ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #66 : บทที่64: เป้าหมายสุดท้ายบนเกาะเริ่มต้น

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.87K
      107
      22 ธ.ค. 54

    บทที่64 เป้าหมายสุดท้ายบนเกาะเริ่มต้น

    “คุณมาตาร์คิดว่าคนที่ไม่มีพลังจิตจะสู้คนที่มีพลังจิตได้ยังไงครับ” พ่อบ้านถามขึ้นมาเมื่อการฝึกฝนจบลง

    “เออ ...นั่นน่ะสิ ถ้าไม่มีพลังจิตแล้วจะสู้ได้ยังไงล่ะเนี่ย” มาตาร์คิดขึ้นมา ถ้าเกิดเขาเป็นผู้เล่นที่ไม่มีพลังจิต แล้วถูกผู้เล่นที่มีพลังจิตจับยกขึ้นยกลงได้อย่างอิสระแบบนี้ เท่ากับว่าแพ้โดยแตะตัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

    “เกมจ็อคออนไลน์ตีค่าให้ปราณ เวท และพลังจิตเป็นพลังที่หักลบกันได้ครับ” พ่อบ้านเฉลยเมื่อเห็นชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด

    “อ้อ ...อย่างนี้นี่เอง ค่อยยุติธรรมหน่อย” มาตาร์สบายใจขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบของพ่อบ้านผู้รอบรู้ เพราะมันหมายความว่าผู้เล่นไม่ว่าจะเผ่าใดก็ตาม สามารถใช้พลังที่ตนเองมีสู้กันได้อย่างไม่มีปัญหา

    เผ่ามังกรที่ใช้ได้แต่ปราณ สามารถใช้ปราณที่ตนเองมีหักลบกับเวทมนตร์หรือพลังจิตได้ โดยใช้ปราณทำลายเวทที่ยิงออกมาก็ได้ หรือสามารถขัดขืนการใช้พลังจิตที่เคลื่อนวัตถุไปมาได้นั่นเอง

    “เพราะฉะนั้น พลังจิตใช้เคลื่อนได้แต่ผู้ที่ไม่ขัดขืนการใช้พลังนะครับ ไม่ใช่ว่าใช้เคลื่อนผู้เล่นคนอื่นได้ง่ายๆ” พ่อบ้านให้รายละเอียดเพิ่มเติม

    “อืม ผมจะจำไว้นะ” มาตาร์ตอบกลับพ่อบ้านก่อนที่เขาและสามสาวจะก้าวออกจากแมนชั่นแห่งความตาย

     

    “ถ้ายังเป็นอย่างนี้ชั้นจะเป็นตัวถ่วงพี่มาตาร์เค้ารึเปล่าเนี่ย” เมโลดี้บ่นออกมาขณะที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งบริเวณลานกลางเมืองกับเพื่อนสาวและนางฟ้าของเธอ

    “ทำไมเหรอเมล เธอเป็นตัวถ่วงนายมาตาร์ยังไง?” ราตรีถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

    “ก็พี่มาตาร์ทำภารกิจที่เกาะเริ่มต้นเสร็จหมดแล้ว แต่ชั้นยังใช้ปราณกับพลังจิตของเผ่าเทพไม่ได้เลยน่ะสิ ยิ่งเห็นสภาพพี่มาตาร์หลังเสร็จภารกิจเสริมพลังจิต ชั้นไม่แน่ใจว่าชั้นจะทำสำเร็จได้รึเปล่าด้วยซ้ำ ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่มาตาร์ก็ต้องมารอชั้นทำภารกิจน่ะสิ” เมโลดี้กลุ้มใจเรื่องที่เธออาจจะทำให้มาตาร์เสียเวลาไปกับเธอ

    “เธอกลัวว่านายมาตาร์จะไม่รอเธอทำภารกิจให้สำเร็จ แล้วก็จะหนีไปก่อนล่ะสิ” ราตรีเอ่ยออกมา เพราะนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอกังวลเหมือนกัน

