ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #57 : บทที่55: น้ำตานางฟ้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.78K
      113
      21 ธ.ค. 54

    บทที่55 น้ำตานางฟ้า

    “คุณมาตาร์สร้างกงจักรลมพร้อมๆกันได้กี่อันครับ” พ่อบ้านแสนสะดวกถามชายหนุ่ม

    “ก็ถ้าสร้างที่ขาให้มันซ้อนๆกันข้างละสามอันได้สบายๆ” มาตาร์ตอบ

    “แล้วที่มือล่ะครับ” พ่อบ้านถามต่อ

    “ซ้อนๆกันก็ได้แค่ข้างละสองเอง ไม่ได้ใช้บ่อยก็เลยได้เท่านี้” ชายหนุ่มตอบ

    “แล้วถ้าสร้างแบบไม่ซ้อนกันล่ะครับ แยกกัน” พ่อบ้านถามละเอียดขึ้นไปอีก

    “แบบนั้นไม่เคยลองเลยแฮะ ว่าแต่ถามทำไมเหรอโฆเซ่” ชายหนุ่มเกิดสงสัยขึ้นมาว่าพ่อบ้านของเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่

    “มันเป็นโอกาสในการทำให้ท่าระเบิดวายุของคุณมาตาร์สมบูรณ์แบบได้น่ะครับ” พ่อบ้านเฉลย

    “หมายความว่ายังไงโฆเซ่ ถ้าผมสร้างกงจักรลมแบบแยกกันได้แล้วระเบิดวายุจะสมบูรณ์แบบเนี่ย” มาตาร์ยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่พ่อบ้านของเขาบอก

    “ปัญหาของระเบิดวายุตอนนี้คือช่วงเวลาสามวินาทีใช่มั้ยครับ” พ่อบ้านถามยืนยัน

    “อืม ใช่” ชายหนุ่มตอบแบบไม่ต้องคิด

    “โดยหลักการแล้วระเบิดวายุก็คือ กงจักรลมอย่างน้อยสามอันซ้อนกันอยู่ ถูกมั้ยครับ” พ่อบ้านถามรายละเอียด

    มาตาร์นิ่งไปสักพัก กงจักรลมที่ซ้อนกันเหรอ ...สามแกน ก่อนจะตอบออกมา “ก็ใช่นะโฆเซ่ แต่ละแกนหมุนก็แทนกงจักรลมได้เลย”

    “เพราะคุณมาตาร์สร้างกงจักรลมทีละอันในจุดเดียวกัน มันก็เลยช้าไงครับ แต่ถ้าคุณมาตาร์สร้างกงจักรลมออกมาจากหลายจุด แล้วเอามารวมกันล่ะ มันก็จะลดเวลาได้ในทันทีเลยนะครับ” พ่อบ้านเฉลยในสิ่งที่เขาต้องการจะบอก

    “เออ ...จริงด้วย ไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อนเลย” มาตาร์ถูกจุดประกายความคิดขึ้นมาจนได้

    มาตาร์จึงทดลองสร้างกงจักรลมที่มือของเขาดู โดยแยกเป็นสองจุดที่มือเดียว แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร กงจักรลมวงที่สองก็ไม่ยอมเกิดออกมา มันยากเกินไปที่จะสร้างกงจักรลมจากจุดสองจุดด้วยมือข้างเดียว

    “คุณมาตาร์ลองหาแกนใหม่บนมือสิครับ เหมือนที่ใช้แขนเป็นแกนสร้างกงจักรลมขึ้นมาไง” พ่อบ้านแนะหลังจากเห็นการทดลองของชายหนุ่ม

    “แกนบนมือ ...เหมือนแขนเหรอ” มาตาร์ทวนคำพูดของพ่อบ้านพร้อมกับจ้องมือของตัวเอง “ถ้างั้น...”

     

    โพละ!! โพละ!! โพละ!! โพละ!!

