คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #88 : บทที่86: ชนะเพื่อสร้างความแค้น
บทที่86 ชนะเพื่อสร้างความแค้น
วูมม!
บอลสีขาวเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสามสิบเซนติเมตรลอยอยู่เหนือมือของมาตาร์
“ลูกใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย” มาตาร์พูดขึ้นมาเมื่อเห็นขนาดของมันซึ่งใหญ่กว่าระเบิดวายุมาก
“ทำไมไม่บีบให้มันเล็กลงล่ะครับ แบบนี้มันไม่สะดวกเวลาใช้งานนะครับ” พ่อบ้านแสนสะดวกแนะนำ
“ก็ลองแล้วนะโฆเซ่ แต่มันไม่เหมือนระเบิดวายุเลยน่ะ มันไม่ใช่ลมที่จะได้บีบอัดให้แน่นได้” มาตาร์กล่าว
“คงใช้แบบเดียวกับระเบิดวายุไม่ได้หรอกครับ แต่คุณมาตาร์ยังมีพลังอีกอย่างสามารถใช้บีบอัดได้นะครับ” พ่อบ้านผู้รอบรู้กล่าว
“พลังอีกอย่างเหรอ?” มาตาร์สงสัยขึ้นมา
“ใช่ครับ ในเกมนี้มีพลังอะไรให้ใช้ได้บ้างล่ะครับ” พ่อบ้านผู้รอบรู้ชี้ช่อง
“ปราณ ...เวท ...พลังจิตเหรอ?” มาตาร์เดาดู เพราะปราณก็ใช้กับเจ้ากระสุนห้าธาตุนี้ไปหมดแล้ว เวทก็ไม่มีกำลังอะไร คงเหลือแต่พลังจิตเท่านั้นเอง
“ใช่ครับ ลองดูสิครับ” พ่อบ้านเฉลย
“มันจะได้เร้อ” มาตาร์ยังลังเล
“ไม่ต้องกังวลนะครับ ปราณและพลังจิตเป็นของคุณมาตาร์เองทั้งคู่ มันไม่ต่อต้านกันแน่นอน” พ่อบ้านให้ข้อมูลที่มาตาร์อาจจะกังวล เพราะเขาเคยบอกว่าพลังจิต ปราณ เวท ในเกมนี้มันหักล้างกันได้ ถ้าใส่พลังจิตเข้าไปจะกลายเป็นทำลายเจ้าบอลลูกสีขาวนี้หรือเปล่า
ดังนั้นมาตาร์จึงปล่อยพลังจิตออกมาห่อหุ้มเจ้าบอลสีขาวนี้อีกทีแล้วบีบมันให้เล็กลงไป
วืดด!
“สำเร็จ! เล็กลงจริงๆด้วย” มาตาร์ตะโกนออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นผลลัพธ์
จากบอลที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสามสิบเซนติเมตร หดเล็กลงจนเหลือเพียงหนึ่งเซนติเมตร เล็กจนแทบจะมองไม่เห็นเลยทีเดียว
“อ่า ...แบบนี้มันก็เล็กเกินไปนะเนี่ย” มาตาร์เริ่มรู้สึกข้องใจ ทำไมไอ้ลูกบอลนี่ไม่ใหญ่ไปก็เล็กไปแบบนี้นะ
“ขนาดตอนสร้างไม่สำคัญหรอกครับ ลองปล่อยดูเลยดีกว่า” พ่อบ้านพูดจบก็เรียกก้อนหินขนาดใหญ่ออกมาก้อนหนึ่งสูงกว่าสิบเมตรเอาไว้เป็นเป้าซ้อมมือ
“อ๋า? ก้อนใหญ่ขนาดนี้เวลามันกระทบถูกเป้าก็หายากน่ะสิว่าโดนตรงไหน” มาตาร์บ่นขึ้นมา แต่พ่อบ้านยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดี
มาตาร์เห็นปฏิกิริยาพ่อบ้านของเขาแล้วก็ได้แต่เชื่อใจว่าโฆเซ่คงมีเหตุผลที่เรียกหินก้อนใหญ่ขนาดเท่าบ้านนี้ออกมา
ปิ้วว!