    “ก็ไม่เชิงหรอก พี่มาตาร์เคยบอกชั้นเอาไว้แล้วว่าเค้าจะออกเดินทางไปกับพวกเรา แต่ชั้นก็ไม่อยากจะทำให้เค้าเสียเวลานี่นา” เมโลดี้บอกสิ่งที่มาตาร์เคยพูดกับเธอก่อนหน้านี้ให้เพื่อนสาวฟัง

    “จริงเหรอ ตานั่นบอกจะออกเดินทางกับพวกเราเหรอ ไปสัญญากันตอนไหนเนี่ย” ราตรีดีใจขึ้นมาเมื่อรู้ว่ามาตาร์จะเดินทางไปด้วยกัน

    “ก็ชั้นขอพี่เค้าตอนที่ไปฝึกกันที่ป่าฝูงนกเมื่อวันก่อนไง” เมโลดี้เฉลยให้เพื่อนสาวฟัง

    “แล้ว ...แกจะทำยังไงเรื่องคุณมัลโก้ล่ะ” ราตรีถามถึงเรื่องที่น่ากลุ้มใจอีกอย่างหนึ่งของเมโลดี้ มันเป็นเรื่องที่พวกเธอพยายามไม่พูดถึงมาตลอด แต่ยิ่งนานวันเข้าปัญหานี้มันกับยิ่งทำให้ใจร้อนรน

    “ชั้นว่า ...ชั้นจะบอกคุณมัลโก้ไปตรงๆน่ะ แกว่ายังไง?” เมโลดี้ถามความเห็นจากเพื่อนสาวของเธอ

    “...น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดล่ะนะ” ราตรีชั่งใจสักครู่ก่อนจะตอบกลับเพื่อนสาว เพราะลองคิดถึงวิธีอื่นดูแล้วก็พบว่า ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าบอกความจริงกันตรงๆ

    “ชั้นว่าจะบอกคุณมัลโก้ก่อนออกเดินทาง ว่าจริงๆแล้วชั้นชอบพี่มาตาร์ ...คิดว่าเค้าน่าจะเข้าใจนะ หลังจากที่รู้จักพี่มาตาร์แล้ว” เมโลดี้คิดขึ้นอย่างมีความหวัง เพราะช่วงหลังๆนี้เธอแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่ามีใจให้กับมาตาร์ แถมดูท่าทางมัลโก้ก็จะไม่ว่าอะไรด้วย เมื่อเธอไปไหนมาไหนกับมาตาร์

    “แล้วแกดันไปบอกเค้าว่านายมาตาร์เป็นผู้ชายของชั้นแต่แรกทำไมยะ” ราตรีแซวขึ้นมาหลังจากที่เห็นเพื่อสาวของเธอสบายใจขึ้นมาแล้ว

    “อ้าว ก็มันจริงนี่จ๊ะ เห็นกอดกันประจำเลย เมื่อตอนนั้นก็กอดกันจนชั้นอิจฉาเลยนะ” เมโลดี้แซวเพื่อนสาวกลับ

    “หา? ใครกอดกัน ไม่เคยซักหน่อย แกเอาที่ไหนมาพูด” ราตรีไม่ยอมรับแต่หน้าก็ยังแดงขึ้นมา

    “ก็วันที่เทียร์เกิดขึ้นมาไงล่ะ วันนั้นแกเอาแต่เพ้อถึงพี่มาตาร์ล้วนๆเลยนะ จนพี่มาตาร์ต้องมากอดแกเอาไว้ ถึงจะหยุดเพ้อได้” เมโลดี้เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟัง ซึ่งราตรีในตอนนั้นก็ไม่มีสติจริงๆ

    “ฮ้า!?” ราตรีหน้าแดงขึ้นมา ตอนนั้นเธอไม่มีสติก็จริง แต่มันก็คล้ายๆกับความฝันอันเลือนรางมากกว่า

    “จริงๆนะรัต ชั้นเล่าให้ฟังก็ได้ ตอนนั้นชั้นจำได้ นายมาตาร์กระซิบว่า..”

