คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #76 : บทที่74 ไม้ตายประสาน
บทที่74 ไม้ตายประสาน
ตึก! ตึก! ตึก! ฟวับ!
คริมซั่นวิ่งไปสามก้าวแล้วแทงหอกออกไปเป็นท่าทะลวง ซึ่งก็ดูทะมัดทะแมงดี แต่เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง
“เป็นยังไงบ้างคริมซั่น” มาตาร์เอ่ยถาม
“ผมไม่เข้าใจว่ามันขาดอะไรไปน่ะครับ มันถึงไม่กลายเป็นท่าไม้ตายซักที” คริมซั่นพยายามทำท่าแบบนี้ซ้ำเป็นร้อยครั้งแล้ว แต่มันก็ยังเหมือนเดิม
“ก่อนอื่นเราต้องมีเคล็ด หรือหลักการในการปล่อยท่าก่อนนะ ถ้าทำได้ตามที่ตั้งใจไว้ มันก็จะกลายเป็นไม้ตายเองแหละ” มาตาร์พูดอย่างคนมีประสบการณ์
“รู้สึกว่าแค่คำว่าเร็วและแรงมันจะไม่ใช่แล้วแฮะ” คริมซั่นบ่นออกมาเบาๆ
“เร็วเพราะอะไร แล้วแรงเพราะอะไร ตอบสองสิ่งนี้ให้ได้ก่อนสิ แล้วไม้ตายที่ทำสำเร็จเป็นครั้งแรกส่วนใหญ่แทบจะใช้ปราณหมดตัวเลยนะ” มาตาร์ให้ข้อมูลอีก
“อ่า แค่ใส่แรงเข้าไปเยอะๆยังไม่ได้เหรอเนี่ย” คริมซั่นเพิ่งรู้ตัวว่าพลาดไปเพราะที่ผ่านมาเขาเอาแต่ใส่แรง
“คริมซั่นสู้ๆ” โรสร้องเชียร์ออกมาเมื่อเธอเดินมาถึงบริเวณที่คริมซั่นฝึกฝน
คริมซั่นยิ้มรับพร้อมกับตั้งสมาธิคิดถึงเคล็ดการใช้ท่าไม้ตายของเขา ‘ก้าวเท้ารวดเร็วเป็นเส้นตรงจนเหมือนหายไป ที่พื้นมีไฟลุกด้วย อืม งั้นต้องเสริมปราณไฟเพิ่มความรุนแรง แล้วก็แทงหอกออกไปสุดตัว ...เอาให้เหมือนดาวหาง โอ้ว!! เท่สุดๆ’ คริมซั่นคิดไปก็จินตนาการไปพร้อมกับยิ้มไม่หุบเมื่อคิดถึงผลลัพธ์ของท่าไม้ตายของเขา
ชายหนุ่มชุดแดงตั้งสมาธิเสร็จแล้วก็ก้าวเท้าแรกออกไปทันทีพร้อมกับใช้พลังสมาธิ
ตึก!
‘ต้องก้าวยาวและเร็ว ให้เหมือนหายตัวได้’ คริมซั่นคิดขึ้นมาขณะอยู่ในห้วงเวลาอันสงบนิ่งแห่งสมาธิ
แวบ! ตึกก!
ร่างของคริมซั่นเหมือนหายไปแวบหนึ่ง ก่อนจะปรากฏตัวออกมาแล้วก้าวไปอีกเท้า
‘รุนแรง ติดไฟ’ คริมซั่นคิดแล้วก็เสริมปราณไฟของเขาไปทั่วตัวทันที
แวบ! ฟูวว!
เท้าของคริมซั่นเหมือนติดไฟขึ้นมา ตัวของเขาหายไปแวบหนึ่งก่อนที่จะประทับเท้าลงบนพื้นพร้อมกับไฟที่ลุกไหม้ขึ้นมา
‘แทงให้แรงสุดตัวไปเลย’ คริมซั่นแทงหอกออกไปโดยทุ่มทั้งตัวกะจะใช้ปราณให้หมดในครั้งเดียว
ฟิ้ว! ฟู่วว!