ลูกบอลกลมเล็กถูกดีดออกไปด้วยการอัดปราณและบังคับด้วยพลังจิตอีกที ความเร็วของมันไม่มากนัก แต่ก็ไม่ได้ช้ามากจนเกินไป เป็นความเร็วที่ไม่ค่อยต่างจากการปาก้อนหินมากนัก
วูมม!!
แล้วทันทีที่เจ้าลูกบอลขนาดหนึ่งเซนติเมตรกระทบกับก้อนหิน แทบจะไม่มีเสียงเกิดขึ้นเลย แต่มันกลับขยายขนาดขึ้นจนเกิดเป็นรอยคว้านที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่าสามเมตรแทน รอยคว้านยังลึกลงไปในดินอีกด้วย
“อ๋า?” มาตาร์เห็นผลลัพธ์แล้วต้องตกตะลึงไปอีกรอบ ตอนปล่อยเป็นลำแสงนั่นมันยังไม่เป็นขนาดนี้เลย ส่วนพ่อบ้านก็ยิ้มด้วยความพอใจ
“ท... ทำไมมันร้ายกาจอย่างนี้ล่ะเนี่ย!!” มาตาร์ตั้งสติได้จึงอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ท่านี้จะสลายสสารได้ตามปริมาณปราณที่ปล่อยออกมานะครับ ดูแต่ขนาดตอนปล่อยไม่ได้หรอก” พ่อบ้านผู้รอบรู้ให้ข้อมูล
“หมายความว่าขนาดตอนปล่อยเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยว แต่เกี่ยวกับปราณที่อัดลงไปใช่มั้ย” มาตาร์ทวนคำของพ่อบ้าน
“ใช่แล้วครับ ดังนั้น ระวังการปล่อยท่านี้ใกล้ๆเอาไว้ด้วยนะครับ คุณมาตาร์ต้องไม่ผ่อนพลังจิตที่เอาไว้บังมือนะครับ ไม่อย่างนั้นมือจะแหว่งไม่รู้ตัว” พ่อบ้านแนะนำอีก
“แล้วเมื่อกี๊โฆเซ่บอกว่ามันจะสลายสสารตามปริมาณปราณ ...หมายความว่าไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นระดับเท่าไหร่ก็สลายได้รึเปล่า” มาตาร์หวังไว้ว่ามันจะกลายเป็นไม้ตายที่ไม่ขึ้นกับระดับได้
“ไม่ใช่หรอกครับ แต่จะคิดตามสัดส่วนความต่างของระดับเหมือนเดิม” พ่อบ้านพูดข้อมูล ทำเอามาตาร์ผิดหวัง “อย่างเช่นถ้าคนที่มีระดับต่างกันเกินร้อยพลังจะถูดลดลงเหลือแค่หนึ่งในร้อย จากเส้นผ่าศูนย์กลางสามเมตรก็คงเหลือแค่ประมาณหกสิบเซนติเมตร” พ่อบ้านคำนวณในใจถึงปริมาตรที่ลดลงไปเหลือหนึ่งในร้อยของทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางสามเมตรกับทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางหกสิบเซนติเมตร
“ฮ้า!!” มาตาร์ก็ต้องอุทานออกมาอีกครั้ง “หกสิบเซนฯนี่โดนเข้าไปกลางตัวก็ไม่รอดนะนั่น”
ชายหนุ่มนึกถึงภาพคนโดนทรงกลมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหกสิบเซนติเมตรเจาะกลางตัว ลำตัวหายไปทั้งตัว เหลือแต่ท่อนขากับส่วนที่เหนือคอขึ้นไป
