ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #45 : บทที่44: วงกตในใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.08K
      111
      25 ต.ค. 54

    บทที่44 วงกตในใจ

    “มาตาร์ เป็นยังไงบ้างคะ” เสียงแม่หมาป่าสาวเรียกชายหนุ่มที่นอนอยู่บนโซฟา

    “หืม? เอ้อ...ก็ดีจ้ะ” มาตาร์รู้สึกตัวขึ้นมา เขาจำได้ว่านาทีสุดท้ายก่อนตายนั่น เป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกสงบที่สุดในการตายทั้งหมดเท่าที่จำได้เลย

    “ไม่รู้จะลงมือเองทำไม ให้โมเรน่ากัดแทนก็สิ้นเรื่องแล้ว” แม่เสือสาวบ่นขึ้นมา เธอยินดีตายแทนชายหนุ่มอยู่แล้ว

    “ไม่ได้หรอกโมเรน่า ก็บอกตั้งแต่แรกแล้วไง ถ้าพี่ไม่ทำเองมันก็ไม่ใช่การแก้แค้นสิ” มาตาร์กับสามสาวเถียงกันมาแล้วรอบหนึ่งว่าใครจะลงมือ ในเมื่อมีพิษงูเห่าเหลืออยู่แค่ขวดเดียว ซึ่งทุกคนต่างก็แย่งกันเป็นผู้เสียสละทั้งนั้น แต่สุดท้ายแล้วเสียงมาตาร์ก็เด็ดขาดที่สุดในกลุ่มอยู่แล้ว

    จุ๊บ!

    แม่เหยียวสาวไม่พูดมาก เธอตรงเข้ามาจูบแก้มชายหนุ่ม ตรงที่ซารีน่าเคยประทับรอยเอาไว้ เหมือนจงใจจะให้มันกลบรอยเดิม “คราวหน้าให้บราวนี่กล่อมมาตาร์นะ” เธอพูดจบก็เดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มทันที ปล่อยให้มาตาร์รู้สึกแตกตื่นกับพฤติกรรมชอบทำมากกว่าพูดของเธอ

     

    เวลาประมาณสี่ทุ่ม หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับเพื่อนของเธออยู่

    “รัต ไปเล่นเกมกันเถอะ” เสียงหญิงสาวพูดกับเพื่อนที่อยู่ปลายสาย

    “ไม่มีอารมณ์” เสียงจากปลายสายตอบกลับมา

    “แต่คืนนี้เราก็ต้องนอนอยู่ดีนะ ไปเล่นเกมจะได้ไม่เสียเวลาไง” หญิงสาวยกเหตุผลให้เพื่อนของเธอฟัง

    “จะเล่นไปทำไม นอนเฉยๆก็เหมือนกันนั่นแหละ” เสียงจากปลายสายบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ

    “...เพราะไม่อยากจะเจอเค้าใช่มั้ยล่ะ” หญิงสาวจี้เข้าไปที่ใจเพื่อนสาวที่อยู่ปลายสาย

    “...” ไม่มีเสียงตอบกลับมา

    “เพราะรักมากก็เลยเกลียดมาก” หญิงสาวพูดขึ้นมาอีก

    “ใครจะไปรักตานั่น ชั้นไม่ได้รักนายมาตาร์!” เสียงจากปลายสายดุขึ้นมา

    “รัตพูดเรื่องอะไรเหรอ ชั้นแค่พูดขึ้นมาลอยๆ ทำไมแกถึงโยงไปถึงเรื่องพี่มาตาร์ได้ล่ะ” หญิงสาวทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่จริงๆเธอก็วางกับดักให้เพื่อนเธอหลุดออกมานั่นแหละ