หอกของคริมซั่นพุ่งเป็นเส้นตรงพร้อมเสียดสีกับอากาศจนเกิดไฟลุกไหม้หรือเพราะปราณของเขาก็ไม่แน่ใจ
“ย้ากกก!!!” คริมซั่นตะโกนออกมาสุดเสียงพร้อมกับจบท่าด้วยการนิ่งค้างอยู่ในท่าแทงแขนเดียว
ฟวิ้งงง!!
จังหวะสุดท้ายนั่นยังเหมือนตัวคริมซั่นแวบหายไปอีกครั้งหนึ่งด้วย แล้วตามทางที่เขาวิ่งผ่านไปก็ปรากฏไฟลุกขึ้นเป็นเส้นตามพื้นในที่สุด ระยะทางของก้าวสุดท้ายที่ทำให้เกิดไฟนั่นยาวเกือบสิบเมตรเลยทีเดียว
โซล่าร์ซิสแต่ละคนเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าต่างมีน้ำตาคลอหน่วยขึ้นมาทันที มันเท่มาก เหมือนที่คิดเลย ยิ่งไฟที่ลุกขึ้นมาตอนจบพร้อมกับท่าจบอันสง่างามนั่น มันอะไรกัน! ทำไมมันเจ๋งแบบนี้!!
“คริมซั่น!!” มาเจนต้าตะโกนพร้อมวิ่งไปหาคริมซั่นเป็นคนแรก “เดี๊ยนทนไม่ไหวแล้ว เท่เกินบรรยาย”
แล้วอาเชอร์กับโรสก็วิ่งตามไปเพื่อจะแสดงความยินดีกับคริมซั่นที่ได้ท่าไม้ตายสุดเท่ขนาดนี้
โซล่าร์ซิสฯแต่ละคนรุมเข้ามาดูคริมซั่นกันใหญ่ แต่ก็ต้องแปลกใจที่คริมซั่นยังค้างแข็งอยู่ในท่าจบอยู่เลย
“อ๊ะ! หรือว่า” มาตาร์เห็นความปกติเกิดขึ้นจึงรีบวิ่งไปดูเหมือนกัน
“พี่มาตาร์คะ คริมซั่นไม่ขยับตัวเลยค่ะ” โรสพูดออกมาอย่างร้อนใจ
มาตาร์มาถึงก็ไม่พูดมากถ่ายปราณธาตุลมให้คริมซั่นทันที ส่วนอีกสามคนที่เหลือเห็นกิริยาของมาตาร์ก็เลยถ่ายปราณลมอันน้อยนิดของตัวเองให้คริมซั่นด้วย
จนในที่สุดคริมซั่นก็ได้สติขึ้นมาขณะที่อยู่ในท่าแข็งค้างตอนจบนั่นแหละ
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” คริมซั่นถามออกมาเมื่อเห็นทุกคนมายืนล้อมเขาอยู่
“พี่คิดว่าเพราะใช้ปราณกับพลังจิตเยอะเกินไป เลยหมดสติไปล่ะมั้ง” มาตาร์สันนิษฐาน
“เอ๋!? พลังจิตด้วยเหรอ” คริมซั่นยังเบลอๆอยู่ แต่เขาก็ลองเปิดเมนูของตัวเองขึ้นมาดูแล้วก็พบว่า ค่าปราณเหลือศูนย์กับพลังจิตติดตัวแดง
“เพราะการเคลื่อนที่ของคริมซั่นนั่น ดูยังไงมันก็น่าจะใช้พลังจิตนะ พี่เคยเห็นคนที่แวบๆแบบนั้นได้” มาตาร์นึกถึงไมเคิลตอนที่เจอกันครั้งแรกที่ลานสาธิต
“เอ๋อ?” คริมซั่นยังคงสับสนอยู่ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าใช้พลังจิตออกไป
“เอ้า! ไปพักผ่อนก่อนละกันนะ” มาตาร์ไม่เสียเวลาพูดคุยมากมาย เขาใช้พลังจิตยกร่างคริมซั่นขึ้นไปแล้วพากลับไปที่รอบกองไฟอีกครั้งโดยมีพวกโซล่าร์ซิสฯเดินตามมาอย่างเป็นห่วง