    หุ่นไม้ระเบิดออกมาจากภายใน สี่ตัวติดๆกัน จากฝีมือของมาตาร์

    “สำเร็จ!” มาตาร์ร้องออกมาอย่างดีใจหลังจากที่เห็นผลลัพธ์ของการทดลองของเขา

    “วิธีนี้ไม่ต้องใส่ปราณลงไปเยอะด้วยนะครับ เพราะเรามีแกนหมุนที่เพิ่มมากขึ้นชดเชยในส่วนของกำลัง” พ่อบ้านชี้ให้เห็นข้อดีของวิธีใช้ระเบิดวายุแบบใหม่นี้

    “ที่สำคัญที่สุดคือมันเร็วมากนี่แหละโฆเซ่ ถึงจะเร็วไม่เท่าหมัดตามปกติ แต่ก็แทบจะไม่ต่างจากหมัดง้างต่อยธรรมดาๆเลย” มาตาร์ชื่นชมกับท่าไม้ตายของเขาที่ดูเหมือนในที่สุดก็สามารถใช้ได้ดั่งใจเสียที

     

    “เมล! คุ้มกันตัวเองเอาไว้ก่อน เดี๋ยวพี่จะมาขอหลบด้วย” มาตาร์ตะโกนบอกเมโลดี้ในขณะที่เขาพุ่งเข้าใส่เจ้านกแร้งตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที

    พับ! ฟุบ! โพละ!

    มาตาร์เสริมปราณใส่เท้าเคลื่อนที่ด้วยเคล็ดเท้าไร้เงาเข้าประชิดนกแร้งตัวที่ยืนอยู่บนพื้น แล้วเขาก็เหวี่ยงตัวขึ้นโดยใช้มือซ้ายคล้องคอเจ้านกแร้งเอาไว้ ก่อนจะหมุนรอบคอมันหนึ่งรอบพร้อมกับอัดระเบิดวายุที่มือขวาใส่สมองเจ้านกแร้งตัวนั้น จนหัวมันกระจุยออกมา ลูกตาถลนออกนอกเบ้า

    ฟิ้ว! ฟุบ! ฟุบ! โพละ!

    แล้วชายหนุ่มก็เคลื่อนที่เข้าประชิดเจ้านกแร้งอีกสองตัว ก่อนกระกระโจนขึ้นพร้อมอัดระเบิดใส่คอของทั้งคู่จนหัวของพวกมันขาดกระจุยล้มลงไปอีก

    หลังจากนั้นมาตาร์ก็พุ่งกลับมาหาเมโลดี้ทันที

    “แฮก แฮก” มาตาร์เหนื่อยหอบอย่างชัดเจน เป็นเพราะเขาสูญเสียปราณในการสร้างระเบิดวายุถึงสามลูกในระยะเวลาสั้นๆ

    “พี่มาตาร์ทำได้ยังไงคะนั่น ระเบิดหัวมันออกมาด้วยการโจมตีครั้งเดียวเลย” เมโลดี้เพิ่งจะเคยเห็นระเบิดวายุชัดๆเป็นครั้งแรกถามออกมาด้วยความทึ่ง

    “ท่าไม้ตายของพี่เอง แต่ตอนนี้ปราณหมดแล้วนะ ใช้ไม่ไหวแล้วถ้าไม่ได้พักสักหน่อย” มาตาร์ตอบเมโลดี้พร้อมกับรายงานสถานการณ์

    จริงๆแล้วระเบิดวายุของมาตาร์ถือว่าเป็นไม้ตายที่แรงเกินไปในสถานการณ์ที่ถูกรุมล้อมอยู่เช่นนี้ เพราะมันใช้ต่อเนื่องไม่ได้ ถึงแม้ชายหนุ่มจะฆ่านกแร้งไปได้สามตัว แต่จำนวนของมันก็ยังเกือบร้อยเหมือนเดิมอยู่ดี สถานการณ์แทบไม่แตกต่างจากตอนแรกเท่าไหร่เลย

    ปึ้ง! ปึ้ง! ปึ้ง!

    เหล่าฝูงนก รุมกันจิกตีไปที่คนทั้งสอง แต่เพราะเวทเกราะของเมโลดี้ การโจมตีของพวกนกแร้งจึงหยุดอยู่ตรงแค่ขอบของเวทเท่านั้นเอง

    “ถ้าเวทของพี่มันสมประกอบซะหน่อยคงจะใช้โจมตีเจ้าพวกนี้ไปแล้วล่ะ” มาตาร์บ่นขึ้นมาถึงเวทของเขา เพราะถึงแม้ตอนนี้ปราณจะอยู่ในช่วงกำลังฟื้นฟู แต่เวทนั้นสามารถใช้ได้เลย เพียงแต่เวทที่มาตาร์มีทั้งสามบทนั้น ไม่เหมาะแก่สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างยิ่ง

