คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #50 : บทที่49: บุรุษผู้ไร้ความเจ็บปวด
บทที่49 บุรุษผู้ไร้ความเจ็บปวด
“สร้างตัวละครเสร็จแล้ว กรุณาตั้งชื่อด้วยค่ะ” เสียงของบรรณารักษ์พูดกับใครคนหนึ่ง
“อืม...ใช้ชื่อจริงได้มั้ยครับ แต่มันจะซ้ำรึเปล่านี่สิ ชื่อผมแค่สองพยางค์เอง” ชายหนุ่มถาม
“ได้ค่ะชื่อที่ใช้ลงทะเบียนกับชื่อตัวละครเป็นคนละส่วนกัน ชื่อที่ลงทะเบียนมีเลขยืนยันแบบสากลกำกับอยู่แล้ว ส่วนชื่อตัวละครถึงซ้ำก็ไม่มีปัญหาค่ะ” บรรณารักษ์ให้รายละเอียด
“งั้นใช้ชื่อจริงได้เลยครับ” ชายหนุ่มกล่าว
“ค่ะตกลงใช้ชื่อ‘มัลโก้’นะคะ กดปุ่มยืนยันด้วยค่ะ” บรรณารักษ์เรียกให้ชายหนุ่มดูที่หน้าจอ
มัลโก้จ้องชื่อของตัวเองในหน้าจอว่าสะกดถูกต้องดี ก่อนจะกดปุ่มยืนยัน
“ผู้เล่นหน้าใหม่จะได้รับชุดหนึ่งชุดค่ะ” บรรณารักษ์พูดจบร่างที่ใส่กางเกงในสีขาวแนบเนื้อของชายหนุ่มก็ใส่ชุดผู้เล่นใหม่ทันที
“เอ้อ ผมได้ยินมาว่าในเกมนี่มันเจ็บสุดๆเลยใช่มั้ยครับ” มัลโก้ถามบรรณารักษ์ขึ้นมา
“มันไม่ได้เจ็บสุดๆหรอกค่ะ มันก็เจ็บเท่าของจริงนั่นแหละค่ะ” บรรณารักษ์ตอบคำถามของชายขี้สงสัย
“ทำไมเล่นเกมแล้วต้องเจ็บตัวแบบนี้ด้วยล่ะครับ ไม่เห็นจะมีเหตุผลเลย” ชายหนุ่มแย้งขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นดิชั้นมีตัวเลือกให้คุณมัลโก้ ไม่ต้องเจ็บเลย สนใจมั้ยคะ” บรรณารักษ์เสนอ
“หา? มันมีวิธีที่ไม่เจ็บได้ด้วยเหรอครับ” ชายหนุ่มแปลกใจ ในเมื่อใครๆเขาก็เจ็บกันถ้าไม่เจ็บเลยแล้วมันจะสบายเกินไปหรือเปล่า
“มีค่ะ คุณมัลโก้มีสิทธิได้รับร่างไซบอร์คเนื่องจากคุณมัลโก้สอบถามดิชั้นเรื่องความเจ็บปวดในเกม แต่ร่างไซบอร์คนี้จะไม่สามารถเพิ่มค่าสถานะ เพิ่มทักษะอาวุธ เปลี่ยนเผ่าพันธุ์ รับภารกิจธาตุประจำตัวหรือใช้เวทมนตร์ได้นะคะ” บรรณารักษ์กล่าว
“โอ้ เงื่อนไขง่ายอย่างนี้เลยเหรอครับ แต่ถูกริบความสามารถไปเยอะขนาดนั้นแลกกับไม่เจ็บแล้วมันคุ้มมั้ยเนี่ย” ชายหนุ่มสงสัยขึ้นมา
“ร่างไซบอร์คมีสิ่งที่ชดเชยส่วนนั้นได้จากการอัพเกรด ซึ่งเป็นภารกิจลับของคนที่มีร่างไซบอร์คค่ะ” บรรณารักษ์ให้ข้อมูล
“เอ้อ แล้วมันมีคนได้ร่างไซบอร์คไปกี่คนแล้วล่ะครับเนี่ย” ชายหนุ่มสงสัย
“คนที่เคยได้รับร่างไซบอร์คทั้งหมดที่ผ่านมามีสามแสนคนค่ะ แต่ตัวละครเหล่านั้นไม่มีกิจกรรมแล้ว หมายความว่าคนได้ร่างไซบอร์คก็จะไม่มีใครเล่นค่ะ” บรรณารักษ์เฉลย
“หา? หรือว่าร่างไซบอร์คมันห่วยมาก” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“เรื่องนั้นดิชั้นบอกไม่ได้หรอกค่ะ มันแล้วแต่ความชอบของผู้เล่น ตกลงจะรับร่างไซบอร์คมั้ยคะ” บรรณารักษ์ถามความต้องการของชายหนุ่มอีกครั้ง
“อืม...ลองดูก็ได้ ถ้ามันไม่ดีก็แค่สร้างตัวละครใหม่” ชายหนุ่มตอบ