“นี่ผมขยับตัวไม่ได้เลยนะเนี่ย” คริมซั่นบรรยายความรู้สึกของตัวเขาออกมา ทั้งๆที่ก็พูดได้มีสติ แต่กลับขยับตัวไม่ได้เลย
“พี่ก็เพิ่งเคยเจอกรณีแบบนี้นี่แหละ แต่เดาว่าพลังจิตไม่พอใช้ไม้ตายนั่นแหละ แต่ท่าไม้ตายของคริมซั่นดันต้องใช้พลังจิตควบคู่ไปด้วย ครั้งแรกนี่ก็เลยถูกดึงพลังจิตออกจากร่างไปหมดเลย” มาตาร์สันนิษฐานให้พวกโซล่าร์ซิสฯทุกคนฟัง
“แล้วตกลงได้ท่าไม้ตายมั้ยคริมซั่น” อาเชอร์ถามขึ้นมา
“เอ่อ ไม่รู้สิ ไม่เห็นได้ยินเสียงจากระบบเลย” คริมซั่นตอบ
เมื่อมาถึงกองไฟ มาตาร์ก็ใช้พลังจิตวางคริมซั่นลงกับพื้น
“วันนี้พี่ว่าพักผ่อนกันก่อนละกันนะ ตอนนี้ก็ตีสองเข้าไปแล้ว ถึงจะไม่ง่วง แต่ก็น่าจะปรับเวลาให้คุ้นกับช่วงเวลาใช้ชีวิตปกติ เวลาไปประลองจะได้ไม่มีปัญหา” มาตาร์เสนอ
“อืม ก็ดีค่ะ คริมซั่นก็เป็นซะแบบนี้แล้วด้วย” โรสเห็นด้วย
ดังนั้นทุกคนจึงกางเต็นท์ของตัวเองออกมา ส่วนคริมซั่นที่ขยับไม่ได้ก็นอนร่วมเต็นท์เดียวกับอาเชอร์
เต็นท์ของมาตาร์ใหญ่กว่าของคนอื่นเพราะจุคนได้ห้าคน วิธีกางเต็นท์ก็ง่ายๆ แค่วางมันลงไปบนพื้นแล้วลูบตรงสัญลักษณ์ที่กำหนดมันก็กระเด้งขึ้นมาเป็นเต็นท์เรียบร้อย
สามสาวรีบวิ่งเข้าไปในเต็นท์ทันทีเพราะว่าพวกเธอไม่เคยนอนเต็นท์มาก่อน เมื่อมาตาร์เดินเข้ามาภายในก็เห็นว่ามันมีที่ว่างพอที่จะนอนได้ห้าคนโดยไม่เบียดกันสบายๆ ถ้าเบียดกันอาจจะได้ถึงสิบคนด้วยซ้ำ หลังคาเต็นท์ก็ไม่ได้สูงมากนักต้องย่อตัวเวลาอยู่ข้างใน พื้นถูกปรับให้นุ่มเหมาะแก่การนอน หลังคาเต็นท์เปิดปิดได้เอาไว้ดูดาวตอนกลางคืน บรรยากาศเหมือนมาตั้งแคมป์จริงๆด้วย
“สาวๆนอนได้แล้วนะ” มาตาร์บอกสามสาวหลังจากที่เห็นพวกเธอตาลุกวาวมองลายละเอียดต่างๆของเต็นท์อย่างไม่วางตา
“มาตาร์นอนตรงนี้” โมเรน่าตบพื้นเต็นท์ตรงข้างๆเธอเป็นการบ่งบอกว่าให้มานอนข้างเธอซะดีๆ
“อ๊ะ! งั้นคลาร่านอนตรงนี้” แม่หมาป่าสาวรีบเคลื่อนตัวไปอีกด้านของพื้นที่ว่างที่มาตาร์จะนอนทันที
มาตาร์ก็ยอมตามใจสาวๆ เขาจึงนอนลงไปตรงกลางเต็นท์นั่นแหละ แล้วสองสาวที่นอนขนาบเขาอยู่ก็ซุกเข้ามาเหมือนที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ แต่ที่เขาไม่ได้คิดเอาไว้ก็คือ บราวนี่มานอนลงบนตัวเขาเต็มๆแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้นเลย
