คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #69 : บทที่67: แร่ดิบที่มีแต่คนเมิน
บทที่67 แร่ดิบที่มีแต่คนเมิน
ฝุ่นสีขาวนั่นก็คือปราณน้ำแข็งของโรสที่แผ่ออกมาเป็นเกล็ดเล็กๆ เมื่อมีวัตถุมากระทบก็จะถูกหยุดหรือชะลอเอาไว้ตามคุณลักษณะของน้ำแข็ง นั่นคือหยุดนิ่ง
ลูกบอลพลังจิตของทีดัสเมื่อกระทบกับเกล็ดน้ำแข็งที่ล้อมโรสเอาไว้นั้น มันจึงถูกลดทอนพลังงานลงจนโรสสามารถจับต้องมันได้ และลูกบอลพลังจิตที่ล่วงล้ำเข้ามาในสายหมอกสีขาวของโรสก็ถูกทำลายด้วยดาบของเธอในที่สุด
“โฮ่! รับลูกยางได้เหรอเนี่ย ...งั้นต่อไป” ทีดัสยังพูดออกมาด้วยท่าทีไม่ยี่หระแม้ลูกบอกของเขาจะถูกกันเอาไว้ได้
ผัวะ!! ปั้ก!!!
“อุ๊ก!!”
แต่แล้วลูกบอลที่ทีดัสปล่อยออกมาใหม่ก็ทะลวงหมอกสีขาวของโรสอย่างง่ายดาย แล้วก็กระแทกเข้าไปที่ท้องของหญิงสาวอย่างแรงจนเธอล้มลงแล้วกระอักเลือดออกมา
จึ้ก!!
ปลายดาบของทีดัสจ่อเข้าไปที่ลำคอของโรสที่ล้มอยู่ ดูท่าการประลองนี้คงจะจบลงเรียบร้อยด้วยชัยชนะของทีดัส
“ยอมแพ้หรือยอมตายครับ” ทีดัสถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ในขณะที่มืออีกข้างของเขาก็ยื่นออกมาพร้อมจะปล่อยลูกบอลใส่โรสทันทีที่เธอคิดจะทำอะไรแปลกๆ ...เรียกง่ายๆว่าไม่เปิดโอกาสให้พลิกเกมได้เลย
“...ยอมแพ้ค่ะ” ในที่สุดโรสก็ต้องก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ไป
“อ้า ขอบคุณคุณทีดัสมากครับที่ออมมือให้โรส” มาตาร์เดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้มพร้อมทั้งพยุงโรสขึ้นแล้วถ่ายปราณให้เธอเพื่อเยียวยาทันที
มาตาร์รู้ดีว่าถ้าทีดัสใช้ลูกบอลลูกสุดท้ายนั่นตั้งแต่แรก โรสคงจะพ่ายแพ้หรือตายไปนานแล้ว เพราะเธอโดนสิ่งที่ทีดัสเรียกว่าบอลยางกระแทกเข้าไปเป็นสิบครั้ง ‘ครั้งสุดท้ายนั่นสงสัยจะเป็นบอลเหล็กมั้ง ถึงได้ฝ่าพลังของโรสได้ง่ายดายขนาดนั้น’
“เชิญคู่ต่อไปสู้กันได้เลย เดี๋ยวพี่เป็นคนสุดท้ายเองนะ” มาตาร์กล่าวขึ้นมากับกลุ่มโซล่าร์ซิสฯที่เหลือ
เพราะมาตาร์เป็นผู้ที่มีปราณลมคนเดียวในกลุ่ม ถ้ามีใครบาดเจ็บกลับมาอีกเขาก็ต้องพร้อมช่วยตลอดเวลา ถ้าเกิดประลองก่อนแล้วเกิดตายขึ้นมาจะกลายเป็นว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บทีหลังจะไม่มีใครคอยช่วยรักษา