    “หยุดนะ!!” ราตรีตะโกนขึ้นมาขัดขวางการพูดของแม่น้ำตาวิญญาณที่โพล่งออกมา

    “อ้าว? ทำไมล่ะ เราก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าคุณมาตาร์กระซิบคุณราตรีว่าอะไร” แม่นางฟ้าผมทองพูดออกมาอย่างเสียดาย

    “ช่างมันเถอะจ้ะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก” เมโลดี้พูดตัดบท

    จริงๆแล้วราตรีก็จำได้ แต่เธอนึกว่ามันเป็นความฝัน เธอเขินจนไม่อยากจะให้ใครรู้ว่ามาตาร์พูดอะไรออกมา เธอถึงได้ดีใจมากมายขนาดนั้น หน้าเธอแดงซ่านพร้อมกับพยายามกดมุมปากไม่ให้มันยิ้มออกมาอย่างสุดชีวิต มันเป็นเรื่องจริงหรอกเหรอเนี่ย

    ส่วนเมโลดี้ไม่อยากจะรู้จริงๆว่ามาตาร์พูดอะไรกับเพื่อนสาวของเธอ เธอกลัวว่าหากเธอรู้แล้วเธอจะต้องเสียใจ เพราะคำพูดนั้นมันเป็นคำพูดที่กล่าวต่อราตรี ไม่ได้กล่าวต่อเธอ

    “แต่ท่านเมโลดี้ฝึกปราณกับพลังจิตกับเราก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องเสียเงินไปรับภารกิจเลย” จู่ๆแองเจล่าก็วกกลับไปพูดเรื่องเดิม เล่นเอาเมโลดี้ตั้งตัวแทบไม่ทัน

    “เอ๋? ของแบบนี้เรียนรู้จากคนอื่นได้ด้วยเหรอจ๊ะแองจี้” เมโลดี้สงสัย

    “เพราะท่านเมโลดี้สามารถประสานร่างกับเราได้อย่างไรเล่า แถมเป็นเผ่าเทพเหมือนกัน ย่อมง่ายที่จะเรียนรู้” แองเจล่าเฉลย

    ก่อนหน้านี้เมโลดี้ประสานร่างแล้วสามารถใช้ปราณได้ แต่ตอนนั้นเธอยังเป็นเผ่ามนุษย์อยู่จึงไม่ค่อยจะเข้าใจพลังที่ถูกส่งออกมาจากแองเจล่านัก

    “จริงเหรอแองจี้ ชั้นสามารถเรียนจากเธอได้เหรอ” เมโลดี้ถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

    “ลองดูเลยสิคะท่านเมโลดี้” นางฟ้าผมทองเสนอ ทำให้ดูย่อมดีกว่าพูด

    แวบ!

    ทันใดนั้นเมโลดี้ก็เรียกใช้ทักษะประสานกายทันที ร่างกายของแองเจล่าหายไปแล้วก็ปรากฏอัญมณีสีทองขึ้นที่กลางหน้าผากของเมโลดี้แทน

    “นี่คือปราณแสงค่ะ” แองเจล่าพูดออกมาพร้อมเปล่งปราณที่มีลักษณะเป็นสีขาวสว่างไสวขึ้นมาทั่วร่างของเมโลดี้

    “อืม ...นี่คือความรู้สึกเวลาใช้ปราณสินะ” เมโลดี้ที่ปกติมีวิชาฝีมืออยู่แล้วสามารถจับความรู้สึกของปราณได้อย่างรวดเร็ว ขนาดพลังเวทเธอยังใช้เวลาแค่สิบนาทีในการสำเร็จภารกิจเลย

    ทันใดนั้นรอบๆตัวเมโลดี้ก็เกิดแสงสว่างเพิ่มเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง

