ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #79 : บทที่77: แล้วมาอีกนะครับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.14K
      100
      22 ธ.ค. 54

    บทที่77 แล้วมาอีกนะครับ

    “อูย~ย ทุกคน! เป็นไงมั่ง” คริมซั่นถามขึ้นมาหลังจากทุกอย่างสงบลงแล้ว

    “มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” อาเชอร์ถามขึ้นมาพร้อมกับพยุงตัวขึ้นมาช้าๆ

    “ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้สึกเหมือนโดนกระแทกจนปลิว” คริมซั่นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

    “รู้สึกเหมือนจะมีใครใช้เวทที่มีความรุนแรงมากนะฮ้า” มาเจนต้าพูดขึ้น

    “มาเจนต้ารู้ได้ยังไง” โรสถามขึ้นมา

    “ก็เดี๊ยนเข้าไปดูมาแล้ว เห็นหลุมเบ้อเร่ออยู่ทางด้านนั้น ต้นไม้ล้มระเนระนาดเลยฮ่ะ” มาเจนต้าตอบ

    ระหว่างที่มาตาร์สู้กับเรย์น่านั้น พวกโซล่าร์ซิสฯก็กำลังอัดกับอิฟรีทอยู่ แต่แล้วจู่ๆเจ้าอสูรไฟก็หายไป แล้วสักพักก็มีแรงระเบิด พวกโซล่าร์ซิสฯนั้นอยู่แถวๆริมขอบของแรงระเบิดพอดี จึงโดนแรงอัดทำให้ตัวปลิวและบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ถึงตาย

    “เอ๋? พี่มาตาร์ออฟไลน์ไปแล้ว” โรสพยายามติดต่อหามาตาร์ แต่เขาไม่ได้ออนไลน์อยู่

    “หรือว่าพี่มาตาร์จะโดนระเบิดนี่ตายล่ะเนี่ย” อาเชอร์สันนิษฐาน

    “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ มีทั้งเจ้าตัวใหญ่ปล่อยไฟได้แถมพี่มาตาร์ก็โดนจับตัวไปอีก” คริมซั่นยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ดีนัก รวมถึงพวกโซล่าร์ซิสฯทุกคนด้วย

    “แล้วระหว่างนี้จะทำอะไรล่ะฮ้า” มาเจนต้าถามขึ้นมา เพราะมาตาร์เป็นคนวางแผนการฝึกทั้งหมดแต่เขาดันไม่อยู่

    “งั้นเราก็ลองฝึกกันเองดูก่อนละกัน เน้นสัมผัสกับการประสานงาน แล้วก็ตามหาพี่มาตาร์ไปด้วยเลยทีเดียว” คริมซั่นเสนอขึ้นมาพร้อมกับให้เดินลึกลงไปในจุดที่มีการระเบิด

    “อือ ก็ดี อาจจะเจอร่องรอยของพี่มาตาร์บ้างก็ได้” อาเชอร์รับ

    แล้วทั้งสี่คนก็เดินลึกเข้าไปในบริเวณที่มีการระเบิด

     

    “คราวนี้อยากจะฝึกอะไรดีครับ” เสียงนุ่มๆของพ่อบ้านดังขึ้นหลังจากที่มาตาร์รู้สึกตัวขึ้นในห้องสีขาว

    “เอ่อ ...ท่าทางคราวนี้จะมีปัญหาใหญ่นะโฆเซ่” มาตาร์รู้สึกกลุ้มใจ

    “เรื่องคุณเรย์น่าเหรอครับ” พ่อบ้านผู้รอบรู้ถามขึ้น

    “ยัยงูพิษนั่นท่าทางจะไปดักฆ่าผมอีกตอนเกิดน่ะสิ” มาตาร์ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาตัวรอดจากหญิงสาวจอมเจ้าคิดเจ้าแค้นคนนี้ได้อย่างไร

    “มาตาร์ก็แวบหนีเหมือนตอนสู้กับโลกอสสิคะ” คลาร่าแนะนำ

    “เออ ...จริงด้วยนะ ยัยนั่นก็เป็นผู้เล่นที่มาตั้งโต๊ะเหมือนกันนี่นะ คงบันทึกไม่ได้ ลืมไปได้ยังไงนะเนี่ย” มาตาร์ยังไม่รู้ว่าเรย์น่ากลายเป็นผู้เล่นอิสระแล้ว ดังนั้นเรย์น่าในตอนนี้จะมีสิทธิ์บันทึกที่เกาะเริ่มต้นเหมือนผู้เล่นทั่วไป