    อสรพิษตาเดียว เวทที่รุนแรงที่สุดของมาตาร์ รุนแรงจนฆ่าเจ้าของตายเลยถ้าปล่อยมันออกมาตอนนี้
    เขี้ยวธรณีทั้งสาม โจมตีได้ควบคุมได้ แต่มันเป็นการโจมตีที่ใช้บนผิวดินหรือผนังเท่านั้น แล้วศัตรูดันเป็นนก
    จอมเขมือบ ถ้าเรียกออกมาตอนนี้ ก็เตรียมตัวตายได้เลยเหมือนกัน เพราะเวทเกราะที่กำลังป้องกันพวกเขาอยู่คงจะใช้งานไม่ได้ แถมนกพวกนี้ดูเหมือนจะใช้แค่ค่าสถานะด้วยซ้ำ เท่ากับว่าไม่มีประโยชน์เลยถ้าปล่อยออกมา

    “งั้นเดี๋ยวหนูสร้างทางหนีให้ค่ะ พี่มาตาร์ดูลูกธนูของหนูให้ดีนะ ถ้าหนูยิงมันออกไปแล้วเรารีบวิ่งตามมันไป คงจะช่วยสร้างโอกาสให้เราได้แป๊ปนึง” เมโลดี้พูดแล้วก็ง้างธนูของเธอขึ้น

    มาตาร์มองเมโลดี้อย่างไม่แน่ใจ ทำไมธนูแค่ดอกเดียวถึงจะช่วยให้หนีจากวงล้อมของเจ้าพวกนกยักษ์นี้ได้

    ฟิ้ว! ปึ้ง! ปึ้ง! ปึ้ง!

    ลูกธนูของเมโลดี้ถูกยิงออกมา แล้วเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น

    เจ้าพวกนกเหมือนถูกพลังที่มองไม่เห็นผลักจนกระเด็นออก เหมือนลูกโบว์ลิ่งที่มีน้ำหนักมากกระแทกพินล้มจนเกิดเป็นช่อง วงล้อมของเจ้านกแร้งเกิดเป็นรูขึ้นมาตามแนวลูกธนูของเมโลดี้ทันที

    “ไปเลยค่ะพี่มาตาร์!” เมโลดี้ตะโกนขึ้นพร้อมวิ่งออกไปทันที

    มาตาร์ก็กระโจนตามออกไปทันทีเหมือนกัน

    “เมลทำอะไรลงไปน่ะ?” มาตาร์ถามเมโลดี้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมพวกนกถึงโดนแหวกเป็นช่องได้

    “หนูใช้เวทเกราะแผ่ออกมาจากลูกธนูค่ะ พวกนกก็เลยถูกรัศมีของเกราะกระแทกออกไป” เมโลดี้เฉลย

    “สุดยอดเลยเมล ช่างสร้างสรรค์จริงๆ” มาตาร์เอ่ยชมหญิงสาวขึ้นมา ส่วนเมโลดี้ก็ยิ้มรับ

    แต่ว่าพวกเขายังไม่รอดพ้นจากอันตราย เมื่อพวกนกก็ยังคงบินตามมา ระยะห่างระหว่างนกและพวกมาตาร์กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเมโลดี้ไม่มีปราณ จึงไม่สามารถเสริมปราณเพิ่มความเร็วได้

    มาตาร์เห็นแล้วว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง พวกเขาก็ต้องถูกล้อมเหมือนเดิม ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจ

    “ว้ายย! พี่มาตาร์ทำอะไรคะ” เมโลดี้ตกใจและเขินจนหน้าแดงเมื่อจู่ๆมาตาร์ก็ใช้แขนช้อนเธอขึ้นมาแล้วพาวิ่ง

    “แบบนี้เร็วกว่า เมลยิงพวกนกไหวมั้ย” มาตาร์บอกเมโลดี้ พร้อมกับใส่ปราณเพิ่มความคล่องตัว

    เมโลดี้ไม่ตอบคำ แต่ก็เอี้ยวตัวไปด้านหลังแล้วง้างธนูแล้วยิงออกไปพร้อมกับเสริมเวทลงไปด้วย ทำให้นกที่บินล้ำหน้าออกมาถูกกระแทกถอยลงไป การที่เมโลดี้เอี้ยวตัวไปข้างหลังนี้ ท่าทางเหมือนกับหันไปกอดมาตาร์ก็ไม่ปาน ในขณะที่หน้าเธอก็แดงขึ้นเรื่อยๆ