“เอ่อ บราวนี่ แบบนี้พี่หายใจลำบากนะ” มาตาร์พูดกับบราวนี่เบาๆ
“บราวนี่อยากนอนข้างมาตาร์” แม่เหยี่ยวสาวบอกความต้องการของเธอออกมา ซึ่งทั้งสองข้างก็มีแม่หมาป่าสาวกับแม่เสือสาวคุมพื้นที่อยู่แล้ว
“ถ้างั้นแค่เอาหัวมาหนุนไหล่ล่ะพอมั้ย” มาตาร์ต่อรอง
บราวนี่ก็ไม่พูดอะไรอีกแต่ลุกออกไปแล้วนอนกลับหัวกลับหางกับชายหนุ่มพร้อมกับเอาหัวมาวางบนไหล่ของเขาทันที
“จุ๊บ! ราตรีสวัสดิ์มาตาร์” แล้วบราวนี่ก็จูบเข้าไปที่ปากของมาตาร์เบาๆก่อนจะหลับไปแบบไม่สนใจอะไรอีก ทำเอาชายหนุ่มตกตะลึง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่บราวนี่มาจูบปากเขา
“เอ่อ ...ราตรีสวัสดิ์จ้ะสาวๆ” มาตาร์กล่าวอย่างตื่นๆ ก่อนจะทำใจข่มตาหลับลงไปในที่สุด
และแล้วเมื่อยามเช้ามาเยือน
‘หืม? กลิ่นอะไรหอมๆหว่า’ มาตาร์คิดขึ้นมาเมื่อได้กลิ่นอาหารจากข้างนอกเต็นท์
มาตาร์ลุกขึ้นมาปล่อยให้สาวๆหลับต่อไปแล้วออกมานอกเต็นท์
“อ้าว พี่มาตาร์ตื่นแล้วเหรอครับ” อาเชอร์ทักขึ้นมาเมื่อเห็นมาตาร์ออกมาจากเต็นท์
“ทำอาหารอะไรน่ะอาเชอร์” มาตาร์เห็นแล้วว่าอาเชอร์กำลังย่างอะไรบางอย่างอยู่ ทำให้กลิ่นมันหอมเข้าไปถึงในเต็นท์
“เนื้อวัวกระทิงครับพี่ ผมออกไปล่ามาเมื่อเช้า” อาเชอร์ตอบพร้อมกับชี้ให้ดูร่างไร้วิญญาณของวัวกระทิงขนาดสูงเมตรครึ่งที่อยู่ข้างๆเขา
เพราะพื้นที่โล่งแถวๆสนามต่อสู้นี้มีวัวกระทิงอยู่ประปราย ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมีคนสนใจมันมากนัก เพราะมันจะไม่โจมตีผู้เล่นก่อนอยู่แล้ว แถมมันยังอึดมากด้วย ผู้เล่นตามปกติก็จะแค่เดินผ่านมันไปเฉยๆ
“ตื่นเช้าจังนะ แล้วคนอื่นล่ะ” มาตาร์ถามเมื่อไม่เห็นคนอื่นอีก
“ก็ยังหลับอยู่เลยครับ นี่ก็เพิ่งจะเจ็ดโมงเอง” อาเชอร์ตอบพร้อมกับพลิกเนื้อที่เสียบไม้ไปมา
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปล่าวัวมากินมั่งดีกว่า” มาตาร์ทำท่าจะลุกขึ้นออกไปล่าบ้าง
“ไม่ต้องก็ได้ครับพี่มาตาร์ ผมเตรียมเอาไว้ให้ทุกคนอยู่แล้ว วัวทั้งตัวผมจะกินคนเดียวหมดได้ยังไง” อาเชอร์ห้ามมาตาร์ไว้ก่อนที่ชายหนุ่มผมแดงจะลุกขึ้นไป
“งั้นพี่ช่วยย่างละกัน จะได้เสร็จเร็วขึ้น” มาตาร์ว่าแล้วก็ตรงเข้าไปชำแหละเนื้อวัวที่เหลือทันที
ขณะเดียวกันนั้นในเมืองเริ่มต้น หญิงสาวคนหนึ่งในเงามืดกำลังส่งข้อความติดต่อกับใครบางคนอยู่