“ก็เท่ากับว่าท่านี้มันก็เป็นท่าสั่งตายอยู่ดีนี่นา ใครโดนเข้าก็ไม่น่าจะรอด” มาตาร์เริ่มรู้สึกว่าท่านี้มันร้ายแรงสุดๆ เหนือกว่าระเบิดวายุมากนัก เพราะแม้ระดับจะต่างกันเกินร้อยแต่คนที่โดนเข้าไปก็ตายอยู่ดี
“ก็ต้องขึ้นอยู่กับปราณของคุณมาตาร์แล้วล่ะครับ เพราะในเกมคงไม่แรงขนาดนี้ อาจจะเบากว่านี้เป็นสิบเท่า เพราะคุณมาตาร์ปล่อยปราณไปไม่น้อยเลยเมื่อสักครู่นี้” พ่อบ้านผู้รอบรู้รายงาน
“เข้าใจล่ะ งั้นต่อไปจะซ้อมเพิ่มความรวดเร็วในการใช้ท่านะ” แล้วมาตาร์ก็หันไปซ้อมแต่ท่ากระสุนปราณห้าธาตุ
จนสุดท้ายแล้วเขาก็ติดที่กำแพงห้าวินาที
“ยังไงก็ต้องใช้เวลาประมาณห้าวินาทีแฮะ” มาตาร์พูดให้พ่อบ้านฟังหลังจากซ้อมมาเป็นสิบๆครั้ง
“ของแบบนี้อยู่ที่ความชำนาญครับ เดี๋ยวนานวันเข้ามันก็เร็วขึ้นเรื่อยๆเอง” พ่อบ้านให้กำลังใจ
ห้าวินาทีที่มาตาร์ติดนั้นคือ หนึ่งวินาทีในการแปลงปราณลมลงนิ้วกลาง หนึ่งวินาทีในการแปลงปราณไฟและน้ำแข็งลงที่นิ้วชี้และนิ้วนาง หนึ่งวินาทีในการแปลงปราณสายฟ้าและดินลงที่นิ้วโป้งกับนิ้วก้อย หนึ่งวินาทีในการรวมปราณทั้งห้าที่กลางฝ่ามือ และอีกหนึ่งวินาทีในการใช้จิตอัดปราณให้เป็นก้อน
“แล้วจะตั้งชื่อท่าไม้ตายนี้ว่าอะไรดีล่ะครับ” พ่อบ้านถามขึ้นมา
มาตาร์ก็เกือบจะลืมไปแล้วว่ามีสัญญาณให้ยืนยันการตั้งชื่อท่าไม้ตายใหม่ ซึ่งเขาก็ยังไม่ได้ตกลงชื่อของมันเลย จะให้ตั้งชื่อว่าโซล่าร์ซิสฯแคนน่อนก็กระไรอยู่ ถึงพวกโซล่าร์ซิสฯจะเรียกชื่อนี้ก็ตาม แต่เวลาเขาอยู่คนเดียวคงไม่เรียกมันอย่างนี้หรอก
“ก็ตั้งชื่อว่าโซล่าร์ซิสฯแคนน่อนไงคะ” คลาร่าเสียงดังขึ้นมา
“ช่ายๆ โซล่าร์ซิสฯแคนน่อน” โมเรน่าเห็นด้วยขึ้นมาไกลๆ
“เอ่อ ...พี่ว่าจะตั้งชื่ออื่นน่ะ เผื่อเวลาใช้คนเดียว” มาตาร์หาทางเลี่ยง
“โซล่าร์ซิสฯแคนน่อน” บราวนี่เข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหูมาตาร์ เล่นเอาชายหนุ่มสะดุ้งขึ้นมาทีเดียว
สุดท้ายมาตาร์ก็ต้องมานั่งคิดชื่อกับสามสาวแบบที่ทั้งสี่คนพอจะรับได้ โดยสามสาวยังไงก็อยากให้ตั้งชื่อเป็นปืนใหญ่ให้ได้ แต่มาตาร์ต่อรองให้เหลือปืนกระบอกเล็กๆแทนเพราะเผื่อเวลาเขาใช้คนเดียว ออกมาเป็นท่า ‘Reject Shot (รีเจคทฺช็อท) พรากสังขาร’ เนื่องจากมันมีทั้งการปล่อยแบบเป็นลำแสงและเป็นลูกกระสุนกลมๆ ก็เลยตั้งชื่อมันให้เป็นกลางๆเข้าไว้ เวลาปล่อยเป็นลูกก็เรียก ‘กระสุนพรากสังขาร’ พอปล่อยเป็นเส้นก็เรียก ‘ลำแสงพรากสังขาร’
ปิ้วว!!