    “ผู้เล่นเมโลดี้ปฎิบัติตามเงื่อนไข สามารถใช้ปราณได้ค่ะ” เสียงจากระบบดังขึ้น

    “อ๊ะ! ใช้ปราณได้แล้วจริงๆด้วย” เมโลดี้อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น

    “หา? ทำไมมันง่ายอย่างนั้นล่ะแก” ราตรีเอ่ยขึ้นมาอย่างตกใจ

    “เพราะท่านเมโลดี้มีความสามารถอยู่แล้วน่ะสิ แถมร่างของท่านเมโลดี้ที่เป็นเผ่าเทพก็เข้ากับร่างของเราที่เป็นเผ่าเทพเหมือนกัน” แองเจล่าส่งเสียงออกมา

    เหตุก็เป็นเพราะความเข้ากันได้ของร่างเผ่าเทพอย่างที่แองเจล่าพูดจริงๆ การประสานร่างเสมือนกับการใช้ร่างร่วมกัน ถ้าแองเจล่ามีความสามารถอะไรก็จะถูกใช้ผ่านร่างของเมโลดี้ แล้วถ้าเมโลดี้เข้าใจกระแสพลังนั้น เธอก็สามารถใช้พลังแบบเดียวกันได้เลย เพราะมีร่างกายเผ่าเดียวกัน

    “งั้นต่อไปพลังจิตนะท่านเมโลดี้” แองเจล่าส่งเสียงออกมาแล้วก็ใช้พลังจิตของเธอสร้างตุ๊กตานางฟ้าตัวสูงขนาดหัวเข่าออกมาทันทีที่ข้างหน้าของเมโลดี้

    “หืม? นี่เป็นแบบน่ารักที่เธอเคยบอกเหรอแองจี้” เมโลดี้จำได้ว่านางฟ้าของเธอเคยบอกว่าสร้างตุ๊กตาได้สามแบบ ซึ่งเธอก็เคยเห็นมาแล้วสองแบบ คือแบบล่ำบึ้ก กับเทวดาบินได้

    “อ้า ใช่แล้วท่านเมโลดี้ น่ารักมั้ยล่ะ” แองเจล่าส่งเสียงออกมาอย่างภูมิใจ

    “จะว่ายังไงดีล่ะจ๊ะ ก็นี่มันหน้าตาเหมือนแองจี้เลยนี่นา” เมโลดี้เห็นแล้วว่าตุ๊กตานางฟ้านั้นมันก็คือร่างจำลองของแองเจล่าชัดๆ ยังจะบอกว่ามันเป็นแบบน่ารักอีก อย่างนี้ไม่เท่ากับชมตัวเองแบบออกนอกหน้าไปหน่อยเหรอ ไม่ยอมทิ้งคอนเซปต์ติงต๊องเลยแฮะ

    “ยัยนางฟ้าติงต๊อง” เทียร์ส่งเสียงออกมา แทนสาวๆอีกสองคนที่อยากจะพูดแบบนี้เหมือนกัน

    “แองจี้ลองใช้พลังจิตอีกครั้งได้มั้ยจ๊ะ ชั้นยังจับวิธีใช้ไม่ได้เลย” เมโลดี้เรียกร้องให้แองเจล่าใช้พลังจิตอีกครั้ง

    “สร้างตุ๊กตามันเปลืองพลัง งั้นเราจะขยับมันด้วยพลังจิตละกันนะ แบบนั้นประหยัดพลังกว่า” แองเจล่าพูดจบก็ส่งพลังออกมาควบคุมตุ๊กตาให้เคลื่อนไหวโดยละเอียดทันที