“ถ้างั้นต่อไปตาชั้นเอง” ซีดานพูดขึ้นแล้วก็เดินออกมาจากกลุ่มชายห้าคนนั้น
“อุโฮะ! ถ้าอย่างนั้นคู่ต่อสู้ก็ต้องเป็นเดี๊ยนสิฮ้า” มาเจนต้าเจอคู่ต่อสู้ที่เธอเล็งไว้ก็ออกไปต่อสู้เหมือนกัน
“เอ๋!? ต้องต่อสู้กับเธอเหรอเนี่ย” ซีดานร้องขึ้นอย่างหวาดระแวง ท่าทางเขาจะเป็นโรคไม่ถูกกับกะเทยเป็นแน่แท้
“เข้ามาเลยฮ่า เดี๊ยนพร้อมรับมือ” มาเจนต้าส่งเสียงท้าทายอย่างคึกคัก แต่อารมณ์ของซีดานกลับห่อเหี่ยวลง
ซีดานนั้นมีอาวุธเป็นมีดคู่ ส่วนมาเจนต้านั้นก็มีอาวุธเป็นมีดคู่เหมือนกัน ซึ่งคุณสมบัติของผู้ที่ถือมีดเป็นอาวุธนั้นจะมีทักษะอาวุธมีดที่เสริมความคล่องตัวเป็นหลักอยู่แล้ว
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แล้วศึกแย่งชิงความเร็วของมือมีดทั้งสองก็ปะทุขึ้น
มาตาร์พยุงโรสมานั่งห่างออกไปนิดหน่อยแล้วก็จับหลังของเธอเอาไว้เพื่อถ่ายปราณรักษาบริเวณท้อง เพราะเป็นจุดที่เธอโดนลูกบอลอัดเข้าไปเต็มๆ
“เป็นไงโรส” มาตาร์ถามหญิงสาวผมสีชมพู
“ดีขึ้นเยอะเลยค่ะพี่มาตาร์ ขอบคุณนะคะ” โรสตอบกลับด้วยสีหน้าหงอยๆ
“อ้าว? แล้วทำหน้าอย่างนั้นทำไมล่ะ” มาตาร์สงสัยว่ารู้สึกดีขึ้นแล้วทำไมยังทำหน้าเศร้าแบบนั้น
“ก็หนูแพ้นี่นา” โรสตอบ
“แล้วไงล่ะ?” มาตาร์ยังสงสัยขึ้นมาอีก แพ้แล้วมันน่าเศร้าตรงไหนหรือ
“อะไรกันพี่มาตาร์ นั่นแหละคือสาเหตุ เพราะหนูแพ้ไงล่ะ” โรสตอบ ก็เพราะแพ้ถึงต้องเสียใจไม่ใช่หรือ
“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจหรอกนะ แต่แพ้ครั้งนี้มันเป็นบทเรียนให้เราก้าวหน้าไปได้หรือมันจะทำให้เราจมปลักอยู่ตรงนี้ล่ะ” มาตาร์ให้ข้อคิดแก่โรส เขาเป็นคนหนึ่งซึ่งก็เคยมีปัญหาแบบนี้มาแล้ว
โรสฟังแล้วก็นิ่งไป เธอครุ่นคิดถึงสิ่งที่มาตาร์บอกเธอ
“มันคือทางเลือกโรส เราอาจจะไม่ได้เลือกที่จะแพ้ แต่เราเลือกสิ่งที่เกิดกับเราหลังพ่ายแพ้ได้นะ” มาตาร์เสริม
โรสยังคงนิ่งเงียบอยู่ แต่ตอนนี้สายตาของเธอเริ่มมองมาตาร์อย่างสนใจแทน
“อึ๋ม?” มาตาร์สงสัยว่าสาวน้อยคนนี้มองเขาแบบนั้นทำไม
“ค่ะ หนูกำลังตั้งใจฟังอยู่ค่ะ อยากรู้ว่าพี่มาตาร์จะพูดอะไรออกมาอีก” โรสพูดพร้อมกับส่งสายตาอันสดใสมาให้ ดูเหมือนเธอจะไม่คิดมากเรื่องแพ้อีกแล้ว
“อืม ถ้าหายเศร้าแล้วก็คิดถึงวิธีเอาชนะในครั้งหน้าสิ” มาตาร์กล่าวพร้อมกับมองโรสด้วยสายตาแปลกๆ ‘เปลี่ยนอารมณ์เร็วดีเว้ย’