    “พี่สาวคนนั้นตายไปแล้ว คงไม่ตามมาแล้วล่ะมาตาร์” โมเรน่าจำช่วงเวลาก่อนตายได้ เธอเห็นว่ามีก้อนหินยักษ์ตกลงมา ทับทุกคนตายหมด ส่วนมาตาร์นั้นเหมือนจะไม่รู้สึกตัวตั้งแต่ล้มลงไปแล้วจึงไม่รู้ว่าเรย์น่าก็ตายไปด้วย

    “อ้าวเหรอ อย่างนี้ก็ดีน่ะสิ ตายไปแล้วก็คงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ” มาตาร์รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที

    เรื่องที่เรย์น่ากลายเป็นผู้เล่นอิสระ เป็นเรื่องที่นอกเหนือจากความรู้ของโฆเซ่เพราะมันเป็นเรื่องของผู้เล่นด้วยกัน การไล่ใครออกจากกิลด์เป็นเรื่องส่วนตัว ดังนั้นพ่อบ้านจึงไม่ได้แย้งออกมา และไม่มีใครคาดถึงเหมือนกัน เพราะนึกว่าเรย์น่าจะไปฟื้นนอกเกาะ

    “อ้อ มีข่าวดีอีกข้อนะครับ ตอนนี้คุณมาตาร์ได้ห้องฝึกขั้นสองแล้ว” พ่อบ้านให้ข้อมูลใหม่กับมาตาร์

    “เอ๋ ห้องฝึกขั้นสอง?” มาตาร์ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆห้องฝึกถึงได้มีการอัพเกรดด้วย

    “ฮึๆๆ ตามผมมาสิครับ” พ่อบ้านเดินนำทั้งสี่คนเข้าไปในห้องฝึก

    ทักษะแมนชั่นแห่งความตายนี้ เป็นทักษะที่มีไว้ปกป้องทักษะลับสุดยอดที่จะได้รับเมื่อผู้เล่นตายเป็นจำนวนหนึ่งและห้ามออฟไลน์ โดยการฝึกผู้เล่นให้เก่งขึ้นเพื่อที่จะไม่ต้องตายบ่อยๆอีก แต่เมื่อผู้เล่นคนนั้นยังตายอยู่ แมนชั่นแห่งความตายก็ต้องทำให้ผู้เล่นคนนั้นเก่งมากขึ้นไปอีกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องตาย พ่อบ้านในแมนชั่น นอกจากจะมีหน้าที่ดูแลผู้เล่นที่เป็นเจ้าของแมนชั่นแล้วยังมีหน้าที่ฝึกฝนผู้เล่นให้เก่งขึ้นอีกด้วย เหมือนเป็นการขัดขวางกลายๆไม่ให้ผู้เล่นคนนั้นเข้าถึงทักษะลับสุดยอดได้นั่นเอง โดยพ่อบ้านจะไม่เอ่ยเงื่อนไขของการได้รับทักษะทั้งหลาย อย่างเช่นต้องตายกี่ครั้งหรือว่าห้ามออฟไลน์ถึงจะได้ทักษะลับนี้เด็ดขาด

    และนี่เป็นการตายครั้งที่สามสิบของมาตาร์โดยไม่ได้ออฟไลน์เลย ห้องฝึกซ้อมจึงมีระดับสูงขึ้น เพื่อที่จะได้ฝึกฝนมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

    มาตาร์และสามสาวเดินตามเข้ามาในห้องฝึกซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย

    “มันมีอะไรเพิ่มขึ้นมาเหรอโฆเซ่” มาตาร์ถามพ่อบ้านของเขาเมื่อเขาไม่เห็นว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนไป

    ปับ! ปับ!