    “...” ปลายสายเงียบไปอีกครั้งเมื่อรู้ตัวว่าเสียรู้เพื่อนสาวเสียแล้ว

    “รัตไม่รู้สึกว่ามันแปลกหรอกเหรอ จำเรื่องที่แกเข้าใจผิดพี่เค้าที่ป่าฝูงนกได้มั้ย” หญิงสาวทวนความทรงจำให้เพื่อนสาวของเธอที่อยู่ปลายสาย

    “มันไม่เหมือนกันเมล! ไม่ว่าเค้าจะมีเหตุผลอะไร แต่เค้าเลือกที่จะตัดเราทิ้งไป” น้ำเสียงที่ออกมามีอารมณ์ตัดพ้อ

    “เค้าอาจจะกลัวว่าเราจะเป็นอันตรายก็ได้นะ” หญิงสาวยังมีความหวังว่าชายหนุ่มที่เธอพูดถึงไม่ได้ใจร้ายเหมือนอย่างคำพูดที่เขาแสดงออกมาให้เห็นครั้งหลังสุด

    “มันไม่ใช่เหตุผลเมล แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ยิ่งต้องโกรธ เท่ากับว่าเค้าไม่เห็นเราเป็นเพื่อนที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเค้าเลย พวกเราเป็นตัวอะไรเหรอ! ฮึก ทำไมต้องขับไล่ไสส่งกันด้วย” น้ำเสียงปลายสายสะอึกสะอื้นออกมา

    “...แกรักเค้ามากเลยนี่” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

    “ชั้นไม่ได้รักเค้า!! ฮือ~อ” เสียงจากปลายสายตะโกนออกมาก่อนจะปล่อยโฮแบบปิดไม่อยู่

    “งั้นแกไปเล่นเกมเป็นเพื่อนชั้นหน่อยสิ ชั้นเหงาที่จะต้องเล่นคนเดียว” หญิงสาวเปลี่ยนคำพูดที่ใช้ชวนเพื่อนสาว

    “ฮึก ...ฮึก” น้ำเสียงที่ปลายสายพยายามที่จะกลั้นเสียงร้องเอาไว้ แต่ยังคงได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ

    “นะรัต ...ชั้นขอร้อง” หญิงสาวอ้อนวอนเพื่อนของเธอ

    “...” ไม่มีเสียงตอบกลับมา

    “ถ้ายังไง ชั้นจะรอแกอยู่ในเกมละกัน หวังว่าแกคงจะตามมานะ” หญิงสาวพูดประโยคสุดท้าย ก่อนจะตัดสายเพื่อนสาวไป

    หญิงสาวล้มตัวลงนอน ก่อนที่จะหลับตา แล้วเข้าไปสู่โลกฝันอีกครั้ง

    “ยินดีต้อนรับผู้เล่นเมโลดี้ค่ะ”

     

    ราตรีและเมโลดี้นั้น เหมือนส่วนผสมที่ตรงข้ามกัน ราตรีนั้นภายนอกเธอดูเข้มแข็ง แต่จิตใจของเธอนั้นอ่อนโยนและอ่อนแอ ส่วนเมโลดี้ที่ดูภายนอกอ่อนหวานแต่ภายในนั้นกลับแข็งแกร่ง

    เมโลดี้จะเป็นคนที่พุ่งเข้าชนปัญหาตรงๆเสมอ ด้วยทัศนคติอันซื่อตรงของเธอ ซึ่งทำให้เธอดูเหมือนจะเป็นเด็กไร้เดียงสาด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นไม่ใช่เลย มันคือความเชื่อใจในเพื่อนมนุษย์ด้วยกันต่างหาก และคนแบบเธอพร้อมจะเกลียดใครก็ตามที่ทรยศต่อความเชื่อใจนั้นโดยไม่ลังเล

    ส่วนราตรีจะเป็นคนที่ซ่อนเร้น ปิดบัง และเก็บงำความรู้สึก เธอมักจะไม่แสดงออกตรงๆ เธอจะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ แต่ถ้าเธอเชื่อใจใครแล้ว เธอจะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆเหมือนกัน และเธอจะเสียใจมากกว่าที่โดนทรยศหักหลังความเชื่อใจนั้น