    โดยความชำนาญของการใช้พลังจิตนั้นเหนือกว่ามาตาร์ที่ใช้ควบคุมหินให้ลอยไปลอยมามาก เพราะนี่คือการขยับร่างกายตุ๊กตาโดยละเอียด คล้ายๆกับการที่มัลโก้ขยับร่างไซบอร์คของตัวเขาเอง แต่นี่ยิ่งล้ำลึกไปกว่านั้นอีก เมื่อมันคือการขยับร่างกายของสิ่งที่อยู่ห่างจากตัว แองเจล่าซึ่งเล่นกับตุ๊กตาทั้งวันทั้งคืนขณะอยู่คนเดียวย่อมสามารถทำได้อยู่แล้ว เมื่อเธอไม่มีอย่างอื่นจะทำแก้เซ็งอีกแล้ว

    เมโลดี้จับกระแสพลังจิตนั้นอย่างตั้งใจ มีทั้งการเคลื่อนช้าและเร็ว ส่งพลังออกไปแบบวูบเดียว แบบต่อเนื่อง แบบส่งออกไปพร้อมๆกัน และเมื่อแองเจล่าบังคับตุ๊กตาผ่านไปได้ประมาณสิบนาที

    “ผู้เล่นเมโลดี้ปฏิบัติตามเงื่อนไข สามารถใช้พลังจิตได้ค่ะ” เสียงจากระบบดังขึ้นมาอีก

    “อุ้ย! ใช้พลังจิตได้แล้ว” เมโลดี้อุทานออกมาด้วยความตกใจปนแปลกใจ เมื่อเธอลองจับกระแสวิธีใช้พลังจิตได้และลองทำดู

    ภารกิจที่มาตาร์ใช้เวลาสองวันและใช้ชีวิตแลกมาถึงจะสำเร็จ กลับถูกเมโลดี้ทำสำเร็จในเวลาเพียงสิบนาที แถมใช้วิธีควบคุมแบบละเอียดได้ด้วย

    “หา? แกใช้พลังจิตได้แล้วเหรอ” ราตรีก็อุทานออกมาอย่างตกใจอีกครั้ง ในเมื่อมาตาร์ถึงขั้นตาย แต่ไหงเพื่อนเธอกลับทำได้เหมือนเป็นเรื่องง่ายๆเลยล่ะ

    มันเป็นเพราะความละเอียดในการควบคุมพลังจิตของแองเจล่า ทักษะประสานกาย ร่างเทพของทั้งคู่ และความสามารถในการจับกระแสพลังของเมโลดี้ ขณะที่มาตาร์กลับต้องปลุกพลังด้วยตัวเองแบบไม่มีตัวอย่าง กรอบความคิดที่ผิดในการปลุกพลัง และการลองผิดลองถูกแบบมั่วๆด้วยตัวเอง ส่งผลให้ใช้เวลาต่างกันเยอะขนาดนี้นั่นเอง

    “เอ้อ ...คงเป็นเพราะรวมร่างกันอยู่มั้ง ก็เลยรู้วิธีใช้พลังผ่านร่างกายโดยตรง” เมโลดี้สันนิษฐาน

    แวบ!

    เมโลดี้ยกเลิกทักษะประสานกาย แล้วลองใช้พลังจิตของตัวเองดู

    วืด! วืด!

    ตุ๊กตานางฟ้าเคลื่อนไปมาได้ ด้วยพลังจิตของเมโลดี้เองจริงๆ แถมยังขยับแขนขยับขาได้นิดหน่อยด้วย

    “ท่านเมโลดี้นี่เก่งจริงๆนะเนี่ย แป๊บเดียวเองก็สามารถใช้พลังจิตโดยละเอียดได้แล้ว” นางฟ้าผมทองกล่าวชมเจ้านายของเธอ

    หลังจากนั้นเมโลดี้จึงลองขยับตุ๊กตาไปมาตลอดช่วงเวลาที่รอมาตาร์ฟื้นขึ้นมา

     

    เวลา7โมงครึ่ง ชายหนุ่มผมแดงและสัตว์เลี้ยงสามตัวก็ปรากฏขึ้นที่ลานกลางเมือง

    “พี่มาตาร์!” เมโลดี้ร้องทักขึ้นอย่างดีใจที่เห็นชายหนุ่มแข็งแรงแตกต่างกับตอนก่อนตายมาก