“ตกลงคุณมัลโก้จะรับร่างไซบอร์คนะคะ” บรรณารักษ์ถาม
“ครับ” ชายหนุ่มตอบ
ทันใดนั้นร่างกายของชายหนุ่มที่เป็นเนื้อหนังก็เปลี่ยนเป็นเหล็กตั้งแต่คอลงไปถึงปลายเท้า
“เรียบร้อยค่ะ มีอะไรสงสัยอีกมั้ยคะ แต่ถ้าสงสัยเรื่องการเล่นเชิญสอบถามได้ที่อาคารเริ่มต้นนะคะ” บรรณารักษ์รายงาน
“อืม ...ไม่มีครับ ...ร่างไซบอร์คนี่แปลกดี ไม่รู้สึกอะไรเลย” มัลโก้ยืนนิ่งแล้วกล่าวออกมา
“ถ้าอย่างนั้นดิชั้นจะส่งคุณมัลโก้เข้าสู่เกมเลยนะคะ” บรรณารักษ์กล่าว
“อ้อ เชิญครับ” มัลโก้ตอบ
ทันใดนั้นพื้นบริเวณที่ชายหนุ่มยืนอยู่ ก็เลื่อนร่างของชายหนุ่มไปที่ประตูเข้าสู่เกม
“อ้อ ถ้าจะออฟไลน์ คิดถึงเมนูแล้วเลือกคำสั่งออกได้เลยนะคะ” บรรณารักษ์กล่าวส่งท้ายให้ชายหนุ่ม ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปจากห้องสมุด
แว้บ!
เวลาสี่ทุ่ม ร่างของชายหนุ่มผิวขาว ผมสั้นสีขาว นัยน์ตาสีทับทิม ใส่ชุดผู้เล่นใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลานกลางเมือง
‘ทำไมเค้าถึงบอกวิธีออฟไลน์เรามาหว่า’ ชายหนุ่มสงสัยขึ้นมาถึงประโยคสุดท้ายของบรรณารักษ์ที่ห้องสมุด แต่แล้วเพียงไม่กี่วินาที เขาก็พบว่าทำไมเธอถึงพูดอย่างนั้นออกมา
“เฮ่ยย!!” ชายหนุ่มอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อเขารู้ตัวว่าเขาไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้เลยสักนิดเดียว
‘นี่มันอะไรกันเนี่ย’ ชายหนุ่มคิดอย่างตระหนก
การที่ไม่เจ็บ นั่นหมายถึงการที่ไม่มีประสาทสัมผัสรับความรู้สึกนั่นเอง เมื่อไม่มีประสาทรับความรู้สึกก็บังคับร่างกายตามปกติไม่ได้ เปรียบเสมือนการนั่งทับขาจนขาชา ไร้ความรู้สึก ช่วงเวลานั้นผู้ที่ชาอยู่ก็จะไม่รู้เลยว่าพื้นอยู่ตรงไหน เพราะไม่รู้สึกถึงพื้นนั่นเอง
แต่ชายหนุ่มผมขาวคนนี้มีความรู้สึกแบบนั้นทั้งตัว ตั้งแต่คอลงมา
“เข้าใจแล้วล่ะ ว่าคนสามแสนคนที่ได้รับร่างนี้มาทำไมถึงไม่มีใครเล่น จะเดินออกไปจากตรงนี้ยังทำไม่ได้เลย มันจะมีร่างนี้มาทำไมวะเนี่ย ไอ้คนสร้างเกมมันคิดอะไรของมัน สงสัยต้องออฟไลน์แล้วไปสร้างตัวละครใหม่” ชายหนุ่มบ่นขึ้นมา
แต่ทันใดนั้นเขาเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง มีผมยาวสีดำ นัยน์ตาสีมรกต กำลังยืนเหมือนรอใครบางคนอยู่ในบริเวณลานกลางเมืองนี้
‘อ๊ะ! นั่นคุณเมโลดี้นี่นา อยู่ในเกมนี้จริงๆด้วย’ ชายหนุ่มคิดขึ้นมาก่อนที่จะเอ่ยปากเรียกเธอ แต่เขาก็ต้องชะงักเอาไว้ เมื่อเห็นเธอเดินไปทักผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่กางเกงในตัวเดียวมีผมสีแดงทรงประหลาด
“พี่มาตาร์” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น
“เมล” เสียงชายผมแดงตอบกลับมา