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
มีดของซีดานและมาเจนต้าเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ยังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย ถึงแม้จะผ่านมากเกือบสามนาทีแล้วก็ตาม
“อืม คู่นี้ดูท่าจะสู้กันนานแฮะ ทั้งๆที่เป็นประเภทใช้ความเร็วทั้งคู่แท้ๆ” ทีดัสพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ยังทำอะไรกันไม่ได้สักที
“ไม่หรอก ถึงจะเหมือนสูสี แต่ซีดานยังไม่ได้เร่งความเร็วสูงสุดนะ หน้าตามันยังดูสบายๆอยู่เลยไม่เห็นเหรอ” เซซิลซึ่งมองได้ละเอียดกว่ากล่าว
ถ้าดูให้ดีๆอย่างที่เซซิลบอกก็จะเห็นความแตกต่างออกมาทางสีหน้า มาเจนต้ามีสีหน้าเคร่งเครียดมากส่วนซีดานยังดูหน้ายิ้มสบายๆอยู่เลย มาเจนต้าก็รู้ตัวดีว่าเธอกำลังเสียเปรียบอยู่ ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่างลงไปความอึดจะต้องหมดลงก่อนแล้วก็พ่ายแพ้แบบที่ยังทำอะไรไม่ได้เลย
เปรี๊ยะ!
เสียงปราณธาตุสายฟ้าแล่นไปทั่วร่างของมาเจนต้า แล้วทันใดนั้นความเร็วของเธอก็เพิ่มขึ้นทันที มันคล้ายๆกับเทพสายฟ้าของราตรีที่ใช้ธาตุสายฟ้าเร่งปฏิกิริยาตอบโต้ แต่ของมาเจนต้าเป็นการฝืนปล่อยสายฟ้าเชื่อมประสาทสัมผัสทั้งร่างเอาไว้ด้วยกันทั้งหมด ทำให้การเคลื่อนไหวเร็วจนถึงขีดสุด ซึ่งการทำแบบนี้ก็ไม่ต่างกับการที่มาตาร์ทุ่มทั้งชีวิตตอนใช้กงจักรลมเคลื่อนที่เต็มกำลังเลย แต่ผลลัพธ์ของมันก็น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
“โฮะๆๆๆ” มาเจนต้าหัวเราะออกมาอย่างสบายใจ คมมีดของเธอเรียกเลือดจากซีดานได้ในที่สุด
“นี่มันเหนือกว่าความเร็วสูงสุดพี่ซีดานอีกนะครับเนี่ย” ทีดัสกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ
“ก็ใช่นะ แต่ดูท่าการประลองครั้งนี้จะจบลงในเวลาอีกไม่นานนักหรอก” เซซิลกล่าวหลังจากที่เขาสังเกตเห็นว่าร่างกายของมาเจนต้าเริ่มสลายตัวอย่างช้าๆแล้ว
และแล้วทันใดนั้น
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
คมมีดของทั้งคู่กรีดกันในระยะประชิดจนเลือดสาดกระจายออกมา
“อะไรน่ะ? ทำไม?” เซซิลอุทานออกมาอย่างประหลาดในต่อเหตุการณ์ตรงหน้า
“ทำไมเหรอครับพี่เซซิล” ทีดัสถามออกมาเมื่อเห็นท่าทีของเซซิล
