอุทานออกมาอย่างไม่คาดคิด ‘ไมเคิล? บราวนี่?’

    ในสมองของชายหนุ่มเริ่มประมวลผลทันทีถึงสิ่งที่หญิงสาวผมเขียวพูดกับเขา เขาไม่เคยเอ่ยถึงบราวนี่ให้โอลีฟฟังมาก่อน แต่ทำไมจู่ ๆ เธอถึงกลับมาพูดเรื่องนี้กับเขา แถมยังเอ่ยชื่อที่ฟังดูคุ้นหูออกมาอีกด้วย ถึงแม้เขาจะลืมไปแล้วก็เถอะว่าไมเคิลคือใคร คำตอบที่เขาคิดออกมาได้อย่างเดียวก็คือ บอร์ดข่าวสารที่เขาเพิ่งโพสตามหาสามสาวลงไปโดยใช้ชื่อติดต่อกลับเป็นแอฟโรเสียด้วย

    มันน่าเหลือเชื่อมาก มาตาร์เพิ่งจะโพสข้อความถามหาผู้ติดตามของเขาลงบนบอร์ดข่าวสารได้ไม่เกินห้านาทีกลับมีข้อมูลกลับมาต่อหน้าต่อตา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาตะลอนตามหาสามสาวไปทั่วกลับไม่ได้รับข้อมูลอะไรเลย แต่จะว่าไป เขาก็ไม่เคยเอ่ยถามอะไรกับใครเลย ถ้าบังเอิญไปเจอจริง ๆ ก็เท่ากับโชคดีจนเกินไป

    “ไมเคิล ...เทพเหนือเทพ?” แอฟโรค่อย ๆ เอ่ยชื่อพร้อมกับนึกหน้าของชายผู้นั้นไปด้วย คนที่มาตาร์ตั้งฉายาและตั้งกลุ่มให้อย่างพลการ นักรบเผ่าเทพในชุดสีน้ำเงินแห่ง ‘แก๊งแม่สี’

    “ใช่ ๆ นั่นแหละ ไมเคิลคือพี่ชั้นเอง เค้าบอกว่าเค้าเจอบราวนี่แน่ะ แต่ก็จำได้ว่าบราวนี่ไม่ได้มีเจ้านายชื่อแอฟโรนี่นา ...นายลงประกาศแทนเพื่อนเหรอ?” โอลีฟกล่าว

    “ฮ้า!!” ชายหนุ่มอุทานออกมาด้วยสีหน้าตกใจอย่างปิดไม่มิด พร้อมกับจับไหล่ฝ่ายตรงข้ามพร้อมเขย่าอย่างลืมตัว “เจอบราวนี่เหรอ!! อยู่ที่ไหน บราวนี่อยู่ที่ไหน!!”

    “เฮ้ย!  ๆ ๆ เบา ๆ สิคะ!!” หญิงสาวผมเขียวที่ถูกเขย่าถึงกับร้องออกมาพร้อมกับฝืนตัวไปด้วย

     

    อีกด้านหนึ่ง ไม่ไกลนักในทวีปอเมริกาเหมือนกัน

    “เมล! ดูบอร์ดข่าวสารหัวข้อที่ 3A33445 สิ” หญิงสาวผมสั้นสีดำแซมขาวผิวสีน้ำผึ้งพูดกับเพื่อนสาวของเธอด้วยน้ำเสียงร้อนรน

    “มีอะไรเหรอรัต มีข่าวน่าสนใจเหรอไง” หญิงสาวผมดำยาวนัยน์ตาสีมรกตถามกลับไปเรียบ ๆ เธอไม่คิดว่าเรื่องที่เพื่อนของเธอตื่นเต้นจะทำให้เธอตื่นเต้นไปด้วยได้

    “ประกาศตามหา คลาร่า โมเรน่า บราวนี่ โดยผู้เล่นแอฟโร” หญิงสาวผมสั้นเฉลยทันที

    “อะไรนะ!!” หญิงสาวผมยาวถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันทีพร้อมกับเปิดกระดานข่าวสารขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว

    และเมื่อเมโลดี้ หญิงสาวผมยาวอ่านกระดานข้อความก็มีสีหน้าครุ่นคิดขึ้นมาทันที

    “คิดว่าแอฟโรคนนี้คือคนที่เราเจอบนเรือข้ามฟากเมื่อวันก่อนรึเปล่ารัต” โอลีฟถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

    “ชั้นว่าใช่ ชั้นนึกถึงนายมาตาร์ตัวปลอมที่เราเจอเมื่อวันก่อนได้ด้วย ที่หมอนั่นมีอุปกรณ์เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนชื่อน่ะ” ราตรี หญิงสาวผมสั้นตอบกลับพร้อมกับโยงข้อมูลอื่น ๆ ให้เพื่อนของเธอช่วยวิเคราะห์ด้วย

    “แกกำลังบอกว่า แอฟโรคนนั้นก็คือพี่มาตาร์ที่ใช้เข็มขัดไรเดอร์?” เมโลดี้ตอบกลับ เพราะข้อมูลเรื่องเข็มขัดไรเดอร์ที่เธอถามมาจากมาตาร์ตัวปลอมนั่นก็ทำให้เธอนึกถึงแอฟโรเหมือนกัน เนื่องจากท่าทางของชายหนุ่มหัวฟูคนนั้นมันคล้ายกับพี่มาตาร์ของเธอเหลือเกิน ยิ่งมาเจอประกาศตามหาสามสาวโดยชื่อแอฟโรแบบนี้อีก ทำให้เธอคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แล้ว

    “...” ราตรีไม่เอ่ยอะไรออกมา แต่สีหน้าของเธอก็แทนคำตอบได้แล้ว สายตาของเธอดูมีประกายขึ้นมาทันที

    ทั้งสองสาวมองหน้ากันก่อนที่จะรีบเก็บของพร้อมกับออกจากโรงแรมที่พักทันที เป้าหมายของพวกเธออยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าการเจอหน้ากับชายหนุ่มที่เธอตามหาครั้งต่อไปจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเธอได้เจอกับเขา

     

    “คืนร่าง!!” แอฟโรตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง

    แวบ!

    แล้วร่างของแอฟโรก็กลายเป็นร่างของชายหนุ่มหัวแดงทรงเดร็ดล็อกส์ที่หน้าตาดูมีอายุขึ้นมาอีกเล็กน้อย

     “ชื่อจริงของผมคือมาตาร์ เป็นเจ้านายของบราวนี่” ชายหนุ่มหัวแดงเอ่ยออกมาแบบไม่อ้อมค้อมพร้อมกับเผยความลับของเขาออกมาด้วย

    ที่นี่คือห้องพักของหญิงสาวผมเขียวในคอนโด ทั้งคู่เดินกลับเข้ามาเพราะมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกยาว

    “โฮ่! เกมนี้มันมีอุปกรณ์ปลอมแปลงตัวตนแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย ...น่าสนใจแฮะ” โอลีฟดันสนใจเรื่องอื่นมากกว่า

    “ทีนี้บอกมาได้รึยัง ว่าบราวนี่อยู่ที่ไหน” มาตาร์ถามเรียบ ๆ ออกมาอีกครั้ง

    เมื่อสักสามสี่นาทีก่อนหน้านี้ โอลีฟต้องการหลักฐานยืนยันว่าแอฟโรมีความเกี่ยวข้องกับเจ้านายของบราวนี่ เพราะว่าไมเคิลไม่ยอมบอกที่อยู่ของบราวนี่ออกมาง่าย ๆ เพราะมันดูแปลกเกินไปที่คนโพสไม่ใช่เจ้าของผู้ติดตาม แต่เป็นเพื่อนกันเฉย ๆ พูดง่าย ๆ ว่าไมเคิลยังไม่ไว้ใจคนที่ชื่อแอฟโรเท่าไหร่ บางทีอาจจะไม่ใช่เพื่อนของมาตาร์ก็ได้แต่เป็นศัตรู แล้วถ้าบอกที่อยู่ของบราวนี่ออกไปจะกลายเป็นทำร้ายบราวนี่มากกว่า ซึ่งไมเคิลไม่ต้องการแบบนั้น มาตาร์ขี้เกียจหาข้ออ้างมากมาย เขาจึงใช้วิธีที่รวดเร็วที่สุด คือการบอกความจริงออกไปเลยนั่นเอง

    “...”