‘ขอโอกาสให้ชั้นอีกครั้งเถอะค่ะหัวหน้า’ ข้อความของหญิงสาวส่งออกไป
‘โอกาสของเธอหมดไปแล้ว พาลูกทีมไปตายยังไม่พอ ยังหาเรื่องมาให้ชั้นอีก’ ข้อความส่งมาหาหญิงสาว
‘แต่ว่าพวกนั้นก็เห็นดีด้วยนี่คะ’ หญิงสาวส่งข้อความออกไปอีก
‘เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว เอ้อ แล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีกแล้วนะ เธอถูกไล่ออกจากกิลด์แล้ว’ ข้อความส่งมาหาหญิงสาวอีก
‘ไม่นะคะหัวหน้า อย่าไล่ชั้นออกเลยนะคะ’ ข้อความของหญิงสาวถูกส่งออกไป แต่ว่าไม่มีผู้รับอีกแล้วเมื่อปลายทางตัดชื่อเธอออกจากรายชื่อเพื่อนเรียบร้อย
หญิงสาวนั่งก้มหน้าอย่างหมดอาลัย น้ำตาเธอไหลออกมาด้วยความเสียใจ และเจ็บใจ
‘ใครมันเป็นต้นเหตุให้ชั้นต้องมาเจอเรื่องแบบนี้กัน!’ หญิงสาวเริ่มหาคนผิด เธอต้องการที่ระบายความเสียใจของเธอ
‘ไอ้หมอนั่น มันแหละตัวต้นเรื่อง เจ้ามาตาร์!!’ หญิงสาวคิดอย่างแค้นใจ ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลของเธอส่องประกายออกมา
วันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันสุดท้ายที่กิลด์ที่จะมาตั้งโต๊ะกัน หลังจากวันนี้แล้วทุกคนจะใช้เครื่องย้ายมวลสารที่อยู่ในอาคารเริ่มต้นจากเกาะเริ่มต้นกลับไปยังสถานที่ที่ตนเองเดินทางมา ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกผจญภัยหรือขึ้นเรือไปที่ไหน แต่ผู้เล่นที่ถูกไล่ออกจากกิลด์นั้น จะกลายเป็นประชากรของเกาะเริ่มต้นโดยอัตโนมัติโดยไม่สามารถใช้เครื่องย้ายมวลสารได้ เพราะถือว่าไม่ได้เป็นบุคคลของกิลด์ที่ลงทะเบียนเอาไว้แล้ว
“รัต วันนี้ทำอะไรกันดี” เมโลดี้ถามเพื่อนสาวของเธอที่งัวเงียลุกขึ้นมาบนเตียง
“ตานั่นยังไม่ติดต่อมาอีกเหรอว่าจะออกจากเกาะวันไหน” ราตรีถามเพื่อนสาวกลับไป
“ยังเลย เมื่อวานหลังจากแยกกันแล้วก็ไม่ได้ติดต่ออีกเลย” เมโลดี้ตอบด้วยเสียงหงอยๆ
“ชิ อย่าให้แม่จับตัวได้นะ จะคุมให้อยู่หมัดเลย” ราตรีบ่นออกมาเบาๆ
“อุ๊ยตาย! จะจับผู้ชายกันแต่เช้าเลยเหรอยะ” เทียร์ส่งเสียงขึ้นมาบ้าง
“เงียบไปเลยย่ะแม่วิญญาณปากมาก นอกจากพูดแล้วทำอย่างอื่นได้บ้างมั้ยเนี่ย” ราตรีรำคาญร่างแยกของเธอเต็มทน นอกจากลอยไปลอยมาแล้วก็พูดไม่รู้จักคิดแล้ว เธอยังไม่เห็นว่าวิญญาณน้ำตานี้จะมีประโยชน์อะไรเลย ถ้ามีประโยชน์ถึงครึ่งหนึ่งของแองเจล่าต่อให้พูดมากกว่านี้ก็พอจะรับได้หรอก