    ส่วนราตรีก็หน้าแดงขึ้นมาเมื่อมองไปที่ชายหนุ่ม เพราะเธอนึกเรื่องราวตอนที่เธอเพ้อออกมาเมื่อวันก่อนได้แล้ว

    “เอ้า นี่ของของนายกับพวกน้องๆ” ราตรียื่นเสื้อผ้าและสิ่งของต่างๆที่ติดตัวเขาและสามสาวให้ชายหนุ่ม

    “ขอบใจมากที่เก็บเอาไว้ให้นะ” มาตาร์รับของจากราตรีแล้วกล่าวขอบคุณ

    “ฮึ ของแบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกติแหละย่ะ อยู่ด้วยกันก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ไม่ต้องมาขอบใจกันทุกครั้งก็ได้” คำพูดของราตรีแฝงนัยบางอย่างที่เธอซ่อนเอาไว้ด้วย พร้อมกับใบหน้าที่แดงซ่าน

    “ไม่ได้หรอก ยังไงเรื่องการแสดงออกก็ควรจะทำให้ติดเป็นนิสัยเอาไว้ก่อน” มาตาร์พูดไปก็แต่งตัวไปด้วย

    “แล้ว ...เราจะออกจากเกาะเริ่มต้นเมื่อไหร่ดีคะ” เมโลดี้ถามขึ้นอย่างตื่นเต้น เธอฝันที่จะได้เดินทางร่วมกับชายหนุ่มไปตามสถานที่ต่างๆของโลกใบนี้อย่างสนุกสนาน

    “อ้าว? เมลทำภารกิจเสริมปราณกับเสริมจิตเรียบร้อยแล้วเหรอ” มาตาร์คาดได้ว่าระยะเวลาที่เขาหายไปสองวันเมโลดี้อาจจะทำภารกิจเสริมปราณไปแล้ว แต่เสริมจิตนี่ยังไม่แน่ใจ เพราะขนาดเขายังใช้เวลาไปร่วมสองวัน

    “เรียบร้อยแล้วค่ะ” เมโลดี้ตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม พร้อมกับบังคับตุ๊กตาให้มาทักทายชายหนุ่มด้วย

    “โห! เมลบังคับตุ๊กตาได้ละเอียดแบบนี้เลยเหรอ” มาตาร์รู้สึกทึ่ง เพราะเขาทำได้เพียงแค่เคลื่อนวัตถุไปมาเท่านั้นเอง การบังคับละเอียดขนาดอวัยวะตุ๊กตานี่ยังเกินความสามารถของเขา

    “แองจี้เป็นคนสอนให้น่ะค่ะ” เมโลดี้เฉลย มาตาร์ก็พยักหน้ารับเหมือนจะเข้าใจ

    “เรื่องจะออกจากเกาะเริ่มต้นนี่ พี่ขอไปปรึกษากับคุณมัลโก้เค้าก่อนละกันนะ เพราะยังไงก็ไปด้วยกันเหมือนกันใช่มั้ย” มาตาร์พูดออกมา ทำเอาเมโลดี้มีสีหน้ากลุ้มใจ

    “ค่ะ ไปปรึกษาคุณมัลโก้ก่อนก็ดี”

     

    มีเรื่องด่วน เจอกันตอนเที่ยงวันนี้ที่เดิม ข้อความของมาตาร์ร้องเตือนขึ้นมา

    รับทราบ มาตาร์ตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขารู้สึกดีใจมากที่ได้รับข้อความนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาก็หวังเอาไว้อยู่พอดี

    “งั้นขอพี่พาสาวๆไปฝึกก่อนได้มั้ย เดี๋ยวพี่นัดคุยกับคุณมัลโก้เอง ว่าเขาจะพร้อมเมื่อไหร่ ...นะ” มาตาร์พูดกับทั้งสองสาวและนางฟ้าผมทอง