กระสุนพรากสังขารหรือที่โซล่าร์ซิสฯเรียกว่าโซล่าร์ซิสแคนน่อน ถูกปล่อยเข้าสู่ใจกลางของลูกไฟยักษ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสามสิบเมตรนั่น
‘ซวยล่ะ!! ลืมคุมขนาด’ มาตาร์คิดขึ้นมาอย่างตระหนก เพราะขนาดกระสุนพรากสังขารลูกแค่หนึ่งเซนติเมตรยังกลายเป็นสามเมตรได้ แล้วกระสุนขนาดห้าสิบเซนติเมตรจะกลายเป็นขนาดไหน ถึงเขาจะบีบอัดมันไม่มากก็ตาม แต่ปราณของคนห้าคน ไม่น่าน้อยกว่าเวทของเรย์น่าแค่คนเดียวได้หรอก
มาตาร์คิดได้ดังนั้นแล้วก็ใช้พลังจิตคลุมบริเวณด้านหน้าของตัวเขาเอาไว้ทันที ‘คงพอจะต้านได้หน่อยนึงหรอก’
“ทุกคนก้มตัวให้ต่ำที่สุด” มาตาร์พูดขึ้นพร้อมกับย่อตัวแล้วกางมือออกไปด้านข้างทันที
พวกโซล่าร์ซิสฯแต่ละคนได้ยินเสียงมาตาร์และสัมผัสจากมาตาร์ที่บ่งบอกถึงอันตรายมหาศาลก็รีบก้มตัวกันเอาไว้ทันที
วูมมม!!!
มันแทบจะไม่มีเสียงใดใด แต่มาตาร์รู้สึกได้ถึงพลังกดดันมหาศาลของกระสุนพรากสังขารขนาดใหญ่ของเขา รัศมีการขยายตัวเบียดมาโดนพลังจิตที่เขากางเอาไว้จนตัวมาตาร์หงายลงไปเบียดกับพวกโซล่าร์ซิสที่ก้มตัวอยู่ ถึงอย่างนั้นรัศมีของกระสุนพรากสังขารก็ยังเบียดให้ตัวเขาจมลงไปในดินจนมิดตัวไปพร้อมๆกับพวกโซล่าร์ซิสด้วย
“อ๊ายย!!” โรสร้องขึ้น
“โอ๊ยย อะไรเนี่ย!!” คริมซั่นตกใจ
“พวกเราอึดกันเอาไว้!!” มาตาร์ร้องเตือนพวกโซล่าร์ซิสฯ
ถ้ามาตาร์ไม่ได้กางพลังจิตขนาดใหญ่เอาไว้ คาดว่าพวกโซล่าร์ซิสฯและตัวเขาคงได้ตายกันหมดแน่นอน
แล้วในขณะต่อมาเมื่อมาตาร์รู้สึกถึงความผ่อนคลายจากแรงกดดันแล้วเขาจึงเลิกใช้พลังจิตของเขา
“อูย” มาตาร์ส่งเสียงออกมาพร้อมกับยันกายลุกขึ้นยืน
พวกโซล่าร์ซิสฯแต่ละคนโดนอัดติดดินเหมือนปลากระป๋องก็ไม่ปาน แต่ว่ายังไม่มีใครตาย ดีที่อาเชอร์มีไหวพริบเลยใช้ปราณดินของเขาปรับดินให้นุ่มลง ไม่อย่างนั้นแทนที่จะโดนอัดจนจมพื้นอาจจะกลายเป็นโดนอัดจนเละอยู่บนพื้นแทนก็ได้
ส่วนบนท้องฟ้าตอนนี้ ไม่มีอะไรผิดปกติ ลูกไฟยักษ์หายไปอย่างไร้ร่องรอย บนพื้นระหว่างพวกโซล่าร์ซิสฯกับเรย์น่าปรากฏรอยเว้าเหมือนพื้นดินหายไปเป็นรูปวงกลมที่เนียนเรียบ
เรย์น่าคืนร่างเป็นหญิงสาวผมขาว ดูเหมือนพลังวิญญาณในการคงร่างประสานจะหมดไปแล้ว เธอยืนอย่างเหนื่อยหอบพร้อมกับใบหน้าที่แสดงความแปลกใจสุดชีวิต เพราะเธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม้ตายที่แรงที่สุดของเธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย มันเป็นไปได้อย่างไร
ฟิ้ว!! ผัวะ!!