    พ่อบ้านตบมือสองครั้ง แล้วทันใดนั้นก็มีแผงบรรจุอาวุธโผล่ออกมาจากพื้นเรียงรายกันเป็นพันๆชิ้น มีทั้งดาบชนิดต่างๆ พลอง หอก โล่ ธนู ปืน ฯลฯ

    “โห!!” มาตาร์อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น

    “คุณมาตาร์สามารถฝึกอาวุธได้ครับ ซึ่งอาวุธพวกนี้จะเอาออกจากห้องฝึกไม่ได้นะครับ” พ่อบ้านแสนสะดวกกล่าว

    มาตาร์เดินดูอาวุธเหล่านั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ มันมีอาวุธหลากชนิดมากกว่าในร้านขายอาวุธเสียอีก

    “อืม งั้นผมจะฝึกไอ้นี่แหละ” มาตาร์หยิบเอาทอนฟาไม้ออกมาคู่หนึ่ง ตั้งแต่ซื้อมายังไม่เคยลองใช้สู้ดูเลยสักครั้งเดียว เพราะมัวแต่ฝึกสัมผัสกับพวกโซล่าร์ซิสฯ แล้วก็ดันตายซะก่อนจะได้ลองใช้ด้วย

    “แล้วคุณหนูทั้งสามล่ะครับ เชิญเลือกได้ตามสบายเลยนะครับ” โฆเซ่หันมาถามสามสาวด้วย

    “จริงเหรอโฆเซ่ คลาร่าก็เลือกอาวุธได้เหรอ” แม่หมาป่าสาวดีใจที่เธอก็จะได้ฝึกเหมือนกัน

    แล้วทั้งสามสาวก็เลือกอาวุธที่ปกติมาตาร์จะซื้อให้ใช้ คลาร่าเลือกดาบคู่สั้นๆที่คล้ายดาบที่โรสใช้ โมเรน่าก็เลือกกรงเล็บคู่หนึ่ง บราวนี่เลือกสเปอร์ติดเท้ากับปืนสั้นสองกระบอก

    “เรียบร้อยแล้วนะครับ?” โฆเซ่โบกมือครั้งหนึ่ง แผงอาวุธก็หายไปเหลือแต่ห้องโล่งๆเหมือนเดิม

    วูบ! วูบ! ควับ!

    มาตาร์ลองต่อยโดยถือทอนฟา แล้วก็ลองควงมันดู แล้วเขาก็พบว่ามันเป็นอาวุธที่แทบไม่ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเปลี่ยนไปเลย แถมยังช่วยเสริมประสิทธิภาพของการโจมตีและพลิกแพลงได้อีกด้วย

    ส่วนสามสาวก็ลองเอาอาวุธมาฟันเล่นกัน

    “นอกจากอาวุธแล้วยังมีคู่ซ้อมให้ด้วยนะครับ” พ่อบ้านให้ข้อมูลเพิ่มเติม

    “หืม? คู่ซ้อมเหรอ” มาตาร์สงสัยว่าหมายความว่าอย่างไร ปกติเขาก็มีก้อนหินหรือหุ่นไม้เอาไว้เป็นคู่ซ้อมอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

    “ผมสามารถเรียกร่างก็อปปี้ออกมาช่วยซ้อมได้ครับ” พ่อบ้านแสนสะดวกกล่าว

    “ก็อปปี้? ก็อปปี้โฆเซ่น่ะเหรอ” มาตาร์ถามรายละเอียด

    “ก็อปปี้ใครก็ได้ครับที่อยู่ในห้องฝึกนี้” พ่อบ้านเฉลย

    “หมายถึงไม่ว่าจะเป็นผมหรือสามสาวก็ก็อปปี้ให้ออกมาเป็นคู่ซ้อมได้น่ะเหรอ” มาตาร์ถามอีก

    “ลองดูเลยดีกว่านะครับ” พ่อบ้านพูดจบก็เรียกร่างก็อปปี้ออกมา

    แล้วทันใดนั้น มนุษย์รูปร่างหน้าตาเหมือนมาตาร์ปรากฏตัวขึ้น แต่ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่สีขาว เทา ดำ เหมือนหลุดออกมาจากทีวีขาวดำ แถมยังถือทอนฟาเหมือนชายหนุ่มอีกด้วย

    “โห เนี่ยเหรอตัวก็อปปี้” มาตาร์มองไปที่ร่างนั้นด้วยความรู้สึกทึ่ง

    “ร่างก็อปปี้จะมีค่าสถานะเหมือนต้นแบบทุกอย่างครับ” พ่อบ้านกล่าว

    “หมายความว่ามันจะทำได้ทุกอย่างเหมือนผมด้วยรึเปล่า” มาตาร์สงสัย

    “ใช่ครับ ไม่ว่าคุณมาตาร์จะทำอะไรได้ เจ้าตัวก็อปปี้ก็จะทำได้เหมือนกัน เป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ครับไม่ใช่สมองเทียม” พ่อบ้านให้ข้อมูลเพิ่ม