    หญิงสาวเงียบไปสักครู่ ซึ่งมาตาร์คาดว่าเธอคงกำลังคุยกับพี่ชายตัวดีของเธออยู่นั่นเอง จึงไม่ได้คาดคั้นอะไรต่อไป แต่รอเวลา

    “เอเชีย ไมเคิลบอกให้ไปเจอกันที่สุโขทัยแน่ะ” โอลีฟเฉลยออกมาในที่สุด

    “สุโขทัย?” มาตาร์สงสัยว่ามันคืออะไร

    “ชื่อเมืองน่ะ อาณาจักรโบราณในประวัติศาสตร์โลกไง” หญิงสาวผมเขียวให้ความรู้

    “ผมไม่สนใจประวัติศาสตร์โลก” ชายหนุ่มผมแดงตอบกลับแบบไม่ใส่ใจ

    “อ๋อเหรอ แล้วจะไปไหนนั่นน่ะ?” โอลีฟถามขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มผมแดงออกเดินไปที่ลิฟท์

    “สุโขทัยไง” มาตาร์ตอบเรียบ ๆ พร้อมกับจ้ำเดินอย่างรีบร้อน

    “ไม่ต้องรีบหรอกน่า ไมเคิลยังอยู่ที่แอฟริกาอยู่เลย กว่าจะถึงเอเชียก็อีกหลายวันแหละ ...ถ้าไม่ได้เดินทางตามทางปกติอะนะ” โอลีฟหมายความว่าถ้าเดินทางด้วยวิธีการปกติ จากทวีปแอฟริกาไปเอเชียยังต้องเสียเวลาเดินทางเป็นเดือน “แล้วก็ ชั้นมีธุระกับไมเคิลเหมือนกัน เดี๋ยวเราไปด้วยกันก็ได้”

    “...” มาตาร์สงบใจลงทันทีจากที่เร่งรีบเมื่อสักครู่ เพราะว่าเขาไม่รู้ทิศทางที่แน่นอนของสุโขทัย และไม่ได้มีพาหนะที่แสนสะดวกสบายเท่ากับหญิงสาวผมเขียวคนนี้ ถ้าเดินทางไปด้วยกันย่อมเร็วกว่าและสะดวกกว่าแน่นอน ‘ก็ดีเหมือนกัน’

    “งั้นรอชั้นต่อเจ้าหุ่นยนต์ให้เสร็จก่อนนะ แล้วค่อยออกเดินทาง ไม่น่าจะเกินสามวัน” หญิงสาวเอ่ยแล้วก็เดินเข้าไปในห้องทดลองของเธอไปทันที

    “ฮ้า! สามวัน” มาตาร์อุทานออกมาอย่างเซ็ง ๆ

     

    โอลีฟคนนี้คือหญิงสาวที่มาตาร์บังเอิญเจอเมื่อตอนเขาได้ไปผจญภัยในอวกาศ เมื่อตอนที่ยานอวกาศของวัลแคนเกิดระเบิดขึ้นขณะที่ออกไปถึงอวกาศแล้ว

    ตูมม~~~!!

    “อะไรน่ะ!!” ชายหนุ่มหัวฟูอุทานออกมาเมื่อได้รับแรงสั่นสะเทือนที่ผิดปกติขณะที่นั่งอยู่ในเก้าอี้นิรภัยในห้องส่วนตัวของแม่โจรสาวพร้อมกับหญิงสาวผมทองอีกคน

    “ประกาศจากกัปตัน ยานถูกวางระเบิด ลูกเรือทุกคนสละยานทันที แล้วพบกันที่พิกัด NY101” เสียงของชายที่ฟังดูเฉื่อย ๆ กล่าวออกมาดังไปทั่วยานเฉลยสิ่งที่มาตาร์อยากรู้ในทันที

    “แอฟโร ทาเนีย รับไว้ เร็ว!!” แม่โจรสาวตะโกนก่อนจะโยนไพ่ให้ชายหนุ่มหัวฟูและหญิงสาวผมทองพร้อมกับแวบหายตัวไปทันที

    แวบ! แวบ!