มาตาร์ไม่รอให้เสียโอกาส เขาใช้เคล็ดเท้าไร้เงาเข้าประชิดหญิงสาวแล้วเตะไปที่ข้อพับจนเธอคุกเข่าลงทันที
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
มาตาร์ชักทอนฟาที่อยู่ข้างเอวออกมาแล้วฟาดรัวใส่เรย์น่าไม่ยั้งด้วยเคล็ดความเร่งชุดเล็ก
“โอ๊ย! อ๊าย! โอ๊ยย!”
เรย์น่าร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวดพร้อมกับรอยช้ำที่ตามตัวที่มากขึ้นเรื่อยๆจากการฟาดทอนฟาใส่แบบไม่ยั้งของมาตาร์
หญิงสาวไม่มีโอกาสโต้ตอบเลย เพราะเธอหมดสิ้นซึ่งพลังวิญญาณไปแล้ว ร่างกายก็คลายจากร่างประสาน ถึงระดับเธอจะเหนือกว่ามาตาร์ แต่ก็ต่างกันไม่ถึงห้าสิบขั้น ส่วนมาตาร์ยังคงเหลือปราณและพลังวิญญาณเล็กน้อย เพราะกระสุนพรากสังขารลูกเมื่อสักครู่ใช้ปราณของทุกคนร่วมกัน เขาจึงไม่ได้สูญเสียปราณไปหมดในการปล่อยไม้ตาย ทำให้ตอนนี้เขามีแรงมาซัดเรย์น่าต่อได้
ผัวะ! กร๊อบบ!
“อ๊อค!!”
สุดท้ายมาตาร์เตะเข้าที่ข้างหัวของเรย์น่าจนหัวเธอสะบัดไปทางพร้อมๆกับคอที่หักแล้วล้มลงตาเหลือก
“พี่มาตาร์!” คริมซั่นวิ่งมาแล้วร้องทักขึ้นเมื่อเห็นว่ามาตาร์ทำอะไรลงไป
“ไหนว่าจะไม่ฆ่าเธอไงคะ” โรสมองเรย์น่าแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมา แต่จะไปว่ามาตาร์โหดก็ไม่ได้ เพราะว่าเรย์น่าก็สู้โดยหวังว่าจะฆ่าพวกโซล่าร์ซิสฯเหมือนกัน
“ก็ไม่ได้ฆ่าน่ะสิ” มาตาร์พูดเสร์จก็ก้มลงแล้วถ่ายปราณลงไปเพื่อเยียวยากระดูกคอของเรย์น่าที่หักทันที แต่ว่าพอทำไปได้สักพัก ปราณของมาตาร์ก็หมดลงเสียก่อน
“พวกเราช่วยหน่อยสิ” มาตาร์บอกพวกโซล่าร์ซิส ในขณะที่เขาก็ล้มลงนั่งอย่างหมดแรง
พวกโซล่าร์ซิสฯแต่ละคนเห็นว่ามาตาร์หมดแรงแล้วเลยเข้าไปใช้ปราณลมของตนถ่ายให้เรย์น่า
พวกโซล่าร์ซิสทั้งสี่คน นอกจากใช้ปราณของตัวเองได้แล้ว ปราณที่พอจะแสดงสภาพได้ก็มีแต่ปราณธาตุลมเท่านั้นเอง เพราะแต่ละคนได้รับการถ่ายปราณจากมาตาร์จึงทำให้มีความชำนาญมากกว่าธาตุข้างเคียงธาตุอื่น และยังไม่มีใครแสดงสภาพของปราณธาตุข้างเคียงอื่นได้เลย
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที เรย์น่าก็อยู่ในสภาพที่ดูเหมือนจะรอดตายแล้ว แต่ยังคงหมดสติอยู่