    “นึกถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเลยเนอะ” มาตาร์พูดขึ้นมา

    “คะ?” เมโลดี้ยังงง ตอนที่เจอกับมาตาร์ครั้งแรกเธอโดนอุ้มแบบนี้ด้วยหรือ

    “ตอนที่พี่อุ้มเมลหลบระเบิดไง” มาตาร์ทวนความจำให้หญิงสาว

    “อ๊ะ! ใช่ค่ะ ตอนนั้นหนูจู...” เมโลดี้นึกขึ้นมาได้อย่างลืมตัว แต่แล้วเธอก็ต้องหน้าแดงยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อคิดถึงตอนจบของเหตุการณ์นั้น

    “หืม?” มาตาร์สงสัยขึ้นมา หญิงสาวเหมือนจะพูดอะไรออกมาแล้วก็นิ่งไป

    “เปล่าค่ะ คิดถึงตอนนั้นนะคะ แต่ตอนนั้นมันแวบเดียวเอง ไม่เหมือนตอนนี้” เมโลดี้เลี่ยงไปคุยเรื่องอื่นทันที

    “หืม? นั่นบ่อน้ำใช่รึเปล่า” มาตาร์สังเกตเห็นบ่อหินอยู่ข้างหน้า ระยะห่างประมาณห้าร้อยเมตร

    “จริงด้วย! นั่นต้องเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แน่ๆเลยค่ะ” เมโลดี้พูดขึ้นมาด้วยความดีใจ

    มาตาร์จึงรีบวิ่งไปยังบ่อน้ำด้วยความรวดเร็ว โดยมีฝูงนกแร้งบินตามอยู่ไม่ห่างมากนัก

    แล้วเมื่อทั้งคู่วิ่งมาถึงบ่อน้ำ พวกเขาก็ชะโงกหน้าลงไปดูแล้วก็ต้องตกใจ

    “ไม่มีน้ำเหลือเลย!?” เมโลดี้พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ

    เนื่องจากพวกแก๊งแม่สีเพิ่งจะเปิดภารกิจลับไปไม่ถึงวัน น้ำในบ่อที่ถูกทำให้ระเหยไปหมดก็ยังไม่กลับมา ดังนั้นในบ่อจึงไม่มีน้ำตานางฟ้าเหลืออยู่เลย

    “ไม่เป็นไรเมล นี่อาจจะเป็นโชคของพวกเราก็ได้” มาตาร์ซึ่งคิดหาทางหนีมาตลอดอุ้มเมโลดี้ขึ้นอีกแล้วพาเธอกระโจนลงบ่อน้ำทันที

    “ว้าย! พี่มาตาร์ทำอะไรคะเนี่ย” เมโลดี้ร้องเสียงหลง เพราะมาตาร์พาเธอดิ่งลงมาที่ก้นบ่อซึ่งลึกพอสมควร ถ้าถึงพื้นเมื่อไหร่ร่างกายของชายหนุ่มอาจจะถูกกระแทกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ได้

    “ไม่ต้องห่วงเมล พวกเราจะปลอดภัยข้างล่างนี่ พวกนกมันตามลงมาไม่ได้หรอก” มาตาร์ตอบกลับเมโลดี้ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอเป็นห่วงเลย

    เพียะ! เพียะ! เพียะ!

    และก่อนที่เท้าของมาตาร์จะกระแทกพื้น กงจักรลมถูกสร้างซ้อนๆกันสามชั้น ช่วยหน่วงร่างของทั้งคู่เอาไว้ให้ช้าลง ก่อนที่จะสัมผัสพื้นอย่างนุ่มนวล เล่นเอาเมโลดี้รู้สึกงงไปทีเดียวที่ชายหนุ่มสามารถพาเธอลงมาข้างล่างบ่อได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้สักนิด

    มาตาร์วางร่างเมโลดี้ลง แล้วก็เงยหน้าขึ้นไปที่ปากบ่อ ซึ่งสูงขึ้นไปอีกถึงยี่สิบเมตร

    เสียงตีปีกและเสียงร้องของพวกนกดังลงมาถึงข้างล่าง ท่าทางพวกมันจะรู้สึกแค้นเหมือนกันที่เหยื่อที่พวกมันหมายตาหลุดรอดไปได้