“อะไรกันรัต เธอยังไม่เคยไปสู้กับชั้นเลยจะหาว่าชั้นไม่มีประโยชน์ได้ยังไงยะ” เทียร์ตอบกลับเมื่อรับรู้ความคิดของราตรี
“งั้นวันนี้เราลองไปฝึกกันดีกว่านะ ถ้ายังหาอะไรทำไม่ได้” เมโลดี้รีบตัดบท เพราะเทียร์กับราตรีทะเลาะกันได้ทั้งวันจริงๆ
“แล้วเธอจะได้รู้ว่าชั้นเจ๋งกว่าที่เธอคิด รัต” เทียร์ส่งเสียงท้าทายราตรี
“เอาล่ะๆ ไปหาข้าวเช้ากินแล้วไปป่าฝูงนกกันดีกว่านะ” เมโลดี้ตัดบทอีกครั้ง
หลังจากนั้นสามสาวหนึ่งวิญญาณก็ออกจากห้องพักของโรงแรมแล้วไปกินข้าวที่ห้องอาหารของโรงแรม ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางประตูทิศใต้สู่ทุ่งนกแล เพื่อจะไปป่าฝูงนก
‘หืม? ยัยพวกนั้นมันพรรคพวกของเจ้ามาตาร์นี่นา’ หญิงสาวในเงามืดคิดขึ้นเมื่อเห็นทั้งสามสาวเดินด้วยกัน
เวลาแปดโมงพวกกลุ่มโซล่าร์ซิสฯตื่นกันหมดแล้ว กำลังตั้งหน้าตั้งตากินเนื้อวัวย่างกันอย่างเอร็ดอร่อย คริมซั่นก็ขยับตัวได้แล้วหลังจากนอนนิ่งอยู่ทั้งคืน
“เอ้อ! หลังจากผมตื่นมามันก็มีหน้าต่างกระเด้งขึ้นมาบอกให้ผมตั้งชื่อท่าไม้ตายแหละครับ” คริมซั่นเล่าเหตุการณ์ตอนที่เขาตื่นให้มาตาร์ฟัง
“เหรอ แปลว่าท่าไม้ตายนั่นสำเร็จจริงๆด้วยสินะ แต่ที่มันไม่มีข้อความเด้งขึ้นมาเพราะคริมซั่นอยู่ในสถานะผิดปกติบางอย่างล่ะมั้ง” มาตาร์สันนิษฐาน
“เป็นไปได้ครับ” คริมซั่นยอมรับ
“แล้วคริมซั่นตั้งชื่อท่าไม้ตายว่าอะไรล่ะฮ้า” มาเจนต้าถามขึ้นมาขณะที่เธอก็เริ่มกัดกินเนื้อย่างไปด้วย
“ชั้นตั้งใจเอาไว้แล้วตั้งแต่ใช้ท่าว่าจะตั้งชื่อมันว่า Meteor Drive (มีทีเออไดรฟฺ) หอกดาวตก” คริมซั่นตอบอย่างภูมิใจ
“โห! ชื่อเท่ดีเหมือนกันนี่นา” โรสชื่นชมอย่างตื่นเต้น
“ท่าไม้ตายก็เข้ากับชื่อดีจริงๆด้วย” อาเชอร์พูดไปก็นึกถึงหอกของคริมซั่นเมื่อคืนที่พุ่งไปแล้วมีไฟลุกไปตามทางเหมือนดาวตกจริงๆ
“งั้นเดี๋ยวโรส มาเจนต้า คริมซั่น ถ่ายปราณกันให้เรียบร้อยนะ” มาตาร์วางตารางการซ้อมในวันนี้ทันที
แล้วหลังอาหาร ทุกคนก็เก็บเต็นท์เรียบร้อย แล้วก็มานั่งถ่ายปราณให้กันโดยมีมาตาร์ช่วยเหมือนเดิม จนทุกคนในทีมใช้ปราณธาตุข้างเคียงได้หมดทุกคน
“รู้มั้ยทุกคน การควบคุมปราณสายข้างเคียงได้มีข้อดียังไง” มาตาร์ถามขึ้นมา
“ใช้ท่าได้หลากหลายขึ้นค่ะ” โรสตอบออกมาอย่างฉะฉาน