‘อะไรเนี่ย ไอ้หมอนั่นเรียกคุณเมโลดี้ซะสนิทเลย’ ชายหนุ่มผมขาวที่ยืนแข็งเป็นรูปปั้นคิดขึ้นเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่
“ทำไมพี่มาตาร์ถึงตายคะ” เสียงหญิงสาวดังขึ้น
“พี่โดนพิษงูเห่าตายน่ะ” เสียงชายหนุ่มผมแดงตอบเรียบๆ
“จริงๆเหรอคะ” เสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความผิดหวัง แต่แค่ฟังเสียงดูก็รู้แล้วว่าเธอต้องมีความรู้สึกพิเศษให้กับผู้ที่โดนถามแน่ๆ
‘อะไรเนี่ย? คุณเมโลดี้!’ ชายหนุ่มผมขาวได้ฟังแล้วรู้สึกช็อคไปทันที เขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้จากเธอมาก่อนเลย ทั้งๆที่เขาก็รู้จักหญิงสาวคนนี้มานานแล้ว
“ไปล่ากันมั้ยเมล” เสียงชายหนุ่มผมแดงดังขึ้นมาอีก
“ไม่ค่ะ หนูกำลังรอรัตอยู่ คงไม่สะดวก” เสียงหญิงสาวตอบด้วยความเซื่องซึมในท้ายประโยค
แล้วชายหนุ่มผมแดงก็เดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวผมดำยืนมองส่งร่างของเขาไปอย่างอาลัยอาวรณ์
‘นี่มันอะไรเนี่ย?’ ชายหนุ่มผมขาวตื่นตกใจกับพฤติกรรมของหญิงสาวที่แสดงออกมาต่อชายหนุ่มผมแดงคนนั้น มันเหมือนคนอกหัก หรือพยายามตัดรัก ‘ไอ้หมอนั่นเป็นใคร!?’
ตอนแรกชายหนุ่มผมขาวก็คิดจะเรียกหญิงสาวเอาไว้ แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเมื่อสักครู่แล้วก็ต้องสงบคำเอาไว้ จนในที่สุดหญิงสาวคนนั้นก็เดินออกไปกับเพื่อนสาวผมสั้นของเธอที่ปรากฏตัวขึ้นมาภายหลัง
‘เอาไว้ขยับได้ก่อนจะได้ถามให้แน่ใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่’ ชายหนุ่มถึงกับลืมไปเลยว่าเขาอยากจะสร้างตัวละครใหม่ มีแต่อารมณ์ที่ต้องการจะเคลื่อนไหวเท่านั้น
และเมื่อเวลาผ่านไปสองชั่วโมง ร่างที่ยืนนิ่งมานานก็เริ่มขยับได้
“ผู้เล่นมัลโก้ปฎิบัติตามเงื่อนไข สามารถใช้พลังจิต(Psychic)ได้ค่ะ”
เงื่อนไขการใช้พลังจิตคือความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เมื่ออยู่ในสภาพที่ไม่อาจใช้ร่างกายได้ ซึ่งภารกิจเสริมจิตนี้ที่ถนนทางเลือกก็มีให้ทำ แต่ถ้าอยากรับภารกิจต้องมีทักษะอาวุธถึงระดับสามเสียก่อน แต่การใช้พลังจิตนี้กลับเป็นเงื่อนไขขั้นต้นของการขยับร่างไซบอร์คเท่านั้นเอง ซึ่งผู้เล่นหน้าใหม่ที่ได้ร่างไซบอร์คนี้มาต่างโยนมันทิ้งไปหมด เพราะไม่มีใครคิดจะขยับตัวอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างชายหนุ่มผมขาวคนนี้
“แฮก แฮก ในที่สุดก็ขยับได้ ...แต่ก็ยังไม่รู้สึกอะไรอยู่ดีแฮะ” ชายหนุ่มรู้สึกอ่อนเพลียกับการตั้งมั่นในการขยับตัวนานกว่าสองชั่วโมง และถือว่าเป็นคนแรกในเกมที่ทำสำเร็จไม่เลิกล้มไปเสียก่อน
“ทำยังไงถึงจะหาคุณเมโลดี้เจอได้ล่ะเนี่ย ถ้ารออยู่ตรงนี้จะได้เจอมั้ยนะ” ชายหนุ่มคิดแล้วก็เดินไปนั่งรอที่ม้านั่งซึ่งวางอยู่รอบๆลานกลางเมืองนี้อย่างเงียบๆ