    มาตาร์กับทาเนียยังเรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ทัน แต่เมื่อไพ่ถูกโยนมาบนตักของทั้งคู่ จู่ ๆ ภาพตรงหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นบริเวณทางออกฉุกเฉินที่มียานชูชีพเรียงกันเป็นสิบอยู่ตรงหน้า

    “เอ๊ะ!” ชายหนุ่มหัวฟูอุทานออกมาเมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนไปแบบไม่คาดคิด

    “คุณแอฟโร เร็ว ๆ ค่ะ เดี๋ยวถ้าเกิดระเบิดอีกทีคราวนี้คงได้ตายกลับโลกเลยนะ” ทาเนียได้สติขึ้นมาก่อนก็ร้องเรียกชายหนุ่มขณะที่เธอเปิดฝาครอบยานชูชีพออกมา

    ยานชูชีพมีลักษณะเป็นแคปซูลโดยสารเหมือนตู้นอนยาว ๆ พอที่จะให้คนหนึ่งคนใช้งานได้เท่านั้นเอง เท่ากับว่าพวกเขาต้องแยกกันเข้าไปในยานชูชีพคนละลำ

    เมื่อชายหนุ่มหัวฟูได้สติก็เร่งเปิดฝายานชูชีพออกมาแล้วกระโดดเข้าไปทันทีพร้อมกับปิดฝาโดยไม่ได้รอคนอื่นเลย

    “โห ทีงี้ละเร็วขึ้นมาเชียว” โจรสาวอาร์แซนเอ่ยเมื่อเห็นพฤติกรรมเอาตัวรอดไม่ห่วงคนอื่นของชายหัวฟู

    “ก็คนอื่นพร้อมกันแล้วไม่ใช่เหรอไง ไปก่อนล่ะนะ” แอฟโรพูดขึ้นพร้อมกับปิดฝายานชูชีพแล้วดีดตัวออกจากยานหลักทันทีก่อนที่จะสายเกินไป

    ปุ้ง!!

    ทาเนียกับอาร์แซนยังไม่ทันที่จะพูดอะไรออกมาชายหนุ่มหัวฟูก็หายไปซะแล้ว

    “อ๊ะ! ตายแล้วลืมให้ไพ่นายหัวฟูไป แล้วจะมาเจอกันอีกยังไงล่ะเนี่ย” อาร์แซนกล่าวพร้อมกับทำหน้าตื่น ๆ

    “อ้าว ยานชูชีพนี่ไม่ได้เคลื่อนตัวแบบอัตโนมัติไปที่จุดนัดพบเหรอ” ทาเนียถามคิ้วขมวด

    “ไม่ใช่ ยานชูชีพนี่ไม่มีแรงขับเคลื่อน ในแค่ลอยไปเรื่อย ๆ เฉย ๆ พร้อมกับส่งสัญญาณออกมาเท่านั้นเอง” อาร์แซนกล่าว

    ตูมม~~!!

    แล้วระเบิดก็ดังขึ้นอีก

    “รับไปก่อน! แล้วค่อยเจอกันนะทาเนีย” แม่โจรสาวโยนไพ่ให้ทาเนียหนึ่งใบแล้วแวบหายไปทันที

    “อ๊ะ!” หญิงสาวผมทองไม่ทันได้โต้ตอบอะไรกลับไปเธอก็ต้องรีบกระโดดเข้าไปในยานชูชีพก่อนจะดีดตัวออกไป

    ปุ้ง!!