“นั่นก็ถูกนะ การมีปราณหลากหลายทำให้เราสามารถผสมมันเข้าด้วยกันแล้วทำให้เกิดการโจมตีใหม่ๆได้” มาตาร์เห็นด้วยส่วนหนึ่ง
“แล้วมันยังมีประโยชน์เยอะกว่านี้อีกเหรอฮ้า” มาเจนต้าสงสัยขึ้นมาเพราะมาตาร์ใช้คำว่า ‘ก็ถูก’
“มันทำให้เราประสานปราณกันได้ดีขึ้นน่ะสิ” มาตาร์เฉลย
“ยังไงครับพี่มาตาร์” อาเชอร์สงสัย
“ทำให้ดูง่ายกว่า คริมซั่นกับโรสมานี่หน่อย” มาตาร์เรียกโรสกับคริมซั่นมาใกล้ๆเขา
“ค่ะ/ครับ” ทั้งคู่ขานรับแล้วเดินเข้ามาแบบงงๆ
“เดี๋ยวเราจะลองปล่อยบอลไฟกันนะ คริมซั่นรู้หลักการสร้างบอลไฟด้วยปราณมั้ย” มาตาร์ถามขึ้นมา
“ไม่รู้เลยครับ มันไม่ใช่ต้องใช้เวทมนตร์เอาเหรอครับ” คริมซั่นรู้ว่าถ้าควบคุมเวทให้เป็นทรงกลมแล้วใช้ผลึกเวทไฟมันก็ออกมาเป็นบอลไฟเหมือนกัน
“บอลไฟจากปราณสามารถสร้างโดยการปล่อยไฟออกมาอย่างรุนแรง แล้วใช้น้ำแข็งควบคุมรูปทรงด้านนอก” มาตาร์ยังจำคำอธิบายของนาตาลีที่เป็นคนสอนหลักการของธาตุให้เขาได้ “ดังนั้นจึงต้องเป็นคนที่ใช้ได้อย่างน้อยสองธาตุคือไฟกับน้ำแข็ง ซึ่งคนที่สร้างได้ต้องเป็นคนที่มีธาตุไฟเป็นหลักด้วย”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” คริมซั่นพยักหน้ารับ
“แต่เราก็สามารถสร้างได้โดยใช้คนสองคนเหมือนกัน” มาตาร์อธิบายต่อ “และการสร้างจากคนสองคน ย่อมมีประสิทธิภาพสูงกว่า”
“จริงเหรอคะ อยากลองแล้วล่ะค่ะ” โรสตื่นเต้นที่จะได้ลองอะไรใหม่ๆอีกแล้ว
“โอเค งั้นลองเลย” มาตาร์ก็ไม่อยากจะให้เสียเวลาเหมือนกัน “คริมซั่นปล่อยไฟที่มีน้ำแข็งล้อมไหวมั้ย”
“จะลองดูครับ” คริมซั่นไม่เสียเวลา โคจรปราณธาตุไฟออกมาจากสองมือแล้วพยายามทำให้มันเป็นก้อนทันที
มาตาร์เห็นแล้วว่ามันต้องอาศัยลมช่วยด้วยเพราะไฟอย่างเดียวมันดูยุ่งเหยิงเกินไป เขาจึงใช้มืออีกมือปล่อยลมแฝงธาตุไฟออกมช่วยควบคุมรูปทรงด้วยทันที จนในที่สุดมันก็อยู่ทรง แล้วเขาก็พยายามใช้อีกมือหนึ่งส่งปราณน้ำแข็งเข้าล้อมลูกไฟนั้น
“โรสช่วยหน่อย น้ำแข็งของพี่มันเข้มไม่พอ” มาตาร์ร้องเรียกโรสให้เข้ามาเสริม
โรสปล่อยพลังน้ำแข็งออกมา แต่มันกลับทำให้ไฟแผ่วลง
“คุมรูปทรงด้วยโรส มันเข้าไปทอนกำลังของไฟลงแล้ว” มาตาร์ร้องเตือน
อาเชอร์กับมาเจนต้ามองดูอยู่วงนอกด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะพวกเขาอยากจะเห็นผลลัพธ์ของการรวมพลังกันจริงๆ
ผ่านไปประมาณหนึ่งนาที น้ำแข็งของโรสก็ล้อมลูกไฟเป็นทรงกลมได้สำเร็จ