เวลาตีสองครึ่ง ร่างของหญิงสาวผิวขาวผมยาว และหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งผมสั้นก็ปรากฏขึ้นที่ลานกลางเมืองพร้อมกัน
“คุณเมโลดี้” ชายหนุ่มผมขาวซึ่งนั่งอยู่เฉยๆถึงสองชั่วโมงกว่าๆร้องเรียกหญิงสาว
หญิงสาวทั้งคู่หันมามองทางต้นเสียงแล้วก็ทำท่าตกใจกันทั้งคู่
“คุณมัลโก้?” หญิงสาวผมยาวเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ
ชายหนุ่มผมขาวพยักหน้ารับ “ครับ ผมโทรหาคุณแล้วเห็นข้อความว่าคุณมาเล่นเกมจ็อคออนไลน์นี่น่ะครับ เลยว่าจะมาเซอไพรส์ซะหน่อย”
หญิงสาวทั้งคู่มีอาการตื่นตกใจจริงๆ โดยเฉพาะหญิงสาวผมยาว
“ค..ค่ะ คุณมัลโก้ แล้วมาในเกมตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย” หญิงสาวผมยาวพูดอย่างประหม่า
“ก็ตั้งแต่ประมาณสี่ชั่วโมงที่แล้วในเกมนี่แหละครับ” ชายหนุ่มผมขาวตอบด้วยสีหน้ายิ้มบางๆ
“เอ่อ ...ไปคุยกันที่ร้านกาแฟดีมั้ยคะ ยืนคุยตรงนี้มันแปลกๆ” หญิงสาวผมสั้นเสนอแนะ เมื่อเห็นว่าทั้งสองอาจจะมีเรื่องให้คุยกันนาน
“ก็ดีครับ แต่ไม่ออกไปล่ากันเหรอครับเนี่ย ผมเพิ่งมาเล่นก็อยากจะทำอย่างอื่นมากกว่านั่งคุยกันเฉยๆน่ะครับ ล่าไปคุยไปก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มผมขาวเสนอ
หญิงสาวผมยาวมีท่าทีร้อนรนเล็กน้อยแล้วก็ส่งห่อของในมือเธอยื่นให้เพื่อนสาวผมสั้นก่อนที่จะตอบชายหนุ่มไป “ก็ดีค่ะ เดี๋ยวคุณมัลโก้ออกไปล่ากับเมลเลยก็ได้ค่ะ”
“อ้าว แล้วคุณราตรีไม่ไปด้วยกันเหรอครับ” ชายหนุ่มแสดงท่าทีสงสัยเมื่อเห็นว่าคนที่จะไปมีเพียงหญิงสาวผมยาวคนเดียว
“อ๋อ รัตเค้ามีธุระน่ะค่ะ” หญิงสาวผมยาวแก้ตัวให้
“อย่างนั้นเหรอครับ น่าเสียดาย ผมก็มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณราตรีเหมือนกันนะเนี่ย” ชายหนุ่มผมขาวแสดงความรู้สึกเสียดายออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน
“ขอโทษด้วยนะคะ เอาไว้โอกาสหน้าละกัน ...มีเรื่องอะไรสำคัญรึเปล่าคะ” หญิงสาวผมสั้นตอบคำอย่างสุภาพ
“ไม่หรอกครับ เรื่องสัพเพเหระน่ะครับ ไม่ได้มีอะไรสำคัญหรอก” ชายหนุ่มผมขาวพูดพร้อมกับยิ้มให้น้อยๆ
“เราไปกันเถอะค่ะคุณมัลโก้ รัตเค้าต้องรีบทำธุระของเค้า” หญิงสาวผมยาวรีบตัดบท เธอเอามือมาตบบ่าเพื่อนสาวเบาๆ ก่อนจะเดินนำชายหนุ่มผมขาวไป ‘ฝากด้วยนะรัต’
แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากลานกลางเมืองไปทางทิศตกวันตก
หญิงสาวผมสั้นยืนมองทั้งคู่จนหายลับไปจากสายตาก่อนจะถอนหายใจออกมา ‘เฮ่อ มีเรื่องยุ่งยากอีกแล้วสิเนี่ย ...ชั้นเห็นใจแกจริงๆเมล’
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ร่างของชายหนุ่มผมแดงทรงประหลาดพร้อมด้วยสัตว์เลี้ยงสามตัวก็ปรากฏขึ้นที่ลานกลางเมือง
แว้บ!