     

    เวลาสี่ทุ่ม ร่างของชายหนุ่มผมแดงกับสัตว์เลี้ยงสามตัวก็ปรากฏขึ้นที่ลานกลางเมือง ชายหนุ่มเดินไปหยิบเอาผ้าคลุมยาจกมาห่มเหมือนเคย

    “พี่มาตาร์?” เสียงหญิงสาวร้องทักขึ้นด้านหลังของชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ

    ชายหนุ่มจำเสียงของเธอได้ เขาหันกลับไปหาเจ้าของเสียงที่คุ้นเคยนั้น “เมล”

    “ทำไมพี่มาตาร์ถึงตายคะ” เมโลดี้ถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเพิ่งเกิดมาตัวเปล่าๆ เธออยากจะรู้ว่ามันเหมือนกับที่เธอคิดหรือเปล่า

    “พี่โดนพิษงูเห่าตายน่ะ” ชายหนุ่มตอบ ซึ่งมันก็เป็นความจริงส่วนหนึ่ง

    ที่เมโลดี้คาดการณ์ไว้ก็คือ พี่มาตาร์ของเธอคงจะไปช่วยพี่ซารีน่าคนเดียว แล้วก็อาจจะถูกพวกโลกอสฆ่าตายมา คำตอบของชายหนุ่มกลับเป็นสิ่งที่เมโลดี้ไม่คาดคิด

    “จริงๆเหรอคะ” เมโลดี้ถามย้ำ เธออยากได้คำตอบที่แตกต่างจากนี้

    “จริงสิ” ชายหนุ่มตอบ

    มาตาร์ไม่บอกเมโลดี้ว่าไปแก้แค้นมาเพราะเขาเป็นคนกันพวกเธออกไปเอง มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาแก้ตัวได้ถึงสิ่งที่เขาทำลงไปกับพวกเธอ มันก็เป็นเหมือนที่ราตรีว่าไว้นั่นแหละ ในเมื่อเขาเป็นคนตัดพวกเธอออกไปเอง แล้วจู่ๆก็จะให้พวกเธอยอมรับสิ่งที่เขาทำแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมเหรอ เหมือนเห็นพวกเธอเป็นของตาย จะไปก็ไปจะมาก็มา จะดูถูกพวกสาวๆเกินไปหน่อยแล้ว

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มพอจะทำได้

    “ไปล่ากันมั้ยเมล” มาตาร์ชวนหญิงสาว เหมือนครั้งแรกที่เธอชวนเขา

    มันก็เหมือนกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่นั่นแหละ ครั้งแรกที่มาตาร์กับเมโลดี้รู้จักกัน มันก็เริ่มจากการที่เมโลดี้มาชวนคนแปลกหน้าอย่างเขา และนี่ก็เป็นคำเชิญชวนครั้งแรกของมาตาร์ต่อเมโลดี้ด้วย ถ้าเพียงแต่เมโลดี้ตอบรับ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจจะกลับเป็นเหมือนเดิมได้ แต่ทว่า...

    “ไม่ค่ะ หนูกำลังรอรัตอยู่ คงไม่สะดวก” น้ำเสียงของเมโลดี้ออกเย็นชา

    มาตาร์เข้าใจในทันทีว่า มันคงจะเหมือนเดิมไม่ได้แล้วล่ะ สำหรับเขาและเมโลดี้

    “งั้นพี่ไปล่าก่อนนะ” มาตาร์พูดขึ้นมาและเดินจากไปทันที เหมือนคำบอกลาที่เรียบง่าย เมโลดี้มองส่งร่างของชายหนุ่มที่ค่อยๆเดินห่างออกไปด้วยสายตาที่หม่นหมอง