    แคปซูลชูชีพของหญิงสาวลอยออกมาจากยานแม่ หญิงสาวที่อยู่ภายในมองกลับไปที่ยานสีเหลือบ ๆ นั่นก่อนจะเห็นมันระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ภายในเวลาไม่นานนัก

    ทาเนียเริ่มรวบรวมข้อมูลว่ามันเกิดอะไรขึ้นภายในระยะเวลาไม่ถึงนาทีที่ผ่านมานั่น

    ขณะที่ยานอวกาศฝ่าชั้นบรรยากาศของโลกมาได้เพียงไม่กี่วินาที ก็ได้ยินเสียงระเบิด แล้วเธอกับผู้โดยสารคนอื่น ๆ ก็ใช้ยานชูชีพนี่หนีออกมา ในขณะที่แม่โจรสาวแวบหายไปไหนก็ไม่รู้พร้อมกับทิ้งไพ่เคลื่อนย้ายไว้ให้หนึ่งใบ

    “อาร์แซนคงจะไปใช้ยานหลบหนีของวัลแคน แล้วก็ค่อยส่งเราไปที่อื่นทีหลังสินะ” หญิงสาวผมทองพูดสิ่งที่เธอคิดออกมา

    “มันจะแน่เร้อ ชั้นว่ายัยโจรนั่นออกจะเชื่อใจไม่ได้นะ” เสียงหญิงสาวอีกคนดังขึ้นมา

    “แต่ยังไงตอนนี้เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นหรอกสปีน่า คงได้แต่รอนั่นแหละ” ทาเนียตอบกลับแมงมุมสาวผู้ติดตามของเธอที่ตอนนี้อยู่ในร่างแมงมุม

    แล้วเรื่องทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ทาเนียคาดการณ์ สักพักยานอวกาศลำเล็ก ๆ ลำหนึ่งก็บินเข้ามาแล้วก็เก็บเอายานชูชีพที่ลอยเคว้งคว้างทั่วบริเวณนี้ไปทั้งหมด ซึ่งมันก็คือยานสำรองของวัลแคนนั่นเอง

    หลังจากนั้นยานอวกาศลำเล็กก็ขนเอายานชูชีพเข้าไปจอดในสถานีอวกาศขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าเอ็นวาย ซึ่งช่วงนั้นเอง อาร์แซนก็ส่งร่างของทาเนียออกมาก่อนที่วัลแคนจะมาเปิดฝาให้ลูกเรือทุกคนเพื่อป้องกันการเผชิญหน้าของทั้งคู่ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับชายหนุ่มหัวฟูอีกคนที่ลอบขึ้นยานมาดี

    แต่เรื่องทั้งหลายไม่เป็นไปตามคาด เมื่อวัลแคนเปิดฝายานชูชีพทุกลำแล้วกลับไม่มีร่างของชายหนุ่มหัวฟูอยู่ในนั้นเลย

     

    ฟูว~~!!

    ฝาครอบของยานชูชีพเปิดออก แล้วชายหนุ่มหัวฟูก็ปีนออกมาทันที แล้วเขาก็ได้พบกับหญิงสาวผมเขียวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า

    “คุณติดหนี้ชั้นนะคะ ถ้าชั้นไม่อยู่แถวนั้นคุณได้กลายเป็นฝุ่นในชั้นบรรยากาศแน่” หญิงสาวผมเขียวเอ่ย

    เธอมีใบหน้าที่คมคายสวยงาม นัยน์ตาสีเขียวเข้ากับสีผม รูปร่างสมส่วน ตัวสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรได้ คือเตี้ยกว่าชายหนุ่มหัวฟูเล็กน้อยเท่านั้นเอง ถ้าตัดความฟูของทรงผมออกไปด้วยนะ

    “เอ้อ ขอบคุณครับ ...ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” แอฟโรถามพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ห้องที่ดูเหมือนโรงงานเล็ก ๆ

    “บ้านชั้นเองแหละ” หญิงสาวพูดพร้อมกับถือเครื่องมือที่ดูเหมือนจะเป็นประแจ แล้วเข้าไปไขโน่นไขนี่ที่ยานชูชีพที่ชายหนุ่มเพิ่งจะปีนออกมา

    “...” ชายหนุ่มหัวฟูเงียบไปเมื่อได้ฟังคำตอบของหญิงสาว ‘มันใช่สาระที่อยากถามรึเปล่าเนี่ย นี่มันเมืองอะไร อยู่ที่ไหนตะหากเล่า’