    “ฮ่าๆๆๆ ไอ้นกโง่ แน่จริงก็ลงมาเซ่” มาตาร์ส่งเสียงท้าทาย เขารู้ดีว่ามันไม่มีทางลงมาหรอก และถึงจะลงมาจริงๆ ก็ลงมาได้แค่ทีละตัวเท่านั้น ซึ่งมาตาร์ก็สามารถสู้ได้สบาย

    “พี่มาตาร์คะ ...กลายเป็นว่าเราติดอยู่ในบ่อนี้แล้วรึเปล่าคะ” เมโลดี้ถามขึ้นมา เมื่อทางออกเพียงทางเดียวมีฝูงนกนรกนั่นดักอยู่ แล้วจะออกไปได้อย่างไร

    “...” มาตาร์ก็นิ่งเงียบไปทันที เขาไม่ทันคิดเลยว่าจะออกไปอย่างไร ตอนนั้นคิดได้แค่ว่าต้องหนีให้รอดก่อนเท่านั้น “เอ่อ ...พี่ว่าเดี๋ยวพวกนกมันคงไปหาเหยื่อรายใหม่ที่อื่น แล้วเราก็จะออกไปได้ ...มั้ง” ชายหนุ่มไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะยอมไปไหนหรือเปล่า

    “ค่ะ” เมโลดี้รับคำชายหนุ่มพร้อมยิ้มออกมาอย่างสดใส

    เมโลดี้ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร ถึงแม้ว่าจะไม่มีทางออก แต่เธอก็ได้ติดอยู่กับพี่มาตาร์ที่เธอชอบสองต่อสองไม่ใช่หรือ แถมยังออกไปไหนไม่ได้ด้วย ไม่ว่านานแค่ไหนเธอก็อยู่ได้ แค่นั่งเฉยๆเธอก็รู้สึกเป็นสุขแล้ว

    ทั้งคู่นั่งอยู่ก้นบ่อ หลังพิงผนังเอาไว้ เมโลดี้กระเถิบเข้าไปใกล้ชายหนุ่มมากขึ้น

    “พี่มาตาร์คะ ท่าไม้ตายของพี่นี่มันทำยังไงเหรอ” เมโลดี้ชวนคุยเมื่อไม่มีอะไรทำนอกจากนั่งรอเฉยๆ

    “มันเกิดจากปราณธาตุลมของพี่น่ะจ้ะ” มาตาร์พูดแล้วก็สร้างลมหมุนวนขึ้นมาห้าวงรอบนิ้วมือของเขา แล้วก็งอนิ้วทั้งห้าเข้ามา แล้วลมหมุนทั้งห้าสายก็เคลื่อนมารวมกันที่ฝ่ามือเกิดเป็นก้อนกลมๆสีขาวขึ้นมา ก่อนที่ชายหนุ่มจะสลายมันหายไป

    มันคือเทคนิคใหม่ในการสร้างระเบิดวายุนั่นเอง เมื่อระเบิดวายุเกิดจากกงจักรลมอย่างน้อยสามวงรวมกันที่จุดเดียว การสร้างทีละวงที่จุดเดียวทำได้ยาก แต่การสร้างแต่ละวงจากจุดที่ต่างกันทำได้ง่ายกว่า มาตาร์เปลี่ยนนิ้วทั้งห้าให้เป็นแกนหมุนของกงจักรลม แล้วเอามันมารวมกัน ซึ่งทำได้ง่ายและรวดเร็วมาก แถมยังมีถึงห้าแกน ทำให้ไม่ต้องใส่ปราณลงไปเยอะแต่ประสิทธิภาพกลับมากขึ้น ทั้งนี้เพราะความเชี่ยวชาญในการใช้กงจักรลมนั่นเองถึงทำให้มาตาร์สร้างกงจักรลมออกมาที่ไหนก็ได้

    “อืม จะว่าไปหนูก็ยังไม่ได้ทำภารกิจเสริมปราณเลย ไม่อย่างนั้นในเวลาอย่างนี้คงจะช่วยพี่มาตาร์สู้ได้ดีกว่านี้” ถ้าพูดถึงฝีมือในการต่อสู้ แน่นอนว่าเมโลดี้ย่อมเก่งกว่า แต่นั่นคือการสู้กับคนเท่านั้น แต่ในเกมซึ่งมีสัตว์อสูรมากมาย ไม่ว่าจะสู้กับคนเก่งแค่ไหนก็ใช้ประโยชน์ได้ไม่มากนัก เพราะเกมก็ย่อมมีวิถีของเกม

