คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : บทที่37: มาตาร์กับราตรี
บทที่37 มาตาร์กับราตรี
ทักษะที่บรันโด้มีนั้น คือ การมีความเร็วมากกว่าปกติสิบเท่า การโจมตีที่แรงกว่าปกติสิบเท่า และความอึดที่ไม่มีวันหมด เพียงแต่ปัญหาเดียวของเขาก็คือค่าสถานะพื้นฐานที่น้อยไม่ต่างจากผู้เล่นหน้าใหม่มากนัก ทำให้ความเร็วและแรงนั้น ยังสู้พวกระดับต่ำที่เสริมปราณเข้าไปไม่ได้ แม้จะถูกชดเชยด้วยความต่างของระดับ แต่ก็ช่วยได้ไม่มากมายนัก
เพราะฉะนั้น จุดแข็งอย่างเดียวที่บรันโด้มี นั่นก็คือ ...
“ผู้เล่นบรันโด้วิ่งไม่หยุดเลยครับ!!” พิธีกรรายงานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
มาตาร์ยืนตั้งท่าอย่างสงบนิ่งกลางลานประลอง ส่วนบรันโด้วิ่งพล่านไปทั่ว ก่อกวนทั้งไซโคและชูจินไม่หยุดมาได้สักพักแล้ว
ฟูวว! ผัวะ!
“บรันโด้ต่อยอุ๊บบส์!!” ชูจินง้างปากจะตะโกนอะไรออกมาสักอย่างแต่กลับถูกบรันโด้ที่วิ่งอยู่เข้ามาต่อย ทำให้เขาเสียจังหวะไป
ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก! ผัวะ!
สาวสองมิติถูกบรันโด้เข้าพัวพันทำให้ไปโจมตีมาตาร์ไม่ได้ ในระหว่างนั้นไซโคก็ทำท่าจะวาดภาพอะไรสักอย่างขึ้นมาอีก แต่บรันโด้ก็ปรี่เข้ามาโจมตีไซโคได้ทันท่วงที ขัดจังหวะการวาดภาพไป แล้วก็กลับมาซัดกับสาวสองมิติต่อ โดยที่แทบจะไม่เสียจังหวะเลย
“น่ากลัวจริงๆครับผู้เล่นบรันโด้ เขาโจมตีทั้งไซโค ชูจิน และภาพของไซโคไปพร้อมๆกัน อย่างกับแยกร่างได้เลยครับ” เสียงพิธีกรรายงานต่อไป
สิ่งที่บรันโด้สามารถทำได้ คือการไม่หยุดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เขามี เพราะความอึดที่ไม่มีวันลด เขาจึงสามารถทำได้แบบนี้ ข้อควรระวังอย่างเดียวคือการโจมตีสวนแบบแรงๆเท่านั้นเอง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทีมไซโคชูจินจะขาดไป
‘อู้หู! อยู่ๆบรันโด้มันก็เปลี่ยนสไตล์แฮะ’ มาตาร์คิดขึ้นมาในขณะที่ยืนตั้งท่าฟื้นพลังปราณและเตรียมรับมือคู่ต่อสู้ถ้ามีใครหลุดเข้ามาถึงตัวเขาได้
‘ตัวเราย่อมมีสถานที่ของตัว นี่ล่ะพี่มาตาร์ที่ของผมล่ะ’
บรันโด้ที่ได้รับคำพูดของมาตาร์ก่อนการประลอง พยายามที่จะลดความแตกต่างของฝีมือด้วยสิ่งที่เขามีอยู่ ซึ่งจริงๆสิ่งที่บรันโด้มีนั้นมันก็เยอะอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่ได้ใช้ออกมาเลยเท่านั้นเองแต่ค้วยคำพูดของมาตาร์ทำให้เขาคิดได้
“สุดยอด!!” ทันใดนั้นชูจินก็ตะโดนออกมาพร้อมกับเอาสตอรี่บอร์ดตีหัวตัวเอง
บรันโด้ไม่มีโอกาสเข้าไปแทรกแซงเพราะมันเป็นคำพูดแค่สองพยางค์เท่านั้น แถมยังโจมตีใส่ตัวเองอีกด้วย มันเร็วเสียจนเขาไม่มีจังหวะจะเข้าไปก่อกวน
ทันใดนั้นร่างกายของชูจินเหมือนเปลี่ยนไป จากร่างที่ดูผอมแห้ง กลับดูตัวใหญ่ขึ้นมาอีกเท่าตัว
ปึ้ก!! หมับ!