“เอ้า! นี่ของนาย” หญิงสาวผมสั้นยื่นห่อของให้ชายหนุ่มทันทีที่เห็นเขาปรากฏตัวขึ้นมา เธอไม่มองหน้าชายหนุ่มเลย แถมสีหน้ายังดูแดงมากอีกด้วย เมื่อเธอคิดถึงสิ่งที่เธอกับเขาปฏิบัติต่อกันเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว
“ขอบคุณมากรัต ...แล้วเมลล่ะ ไม่อยู่ด้วยกันเหรอ” ชายหนุ่มรับห่อของมา แล้วยื่นมันให้หมาป่าสีขาวที่อยู่ข้างๆเขา
เนื่องจากเสื้อผ้าของชายหนุ่มก่อนตายเลอะเลือดเต็มไปหมด สิ่งที่ยังดูได้เพียงอย่างเดียวก็คือเข็มขัดของเขา ชายหนุ่มจึงห่มร่างตัวเองด้วยผ้าคลุมยาจกและคาดเข็มขัดเอาไว้เท่านั้น ในขณะที่สาวๆทั้งสามมีเสื้อผ้าใส่ไม่ต่างกับเมื่อก่อนตายเลย
“เมลเค้ามีธุระน่ะ” หญิงสาวตอบด้วยเสียงเรียบๆ
“...เหรอ” ชายหนุ่มรับทราบ แต่ก็ไม่ถามอะไรต่อ
มาตาร์เป็นคนที่จะไม่ถามเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องราวของคนอื่นเด็ดขาด เพราะเขาก็ไม่อยากถูกถามเหมือนกัน เขาจึงไม่เคยถามพวกหญิงสาวเลย ว่าเป็นใคร มาจากไหน และถ้ามีคนมาถามเขา เขาก็คงจะไม่ตอบเหมือนกัน ‘ชีวิตในเกมก็คือชีวิตในเกม ไม่จำเป็นต้องลามไปสู่ชีวิตข้างนอกหรอก’
หญิงสาวก็รู้สึกสบายใจเหมือนกันที่เขาไม่ถามอะไรต่อ
“แล้วนายจะทำอะไรต่อล่ะ” หญิงสาวถามชายหนุ่ม
“เดี๋ยวชั้นจะเอาวัตถุดิบไปส่งภัตตาคารน่ะ นี่ก็รวบรวมได้ครบแล้ว ถ้าเธอเก็บของชั้นกลับมาครบอ่ะนะ” ชายหนุ่มตอบ
“หนอย ชั้นไม่สะเพร่าหรอกย่ะ ขนาดเสื้อเปื้อนเลือดของนายชั้นยังเอากลับมาเลย” หญิงสาวพูด
บรรยากาศระหว่างทั้งคู่ตอนนี้เหมือนเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกัน พูดใส่กันแบบไม่มีความเกรงใจหรือระยะห่าง ซึ่งมันก็ดี แต่ไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวคาดหวังไว้ให้เป็นแบบนี้ ‘ทำไมไม่หวานเหมือนตอนก่อนตายนะ ชิ!’