    “อ้อ เข้าใจแล้ว” มาตาร์เข้าใจระบบปัญญาประดิษฐ์ มันจะทำการก็อปปี้ประสบการณ์ทุกอย่างของเขาในเกมแล้วใช้ความสามารถออกมาตามความเหมาะสม

    “ปรับค่าได้นะครับ ว่าจะเอาแบบง่ายหรือยาก” โฆเซ่อธิบายเหมือนกับว่าเจ้าตัวก็อปปี้นี่เป็นศัตรูในเกมต่อสู้ที่ตั้งค่าความยากได้

    “เอ๋? ปรับได้ด้วยเหรอ มันทำงานต่างกันยังไงล่ะเนี่ย” มาตาร์ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอะไรที่เรียกว่ายากและอะไรที่เรียกว่าง่าย

    “ถ้าง่ายก็จะโต้ตอบไม่มากไม่ค่อยโจมตี เน้นป้องกันเป็นหลัก ส่วนยากก็หลบหลีกและโต้ตอบเต็มความสามารถแบบเดียวกับที่คุณมาตาร์ทำได้เลยครับ” พ่อบ้านอธิบาย

    “อ๋อเหรอ งั้นลองง่ายก่อนได้มั้ย ขอแบบเน้นป้องกัน เพราะผมอยากจะฝึกใช้ทอนฟาให้คล่องก่อนน่ะ” มาตาร์เรียกร้อง

    “ได้ครับ” พอพ่อบ้านพูดจบเจ้าตัวก็อปปี้ก็เดินเข้ามาหามาตาร์แล้วเริ่มจู่โจมทันที

    วูบ! แก๊ก!

    ทอนฟาจากตัวก็อปปี้ถูกเหวี่ยงออกมา มาตาร์ยกทอนฟาของตนเองขึ้นมารับทันที แล้วใช้อีกมือหนึ่งสวนกลับ

    ฟิ้ว! แก๊ก!

    ตัวก็อปปี้เอี้ยวตัวหลบแล้วใช้ทอนฟาของมันปัดแขนของมาตาร์ให้เบี่ยงเบนไป

    “โอ้โห นี่ง่ายเหรอเนี่ย” มาตาร์บ่นออกมาเมื่อเขาทำอะไรมันไม่ได้เลยทั้งๆที่โฆเซ่บอกว่าเป็นแบบง่าย

    แก๊ก! แก๊ก! แก๊ก! แก๊ก! แก๊ก!

    แล้วเสียงทอนฟาไม้กระทบกันก็ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง มาตาร์รู้สึกสนุกมากที่ได้ต่อสู้กับตัวก็อปปี้ เพราะเขาได้เรียนรู้เทคนิคการรับการโจมตีจากเจ้าตัวก็อปปี้ด้วย ซึ่งก็ถือว่าเลือกได้เหมาะสมแล้วในครั้งแรก เพราะถ้ามาตาร์เลือกแบบยาก รับรองว่าแม้แต่สัมผัสก็คงจะทำไม่ได้เพราะมันจะใช้ทุกอย่างออกมาหมดทั้งลมปราณและพลังจิต แต่แบบง่ายนี้ยังใช้แค่ท่าทางอย่างเดียว

    “โฆเซ่มีตัวก็อปปี้ของพวกเรารึเปล่าคะ” คลาร่าถามพ่อบ้านขึ้นมาเมื่อเห็นมาตาร์ฝึกอย่างสนุก

    “มีสำหรับทุกคนครับ” พ่อบ้านหน้ายิ้มตอบ

    แล้วทั้งสามสาวก็ได้ฝึกกับตัวก็อปปี้ของตัวเองเหมือนกัน ทำให้ทั้งหมดมีความชำนาญในการรุกและรับด้วยอาวุธของตัวเองมากขึ้น เนื่องจากการโจมตีที่ไม่ต้องห่วงเรื่องบาดเจ็บทำให้มีความมั่นใจในการรุกมากขึ้น แต่แม้ทุกคนจะเลือกแบบง่ายแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำร้ายตัวก็อปปี้ของตัวเองได้เลยสักคน น่าคิดว่าถ้าเลือกแบบยากแล้วมันจะออกมาเป็นแบบไหนกันแน่