    มาตาร์ไปที่ร้านรับฝากของ เอาเสื้อผ้าและอุปกรณ์มาใส่ให้ตัวเองและสามสาว แล้วเขาก็มุ่งหน้าสู่ป่าฝูงนกทันที เป้าหมายนอกจากเก็บระดับแล้วก็คือการล่าวัตถุดิบให้ภัตตาคาร ภารกิจที่ค้างเติ่งมาหลายวันเพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่น

    และที่ชายหนุ่มยังไม่ติดต่อกับซารีน่าก็เพราะเขารู้ว่ายัยแม่มดก็โทรมไม่ต่างจากโลกอสหรอก เพราะเธอต้องคอยรายงานการเคลื่อนไหวของโลกอสให้เขารู้ตลอดเวลา ดังนั้นก็คงไม่ได้นอนเหมือนกัน ป่านนี้คงหลับไม่รู้เรื่องไปแล้ว

    “ปล่อยเอาไว้อย่างนี้จะดีเหรอคะ” คลาร่าพูดขึ้นมา เธอรับความรู้สึกไม่สบายใจของชายหนุ่มได้

    “พี่ก็ทำเกินไปเองนี่นา จะไปขอให้เค้ายกโทษให้ง่ายๆก็เหมือนดูถูกเค้าน่ะสิ” มาตาร์ตอบกลับแม่หมาป่าสาว

    “โมเรน่าไม่เห็นจะเข้าใจเลย ก็ทำเนียนๆเหมือนเดิมก็สิ้นเรื่อง” แม่เสือสาวพูด

    “โมเรน่างี่เง่า” บราวนี่พูดออกมาประโยคเดียว เล่นเอาแม่เสือสาวคิ้วกระตุก

     

    “รัต!” เมโลดี้ร้องเรียกเพื่อนสาวเมื่อเห็นร่างของสาวตาคมผมสั้นปรากฏขึ้นที่ลานกลางเมือง “แกมาจริงๆด้วย”

    “อืม” ราตรีขานรับเรียบๆ อารมณ์เธอเหมือนเพิ่งหยุดร้องไห้ไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี่เอง

    “ไปล่ากันเถอะ” เมโลดี้ชวนเพื่อนสาว โดยไม่รายงานเรื่องที่เธอเจอกับมาตาร์เลย

    “อืม ...ไปสิ” ราตรีขานรับอย่างว่าง่าย การหาอะไรทำก็ช่วยเปลี่ยนอารมณ์ได้ดีเหมือนกัน

    เมโลดี้และราตรีเลือกที่จะไปที่ป่าฝูงนก เพราะนอกจากจะทำให้ค่าสถานะขึ้นเร็วที่สุดแล้ว เมโลดี้ยังต้องการหาน้ำตานางฟ้าเพื่อทำภารกิจเผ่าเทพอีกด้วย

    และขณะนั้นเองก็มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังทำภารกิจลับที่ป่าฝูงนกนี้

     

    “เจอรึยัง” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น เขาใส่ชุดสีแดง

    “อย่าเร่งน่า” ชายอีกคนตอบกลับ เขาใส่ชุดสีน้ำเงิน

    “ก็นายสองคนสำเร็จภารกิจแล้วนี่หว่า เหลือแต่ชั้นคนเดียวมันก็ต้องร้อนใจบ้างแหละ” ชายชุดแดงบ่นออกมา

    “มันอาจจะไม่ได้อยู่แถวนี้ก็ได้” เสียงชายชุดสีเหลืองพูดขึ้น

    พวกเขาสามคนก็คือพวกแก๊งแม่สีนั่นเอง

    บริเวณนั้นก็คือรอบๆบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีน้ำตานางฟ้าอยู่ พวกเขากำลังสำรวจพื้นที่รอบๆบ่อว่ามีสิ่งที่พวกเขาต้องการหรือไม่