“ถ้าเราปล่อยเธอไปเฉยๆ เธออาจจะไม่ยอมก็ได้นะ พี่เลยซัดเธอให้ปางตาย จะได้กลับมาแก้แค้นอีกไง ดีมั้ย?” มาตาร์พูดออกมาหน้าตาเฉย ถ้าเพื่อเป้าหมายแล้วเขาแทบจะไม่สนใจเรื่องความรู้สึกหรือความละเอียดอ่อนทางด้านอารมณ์เลย
“เอ้อ ...หนูว่าเค้าน่าสงสารอยู่นะ” โรสพูดขึ้นมา ซึ่งดูแต่ละคนก็เหมือนจะเห็นด้วย เพราะเห็นการซัดเอาข้างเดียวของมาตาร์เหมือนซ้อมมือกับกระสอบทรายแล้วก็เกิดรันทดขึ้นมา
“เหรอ ...งั้นเราจะฆ่าเธอเลยมั้ย ระดับจะได้ลดลงจนไม่มาตอแยพวกเราอีก” มาตาร์เสนอทางเลือกอีกทาง
พวกโซล่าร์ซิสฯฟังแล้วก็ยังไม่เห็นด้วยอีกอยู่ดี แต่ละคนส่ายหน้าออกมา เพราะมันดูโหดเหี้ยมเกินไป จะให้ลงมือกับคนไม่มีทางสู้มันดูไร้คุณธรรม พวกโซล่าร์ซิสฯเรนเจอร์เป็นพวกผู้ผดุงความยุติธรรมนะ!
“เห็นมั้ยล่ะ เราไม่มีทางทำอะไรกับยัยงูพิษนี่ได้เลย ถ้าปล่อยไปตอนนี้ เธอก็จะกลับมาฆ่าพวกเราอีกอยู่ดีแหละ สงสารไปก็เท่านั้น อย่าลืมว่ายัยนี่ก็โหดกับพวกเราใช่เล่นนะ” มาตาร์เตือนให้พวกโซล่าร์ซิสฯนึกถึงตอนที่เรย์น่ามาตามฆ่าพวกเขาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นแต่ละคนก็ตายโหดอยู่เหมือนกัน
“ถ้าอย่างนั้นทำตามแผนเดิมก็ได้ครับ แต่ผมว่าอีกแค่ครั้งเดียวก็น่าจะพอนะ” อาเชอร์เสนอขึ้นมา
“อืม คราวหน้าถ้าสู้กันก็ฆ่าเธอเลยละกันนะฮ้า” มาเจนต้าก็ตามอาเชอร์ไป เพราะดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“แต่ถ้าเธอไม่มาฆ่าเราแล้วก็อย่าลงมือเลยนะคะ” โรสรู้สึกสงสารเรย์น่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกันเลยสื่อกันได้หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่โรสรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้พุ่งความแค้นไปที่มาตาร์อย่างรุนแรงเหมือนเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวอะไรบางอย่าง ถ้าไม่ทำอย่างนั้นเธออาจจะฆ่าตัวตายหรือเป็นบ้าไปเลยก็ได้ ซึ่งเท่าที่ดูก็ใกล้บ้าเต็มทีแล้วล่ะ
“ฮะๆๆ ก็ต้องดูกันต่อไป ดูซิว่ายัยงูพิษจะไม่มาตามฆ่าพวกเราจริงรึเปล่า” มาตาร์พูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี เขารู้สึกว่าอย่างไรยัยงูพิษนี่ก็คงจะมาตามฆ่าเขาอยู่แล้วล่ะ เพราะเขาลงมือโหดซะขนาดนั้น
“งั้นเดี๋ยวจะทำยังไงกับเธอดีล่ะครับ” คริมซั่นถามขึ้น