    ก๊อก แก๊ก

    เสียงก๊อกแก๊กดังขึ้นมาไม่หยุด ดูเหมือนหญิงสาวจะสนใจเจ้ายานชูชีพมากกว่าจะคุยกับเขา แอฟโรก็เลยไม่ถามอะไรต่อ เขาคิดว่าคงจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่กับคนที่มีบุคลิกแบบนี้

    “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ” ชายหนุ่มหัวฟูบอกลาแล้วก็เดินออกไปทันที แต่เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเขาไม่รู้ว่าทางออกจากที่นี่มันอยู่ที่ไหน มองไปทางไหนก็มีแต่เครื่องไม่เครื่องมือเต็มไปหมด ผนังแต่ละด้านก็ไม่เห็นสิ่งที่น่าจะเป็นประตูเลย ‘ทางออกมันอยู่ไหนเนี่ย นี่มันบ้านหรืออะไรกันแน่ แล้วยัยนี่ช่วยเราจริง ๆ หรือแค่สนใจไอ้ยานชูชีพนั่นแล้วบังเอิญตูยังอยู่ในยานก็เลยไล่ตูออกมาก่อนฟะ ไม่สนใจอย่างอื่นเลยนะ’

    “ถ้านายอยากตายก็เชิญออกไปได้เลยนะ” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับหยิบรีโมทออกมาแล้วกดปุ่ม

    แอ๊ด~~!

    แล้วเพดานทั้งผืนก็เลื่อนเปิดออกเหมือนกับหลังคาบ้านกำลังแยกออกจากกัน มองภายนอกเห็นเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน

    “หมายความว่าไงครับ? คุณต้องการอะไรกันแน่?” ชายหนุ่มหัวฟูถามเสียงแข็ง นี่เขาถูกขู่อยู่หรือเปล่า

    “ชุดอวกาศก็ไม่มี ชุดนำไฟฟ้าก็ไม่มี ถ้าคิดว่านายสามารถมีชีวิตในอวกาศด้วยเสื้อผ้าแบบนั้นก็เอาเถอะ” หญิงสาวตอบหน้าตายพร้อมกับหมกมุ่นอยู่กับเครื่องกลตรงหน้าเธอต่อไป

    “หา?” แอฟโรอุทานออกมา

    นี่ตกลงเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ข้างนอกนั่นไม่ใช่ท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่คืออวกาศอันดำมืดหรอกหรือ แล้วบ้านนี่มันอยู่ตรงไหนของอวกาศกันล่ะ

     

    ชี้แจงหน่อย

    เนื้อเรื่องเก่าที่ผมเคยเขียนไปก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกว่ามันไม่มีความกลมกลืนกับตอนก่อนหน้าเลย รู้สึกว่างานของตัวเองมันเละมาก ๆ ตั้งแต่เขียนฉากออกไปอวกาศ ก็เลยตั้งใจว่าจะแต่งใหม่ดีกว่า ประกอบกับผมเพิ่งมีประสบการณ์ที่ทำให้แนวคิดของผมเปลี่ยนไป ซึ่งเดิมผมอยากจะเล่าถึงแนวคิดอันเก่านั้น แต่ตอนนี้ผมเขียนไปในแนวทางนั้นไม่ได้แล้ว เพราะมันขัดกับแนวคิดอันปัจจุบันของผม

    ประกอบกับฮาร์ดดิสผมเสีย ทำให้งานที่แต่งค้างเอาไว้หายไปหมดเลย ก็เลยคิดว่าจะจบนิยายเรื่องนี้ดีกว่า

    ...แต่ไม่ต้องตกใจไป ผมคิดว่าการจบนิยายเรื่องนี้จะไม่ทำให้ผู้อ่านที่ติดตามมาตั้งแต่ต้นเสียอรรธรสแน่นอน และผมได้เตรียมภาคต่อที่สามารถเชื่อมแนวคิดใหม่ของผมกับตอนจบแบบใหม่ของนิยายเรื่องนี้เอาไว้แล้ว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×