หมัดของบรันโด้เหวี่ยงเข้าใส่ชูจินอย่างจัง แต่กลับถูกมือของชูจินจับเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ฮ่าๆๆ แกทำอะไรไม่ได้หรอก ตัวข้าในร่างนี้มีพลัง ความเร็ว และพลังป้องกันสุดยอด” ชูจินกล่าว น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป เสียงที่นุ่มนวลเปลี่ยนเป็นเสียงที่แหบห้าว
นี่คือท่าไม้ตายสุดท้ายของชูจิน มันคือคำสั่งควบคุมตัวเอง เมื่อเขาไม่มีโอกาสที่จะตะโกนอะไรออกมาได้เพราะคำสั่งต้องชัดเจนถึงผู้ที่ต้องการจะควบคุมทั้งชื่อเป้าหมายและรายละเอียดที่ต้องทำ สุดท้ายสิ่งที่เขาทำได้มีเพียงสั่งตัวเองเท่านั้น ด้วยคำสั้นๆสองพยางค์ ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องแลกกับพลังวิญญาณที่เหลืออยู่ทั้งหมดเพราะเขาไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนคำสั่งแล้ว
ดังนั้นศึกนี้จึงวัดกันว่า พลังวิญญาณของชูจินจะหมดก่อนที่จะกำจัดคู่ต่อสู้ได้หมดหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นเมื่อพลังวิญญาณหมด เขาก็จะตัวเปล่าเล่าเปลือยทันที
“ฮ่าๆๆ ตายซะ” ชูจินแค่นเสียงออกมา เขาจับร่างของบรันโด้ชูขึ้นแล้วเหวี่ยงลงพื้นราวกับว่าตัวของบรันโด้ไม่มีน้ำหนัก
แต่ทันใดนั้น มาตาร์เคลื่อนตัวมาอย่างรวดเร็วแล้วใช้กงจักรลมขนาดใหญ่ ขวางร่างบรันโด้กับพื้นดินเอาไว้
วูบ!! พิ้ง!!
ร่างของบรันโด้เหมือนกระแทกเข้ากับพื้นสปริง ตัวของเขาลอยขึ้นมา
ผัวะ!
แล้วก็มาตาร์เตะเข้าที่มือของชูจิน ทำให้ร่างของบรันโด้เป็นอิสระทันที
“บรันโด้!! ไปจัดการเจ้าไซโคให้หน่อย ทางนี้พี่รับมือเอง” มาตาร์ตะโกนบอก ขณะที่บรันโด้ยังลอยอยู่กลางอากาศ
ปราณของมาตาร์ซึ่งฟื้นขึ้นมาได้เล็กน้อย มีใช้ไม่มากนัก ศึกนี้มาตาร์จึงต้องอาศัยจังหวะการปล่อยพลังที่ได้ประโยชน์สูงที่สุด ไม่อย่างนั้นมาตาร์ก็จะเหลือแต่ตัวเปล่าๆเหมือนกัน
วูบบ!!
ชูจินที่ต้องแข่งกับเวลากวาดมืออย่างเร่งรีบเข้าใส่มาตาร์ทันที ทั้งความเร็วและกำลังล้วนสุดยอดอย่างคำสั่งของเจ้าตัวจริงๆ แต่มาตาร์อาศัยลมรับรู้ตั้งรับเอาไว้แล้ว
ชายหนุ่มผมแดงเคลื่อนตัวหลบฝ่ามือที่ดูราวกับจะกวาดภูเขาทั้งลูกให้หายไปได้อย่างฉิวเฉียด แล้วใช้เคล็ดเท้าไร้เงาเร่งความเร็วสูงสุดที่การโจมตีครั้งนี้ทันที
ผัวะ!!!