“ทำไมซีดานถึงใช้มังกรแปลงตอนนี้แล้วเลิกเคลื่อนไหวล่ะ” เซซิลบรรยายเหตุการณ์ให้คู่สนทนาฟัง ดูเหมือนว่าซีดานจะเป็นเผ่ามังกร
“อ้าว ก็ใช้มังกรแปลงก็จะได้เร็วขึ้นไงครับ” ทีดัสยังไม่เห็นว่าการต่อสู้นี้จะมีอะไรแปลก
“แล้วทำไมเมื่อเร็วขึ้นแล้วถึงหยุดวิ่ง ทำไมเปลี่ยนเป็นปักหลักสู้ ทั้งๆที่ถ้าหลบต่ออีกสักพักศัตรูก็จะตายไปเองโดยไม่ต้องบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ” เซซิลไม่เข้าใจตรงนี้นี่แหละ ด้วยนิสัยขี้เล่นอย่างซีดานแล้ว การปล่อยให้ศัตรูตายไปโดยที่ตัวเองไม่บาดเจ็บน่าจะเป็นเรื่องปกติมากกว่า
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
“โฮะๆๆ ขอบใจพ่อลิงน้อยมากนะจ๊ะ ที่ยอมมาแลกมีดกับเดี๊ยน” มาเจนต้าพูดกับคู่ต้อสู้ของเธอในขณะที่ร่างกายก็ค่อยๆสลายไปเรื่อยๆ พร้อมกับบาดแผลจากมีดของซีดาน
“ฮ่าๆๆ เจ๊นี่เจ๋งกว่าที่ผมคิดเอาไว้ ถ้าเป็นสาวป่านนี้ผมจีบไปแล้วล่ะ” ซีดานก็สู้อย่างมันมือพร้อมๆกับรอยกรีดที่มีมากขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน
มันเป็นความประทับใจต่อคู่ประลองของซีดานนั่นเอง ทั้งๆที่การประลองนี้ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดใดเลย แต่มาเจนต้าถึงขั้นทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อที่จะเรียกบาดแผลเล็กๆน้อยๆกับเขา ถ้าจิตใจยังสู้กะเทยไม่ได้ ยังหลบหนีต่อไปอีกก็ไม่มีหน้าจะไปจีบสาวที่ไหนอีกแล้ว
“โฮะๆๆๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะประสานของทั้งคู่ดังขึ้นไม่หยุด จนกระทั่งในที่สุด ร่างของมาเจนต้าก็สลายไปเหลือแต่ซีดานที่เหนื่อยหอบพร้อมกับร่างที่มีรอยแผลกรีดไปทั่วอยู่คนเดียว
ทั้งสองทีมมองดูการประลองของคนคู่นี้อย่างตื่นเต้น คนหนึ่งทุ่มทั้งชีวิต อีกคนหนึ่งก็สู้อย่างมีศักดิ์ศรี ถึงแม้จะรู้ผลการประลองตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นอยู่ดี โดยเฉพาะทีมโซล่าร์ซิสฯที่มีน้ำตาเอ่อออกมาเมื่อเห็นมาเจนต้ากะเทยของกลุ่มที่มีจิตใจอันยิ่งใหญ่เช่นนี้
“แมนมากๆ!! มาเจนต้า” อาเชอร์กล่าวชมออกมาหลังจากที่ผลการประลองออกมาแล้ว
“ชมแบบนั้นชีจะโกรธเอานะ ต้องชมว่าใจตุ๊ดสิ” คริมซั่นพยายามเลือกคำชมที่คิดว่ามาเจนต้าน่าจะชอบ แต่มันก็ยังฟังดูแปลกอยู่ดี
แปะ! แปะ! แปะ!