“ก็วางเอาไว้แถวๆสนามต่อสู้ก็ได้มั้ง เอาตรงที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน เดี๋ยวพอรู้สึกตัวก็หาทางไปได้เองแหละ” มาตาร์พูดแล้วก็อุ้มร่างเรย์น่าขึ้นมาทันที
“แล้วเดี๋ยวเราจะทำอะไรต่อดีล่ะครับ จะนอนเลยมั้ย” คริมซั่นถามขึ้น
“เพิ่งจะสี่ทุ่มเองนะ ตามหมายกำหนดการเราควรจะตายตอนเจ็ดโมงเช้าอีกที” โรสทวนตารางที่เธอจำได้
“ไม่จำเป็นต้องตายก็ได้มั้งฮ้าหนูโรส” มาเจนต้าทักขึ้นมา อะไรจะทำตามตารางกระทั่งเวลาตายเนี่ย
“ล้อเล่นน่ามาเจนต้า ใครจะไปกำหนดได้กระทั่งเวลาตาย” โรสตอบกลับขำๆ
“งั้นเดี๋ยวรอปราณฟื้นแล้วฝึกปราณกันอีกรอบมั้ย เผื่อจะได้ปล่อยไม้ตายได้ดีกว่านี้” มาตาร์เสนอขึ้นมา พลางวางร่างของเรย์น่าพิงกำแพงด้านหนึ่งของสนามต่อสู้เอาไว้
“ก็ดีนะครับพี่มาตาร์ ท่าโซล่าร์ซิสฯแคนน่อนของเราจะได้ร้ายกาจขึ้น” คริมซั่นพูดพร้อมกับตาที่เป็นประกาย
“เอ้อ จะว่าไป โซล่าร์ซิสฯแคนน่อนนี่มันยังไงกันแน่ฮ้า ทำไมมันเงียบอย่างนั้นล่ะ” มาเจนต้าทักขึ้นมาถึงท่าไม้ตายที่ไม่ค่อยมีเอฟเฟคเท่าไหร่
“จริงด้วย หนูอยากให้มันระเบิดเป็นห้าสีสวยๆ แล้วก็เสียงดังๆน่ะค่ะ” โรสก็ทักขึ้นมาบ้าง
หลังจากนั้นทั้งหมดก็คุยกันแต่เรื่องไม้ตายโซล่าร์ซิสฯแคนน่อนที่ช่างเงียบเชียบและไร้สีสัน จนทั้งหมดหายเข้าไปในพื้นที่พิเศษหน้าสนามต่อสู้จนหมด
แวบ!
เวลาประมาณสี่ทุ่ม มาตาร์และพวกโซล่าร์ซิสฯปรากฏตัวขึ้นที่ลานกลางเมือง
“มาตาร์!” คลาร่าร้องทักขึ้นทันทีที่เห็นชายหนุ่ม
“อ้าว! คลาร่า มารอพี่เหรอ?” มาตาร์ถามขึ้นมาเมื่อเห็นสามสาวยืนอยู่ด้วยกัน
“ค่ะ” คลาร่าตอบ
“เพิ่งผ่านมาสองชั่วโมงกว่าๆเองนี่นา มีปัญหาอะไรรึเปล่าคลาร่า” มาตาร์ให้เธอไปทำธุระให้ซึ่งไม่น่าจะเสร็จในเวลาแค่สองชั่วโมงกว่าๆแน่นอน นอกจากว่าเธอจะมีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ตก ถึงได้มารอเขาอยู่ที่นี่
“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ” คลาร่าตอบอย่างสดใส
“หา?” มาตาร์อุทานออกมาอย่างแปลกใจ ทำไมมันเร็วแบบนี้
“แหม ทีหลังคุณมาตาร์อยากได้อะไรก็บอกดิชั้นสิคะ ให้สาวๆไปทำแบบนี้น่าสงสารออก” สำเนียงหญิงสาวที่คุ้นหูดังขึ้นอีกด้านหนึ่ง มาตาร์แทบจะไม่สังเกตเห็นเธอด้วยซ้ำ