“อ้าว? แผลที่ชั้นกัดเธอยังไม่หายเหรอ” ชายหนุ่มมองที่คอหญิงสาวซึ่งยังมีรอยฟันของเขาอยู่ แล้วก็เอื้อมมือไปจับ
‘อุ๊ย!’ หน้าหญิงสาวแดงซ่านขึ้นมาทันทีที่ชายหนุ่มเอามือมาจับที่ต้นคอของเธอ แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจ เมื่อชายหนุ่มถ่ายพลังปราณธาตุลมมาให้เธอ
“นายจะทำอะไรน่ะ!” หญิงสาวตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“อ้าว? ก็รักษาให้ไง จะปล่อยรอยกัดเอาไว้อย่างนี้เหรอ” ชายหนุ่มตอบกลับงงๆ
“ไม่ต้องเลยย่ะ! ชั้นรักษาเองได้ ปราณธาตุลมชั้นก็มี” หญิงสาวสะบัดมือชายหนุ่มออกไปจากคอของเธอทันที ‘นายนี่ไม่ได้เข้าใจผู้หญิงเลยนี่ ชั้นอยากจะเก็บรอยแผลนี้เอาไว้ให้นานที่สุดต่างหาก’
การฟื้นฟูร่างกายในเกมจ็อคออนไลน์นี้ เมื่อใช้ปราณธาตุลมรักษาจะฟื้นฟูพลังชีวิต อาการบาดเจ็บ และบาดแผลเล็กๆน้อยๆให้หายไปได้ แต่ถ้าเป็นแผลอวัยวะขาดหายอย่างเช่นแขนขาด ขาขาด ตาบอด อาจจะต้องใช้เวทรักษาแบบเฉพาะทางหรือไม่ก็ใช้บริการของโรงพยาบาลซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่าย
“จะไปด้วยกันมั้ย?” ชายหนุ่มชวนหญิงสาว
“ไป!” หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างเบิกบานทันที นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มชวนให้เธอไปไหนมาไหนกับเขานอกจากมีเรื่องฉุกเฉินอย่างการหายาแก้พิษงูเห่า
ดังนั้นทั้งห้าคนจึงเดินไปภัตตาคารเพื่อส่งมอบวัตถุดิบตามภารกิจที่ชายหนุ่มได้รับ
“โอ้ว คุณมาตาร์ได้วัตถุดิบครบแล้วเหรอครับ” ผู้จัดการลงพุงยิ้มขึ้นเมื่อเห็นมาตาร์นำวัตถุดิบทั้งหมดมาให้
“อืม แบบนี้หนี้ผมก็หายแล้วใช่มั้ย” มาตาร์ถามเพื่อยืนยัน
“ใช่ครับ ผมไม่นึกว่าคุณมาตาร์จะเอาวัตถุดิบมาให้ผมได้นะเนี่ย นึกว่าจะหาเงินมาคืนซะอีก เพราะมันง่ายกว่า” ผู้จัดการกล่าว
“เอ๋? นี่คืนเป็นเงินได้ด้วยเหรอเนี่ย” มาตาร์ตกใจขึ้นมาทันที เพราะถ้าคืนเป็นเงินได้เขาก็คืนได้ตั้งนานแล้ว เพราะเข้าป่าฝูงนกทีก็ได้เงินเป็นหมื่น
“ก็คุณมาตาร์ติดเงินนี่ครับ จะคืนเป็นเงินก็ไม่เห็นจะแปลก” ผู้จัดการเฉลย
มาตาร์ถึงกับเอามือกุมขมับ ที่รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เหลือเกิน
“แต่เพื่อเป็นรางวัลที่หาวัตถุดิบมาได้ นอกจากใช้หนี้เราได้แล้ว เราจะปลดผนึกคำสั่งสำรวจให้อีกขั้นนะครับ” ผู้จัดการรีบบอกถึงรางวัลที่มาตาร์สมควรจะได้รับ
“โอ้ว แบบนี้ค่อยรู้สึกคุ้มค่าหน่อย” มาตาร์ยินดีขึ้นมาเมื่อเขารู้ว่าได้รางวัลด้วยนอกเหนือจากหมดหนี้