“เยี่ยมมากครับ กลุ่มของพวกคุณมีนักสู้ที่ดีจริงๆ” เซซิลปรบมือให้พร้อมกล่าวชมออกมา อันที่จริงมันก็ทำให้เขาได้เห็นนิสัยอีกอย่างของซีดานเพื่อนร่วมทีมของเขาด้วย ว่าไม่ใช่แค่ลิงเจ้าชู้ธรรมดา แต่ก็มีคุณธรรมน้ำมิตรเหมือนกัน
“ต่อไปผมขอประลองครับ” อาเชอร์ไม่รอช้า ขอประลองเป็นคนต่อไปทันทีหลังจากเห็นการประลองของมาเจนต้าซึ่งเป็นการแพ้ที่เยี่ยมมาก
“เฮ้ย! ขอชั้นประลองก่อนได้มั้ย กำลังคึกเลยเนี่ย” คริมซั่นขัดขึ้นมา เขาเองก็อยากจะประลองแล้วเหมือนกัน
“งั้นรอบต่อไปประลองแบบคู่ไปเลยดีมั้ยครับ” เซซิลเสนอขึ้น
“อ๊ะ! ไม่ได้ๆ อาเชอร์ออกไปประลองก่อนละกัน คริมซั่นรอไปทีหลังนะ” มาตาร์ขัดขึ้นมาเหมือนกันเมื่อเห็นว่าการประลองจะกลายเป็นแบบคู่
“เย่!” อาเชอร์ร้องออกมาอย่างดีใจ ส่วนคริมซั่นก็ถอยออกมาแบบผิดหวัง
“เอาน่าคริมซั่น ไม่ต้องเสียใจไป ยังไงก็ได้ประลองอยู่แล้วล่ะน่า” มาตาร์เข้ามาตบไหล่คริมซั่นที่ไม่ได้ประลองก่อนตามที่หวัง
“ถ้างั้นผมเป็นคนต่อไปละกัน” ในที่สุดประโยคที่ยาวกว่าการส่งเสียงออกมาเฉยๆก็หลุดออกจากปากของสควอลจนได้
“อื้ม เต็มที่เลยนะสควอล” เซซิลให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม
“หึ” สควอลส่งเสียงตอบรับกลับมาประมาณว่า ของอย่างนี้ไม่ต้องบอกกันก็ได้ จะเต็มที่หรือไม่เต็มที่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
แล้วสควอลชักดาบรูปร่างประหลาดของเขาออกมา ที่ด้ามดาบมีลักษณะเหมือนปืนลูกโม่แต่ส่วนที่ควรจะเป็นลำกล้องของปืนกลับกลายเป็นใบดาบไป
“ดาบหรือปืนนั่นน่ะ” อาเชอร์ถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“หึ” สควอลไม่ตอบคำแต่ส่งเสียงออกมาให้รับรู้ว่า ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องตอบ
ส่วนอาเชอร์นั่นมีอาวุธเป็นค้อนด้ามยาวอันใหญ่ที่ต้องถือด้วยสองมือ และมีปราณธาตุดิน
ที่ผ่านมาในป่าฝูงนก อาเชอร์สามารถทุบอากาศรอบๆทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนได้ แต่รัศมีไม่กว้างนัก พลังทำลายนั้นพึ่งค่าสถานะเป็นหลักยังใช้พลังธาตุดินได้ไม่ดีนัก เนื่องจากพลังธาตุดินนั้นเข้าใจยากที่สุดในธาตุธรรมชาติทั้งห้าอยู่แล้ว และอาเชอร์ก็ยังไม่มีปัญญาที่จะพลิกแพลงมันได้มากนักด้วย
“พี่มาตาร์ว่าพี่ฟ้า ..เอ๊ย อาเชอร์จะชนะได้มั้ยคะ” โรสถามความเห็นมาตาร์ที่กลับมานั่งถ่ายปราณให้เธอ
“...ไม่รู้สิ พี่ยังไม่เคยเห็นฝีมือฝ่ายนั้นชัดๆเลย แต่ชนะหรือแพ้ก็ไม่สำคัญหรอก พอเห็นการประลองของมาเจนต้าแล้วทุกคนก็ได้แค่ทุ่มสุดตัวเท่านั้นแหละ” มาตาร์คิดสงสัยที่โรสหลุดเรียกชื่อของอาเชอร์เป็นอย่างอื่น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องถาม แม้จะดูเหมือนจะสนิทกันมากขึ้น แต่มาตาร์ก็ยังคงรักษาระยะห่างจากผู้เล่นคนอื่นเอาไว้เสมอ
“อืม ...นั่นสินะคะ หนูรู้สึกว่ายังพยายามได้ไม่เท่ามาเจนต้าเลย ก่อนจะถึงวันประลองมะรืนนี้หนูคงต้องฝึกให้มันเยอะๆแล้วล่ะค่ะ” โรสก็เริ่มติดไฟแล้วเหมือนกันหลังจากที่เห็นการพลีชีพของมาเจนต้าเพียงเพื่อการประลอง
เคร้ง!! ...กึ้ดด!!