    “มันอาจจะอยู่ข้างล่างนี่ก็ได้นะ” เคนริวนักสู้มังกรชุดเหลืองสันนิษฐาน

    “มีแต่น้ำในบ่อเนี่ยนะ” ดันเต้จอมเวทมารชุดแดงแย้งขึ้น

    “ก็ทำให้มันหายไปสิ” ไมเคิลนักรบเทพชุดน้ำเงินแนะ

    “เฮ้อ เหนื่อยชั้นอีกละ” ดันเต้บ่นขึ้นมา

    “จะไม่ทำก็ได้นะ เพราะมันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรพวกชั้นอยู่แล้ว” ไมเคิลกล่าว

    “ชิ มันก็ต้องทำอยู่แล้วสิ” ดันเต้พูดขึ้นพร้อมทั้งเดินไปที่ปากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้วเริ่มใช้เวทของตนเองทันที

    มือซ้ายอักษร(อากาศ) มือขวาอักษร(เปลี่ยนแปลง) รวมกันเป็น 気化(ระเหย)

    気化(ระเหย)

    อักษรถูกยิงเข้าใส่น้ำในบ่อ แล้วทันใดนั้นน้ำในบ่อก็กลายเป็นไอสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาจากบ่อเหมือนงูสีขาวตัวใหญ่เลื้อยขึ้นสู่ท้องฟ้า จนน้ำในบ่อแห้งหมด

    “ทำไมไม่ใช้อักษรไฟล่ะ ง่ายกว่าอีก” ไมเคิลสงสัย

    “ถ้าใช้ไฟก็ร้อนน่ะสิ ชั้นรีบนะเฟ่ย” ดันเต้เฉลย เพราะว่าพวกเขาต้องการจะลงไปสำรวจก้นบ่อ ถ้าใช้ไฟต้มน้ำหมดบ่อ ข้างในบ่อก็ร้อนจนลงไปสำรวจไม่ได้น่ะสิ

    “ก็ใช้อักษรน้ำแข็งตามไปอีกทีสิ” ไมเคิลแนะ

    “ไอ้บ้า อย่างนั้นก็หนาวแทนน่ะสิ นี่แหละดีที่สุดแล้ว ลงไปกันได้แล้ว” ดันเต้รีบตัดบท

    ทั้งสามคนกระโดดลงมาสู่ก้นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้วก็พบช่องที่เหมือนประตูและมีรูเล็กๆขนาดแหย่มือเข้าไปได้อยู่ก้นบ่อ

    “เหมือนที่คิดไว้จริงๆ” เคนริวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามีทางลับที่ก้นบ่อนี้

    “ตานายแล้วไมเคิล” ดันเต้พูดขึ้น

    ไมเคิลไม่พูดมาก เขาสอดมือเข้าไปที่ช่องบนประตูนั้น แสงสีขาวสว่างเจิดจ้าขึ้นมาทันที

    ครืดด!

    แล้วประตูก็เปิดออก ...แต่ทันใดนั้น

    ครืนนน!!

    พื้นดินโดยรอบบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์สะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นมาทันที แผ่นดินไหวเหมือนกับฟ้าถล่มลงมา

    “เฮ่ยย!! เกิดอะไรขึ้น!?”

    “ว้ายย!!

    “เมล! จับชั้นไว้”

    “มาตาร์!!!

    เสียงผู้คนทั้งหลายโดยรอบที่ได้รับผลกระทบแตกตื่นขึ้นมา

     

    แล้วเมื่อเวลาผ่านไปสักพักทุกอย่างก็สงบลง

    “อูยย เราอยู่ที่ไหนเนี่ย” ชายหนุ่มผมแดงรู้สึกตัวขึ้นมา เขารู้สึกปวดตามเนื้อตัว บางทีอาจจะเพราะแผ่นดินไหวเมื่อสักครู่ทำให้ตัวเขากระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง “มองไม่เห็นอะไรเลย”

    พรึบ!