“อ๊าคคคค!!” ชูจินร้องตะโกนลั่น ทรุดลง เอามือกุมเป้าของตัวเองเอาไว้ ใบหน้าของเขาบ่งบอกว่า ‘มันเจ็บมากๆ เจ็บสุดๆ เจ็บไม่ไหวแล้ว’
“แก!! เล่นสกปรก!!” ชูจินแค่นเสียงออกมาด้วยความแค้น เขาไม่คิดว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะโจมตีจุดยุทธศาสตร์กันแบบนี้ นี่มันไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว
ผัวะ!! ผัวะ!! ผัวะ!!
“อ๊าคคค!! ม่าย~ย!!”
มาตาร์ไม่สนใจ อ้อมไปเตะซ้ำที่เดิมอีกครั้งแบบเต็มๆเท้า ขณะที่มือของชูจินก็ขวางทางอยู่ แต่มาตาร์ก็ไม่ปรานี เขากะว่าจะทำลายทั้งมือทั้ง‘ไอ้นั่น’ไปพร้อมๆกันเลย
สุดท้ายแล้ว ชูจินก็นอนคว่ำ ตัวงอ ตาเหลือก สลบคาที่ไปทั้งอย่างนั้น คนดูแต่ละคนที่เห็นภาพต่างเบือนหน้าหนีเพราะจินตนาการถึงความเจ็บปวดที่ชูจินได้รับตามไปด้วย โดยเฉพาะท่านชายทั้งหลาย
“โหดร้ายจริงๆครับผู้เล่นมาตาร์ เขาเตะผ่าหมากใส่ผู้เล่นชูจินจนสลบเหมือดไปเลย ผมไม่อยากจะคิดจริงๆว่ามันจะเจ็บปวดและทรมานขนาดไหน” พิธีกรบรรยายอย่างเห็นใจ
ส่วนไซโคกับบรันโด้ต่างยืนนิ่งค้างไปตั้งแต่เห็นมาตาร์รัวเตะใส่เป้าชูจินไม่ยั้งแล้ว ในใจทั้งคู่ยากจะคาดเดา อาจจะรู้สึกว่าตนโชคดีที่ไม่ได้ต่อสู้กับบุรุษผมแดงผู้ไร้จรรยาบรรณผู้นี้
กร๊อบบ!!
ในขณะที่ทุกคนกำลังยืนมึนกับสภาพของชูจินอยู่นั้น มาตาร์ก็ซ้ำโจมตีไปที่ชูจินที่นอนสลบอยู่ทันที โดยการปล่อยน้ำหนักลงไปที่ต้นคอของชูจินที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ส่งผลให้ชูจินคอหักแล้วก็สลายร่างไปทันที
“หึ การต่อสู้ถึงตายมันมีสกปรกหรือขาวสะอาดด้วยเรอะ” มาตาร์เพิ่งจะมาตอบคำของชูจินหลังจากที่เขาตายไปแล้ว ‘คราวหน้าต้องฝึกเคล็ดความเร่งใส่ลูกเตะบ้างแล้วแฮะ จะได้ไม่ต้องเตะซ้ำหลายครั้งแบบนี้ จะต่อยก็ไม่อยาก’
เมื่อร่างของชูจินสลายไป บรันโด้กับไซโคเหมือนตื่นจากภวังค์ ทั้งคู่สู้กันต่อทันที
ส่วนมาตาร์พุ่งเข้าไปสู้กับสาวสองมิติ
ผัวะ!! ผัวะ!! ผัวะ!!
“อ๊อค!!”
บรันโด้ซัดเข้าใส่ไซโคอย่างง่ายดายจนน่าแปลกใจ
‘อ้าว ทำไมคราวนี้ง่ายจัง’ บรันโด้คิดขึ้นมาพร้อมกับส่งหมัดเข้าไปที่ลำตัวของไซโคอีกหลายหมัด
จริงๆแล้วก่อนเริ่มการต่อสู้ ชูจินได้ใส่เวทลงไปเพื่อเพิ่มพลังให้ไซโคอยู่ก่อนแล้ว ‘ไซโคแข็งแกร่งสุดๆ’ ดังนั้นเมื่อชูจินตายไป เวทที่ควบคุมไซโคอยู่จึงหมดสภาพไป ทำให้บรันโด้โจมตีไซโคได้ง่ายขึ้นมาก
ฟุบ! ฟุบ! ควับ!