ดาบของสควอลเหวี่ยงเข้ามาแต่อาเชอร์ก็ยกด้ามค้อนมาป้องกันเอาไว้ได้ แล้วสควอลก็ใช้มือซ้ายกดลงไปที่สันดาบของเขา ในขณะที่อาเชอร์ก็ต้านด้วยสองมือที่กำด้ามค้อนเอาไว้เหมือนกัน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ประลองกำลังกันทันทีโดยไม่คิดจะเปลี่ยนท่าจู่โจม
“กลายเป็นประลองกำลังกันแล้วนะครับเนี่ย” ทีดัสพูดขึ้นมาให้เพื่อนร่วมทีมของเขาฟัง
“สควอลมันก็บ้าพลังแบบนี้แหละ” คราวด์พูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปนาน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง พวกโซล่าร์ซิสที่เหลือกันสามคน
“อาเชอร์เป็นคนชอบใช้กำลังแบบนี้เหรอคริมซั่น” มาตาร์ถามคริมซั่นที่เดินมาอยู่ใกล้ๆพวกเขาหลังจากที่เริ่มประลองแล้ว
“ไม่ใช่หรอกครับพี่มาตาร์ อาเชอร์มันเป็นคนประเภทไม่ค่อยชอบออกหน้าแต่จะคอยปิดทองหลังพระเสมอน่ะ” คริมซั่นตอบ ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับสิ่งที่มาตาร์ถามเลย
“หมายความว่าไง?” มาตาร์ต้องถามกลับเพราะไม่เข้าใจคำตอบของคริมซั่น
“ก็อาเชอร์เป็นคนที่ยอมทำตามคนอื่นง่ายๆโดยไม่ขัดแย้งไงคะ” โรสเฉลย ซึ่งมันก็ยังไม่ชัดเจนอยู่ดี
“...หมายความว่าถ้ามีใครชวนอาเชอร์ทำอะไร เค้าก็จะไม่ปฏิเสธใช่มะ” มาตาร์เริ่มรวบรวมรายละเอียดในคำพูดของทั้งคู่
“เป็นอย่างนั้นแหละครับพี่มาตาร์” คริมซั่นพยักหน้ายอมรับ
‘เป็นสไตล์ที่ตรงข้ามกับเราเลยแฮะ แต่เป็นคนง่ายๆแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี’ มาตาร์คิดขึ้น เพราะปกติเขาจะไม่ยอมสู้หรือทำอะไรในแบบที่คู่ต่อสู้ต้องการ แต่จะเป็นประเภทล่อให้คู่ต่อสู้ทำอย่างที่เขาต้องการมากกว่า
ซึ่งการทำแบบอาเชอร์นี่จะทำให้ความสามารถของเขาพัฒนาไปได้อย่างหลากหลายมาก แต่มันอาจจะใช้ระยะเวลานานหน่อยกว่าจะเก่งถ้าเทียบกับวิธีอื่น เพราะการเป็นคนที่ไม่ปฏิเสธอะไรเลยทำให้เขาเปิดรับความคิดของคนอื่นอย่างกว้างขวางมากจนเกินไปจนอาจจะไม่สามารถรวบรวมความคิดเด่นๆออกมาได้ ซึ่งมันทำให้มีพัฒนาการช้า แต่วิธีนี้ถ้าในระยะยาวแล้วจะมีความสามารถเหนือกว่าคนอื่นอย่างเทียบไม่ได้เลยทีเดียว เปรียบเทียบกับคนที่มีความรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งสามารถใช้ความรู้ความสามารถที่ตนเองถนัดทำเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แขนงนั้นได้ หรือคนที่มีความรู้ในเชิงศิลปะที่สามารถวาดรูปหรือสร้างสรรผลงานที่มีคุณค่าล้ำเลิศได้ แต่วิธีของอาเชอร์คือการรวมความรู้ทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน อาจจะไม่ได้ลึกซึ้งมากเท่ากับสองคนแรก แต่กลับสามารถสร้างแนวทางและวิถีใหม่ขึ้นมาจากความรู้ทั้งสองอย่างได้ แต่ผู้ที่สร้างแนวทางใหม่นั่นขึ้นมาก็จะกลายเป็นสุดยอดอยู่เพียงผู้เดียวเหนือล้ำไปกว่าสองคนแรก ...ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มเพาะอันยาวนาน