    “อ้าว? ทำไมนายไม่ไปฝึกกับพวกเราล่ะ รังเกียจหรือไง” เสียงของราตรีดังขึ้นมา

    “เอ้อ ชั้นเปล่าพูดนะ เทียร์เป็นคนพูดต่างหาก” ราตรีรีบแก้ตัวทันที ในเมื่อเสียงและสำเนียงของเทียร์เหมือนเธออย่างกับแกะ

    “เทียร์?” มาตาร์ยังไม่เคยเจอแม่วิญญาณน้ำตามาก่อนก็เลยสงสัย

    “ชั้นไง” เทียร์ลอยออกมาพร้อมส่องแสงบางๆ บ่งบอกว่าลูกแก้วกลมๆนี่แหละที่เป็นต้นเสียง

    “เอ๋? ...ทำไมถึงเหมือนรัตนักล่ะ” มาตาร์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าน้ำเสียงและสำเนียงของเทียร์ช่างเหมือนกับแม่สาวผมสั้นนี่เหลือเกิน

    “เพราะชั้นคือร่างแยกของรัตไงล่ะ” เทียร์เฉลย

    “เทียร์เกิดขึ้นมาตอนที่ชั้นขับน้ำตานางฟ้าออกจากร่างน่ะ” ราตรีเพิ่มข้อมูลให้ชายหนุ่ม

    “อ๋อ เหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะเทียร์ อุ๊บ!” ชายหนุ่มพูดทักทายแม่วิญญาณน้ำตา

    จุ๊บ!!

    “ยินดีที่ได้รู้จัก” เทียร์ส่งเสียงพร้อมกับเอาร่างเข้าไปสัมผัสที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม

    “เทียร์!! เธอทำอะไรน่ะ” ราตรีร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นร่างแยกของเธอจูบมาตาร์เข้าเต็มๆ ถึงแม้แม่วิญญาณน้ำตาจะไม่มีปากก็เถอะ

    “อ้าว? ก็จูบทักทายไงยะ อยากจะทำมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ” เทียร์ซึ่งมีความทรงจำและบุคลิกของราตรีตอบกลับ

    “ใครอยากจะทำยะพูดให้มันสวยๆหน่อยนะ เธออยากจะทำเองล่ะสิไม่ว่า” ราตรีรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน

    “อื้ม จะเอาแบบนั้นก็ได้ ชั้นอยากจะจูบกับมาตาร์มาตั้งแต่จำความได้แล้วล่ะ” เทียร์ยังแกล้งราตรีให้นึกถึงตอนที่มาตาร์มากระซิบที่ข้างหูของเธอ

    มันเพราะคำกระซิบของมาตาร์นั่นแหละที่ทำให้ทั้งสองแยกออกมาจากกัน การที่เทียร์พูดว่าตั้งแต่จำความได้มันก็หมายถึงตั้งแต่ตอนที่มาตาร์กระซิบบอกราตรีในตอนนั้นนั่นเอง

    “...!” คำพูดของเทียร์เล่นเอาราตรีเถียงไม่ออก ได้แต่หน้าแดงด้วยความโกรธหรืออายก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

    “งั้นพี่ไปก่อนนะเมล ...บายรัต แล้วเจอกัน” มาตาร์รีบตัดบทบอกลาทั้งสองสาว แล้วก็แวบหายไปจากพื้นที่พิเศษทันที

    “อะไรกันยะ ตกลงแยกไปฝึกเองคนเดียวจริงๆเหรอเนี่ย” ราตรีพูดออกมาอย่างเสียอารมณ์เมื่อเห็นมาตาร์แวบหายไป

    “อ้าว ไหนตอนแรกบอกว่าตัวเองไม่ได้พูดตอนที่ชั้นชวนมาตาร์มาฝึกด้วย แล้วมาทำท่าเสียดายทำไมยะ” เทียร์ทักท้วงขึ้นมา