    “ฮึก ฮือ~~อ”

    เสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นที่ก้นบ่อ มาตาร์กับเมโลดี้หันมามองหน้ากัน ทั้งคู่ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา แค่รู้สึกสงสัยว่าพวกเขาหูแว่วไปเองหรือเปล่าเท่านั้น

    “ฮือ~~อ”

    เสียงร้องไห้ยังคงดังขึ้นอีก คราวนี้ทั้งสองคนแน่ใจแล้วว่าไม่ได้หูแว่วไปเองแน่ๆ

    “มีคนอื่นอยู่ที่ก้นบ่อด้วยเหรอเนี่ย” มาตาร์เอ่ยขึ้นมา แล้วก็พยายามหันไปรอบๆบ่อซึ่งก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรนัก แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่อีก

    “หนูว่ามันออกมาจากหลังกำแพงนะคะ” เมโลดี้เอาหูไปแนบกับผนังของบ่อ

    มาตาร์จึงเอาหูมาแนบผนังแล้วฟังเหมือนกัน “อืม มันออกมาจากหลังกำแพงจริงๆด้วยแฮะ”

    ชายหนุ่มและหญิงสาวจึงเริ่มสำรวจรอบๆบ่อทันที ว่ามันมีทางลับที่จะทะลุไปอีกด้านของผนังได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าจะลูบคลำตรงไหน ก็ไม่พบว่ามีประตูหรือปุ่มลับตรงไหนเลย

    “งั้นลองวิธีนี้ดูละกันนะ” มาตาร์พูดจบก็ยืนสงบนิ่งอยู่กลางบ่อ แล้วก็เริ่มเคลื่อนรัศมีลมรับรู้ของเขาไปรอบๆทันที

    “พี่มาตาร์ทำอะไรคะ” เมโลดี้ถามขึ้นเมื่อเห็นมาตาร์กำลังทำอะไรสักอย่างที่เธอไม่เข้าใจ

    “หาร่องตามผนังน่ะ ว่ามันมีตรงไหนที่พอจะลอดเข้าไปได้บ้าง” มาตาร์ตอบ

    ลมรับรู้แบบเฉพาะจุดของมาตาร์สามารถแทรกเข้าไปตามช่องว่างหรือร่องเล็กๆแล้วสำรวจรูปร่างของสิ่งที่มันสัมผัสได้ มาตาร์กำลังใช้ลมรับรู้ของเขาแทรกเข้าไปตามร่องเล็กๆเพื่อหาว่ามีจุดไหนที่ทะลุไปอีกด้านได้บ้าง

    และแล้วในที่สุด มาตาร์ก็พบผนังจุดที่น่าจะสามารถทำลายมันได้

    “ตรงนี้” มาตาร์พูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่ผนังด้านหนึ่ง

    “ตรงนี้เหรอคะ ...แล้วจะทำลายมันได้ยังไงล่ะคะ” เมโลดี้ถามขึ้นมา

    ฟุบ! กรึกก!

    มาตาร์สร้างระเบิดวายุแล้วอัดมันใส่ผนังทันที แต่ว่ามันแทบจะไม่เป็นอะไรเลย มันแค่เขยื้อนเล็กๆเหมือนโดนเขย่าแรงๆเท่านั้นเอง

    “กำแพงนี่มันแข็งแรงจริงๆแฮะ” มาตาร์เอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เขาลองใช้ท่าไม้ตายที่แรงที่สุดของเขากับผนังบ่อแล้วแต่กลับทำอะไรมันไม่ได้เลย

    ฟิ้ว! ตู้มม!

    มาตาร์ลองเปลี่ยนไปใช้หมัดความเร่งทันที แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้แตกต่างจากการใช้ระเบิดวายุมากนัก

    “สงสัยคงต้องตัดใจแล้วมั้งคะ กำแพงนี่มันคงไม่ได้มีไว้ทำลายหรอกค่ะ” เมโลดี้พูดขึ้นมาหลังจากเห็นผลลัพธ์

    แว้บ! ครืด! ครืด! ครืด!