“แต่เวลาที่มันทำอะไรขึ้นมามันจะดื้อมากเลยนะเจ้าอาเชอร์เนี่ย” คริมซั่นเสริมความรู้ให้มาตาร์
“อืม” มาตาร์ส่งเสียงออกมาอย่างครุ่นคิด เขากำลังคิดถึงวิธีที่จะฝึกฝนพวกกลุ่มโซล่าร์ซิสฯนี้หลังจากการประลองนี้จบลงแล้ว ‘พวกนี้ถือว่าเป็นแร่ดิบที่มีคุณภาพมาก แต่ภาพลักษณ์ของพวกนี้ทำให้คนอื่นมักจะมองข้ามไป แม้แต่เราเองก็เถอะ ...จะถือว่าเป็นจุดแข็งก็ได้มั้ง’
จริงๆพวกโซล่าร์ซิสฯที่อยู่ดัวยกันสี่คนตลอดเวลาก็มีพวกกิลด์ที่ตั้งโต๊ะเคยเล็งๆจะชวนเข้ากิลด์อยู่เหมือนกัน เพราะเห็นว่าเป็นกลุ่มเพื่อนสี่คน ถือว่าเป็นทีมที่มีคนกำลังดี แต่พอสังเกตแล้วว่าพวกนี้มันบ้าขบวนการห้าสี แต่ละกิลด์ก็ถอยห่างทันทีเพราะรับไม่ได้ที่จะมีพวกประสาทแบบนี้ในกิลด์ตัวเองให้ภาพลักษณ์ตกต่ำนั่นเอง
กึ้ง! ...กึ้ง! ...กึ้ง!
เสียงดาบกระทบกับด้ามค้อนออกมาเป็นจังหวะ และทุกครั้งอาเชอร์ก็จะถูกกดให้ต่ำลงเรื่อยๆ
“อะไรน่ะ เจ้าใบ้นั่นทำอะไรลงไป ไม่เห็นขยับตัวตรงไหนทำไมมีเสียงออกมาเป็นจังหวะๆล่ะ” คริมซั่นสงสัยขึ้นมา เพราะมือของทั้งคู่ก็ไม่ได้ขยับเลย แต่เหมือนกับว่าสควอลเหวี่ยงดาบลงมาเป็นจังหวะตามเสียงที่ดังออกมานั่นเลย แล้วทุกครั้งอาเชอร์ก็จะถูกกดลงไปเสมอ
กึ้ง! ...กึ้ง! ...กึ้ง!
“ดาบนั่น!!” มาตาร์สังเกตเห็นแล้วว่าสาเหตุมันมาจากดาบของสควอลนั่นเอง
ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนไม่ขยับ แต่ที่ด้ามดาบของสควอลมีไกปืนติดอยู่ ทุกครั้งที่สควอลกดไกปืน ดาบจะมีแรงสั่นสะเทือนออกมา เหมือนกับว่าเหวี่ยงดาบลงมาใหม่ ทำให้อาเชอร์ถูกกดลงเรื่อยๆนั่นเอง
กึ้ง! ฟืดด!!
ในที่สุดอาเชอร์ก็ถูกกดจนเข่าแตะพื้น ขาของเขาลากเป็นแนวไปกับพื้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูเหมือนว่าอาเชอร์จะยังไม่ยอมเลิกที่จะดวลกำลัง เขายังคงพยายามต้านแรงของสควอลแม้จะเสียเปรียบแค่ไหนก็ตาม
“เออ มันดื้อจริงๆด้วยแฮะ” มาตาร์รับรู้แล้วว่าอาเชอร์เป็นเหมือนที่คริมซั่นบอกจริงๆ
“เฮ้ย!! อาเชอร์! พอเถอะ นายแพ้แน่ๆแล้วถ้ายังดวลกำลังต่อไปล่ะก็” คริมซั่นร้องเตือนเพื่อนร่วมทีมของตน
“ฮึบบ!!” แต่ดูเหมือนอาเชอร์จะยังดื้ออยู่ เขายังคงเกร็งแขนต้านรับดาบของสควอลโดยไม่ยอมหลบหลีก
กึ้ง! วืดด! กึ้ง!!!