ส่วนมาตาร์ตอนนี้ต่อสู้อย่างสูสีกับสาวสองมิติ การต่อสู้ระยะประชิดที่แทบจะทำอะไรกันไม่ได้เลย ทั้งคู่สามารถหลบการโจมตีของกันและกันได้ทั้งหมด
เปรี้ยงงง!!
สุดท้ายหมัดของบรันโด้ก็แผลงฤทธิ์ซัดเข้าใส่ไซโคเต็มแรง จนไซโคร่างกระเด็นไถลไปกับพื้น ตีลังกาไปหลายตลบเหมือนหุ่นกระบอกสายขาดที่โดนเหวี่ยงไปกับพื้น ก่อนที่ร่างจะสลายไปในที่สุด
และเมื่อไซโคตาย สาวสองมิติก็เลือนหายไปเหมือนกัน
“เราได้ทีมผู้ชนะแล้วครับ นั่นก็คือทีมมาตาร์บรันโด้ครับผม!!” พิธีกรประกาศผู้ชนะ
เฮ!! เฮ!! เฮ!!
หมู่ผู้ชมส่งเสียงเชียร์ลั่นลานประลองที่รู้ตัวผู้ชนะ
มาตาร์กับบรันโด้เดินกลับเข้าไปหลังเวทีทันที
“แจ๋วมากบรันโด้” มาตาร์เอ่ยชมพร้อมยื่นหมัดไปหาบรันโด้
ปึ้ก!
“เรื่องเล็กครับ” บรันโด้ยิ้มแล้วเอาหมัดของตนมากระทบหมัดของมาตาร์
ในที่สุดบรันโด้ก็สามารถภาคภูมิใจในตัวเองได้สักที แต่นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายในภายหลังก็ไม่อาจทราบได้ ถ้ารู้ว่าทั้งสองจะต้องแตกหักกันในเวลาอีกไม่นานนักหลังจบการประลองครั้งนี้
“ต่อไปเป็นการประลองของทีมบาซาร่าเอมิเลีย และราตรีเมโลดี้ครับ!” พิธีกรประกาศรายชื่อผู้เข้าประลองรอบต่อไป
มาตาร์กับบรันโด้กลับเข้ามาในห้องพัก ทั้งคู่พักผ่อนและฟื้นพลังเพื่อรอการประลองรอบต่อไป ซึ่งน่าจะเริ่มอีกในเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง เพราะเหลือการประลองแบบสามคน สี่คน และห้าคน อย่างละสองยกเท่านั้น
ที่ลานประลอง
เสียงดังกระหึ่มออกมาจากอาวุธของบาซาร่าและเอมิเลีย
บาซาร่าเป็นชายหนุ่มผมดำตั้งชี้สวมแว่นทรงกลมสีฟ้าหน้าตาจริงจัง ส่วนเอมิเลียเป็นหญิงสาวผมยาวสีเขียวดวงตาคมสวย
“เมล!! ยังไหวมั้ย!!” ราตรีตะโกนถามเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วงทั้งๆเลือดไหลออกมาจากหูและตาและจมูกของเธอ
“ชั้..นยั..งไห..ว” เมโลดี้พูดกลับอย่างอ่อนแรง สภาพของเธอไม่ได้ต่างจากราตรีเลย
ตุบ!
แล้วเมโลดี้ก็ล้มลงไปในสภาพจมกองเลือด
“เมล!! ชั้น ...ต้อง ...ชนะ ..เพื่..อ ..เค้..า” ราตรีฝืนพูดออกมาในสภาพร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสเมื่อเห็นเพื่อนสาวล้มลงไป
ตุบ!!