    ผลึกเวทไฟในมือขวาถูกจุดขึ้นมาเพื่อให้แสงสว่าง แล้วชายหนุ่มก็รับรู้ว่าตัวของเขานั้นอยู่ในถ้ำหินที่ไม่รู้ว่าทางออกอยู่ไหน

    “อะไรกันเนี่ย?” มาตาร์อุทานขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขายังอยู่ในป่าฝูงนก กำลังเผานกเล่นกับสามสาวอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ในถ้ำ

    “ใครน่ะ?” เสียงหญิงสาวดังขึ้นมา

    ชายหนุ่มได้ยินเสียงคนก็รู้ว่ามีคนอื่นอยู่อีก จึงเดินเข้าไปหาต้นเสียงนั้น แล้วเขาก็ได้พบกับพวกเธออีกครั้ง

    “เมล? ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ” มาตาร์ร้องทักขึ้นมาเมื่อเห็นเมโลดี้และ ...ราตรีที่หมดสติอยู่ “รัตเป็นอะไรน่ะ”

    ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้แล้วถ่ายปราณให้ทันทีโดยไม่ต้องเรียกร้อง เมโลดี้มองการกระทำของมาตาร์แล้วก็รู้สึกแปลกๆ ใจหนึ่งก็อยากจะทำเมินเฉย แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกอุ่นใจ มันเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอย่างประหลาด

    “พวกเรามาล่าที่นี่แล้วก็มีแผ่นดินไหวค่ะ” เมโลดี้รายงานให้มาตาร์รับทราบ อย่างน้อยๆตอนนี้ก็ต้องร่วมแรงกันไว้ก่อน มีปัญหาอะไรค่อยไปสะสางกันทีหลัง

    “อืม พี่ก็เหมือนกัน พลัดหลงกับพวกน้องๆหมดเลย” มาตาร์รู้ดีว่าสามสาวของเขายังมีชีวิตอยู่ด้วยทักษะเชื่อมวิญญาณ แต่ยังสับสนเรื่องทิศทาง

    แต่ทั้งสองก็ไม่พูดอะไรกันอีก บรรยากาศของทั้งคู่ชวนให้อึดอัดยิ่งนัก จนผ่านไปสักพัก ราตรีก็รู้สึกตัวขึ้นมาเพราะความรู้สึกที่หอมหวานจากปราณธาตุลมของมาตาร์

    “อืมม ทำไม” ราตรีครางขึ้นมาในขณะที่ดวงตาของเธอยังไม่เปิด “นายมันใจร้าย ฮึก” เธอสะอื้นขึ้นในความพร่าเลือนของสติ

    “รัต?” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกสติหญิงสาว จนในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นมาช้าๆ

    “นายทำอะไรชั้น!!” ราตรีเสียงหลงเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มที่เธอกำลังคิดถึงมาอยู่ตรงหน้า แต่เธอกำลังโกรธเขาอยู่

    มาตาร์ละมือออกจากร่างของราตรีเมื่อเห็นว่าเธอได้สติแล้ว “ชั้นถ่ายปราณให้เธอน่ะ เห็นเธอหมดสติไป”

    “ไม่ต้องมาทำเป็นสนิท! ชั้นกับนายไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้ว! ไม่ต้องมาทำดีให้กันด้วย!” ราตรีเสียงดังขึ้นมา

    “งั้นเราหาทางออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะครับ” มาตาร์เปลี่ยนคำพูดไปเมื่อราตรีพูดแบบนี้ออกมา

    ราตรีก็เสียใจเหมือนกันที่ดูเหมือนระยะห่างของเขากับเธอเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น จากคำพูดของเธอเองแท้ๆ

    “เราหลงมาอยู่ในถ้ำน่ะรัต” เมโลดี้รายงานเพื่อนสาว

    “แล้วตานี่มาอยู่นี่ได้ไงล่ะ” ราตรีกระซิบถามเมโลดี้ แต่เมโลดี้ก็ส่ายหัวให้เป็นคำตอบว่า ไม่รู้เหมือนกัน