แต่แล้วทันใดนั้น หลังจากที่สควอลกดอาเชอร์ให้ต่ำลงไปอีกครั้ง กลับมีแรงดีดกลับขึ้นมาจนดาบของสควอลถูกดีดกลับขึ้นมาโดยที่อาเชอร์ก็ไม่ได้เปลี่ยนท่าทางแต่อย่างใด
“เอ๋? เกิดอะไรขึ้น” ทีดัสสงสัยขึ้นมาเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของอาเชอร์
“อาเชอร์คนนี้คงจะมีปราณธาตุดินน่ะสิ” เซซิลผู้ช่างสังเกตตอบกลับเพื่อนร่วมทีมของเขา
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” ซีดานที่นั่งพักไปด้วยดูการต่อสู้ไปด้วยขานรับขึ้นมา
“ยังไงพี่ซีดาน ผมยังไม่เข้าใจ” ทีดัสถามขึ้นมา
“นายนี่หัดจำคุณสมบัติของธาตุต่างๆในเกมนี้หน่อยนะ ธาตุดินสามารถเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของวัตถุได้ เมื่อกี๊เจ้าหัวฟ้านั่นคงเปลี่ยนดินที่พื้นให้ยืดหยุนเหมือนสปริงน่ะสิ พอถูกกดลงไปก็สะท้อนกลับขึ้นมา สควอลคาดไม่ถึงก็เลยถูกดีดกลับไงล่ะ” ซีดานเฉลยให้ทีดัสฟัง
“อาเชอร์สู้ๆ นายเจ๋งมาก” คริมซั่นตะโกนเชียร์เพื่อนที่สามารถพลิกสถานการณ์ขึ้นมาได้
กึ้ง!! วืด! ฉัวะ!!!
แต่ทันใดนั้น เหตุการณ์แปรผันไปอย่างรวดเร็วมาก เมื่อสควอลกดดาบของตนเองลงมาอีกครั้ง แต่กลับถูกโต้กลับด้วยวิธีเดิม ทำให้ดาบของสควอลถูกดีดขึ้นมาอีก แต่สควอลอาศัยแรงดีดนั้นเหวี่ยงตัวกลับแล้วตวัดดาบตัดร่างของอาเชอร์อย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มชุดฟ้าสลายร่างไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเสียงร้องออกมาเลยสักแอะ
“อ๋า!?” คริมซั่นอุทานออกมาอย่างตกใจ “แบบนี้มันเล่นสกปรกชัดๆ!!”
“หึ” สควอลส่งเสียงออกมาคำหนึ่งแล้วก็เดินกลับไปเข้ากลุ่มทันที เป็นสัญญาณว่าเจ้านั่นมันโง่เอง
“คริมซั่น ...ฝ่ายเราแพ้ และเขาไม่ได้โกง” มาตาร์ช่วยพูดให้คริมซั่นใจเย็นลง “นี่คือการประลองถึงตาย ไม่ใช่การประลองกำลังนะ ใช้วิธีอะไรชนะกันก็ได้”
“...” คริมซั่นเงียบไป เพราะมันก็จริงเหมือนที่มาตาร์พูดทุกอย่าง ทีตอนแรกเขายังส่งเสียงให้เพื่อนของเขาเปลี่ยนแนวต่อสู้เมื่อเห็นว่าเสียเปรียบเลย
“จะประลองต่อมั้ยครับ” เซซิลถามออกมา
“...ต่อครับ ผมเป็นคนต่อไป” คริมซั่นทำใจอย่างรวดเร็วแล้วก้าวออกไปเป็นคนต่อไปทันที
มาตาร์ยิ้มให้คริมซั่นทีหนึ่งก่อนจะตบหลังชายหนุ่มชุดแดงเบาๆ ‘เข้าใจอะไรง่ายดี อย่างนี้ท่าจะรุ่งแฮะ วันประลองจริงคงจะได้เห็นอะไรมันๆ’
เรามาชื่นชมมาเจนต้ากันเถอะ “ใจตุ๊ดสุดๆ!!”
ความคิดเห็น