    แล้วเวลาหนึ่งชั่วโมงที่เหมือนเล่นเกมต่อสู้ก็จบลง ทุกคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มเพราะรู้สึกได้ว่าตนเองก้าวหน้าขึ้น

    ก่อนที่ทุกคนจะออกจากแมนชั่นแห่งความตาย พ่อบ้านแสนสะดวกก็ยังผสมเครื่องดื่มแสนอร่อยให้ทั้งหมดกินเพื่อความสดชื่นอีกด้วย

    “เครื่องดื่มของโฆเซ่เนี่ยอร่อยจริงๆ เดี๋ยววันหลังจะมากินอีก ไปก่อนนะ” มาตาร์พูดจบแล้วก็ก้าวออกจากแมนชั่นทันที

    “...แล้วผมจะรอครับ” พ่อบ้านแสนสุภาพตอบกลับ

    ทั้งๆที่พ่อบ้านไม่ได้ทำหน้าที่บกพร่องแต่อย่างใด ชายหนุ่มเก่งขึ้นทุกครั้งที่มาที่แมนชั่นนี่จริงๆ แต่ก็กลับมาได้บ่อยเหมือนเดิม จนพ่อบ้านรู้สึกว่า ไม่ว่าอย่างไรผู้ชายคนนี้ก็จะกลับมาอีก และสุดท้ายก็จะได้ทักษะลับไปอย่างแน่นอน

     

    เวลาเที่ยงที่พื้นที่พิเศษหน้าสนามต่อสู้ ชายหนุ่มผมแดงในชุดกางเกงในลายขาวดำและสัตว์เลี้ยงทั้งสามปรากฏตัวขึ้น และยังมีผู้คนเกิดใหม่อีกเป็นสิบคนจนน่าสงสัย

    เหตุเพราะเวทอัญเชิญอุกกาบาตของเรย์น่า ขนเอาผู้คนไปตายเป็นร้อยนั่นเอง ซึ่งบางส่วนก็บันทึกเอาไว้ที่นี่จึงมาเกิดที่นี่ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไปเกิดที่ลานกลางเมือง รวมทั้งหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุด้วย มาตาร์จึงยังไม่รู้เรื่องว่าเรย์น่านั้นยังอยู่บนเกาะเริ่มต้น และพร้อมจะไล่ล่าเขาอีกรอบ

     

    อยู่ไหนกันพวกโซล่าร์ซิสฯทั้งหลาย มาตาร์ส่งข้อความหาคริมซั่นทันที

    พี่มาตาร์ตายเหรอครับ คริมซั่นถามสิ่งที่เขาสงสัยก่อน ถึงจะพอเดาได้ก็ตาม

    ใช่แล้ว พี่เพิ่งฟื้น ไปฝึกกันต่อมั้ย มาตาร์ส่งข้อความไปอีก

    ได้ครับ พี่อยู่ไหนเนี่ย ข้อความจากคริมซั่น

    หน้าสนามต่อสู้ มาตาร์ตอบกลับ

    งั้นรออยู่ตรงนั้นก่อนนะครับ ผมเก็บของได้เยอะเลย มีทั้งเสื้อผ้าและอาวุธ ไม่ต้องไปซื้อใหม่ ข้อความจากคริมซั่น

    เวลาหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาพวกโซล่าร์ซิสฯนอกจากจะฝึกสู้กับนกซึ่งมีไม่เยอะเท่าไหร่เพราะความวอดวายของป่าแล้ว พวกเขาก็เก็บของตกจากเหล่าคนตายได้มากมาย มีทั้งเงิน เสื้อผ้า อาวุธ จัดว่าเป็นลาภลอยเลยทีเดียว

    แล้วหลังจากที่มาตาร์นั่งรออยู่บริเวณหน้าสนามต่อสู้สักพัก พวกโซล่าร์ซิสฯทั้งสี่คนก็เดินมาถึง

    “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นครับพี่มาตาร์” คริมซั่นถามขึ้นก่อนเพราะเขายังไม่ทราบเหตุการณ์ที่แท้จริงเลย