    ทันใดนั้นรูสามรูก็วิ่งออกมาจากหมัดของชายหนุ่ม แล้วก็เคลื่อนฉวัดเฉวียนไปตามกำแพง ผนังบ่อเริ่มแตกออกมาตามรอยที่เจ้ารูนั้นเคลื่อนที่ผ่านไป

    “ใช้กำลังไม่ได้ก็ต้องใช้สมองกันหน่อยสิ จริงมั้ย” มาตาร์หันมายิ้มให้เมโลดี้

    มันคือเขี้ยวธรณีของมาตาร์นั่นเอง การเคลื่อนที่ของเขี้ยวธรณีเป็นไปโดยลักษณะเฉพาะของมัน ไม่ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของวัตถุ ต่อให้ผนังบ่อแข็งกว่านี้เขี้ยวธรณีก็เคลื่อนที่ได้ไม่มีปัญหา และทุกจุดที่เขี้ยวธรณีเคลื่อนผ่าน จะเกิดรอยปริแตกของพื้นผิวเสมอ ดังนั้นมาตาร์จึงใช้เวทของเขาต่างเครื่องมือขุดเจาะชั้นเยี่ยม

    มาตาร์ปล่อยเวทจนพลังวิญญาณหมดแล้วก็พักฟื้น แล้วก็ปล่อยใหม่ ทำอย่างนี้ซ้ำๆไปเรื่อยๆ ผนังถ้ำก็ค่อยๆถูกกัดเซาะลงไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปถึงหนึ่งชั่วโมง

    ครืดด! ครืนน!

    ในที่สุดผนังบ่อก็พังจนทะลุไปอีกด้านหนึ่งจนได้

    “ฮือ~~อ”

    นางฟ้า

    ระดับ100

     

    ที่มาตาร์เห็นคือสัตว์อสูรรูปร่างคน ดูเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง มีวงแหวนเทวดาอยู่บนหัว มีผมยาวสีทอง มีปีกสีขาว ใส่ชุดผ้าที่ดูบางพริ้ว กำลังนั่งร้องไห้อยู่

    “เป็นอะไรไปคะ” เมโลดี้ถามขึ้นก่อนเมื่อเห็นนางฟ้าร้องไห้ไม่ยอมหยุด

    “ฮือ~อ พวกเจ้าเป็นใครกัน” นางฟ้าถามขึ้นมาในขณะที่เธอก็ไม่หยุดร้องไห้

    “พวกเราเป็นคนที่เข้ามาหลบภัยที่ก้นบ่อศักดิ์สิทธิ์นี้น่ะค่ะ” เมโลดี้ตอบ

    “บ่อศักดิ์สิทธิ์? เจ้าหมายถึงที่นี่น่ะเหรอ ฮือ~~อ” นางฟ้ายิ่งร้องไห้หนักขึ้นอีก

    “ทำไมเหรอคะ” เมโลดี้ไม่เข้าใจว่าทำไมนางฟ้าถึงได้ร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินชื่อบ่อศักดิ์สิทธิ์

    “ที่นี่มันคือขุมนรกชัดๆ เราถูกจับมาขังเอาไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน มันคือคุกต่างหาก โฮ~~อ” นางฟ้ายังร้องไห้หนักขึ้นไปอีก

    ทั้งมาตาร์และเมโลดี้หันมามองหน้ากัน

    “ก็ออกไปซะสิ ผมขุดกำแพงจนเป็นรูแล้วนั่นไง” มาตาร์บอกแล้วชี้ไปที่รูบนผนังที่เขาเข้ามา

    “ไม่ได้หรอก เราถูกคำสาป มันเป็นคำสาปที่ทำให้เราต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล ฮือ~~อ” นางฟ้าว่าแล้วก็ร้องไห้ต่อไป

    มาตาร์หันหน้ามากระซิบกับเมโลดี้ทันที

    “พี่ว่าไอ้น้ำตานางฟ้านี่คงมาจากยัยนางฟ้าจอมร้องไห้นี่แหงเลย ร้องจนน้ำตาท่วมบ่อ แล้วก็ให้คนมาตักไปทำภารกิจของเทพ” มาตาร์สันนิษฐานจากชื่อสัตว์อสูร พฤติกรรมการร้องไห้ และสถานที่ที่อยู่ก้นบ่อ