    “เธอพูดหรือชั้นพูดมันก็เหมือนกันแหละน่า” ราตรีตอบกลับ เธอไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับร่างแยกตัวเองหรอก

    “ถ้างั้นเธอจูบหรือชั้นจูบก็ไม่ต่างกันเหมือนกันสินะ” เทียร์ยังอุตส่าห์ยั่วราตรีอีกจนได้

    “...!” ราตรีไม่รู้ว่าจะตอบโต้แม่วิญญาณตัวแสบนี่ยังไงดี ได้แต่ทำคิ้วกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้

     

    ร่างของมาตาร์และสามสาวมาปรากฏขึ้นที่พื้นที่พิเศษหน้าสนามต่อสู้ มาตาร์เดินมาดูป้ายตางรางของรางวัลประจำสัปดาห์ของวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียงสองวันเท่านั้น

    “เราน่าจะมาเอาของรางวัลนี้ให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปจากที่นี่นะ” มาตาร์พูดขึ้นมาเมื่อเขามองไปที่รายชื่อของรางวัล

    “มาตาร์ยังไม่ตัดใจจากไอ้นี่อีกเหรอคะ” คลาร่าถามขึ้นมา

    “พี่เคยลั่นวาจาเอาไว้แต่แรกแล้ว ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ พี่ก็จะเอามันมาครองให้ได้” มาตาร์ทวนคำพูดที่เขาเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้

    “อื้ม มีไอ้นี่ก็ดีเหมือนกันนะ คราวนี้ต้องให้โมเรน่าซ้อนท้ายนะ” แม่เสือสาวพูดขึ้น

    “สก๊อย” บราวนี่พูดออกมาเล่นเอาแม่เสือสาวทำหน้าเบ้

    “ซ้ำนะยะยัยนกกนะจอก” โมเรน่าตอกกลับแม่เหยี่ยวสาวที่ใช้คำเดิมๆยั่วเธอ ซึ่งดูเหมือนเธอจะจำได้ทุกคำเลย

    “โมเรน่างี่เง่า” บราวนี่ไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน ทำไมจะพูดคำซ้ำไม่ได้ เล่นเอาแม่เสือสาวคิ้วกระตุกขึ้นมาอีกที

    “ปัญหาของเรามีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ ซึ่งมันก็ได้รับการแก้ไขแล้ว” มาตาร์พูดขึ้นมาอีกเมื่อเขาดูเงื่อนไขของผู้เข้าร่วมประลอง

    “เอ๋? มาตาร์หาทีมได้แล้วเหรอคะ” คลาร่าสงสัยขึ้นมา เพราะเธอไม่คิดว่าชายหนุ่มจะหาคนมาร่วมทีมกับเขาได้เร็วแบบนี้

    “ฮึ คลาร่า คิดว่าใครที่จะเหมาะสมที่จะร่วมทีมกับเราในการล่าของรางวัลครั้งนี้ล่ะ” มาตาร์พูดขึ้นมาอย่างมีชั้นเชิง

    “...หรือว่า!” คลาร่าร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

    “...เอาจริงๆเหรอมาตาร์” โมเรน่าที่ตามเรื่องราวทันแล้วก็ตื่นเต้นเหมือนกัน

    “ฮี่ๆๆ” บราวนี่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขพร้อมกับแววตาเป็นประกายเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มคิดจะร่วมทีมกับใคร

    “จะมีใครได้อีกล่ะ ในเมื่อของรางวัลนี้ มันสำหรับทีมห้าคน” มาตาร์พูดขึ้นมาอย่างหวั่นใจ มันเป็นทางเลือกที่เขาไม่อยากจะเลือก แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆ เพราะว่าพวกนี้เหมาะสมที่สุด

     

    สู้คราวนี้คงจะมันน่าดู เริ่มการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่เกาะเริ่มต้นล่ะนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×