    “เป็นคนมาล้างแค้นพี่เองแหละ เล่นทำลายป่าซะวอดวายเลย แต่เค้าก็ตายไปแล้วล่ะนะ” มาตาร์ตอบพวกโซล่าร์ซิสฯ

    “คนที่มาล้างแค้นเหรอคะ? ทำยังไงถึงได้มีท่าโจมตีรุนแรงขนาดนั้นได้เนี่ย” โรสเดินเข้ามาหาชายหนุ่มพร้อมกับส่งเสื้อผ้าให้เขาและสามสาวในร่างสัตว์

    “เค้าเป็นผู้เล่นระดับสูงน่ะ ก็เลยมีท่าโจมตีแรงขนาดนี้ เจ้าอสูรไฟนั่นก็เป็นเวทมนตร์ของเค้านะ” มาตาร์ตอบพร้อมกับเริ่มใส่เสื้อผ้า

    “พี่มาตาร์ไปทำอีท่าไหนให้เค้าแค้นอย่างนี้ล่ะฮ้า” มาเจนต้าถามขึ้น

    “เอ่อ ...จำไม่ได้เหมือนกันแฮะ ก็วันที่พี่ชวนพวกเธอไปเลี้ยงข้าวนั่นแหละจำได้มั้ย” มาตาร์นึกถึงเหตุการณ์วันที่เจอเรย์น่าครั้งแรก

    “เอ๋? เป็นคนพวกนั้นเหรอครับ” คริมซั่นนึกออกแล้วว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่เหมือนจะมีเรื่องกันกับพวกมาตาร์

    “สงสัยแค้นที่เสียค่าข้าวฟรีมั้ง” มาตาร์ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าได้ทำอะไรที่น่าแค้นขนาดนั้น เพราะตอนหลังคนที่ฆ่าพวกที่มาโจมตีเขาก็เป็นมัลโก้ทั้งนั้น

    “เอ่ ...อย่างนี้พวกหนูจะโดนแค้นเหมือนกันรึเปล่าหว่า ไปกินข้าวเค้าเหมือนกัน” โรสชักจะกังวล

    “โอ๊ย ไม่ต้องห่วงหรอกโรส พวกนั้นเป็นพวกกิลด์ตั้งโต๊ะตายไปซักครั้งก็หายไปจากเกาะเริ่มต้นแล้ว” มาตาร์รับประกันเพื่อให้พวกโซล่าร์ซิสฯหายกังวล

    “เอ้อ ชั่วโมงที่ผ่านมาพวกเราไปฝึกสัมผัสกันมาครับ เก่งขึ้นอีกเยอะเลย” คริมซั่นรายงานผลงานช่วงหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา

    “ดีมาก ว่าแต่มีอาวุธบ้างมั้ยเนี่ย” มาตาร์ถามหาอาวุธที่เขาพอจะใช้ได้

    “ก็มีแต่ดาบที่เก็บได้เยอะแหละค่ะ พี่มาตาร์อยากได้อะไรบ้างล่ะคะ” โรสรายงานผลการเก็บของตกตามทาง

    แล้วมาตาร์ก็บอกอาวุธที่เขาและสามสาวต้องการ แต่ก็มีแค่คลาร่าที่ได้ดาบสั้นคู่หนึ่ง บราวนี่ได้ปืนมาคู่หนึ่งแต่ไม่มีกระสุนไว้เติม ผลึกเวทไฟสำหรับมาตาร์อีกสองก้อน ส่วนทอนฟา สเปอร์และกรงเล็บนั้นเป็นอาวุธที่ไม่ค่อยมีคนใช้จึงหาของตกไม่ได้เลย

    “งั้นเดี๋ยวเราเข้าเมืองกันซักรอบละกันนะ หิวกันรึเปล่าล่ะ ไปกินกันในเมือง พี่จะได้ซื้อของด้วย” มาตาร์ถามขึ้น เพราะตามเวลาแล้วพวกโซล่าร์ซิสฯน่าจะหาข้าวกลางวันกินกันได้แล้ว เขาจะได้เข้าเมืองไปซื้อของที่ยังขาดอยู่ด้วยเลย