     

    อีกด้านหนึ่งสามสาวที่พลัดหลงกับมาตาร์ พวกเธอทั้งสามก็ไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน แต่แยกกันอยู่คนละที่ กับชายหนุ่มอีกสามคน

    “หืม สัตว์เลี้ยงร่างมนุษย์ที่เกาะเริ่มต้นเหรอ” ชายชุดเหลืองพูดขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวผมขาวเงินนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้นถ้ำ

    “สวัสดีค่ะ หนูพลัดหลงกับเจ้านายของหนูน่ะค่ะ” คลาร่าตอบเสียงฉะฉานให้เคนริวฟัง

    เคนริวรู้ดีว่าสาเหตุก็คงมาจากพวกเขาที่ทำให้แผ่นดินไหวเมื่อสักครู่นี้นั่นแหละ

    “งั้นเดี๋ยวชั้นจะพาเธอไปส่งละกัน ตามมาสิ” เคนริวพูดอย่างอ่อนโยนแล้วเดินนำคลาร่าเข้าไปในถ้ำ

     

    “เห? สัตว์เลี้ยงร่างมนุษย์เหรอเนี่ย” ชายในชุดแดงอุทานขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวผิวคล้ำผมดำนั่งทำตาดุอยู่ตรงหน้า

    “แปลกมากเหรอไง” โมเรน่าแหวใส่ดันเต้ที่ไร้มารยาทกับเธอก่อน

    “หลงทางล่ะสิแม่แมวน้อย” ดันเต้ยียวนขึ้นมา

    “หลงแล้วยังไงล่ะ เดี๋ยวชั้นก็กลับไปหาเจ้านายได้แล้ว” โมเรน่ารู้จากทักษะเชื่อมวิญญาณได้แค่รางๆ แต่ทำปากดีไปอย่างนั้นเอง

    “ฮ่าๆๆๆ งั้นตามใจเธอละกัน ชั้นไปก่อนนะ” ดันเต้พูดแล้วก็เดินลิ่วเข้าถ้ำไป

    “เฮ่! เดี๋ยวก่อนสิ ชั้นมองทางไม่เห็นนะ” โมเรน่าเดินตามดันเต้ไปทันที เพราะเธอไม่มีวิธีให้แสงสว่างเหมือนดันเต้

     

    “...” ชายหนุ่มชุดน้ำเงินเห็นเด็กสาวผมสีน้ำตาลดวงตาสีแดงนั่งอย่างเหม่อลอยในความมืดแล้วก็ไม่พูดอะไรออกมา

    “...” บราวนี่ก็มองไมเคิลอย่างนิ่งเฉย เหมือนเธอมองรูปปั้นอยู่

    ไมเคิลก็ไม่สนใจอะไร แต่เดินลึกเข้าไปในถ้ำ ส่วนบราวนี่ก็เดินตามแบบไม่พูดอะไร เพราะนั่นเป็นแสงสว่างจุดเดียวที่เธอพอจะพึ่งพาได้ในถ้ำอันมืดมิดแห่งนี้

     

    “แล้วทางออกมันอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย” ราตรีบ่นออกมาเมื่อเห็นว่ายิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยังไม่เห็นมีวี่แววว่าจะเจอทางออก

    “ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่นี่เป็นทางเดียวที่เราจะเดินได้แล้ว” มาตาร์ตอบกลับหญิงสาว

    ราตรีแอบทอดถอนในใจ นี่พวกเราคงจะไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิมได้แล้วสินะ

     

    ช่วงนี้ช้าหน่อยนะครับ นอกจากตันแล้ว กำลังจะย้ายบ้าน จู่ๆถ้าหายไปก็แปลว่ายังไม่ได้ต่อเน็ทนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×