ในที่สุดราตรีและเมโลดี้ก็ล้มลงไม่ไหวติง ทั้งๆที่เวลาประลองผ่านไปไม่ถึงสองนาที
บาซาร่ามองคู่ต่อสู้ของเขาด้วยสายตาอันผิดหวัง
“อีกแล้วเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มผมตั้งบ่นออกมาอย่างท้อแท้ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปหลังลานประลองเพื่อพักผ่อน
“และผู้ชนะคือทีม บาซาร่าเอมิเลียครับ!!” เสียงพิธีกรดังลอดเข้ามาในห้องพักของมาตาร์กับบรันโด้
‘ผ่านไปไม่ถึงสองนาทีเลยเนี่ยนะ!? พวกเธอปลอดภัยกันมั้ยเนี่ย’ มาตาร์ตกใจมากที่ทีมของราตรีและเมโลดี้แพ้
เมื่อมาตาร์คิดได้แล้วก็เดินออกจากห้องพักไปเพื่อจะไปดูว่าราตรีกับเมโลดี้ตายจากการประลองหรือไม่ แล้วเขาก็เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ประจำสนามประลองหามร่างของราตรีและเมโลดี้เข้ามาด้วยเปล
“ราตรี!! เมล!!” มาตาร์ตกใจมาก สภาพของทั้งคู่สลบไม่ได้สติ และที่สำคัญดูบาดเจ็บอย่างหนักด้วย เพราะเลือดออกมาตามหูตามปากเละเทะไปหมด
“เอ่อ ...ทั้งคู่เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ” มาตาร์ถามเจ้าหน้าที่ที่หามสองสาวเข้ามา
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ ใช้น้ำยาฟื้นพลังก็ช่วยได้ แล้วก็นอนพักผ่อนอีกหน่อยเพื่อปรับระบบประสาทนิดหน่อย คู่ประลองของบาซาร่าเอมิเลียเป็นแบบนี้ทุกคนแหละครับ พวกเราชินกันหมดแล้ว” เจ้าหน้าที่ตอบ
“หา? ชินแล้ว?” มาตาร์สงสัยขึ้นมาว่ามันหมายความว่าอย่างไร ไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ครั้งนี่เองเหรอ
“บาซาร่าเอมิเลียเป็นขาประจำของการประลองประจำสัปดาห์อยู่แล้วครับ ยังไม่เคยแพ้ใครเลยด้วย” เจ้าหน้าที่ตอบกลับมา
มาตาร์ยืนนิ่งอึ้งไปทันที ‘นี่เรากำลังจะต้องไปต่อสู้กับแชมป์ผู้ไม่เคยแพ้ใครเหรอเนี่ย’
และมีเรื่องสำคัญอีกอย่างที่มาตาร์ไม่รู้นั่นก็คือกฎการประลองที่เปลี่ยนไปในรอบจริงที่บอกว่า ถ้าอีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถต่อสู้ได้แล้ว ให้อีกฝ่ายก็ชนะไปนั้นตั้งขึ้นมาเพราะทีมบาซาร่าเอมิเลียนี่โดยเฉพาะ เพราะทั้งคู่ไม่เคยฆ่าคู่ประลองฝ่ายตรงข้ามเลย โดยไม่มีใครเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทั้งคู่ถึงไม่ฆ่าคู่ประลอง
ช่วงพักที่เหลือนั้น มาตาร์คอยไปนั่งดูเมโลดี้และราตรีอยู่ใกล้ๆด้วยความเป็นห่วง เขายังอุตส่าห์เปลืองพลังปราณธาตุลมของเขาถ่ายทอดให้ทั้งสองสาวเพื่อเยียวยาทั้งคู่อีกด้วย
“อืมม” ราตรีได้สติขึ้นมา
“คุณราตรี เป็นยังไงบ้างครับ” มาตาร์ถามขึ้นมาในขณะที่มือของเขาสัมผัสไหล่ของราตรีอยู่เพื่อถ่ายพลังปราณให้
ราตรีรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าชายหนุ่มกำลังถ่ายปราณให้เธอผ่านมือนั้น
“นายทำอะไรน่ะ!!” ราตรีเสียงดังขึ้นมาด้วยความตระหนก
“ถ่ายปราณไงครับ” มาตาร์ทำหน้างงๆตอบกลับไป มันไม่น่าจะสงสัยเลยนี่นา ก็เห็นอยู่
“เดี๋ยวนายต้องประลองไม่ใช่เหรอ!!” ราตรีเปลี่ยนเสียงเป็นตะโกน
“ใช่ครับ” มาตาร์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนไม่เข้าใจว่า ‘ประลองแล้วไงเหรอ?’