“ยัยแม่มด!?” มาตาร์คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้เจอซารีน่าขณะอยู่กับพวกโซล่าร์ซิสฯ เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขากำลังไปล่ารางวัล
“พอดีว่าเจอพี่ซารีน่าพอดีน่ะค่ะ ก็เลยไม่เสียเวลามาก เพราะพี่ซารีน่าเค้าช่วยด้วยล่ะค่ะ” คลาร่ารายงานชายหนุ่มอย่างยิ้มแย้ม
“แหม คุณมาตาร์อยากจะได้โมโนไบค์อีกแล้วเหรอคะเนี่ย” ซารีน่ารู้ทันทีเมื่อเห็นมาตาร์อยู่กับพวกโซล่าร์ซิสฯ ดูเหมือนไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็ไม่สามารถเล็ดลอดสายตาสีน้ำตาลของหญิงสาวคนนี้ไปได้เลย
“ขอบคุณมากนะ ที่ช่วยดูแลน้องๆชั้น ขอตัวก่อนนะ” มาตาร์รีบตัดบททันที
“อุ๊ย! คุณมาตาร์ไม่อยากได้เงินคืนแล้วเหรอคะ” ซารีน่าเล่นท่าไม้ตาย เอาเงินมาขู่ทันที
มาตาร์หันควับกลับมาทันทีพร้อมยิงสายตาดุๆประมาณว่า ‘เงินของชั้น ไม่คืนมีเรื่องเฟ่ย!’
“หิวมั้ยคะพวกน้องๆทุกคน เดี๋ยวดิชั้นเลี้ยงเองค่ะ” ซารีน่าหันมาพูดกับพวกโซล่าร์ซิสฯข้ามหัวมาตาร์ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกันมาก เคยเจอกันครั้งเดียวตอนที่มาตาร์เรียกทุกคนมากินอาหารอินเดียเท่านั้นเอง
“คุณพี่จะเลี้ยงเหรอฮ้า อย่างนี้ก็ลาภปากอีกแล้วสิฮ้า โฮะๆๆๆ” มาเจนต้ารับลูกทันที ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาผ่านมาเจ็ดชั่วโมงแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย นี่เข้าเมืองมาก็หวังจะมาหาอะไรกินอยู่แล้ว จู่ๆมีคนบอกจะเลี้ยง ถ้าปฏิเสธเดี๋ยวเสียน้ำใจแย่เลย
“ดิชั้นพาไปเลี้ยงอาหารสเปน ดีมั้ยคะ” ซารีน่าเสนอ
“เอาสิคะ ไม่ได้กินมานานแล้วเหมือนกัน” โรสก็เห็นดีเห็นงามด้วยอีกคน
มาตาร์เอามือกุมขมับ เขาก็เสียท่ายัยแม่มดอีกจนได้ เจอยัยนี่ทีไรเป็นโดนคุมได้ตลอดเลย ในที่สุดมาตาร์และสามสาวก็ต้องเดินตามซารีน่าและพวกโซล่าร์ซิสไปกินอาหารด้วยกัน
ส่วนที่บริเวณสนามต่อสู้ ตั้งแต่เสียงพวกโซล่าร์ซิสฯเงียบไป หญิงสาวผมยาวสีขาวที่นอนพิงกำแพงสนามต่อสู้อยู่ก็ลืมตาขึ้นมาทันที จริงๆแล้วเธอได้ยินทุกอย่างที่พวกโซล่าร์ซิสฯพูดคุยกัน
‘มาตาร์ ในเมื่อแกอยากให้ชั้นแค้น ชั้นก็จะแค้นแกล่ะ’ หญิงสาวคิดขึ้นพร้อมกับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่เปล่งประกายแสงแห่งความแค้นออกมา
Rewrite tag: แก้คำผิด
ความคิดเห็น