“ตามผมมาทางนี้เลยครับ ผมจะปลดผนึกให้” ผู้จัดการบอกชายหนุ่มพร้อมกับเดินเข้าไปที่หลังร้าน
เมื่อชายหนุ่มเดินตามผู้จัดการเข้าไปที่ประตูหลังของภัตตาคาร ผู้จัดการก็หยิบแท่นโลหะขึ้นมาหนึ่งอัน ลักษณะเหมือนที่เขาเคยเห็นที่ธนาคารและอาคารนักล่า
“คุณมาตาร์วางมือลงไปบนแท่นได้เลยครับ” ผู้จัดการลงพุงกล่าว
มาตาร์วางมือลงไปทันทีด้วยความคุ้นเคย
“เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้คำสั่งสำรวจของคุณมาตาร์สามารถสำรวจสิ่งไม่มีชีวิตในระยะสามสิบเมตรได้แล้ว” ผู้จัดการบอกความสามารถที่ชายหนุ่มได้รับ
“อืม ถ้าได้ความสามารถแบบนี้มาก่อนหาวัตถุดิบคงจะสบายกว่านี้เยอะนะเนี่ย” มาตาร์เหมือนบ่นออกมาเมื่อรู้ว่าความสามารถใหม่นี้มันเหมาะเอาไว้หาวัตถุดิบเป็นที่สุด แต่ดันได้มาหลังจากที่หาวัตถุดิบได้ครบแล้ว
“โฮ่ๆๆ อันนี้เป็นรางวัลนอกเหนือจากความสามารถบันทึกเอกสารที่คุณมาตาร์ได้รับไปแล้วด้วยนะครับ” ผู้จัดการหัวเราะร่าเมื่อเห็นชายหนุ่มไม่ค่อยพอใจกับรางวัลของเขานัก
“เอ๋? ไอ้นั่นก็เป็นรางวัลเหรอ” มาตาร์สงสัยขึ้นมา
“ใช่ครับ ถ้าคุณมาตาร์เลือกที่จะเอาเงินมาคืนหรือไม่ก็ล้มเลิกภารกิจนี้ ความสามารถบันทึกเอกสารก็จะหายไป แถมจะมีค่าหัวขึ้นแทนด้วย ข้อหากินแล้วชักดาบ” ผู้จัดการร้านเฉลย
“แค่บันทึกเอกสารได้มันก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลยนี่” มาตาร์บ่นออกมา แต่ก็แอบโล่งใจที่เขาทำภารกิจสำเร็จเพราะยังไม่อยากจะมีค่าหัวอีกครั้ง
“ความสามารถบันทึกเอกสารนี้สุดยอดกว่าที่คุณมาตาร์คิดนะครับ เพราะมันเหมือนมีหนังสืออิเลคทรอนิกอยู่กับตัว คุณมาตาร์คงไม่อยากจะจำไปทั้งหมดทุกอย่างหรอกนะครับ อย่างเช่นอักษรเวทที่มีเป็นพันๆตัว หรือรายชื่อยาแก้พิษ แต่ถ้าคุณมาตาร์บันทึกเอกสารไว้แล้ว ก็สามารถเรียกดูได้เลย สะดวกจะตาย” ผู้จัดการร้านอธิบายถึงรายละเอียดความสามารถที่ชายหนุ่มมี
มาตาร์เริ่มเกิดจินตนาการขึ้นมาทันที จากที่เขาเคยคิดว่าไอ้การบันทึกเอกสารได้นี่มันมีไว้แค่กันหนังสือหรือเอกสารหายเพราะความตายก็เปลี่ยนไปทันที ถ้าเขาสามารถใช้เวทอักษรได้ก็ไม่ต้องมานั่งจำให้รกหัว แค่เปิดดูก็ใช้ได้ หรือวัตถุดิบทำยาแก้พิษทั้งหลาย ถ้าบันทึกเอาไว้ก็หายาแก้พิษได้ง่ายๆแล้ว
“สุดยอด” ชายหนุ่มอุทานออกมาเมื่อคิดได้
ส่วนผู้จัดการลงพุงก็ยิ้มรับเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่ารางวัลที่เขาได้รับนั้นมันดีขนาดไหน
มีใครจำได้มั้ย ว่าชื่อมัลโก้นี่มันออกมาครั้งแรกเมื่อไหร่ ถ้าจำไม่ได้กลับไปอ่านบทที่18 ฮึๆๆ ถึงคิวของเมโลดี้ซะที
ความคิดเห็น