“แล้วมาเปลืองปราณกับพวกชั้นทำไม!!” ราตรีลุกขึ้นมาแล้วสะบัดมือของมาตาร์ออกจากไหล่เธอทันที
“ปราณธาตุลมนี้ ผมรับมาเพื่อใช้แบบนี้เป็นหลักอยู่แล้วครับ” มาตาร์ยิ้มแย้มตอบกลับมาเหมือนมันเป็นเรื่องที่สมควรทำ
มันเป็นเรื่องจริงที่เขาไปรับภารกิจธาตุลมมาเพื่อที่จะใช้ปกป้องสิ่งรอบตัวของเขา และเขาจะไม่เสียดายมันถ้ามันจะสามารถทำหน้าที่ของมันได้
ราตรีมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาทันที นี่เธอทำให้เขาต้องมาลำบากเพราะเธออีกแล้วเหรอเนี่ย นี่เธอจะขอช่วยแบ่งเบาอะไรให้เขาสักอย่างไม่ได้เลยเหรอ ทั้งๆที่เป้าหมายการประลองของเธอกับเมโลดี้คือการยอมแพ้เมื่อถึงรอบชิง เพื่อที่มาตาร์จะได้รับรางวัลที่เขาอยากได้ แต่กลายมาเป็นเขาต้องมาเปลืองแรงเพราะพวกเธอแทน
“ทำไมนายถึงทำแบบนี้ ฮึก!” ราตรีพูดขึ้นมาพร้อมกับเสียงที่สะอึกสะอื้นขึ้นมาทันที น้ำตาเธอไหลออกมาช้าๆ
มาตาร์ไม่คาดคิด เขาไม่เคยเห็นราตรีที่มีสภาพอ่อนแอเช่นนี้เลยสักครั้ง ราตรีที่เข้มแข็งตลอดเวลา
“เอ่อ ...คุณราตรี ผมขอโทษ” มาตาร์พูดออกมาเหมือนกับรู้สึกผิดว่าเขาเป็นต้นเหตุหรือเปล่า เขาไม่เข้าใจว่าหญิงสาวตาคมคนสวยนี้ร้องไห้เพราะอะไรกันแน่
“ไม่ต้องมาขอโทษชั้น!!” ราตรีตะโกนออกมา ‘นายไม่ได้ทำอะไรผิด ชั้นต่างหากที่ผิด’
“คุณราตรี” มาตาร์พูดขึ้นมาอีกอย่างหงอยๆ
“ไม่ต้องมาเรียกชั้นว่าคุณราตรี ชั้นไม่ชอบ!!” ราตรีตะโกนออกมาอีก เธอเอามือขึ้นมาปาดน้ำตาออกไป คราวนี้เธอดูไร้เหตุผลจนมาตาร์งงแล้ว
“ผมขอโทษละกัน งั้นผมไปพักก่อนล่ะนะ” มาตาร์ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไรให้หญิงสาวคนนี้สงบลงได้ ทางที่ดีน่าจะปล่อยให้เธอสงบสติอารมณ์สักพักน่าจะดีกว่า
“เดี๋ยว!!” ราตรีร้องเรียกชายหนุ่มทันทีที่เขาทำท่าจะเดินจากไป ‘ทำไมนายถึงโง่แบบนี้นะ’
“ครับคุณรา...” มาตาร์ชะงักไป หญิงสาวเพิ่งบอกเขาไปว่าเธอไม่อยากให้เรียกชื่อเธอ
“ทีเมลนายยังเรียกซะสนิท ทำไมเวลาเรียกชั้นต้องมีคุณนำหน้าด้วยล่ะ” ราตรีโพล่งออกมา
มาตาร์ทำหน้างง ‘นี่โกรธเรื่องนี้หรอกเหรอเนี่ย’
“งั้นคุณอยากให้ผมเรียกคุณว่ายังไงล่ะครับ” มาตาร์ถามถึงความต้องการของหญิงสาว
“ไม่ต้องพูดสุภาพกับชั้นด้วย ชั้นยังพูดไม่สุภาพกับนายได้เลย ...เรียกชั้นว่ารัต” คราวนี้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาเมื่อบอกความต้องการของเธอออกไป