    “น่าสงสารจังเลย พี่มาตาร์มีวิธีช่วยเธอมั้ยคะ” เมโลดี้รู้สึกสงสารที่นางฟ้าตนหนึ่งต้องมาถูกขังให้มานั่งร้องไห้คนเดียว ไม่รู้นานขนาดไหนแล้ว และจะต้องร้องไปอีกนานแค่ไหน

    “เอ่อ ...ถ้าสมมติมีวิธีช่วยเธอออกไปได้ แล้วคนที่อยากได้น้ำตานางฟ้าหลังจากนี้ล่ะ พี่ว่ามันไม่น่าจะมีวิธีช่วยหรอกมั้ง” มาตาร์พูดออกมาตามเหตุผลที่ควรจะเป็น ถ้าน้ำตานางฟ้าหายไปจากที่นี่ได้ แล้วจะมีใครทำภารกิจเทพได้อีกล่ะ

    “เอ่อ เธอมีชื่อมั้ยจ๊ะ” เมโลดี้หันไปถามนางฟ้า เธอยังไม่ตัดใจที่จะช่วยนางฟ้าจากนรกก้นบ่อนี้

    “ฮือ~อ เราอยู่ที่นี่มานาน นานจนลืมไปแล้วว่าเคยมีชื่อว่าอะไร” นางฟ้าตอบ

    “งั้นชั้นเรียกเธอว่าแองเจล่าก่อนละกันนะ เราจะหาทางช่วยเธอเอง” เมโลดี้พูดขึ้นพร้อมกับจับมือของนางฟ้าเอาไว้

    “...แองเจล่าเหรอ” นางฟ้าหยุดร้องแล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ

    ทันใดนั้นก็มีแสงวาบออกมาจากมือของนางฟ้าที่สัมผัสกับมือของเมโลดี้

    “ผู้เล่นเมโลดี้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ได้รับสัตว์อสูรผู้ติดตามค่ะ” เสียงจากระบบดังขึ้นในหัวของเมโลดี้

    “เอ๋?” เมโลดี้อุทานออกมาอย่างแปลกใจ

    “เจ้าทำอะไรลงไปน่ะ” นางฟ้าพูดออกมา แววตาของเธอเปลี่ยนไปดูมีความหวังขึ้นมาทันที

    “ชั้นก็ไม่รู้จ้ะ แต่รู้สึกเหมือนเธอจะกลายเป็นผู้ติดตามของชั้นแล้วน่ะ” เมโลดี้ก็ตอบกลับแบบงงๆ

    มาตาร์ได้ยินทั้งสองคุยกันก็พอจะเข้าใจได้ ครั้งที่เขาตั้งชื่อให้โฆเซ่ก็คล้ายๆอย่างนี้เหมือนกัน คงจะเป็นเงื่อนไขในการได้รับผู้ติดตามแบบหนึ่งนั่นเอง

    “ขอบใจเจ้ามาก ขอบใจเจ้ามาก เราหลุดพ้นจากคำสาปแล้ว” นางฟ้าร้องไห้ออกมาอย่างยินดีพร้อมกับกอดเมโลดี้แน่น

    “เอ้อ ...ก็ไม่เชิงหรอกนะ ถึงเธอจะออกไปจากถ้ำนี้ได้ แต่ว่าเธอต้องมาติดอยู่กับชั้นแทนนะ แบบนี้ถือว่าโดนคำสาปแบบใหม่รึเปล่าจ๊ะ” เมโลดี้ถามออกมาอย่างเกรงใจ เธอไม่แน่ใจว่าสมควรไหมที่จะได้รับคำขอบคุณจากนางฟ้า

    “เรายินดี ที่เราสามารถออกไปจากที่นี่ได้ก็เพราะเจ้า แล้วเจ้าก็ดูใจดีด้วย ถึงได้อยู่กับเจ้าเราไม่มีวันเสียใจเด็ดขาด” นางฟ้าพูดออกมาอย่างยินดี

    “แต่เรายังไม่เชิงว่าสามารถออกไปจากที่นี่ได้นะ เพราะว่าเราโดนนกฝูงใหญ่ดักรออยู่ที่ทางออก” มาตาร์พูดเตือนทั้งสองสาวที่อยู่ในอารมณ์ดีใจ

    “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ให้เราช่วยเถอะ” นางฟ้าพูดออกมาอย่างมั่นใจ

     

    เสียดายน้องนางฟ้าเนอะ อดอยู่ในฮาเร็มกับสามสาวเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×