    ทั้งกลุ่มจึงตกลงกันว่าจะเข้าเมืองกันอีกรอบก่อนแล้วค่อยออกมาฝึกกันต่อ

    “บ่ายสองละกันนะ มาเจอกันที่นี่” มาตาร์นัดเวลา

    “ค่ะ/ครับ/ฮ่า” พวกโซล่าร์ซิสฯขานรับก่อนที่จะหายตัวกันไปในเขตพิเศษทั้งหมด

     

    เมื่อร่างทั้งแปดมาปรากฏขึ้นที่ลานกลางเมือง พวกโซล่าร์ซิสสี่คนก็แยกตัวไปร้านอาหารทันที ส่วนมาตาร์ก็พาสามสาวไปเข้าร้านอาวุธ

    แต่แล้วเมื่อมาตาร์กำลังงจะก้าวเท้าเข้าไปในร้าน กลับมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งเดินสวนออกมาพอดีเหมือนกัน ทำเอามาตาร์ต้องหยุดชะงัก

    “แก!!” เสียงหญิงสาวดังขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่สวนกับเธอไปคือมาตาร์

    ฟิ้ว! ฟวับ!

    ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง แส้ในมือของหญิงสาวตวัดไปพันคอของชายหนุ่มทันทีพร้อมกับแรงกระชาก

    พลัก!!

    “แอ้ก!!

    ร่างของมาตาร์ถูกดึงลอยไปกระแทกกับพื้นหินหน้าร้านขายอาวุธทันที

    ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟวับ! ปัง! ปัง!

    สามสาวเข้าโจมตีหญิงสาวคู่อริทันที ดาบสั้นของคลาร่าปัดป่ายไปที่ร่างของหญิงสาวผู้ใช้แส้ โมเรน่ากางเล็บของเธอเข้าโจมตี ส่วนบราวนี่ยิงปืนใส่ทันที

    “เจ้าพวกมดปลวก!” หญิงสาวผู้ใช้แส้แค่นเสียงออกมาพร้อมกับหลบการโจมตีได้ทุกอย่าง

    อาวุธของเรย์น่าในตอนนี้มีแส้เพียงเส้นเดียวที่เพิ่งซื้อมาจากร้านขายอาวุธ เมื่อแส้นั้นใช้พันร่างของมาตาร์อยู่ เธอจึงไม่สามารถตอบโต้กลับไปได้ เพราะปกติเธอจะเน้นการโจมตีด้วยเวทมนตร์มากกว่า ถ้าเพียงแต่มีผลึกเวทอยู่สักก้อนก็คงจะเอาชนะสามสาวได้ไม่ยาก แต่เพราะความใจร้อนของเธอที่ทำให้ไม่คิดหน้าคิดหลัง เข้าจู่โจมมาตาร์ทันทีที่เห็นหน้า ส่งผลให้เธออยู่ในสภาพเสียเปรียบอยู่ โดยเฉพาะปืนของบราวนี่ที่เป็นอาวุธอย่างเดียวที่ไม่คิดค่าความต่างของระดับ ทำให้เธอมีสิทธิ์ตายได้เหมือนกัน

    มาตาร์พยายามใช้มือแกะแส้ออกจากคอ แต่ว่ามันแกะไม่ออกเลย เพราะแส้นี้แฝงปราณความมืดเอาไว้ ซึ่งมีความสามารถในการดูดพลังปราณจิตเวทออกจากเป้าหมาย แล้วยังสามารถบังคับได้ดั่งใจเหมือนเป็นอวัยวะชิ้นหนึ่ง จุดอ่อนของมันก็คือสามารถใช้อาวุธตัดได้ง่ายเหมือนตอนที่โมเรน่าใช้กรงเล็บของเธอตัดมาแล้ว และใช้กับเป้าหมายได้แค่ทีละหนึ่งคนเท่านั้น แต่ชายหนุ่มที่ไม่มีของมีคมติดตัวอยู่เลยย่อมดิ้นไม่หลุด

    ฟวับบ!!

    แส้กระชากร่างของมาตาร์ขึ้นจากพื้นอีกครั้ง แล้วซัดร่างของเขาใส่สามสาวทันที

    ปึกก!! ฉัวะ!!