“โอเค ต่อไปคริมซั่นเร่งไฟให้สุดๆได้เลย โรสจับกระแสไฟให้ดี เธอใช้ปราณไฟได้ย่อมมีประโยชน์ในการประสาน คริมซั่นก็จับกระแสของน้ำแข็งให้ได้ นี่เป็นเหตุผลที่เราใช้ปราณได้หลายธาตุ อย่าลืม” มาตาร์เตือนให้ทุกคนรับรู้ว่าพวกเขามีความสามารถที่จะทำได้แล้ว อย่าลืมที่จะใช้มัน
แล้วลูกไฟก็เปล่งแสงแรงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้คริมซั่นและโรสยืนประจันหน้ากันโดยใช้มือสองคู่ของพวกเขาประคองลูกบอลไฟเรืองแสงเอาไว้
“แล้วจะปล่อยมันยังไงล่ะครับ” คริมซั่นสงสัย เพราะสร้างได้แล้วแต่ก็ไม่รู้จะปล่อยอย่างไร
ทันใดนั้นมาตาร์ซึ่งไม่พูดอะไร แต่ใช้สัมผัสแทน ซึ่งทั้งคู่ก็รับรู้ได้เพราะฝึกกันมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
มาตาร์เดินเข้ามาระหว่างคนทั้งสองแล้วใช้มือประคองลูกไฟไว้จากด้านบนและด้านล่าง โดยเขาก็ช่วยอัดพลังไฟและน้ำแข็งเพิ่มลงไปด้วย
แล้วทันใดนั้นเหมือนทั้งสามสามารถเชื่อมถึงกันได้ มาตาร์พลักบอลไฟออกไปทางหนึ่งในขณะที่อีกสองคนก็ช่วยกันผลักด้วย
“บอลไฟ!!” คริมซั่นกับโรสตะโกนขึ้นพร้อมกัน เหมือนกับจะต้องบอกชื่อท่าก่อนปล่อยทุกครั้งตามปกติ
แล้วลูกบอลไฟก็พุ่งออกไปโดยอาศัยปราณลมของมาตาร์
ฟูววว!! ตูมมม!!
ลูกบอลไฟแรงเกินคาด ทิศทางที่มาตาร์ปล่อยไปคือเฉียงลงล่างห่างไปประมาณยี่สิบเมตร แต่เมื่อมันสัมผัสกับพื้น พื้นกลับโดนหลอมจนเป็นรูแล้วลูกบอลก็พุ่งต่อลงไปโดยไม่ระเบิดออกมาเหมือนที่คิด แต่แล้วมันกลับระเบิดขึ้นมาเมื่อลงลึกไปในดินแล้ว ส่งผลให้ดินรัศมีกว่าสิบเมตรกระจุยกระจายออกมาหมด เกิดเป็นหลุมขนาดมหึมาที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่ายี่สิบเมตร แล้วลึกลงไปในดินอีกสิบห้าเมตร
พวกโซล่าร์ซิสฯแต่ละคนมองดูด้วยความตื่นตะลึงถึงผลลัพธ์ในครั้งนี้ ไม้เว้นแม้กระทั่งมาตาร์ที่ตะลึงพรึงเพริดจนพูดไม่ออก
“เอ้อ ...เข้าใจกันแล้วใช่มั้ยทุกคน การใช้ปราณข้างเคียงได้มันมีผลอย่างนี้แหละ” มาตาร์พูดออกมาเรียบๆเพราะไม่รู้จะแสดงอารมณ์ออกมายังไงดี
แต่ละคนก็พยักหน้ารับแบบอึ้งๆ
“งั้นวันนี้เรามาฝึกการประสานปราณในการสู้จริงกันนะ” มาตาร์บอกตารางฝึกที่จะทำต่อไป
ไม่มีใครสงสัยเหรอ ว่าทำไมเรย์น่าถึงมีอวตารทั้งๆที่ออกมาแป๊บเดียว ขนาดโลกอสยังไม่มีเลยนะ
ความคิดเห็น