“อื้ม ...รัต” ชายหนุ่มขานรับ
ราตรีหน้าแดงขึ้นมาทันที คนที่เรียกเธออย่างนี้นอกจากเพื่อนสนิทอย่างเมโลดี้และครอบครัวของเธอแล้ว ก็เพิ่งมีชายหนุ่มคนนี้นี่แหละที่เรียกเธออย่างนี้ แต่มันก็เป็นความต้องการของเธอเองนี่นา
“ชั้นไม่ได้โกรธนาย ชั้นเสียใจที่ทำให้นายลำบากเพราะพวกเรา” ราตรีพูดออกมาเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเข้าใจผิดเธอไปในตอนแรก
“เรื่องเล็กครับ” มาตาร์ตอบสุภาพกลับอย่างเคยชิน แต่ราตรีส่งสายตาโกรธมาที่เขาอีกทำให้เขารู้ตัวแล้วเปลี่ยนคำพูดใหม่ “เรื่องเล็กน่ารัต” พร้อมกับยิ้มให้หญิงสาว
ราตรีได้ยินชายหนุ่มพูดกับเธอแบบเป็นกันเองแล้วก็ต้องเขินขึ้นมา
“ขอบคุณนายมากนะ ที่มาดูแลพวกเรา” ราตรีไม่ลืมที่จะขอบคุณชายหนุ่มที่สูญเสียปราณให้พวกเธอพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆให้
“งั้นชั้นไปพักก่อนนะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะรัต” มาตาร์เอ่ยลาหญิงสาวแล้วเดินออกจากห้องพักไป
หญิงสาวยังคงนอนอยู่บนเตียงพร้อมใบหน้าที่แดงซ่าน เธอไม่เคยพูดกับเขาตรงๆแบบนี้มาก่อนเลย
“แหม ...ทำคะแนนใหญ่เลยนะยะ” เสียงหญิงสาวอีกคนดังขึ้นมา
“มะ ...เมล!! ตื่นแล้วเหรอ” ราตรีหน้าแดงขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวของเธอแอบฟังอยู่
“ก็แกส่งเสียงดังขนาดนั้น ชั้นก็ตื่นน่ะสิ” เมโลดี้พูดขึ้นมา เธอรู้สึกตัวตั้งแต่ราตรีตะโกนคำแรกออกมาแล้ว
“แล้วทำไมแกไม่ลุกขึ้นมาคุยกับนายมาตาร์เค้าล่ะ” ราตรีพูดไปก็หลบตาเพื่อนสาวไปด้วย
“กลัวจะตื่นขึ้นมาแย่งซีนเพื่อนรักชั้นน่ะสิจ๊ะ” เมโลดี้ตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม
ราตรียังคงเงียบและเขินอาย ทำไมเธอกลับเสียท่าให้เพื่อนสาวตลอดเลยนะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังเป็นคนแซวเธออยู่เลย ตอนนี้กลับโดนแซวซะเองจนตอบโต้ไม่ได้เลย
“ฮึ” ราตรีล้มตัวลงนอนเอาผ้าห่มคลุมโปง
ในขณะที่เมโลดี้หัวเราะออกให้กับท่าทางเขินแบบแปลกๆของเพื่อนสาว
รอบชิงชนะเลิศ | |||||||
มาตาร์&บรันโด้ | บาซาร่า&เอมิเลีย | ||||||
ไซโค&ชูจิน | ราตรี&เมโลดี้ | ||||||
เอ็ดเวิด& อัลฟอนซ์ | กัลลี่ | โจทาโร่ | กัซ& กรีฟีซ | ||||
และแล้วตารางรอบชิงก็ออกมาแบบนี้
Rewrite tag: แก้คำบรรยายนิดหน่อย จัดหน้าใหม่
ความคิดเห็น