    โมเรน่าไวพอที่จะจับร่างของมาตาร์เอาไว้ได้ ส่วนคลาร่าก็ใช้ดาบของเธอตัดปลายแส้ออกไป สามสาวไม่มีความลังเลในการลงมือหลังจากที่ผ่านการฝึกมาแล้วที่แมนชั่นแห่งความตาย ดูเหมือนพวกเธอจะเก่งขึ้นมากทีเดียว

    “อูยย” มาตาร์ลุกขึ้นแล้วตั้งตัวได้ในที่สุด

    สามสาวยืนจังก้าขวางหน้ามาตาร์เอาไว้ ไม่ให้เรย์น่าลงมือกับเขาได้อีก

    เพี้ยะ! ฉัวะ!

    เรย์น่าฟาดแส้ใส่พวกสามสาวอีกครั้ง แต่คลาร่ายกดาบของเธอขึ้นมาฟันปลายแส้ขาดไปอีกครั้งเหมือนกัน

    ปัง! ปัง!

    บราวนี่ยิงปืนใส่เรย์น่าอีก ทำให้เธอต้องหลบอีก

    สถานการณ์ตอนนี้ ไม่ว่าเรย์น่าจะทำอะไรก็มีแต่เสียเปรียบ ตราบใดที่เธอยังไม่ใช้เวทมนตร์ ซึ่งก็ใช้ไม่ได้เพราะไม่มีผลึกเวทติดตัวเลยสักชิ้น แล้วเธอก็ไม่อยากจะใช้เวทอัญเชิญกลางเมืองด้วย

    “ชิ!! ฝากไว้ก่อนเถอะ เดินคนเดียวระวังหลังไว้ละกัน!!” เรย์น่าเห็นว่าไม่มีโอกาสจะจู่โจมเลยเพราะอาวุธของเธอถูกกันเอาไว้หมด ดังนั้นเธอจึงถอนตัวไปแต่โดยดี

    แต่ทว่า...

    ฟุ่บ!! ฟุ่บ!!

    ทันทีที่เรย์น่าหันหลังให้ มาตาร์ก็ใช้ทักษะไม่มีลิมิตฯทันที แล้วพุ่งเข้าหาหญิงสาวด้วยเคล็ดเท้าไร้เงา แล้วอัดระเบิดวายุเข้าไปสองลูกติดกัน

    “แก๊!! ..อ๊อค!” เรย์น่าคาดไม่ถึงว่ามาตาร์จะโจมตีในเวลาที่เธอถอนตัวแบบนี้ เธอรู้สึกถึงความปั่นป่วนในร่างกายทันที

    “ถ้าฟื้นแล้วมาเอาคืนด้วยนะครับ” มาตาร์พูดเสียงเรียบๆ

    ฉูดดด!! ฉูดด!!

    เส้นเลือดตามตัวของเรย์น่าเริ่มปริแตก ร่างของหญิงสาวชโลมไปด้วยเลือดดูน่าสยดสยอง เธอเดินโซซัดโซเซเหมือนคนหมดแรง ดวงตาของเธอมีแต่เลือด

    “ฟืดด!! ฮึกก!!” เสียงหายใจหนักๆพร้อมกับเสียงสะอื้นออกมาจากลำคอเบาๆ

    “แหม ตายยากจังนะครับ” มาตาร์พูดขึ้นมาเรียบๆ

    คงเป็นเพราะค่าสถานะที่เยอะของเธอทำให้ยังไม่ตายไปในทันทีทั้งๆที่โดนระเบิดวายุเข้าไปสองลูก

    ผัวะ!! ผัวะ!! ผัวะ!! ฟุบบ!! โครมมม!!

    มาตาร์ตามไปซ้ำด้วยลูกเตะอีกสามครั้งเข้าใส่ใบหน้าของเรย์น่าจนหน้าเธอสะบัดไปมา แล้วก็จบด้วยหมัดความเร่งเข้าที่ลำตัวของเธอเต็มๆ จนร่างของหญิงสาวปลิวไปกระแทกกับผนังตึกอีกด้านของถนน

    แล้วร่างของหญิงสาวผมยาวก็ทรุดลงพร้อมกับสลายไป

    “ทีนี้คงได้อยู่สงบๆกันบ้างแล้วล่ะนะ” มาตาร์หันมาพูดแล้วยิ้มให้สามสาว โดยไม่สนใจเลยว่าการโจมตีของเขาทำให้ผู้คนแถวนี้สะเทือนใจแค่ไหน

     

    เห็นมะ คู่นี้เค้าเล่น SM กัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×