ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #26 : บทที่25: ธาตุลมของมาตาร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.97K
      132
      30 ธ.ค. 54

    บทที่25 ธาตุลมของมาตาร์

    มาตาร์ยังจำได้ดี ครั้งนั้นที่นาตาลี NPCแห่งอาคารรับรองที่ถนนทางเลือกแสดงให้ดู พลังธาตุลมที่ทำให้รู้สึกหอมหวานและเบาสบาย พลังที่จะปกป้องสิ่งรอบตัวของเขาไว้ได้ พลังแห่งการเยียวยา

    ตุ้บ!

    “ผมขอรับภารกิจธาตุลมครับ”

    มาตาร์เข้ามาถึงอาคารภารกิจได้ก็รีบติดต่อพนักงานต้อนรับทันทีพร้อมกับวางเงินสามหมื่นโกลด์ให้

    “เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานเห็นชายหนุ่มท่าทางเร่งรีบจึงไม่ถามไถ่มากความ รับเงินแล้วพาชายหนุ่มเดินเข้าไปที่หลังอาคาร

    ข้างในเป็นประตูเรียงกันเจ็ดบานเจ็ดสี

    “ธาตุลมประตูกลางค่ะ” พนักงานสาวตอบพร้อมผายมือไปยังประตูสีเขียวที่อยู่ตรงกลาง

    เมื่อรู้เป้าหมาย มาตาร์จึงรีบเดินไปที่ประตูทันที

    “คุณรู้แล้วเหรอคะว่าต้องทำอะไรบ้างในนั้น” พนักงานสาวถามที่เห็นชายหนุ่มไม่พูดอะไรเลย เหมือนว่ารู้ดีอยู่แล้ว

    “ไม่รู้ครับ” มาตาร์ตอบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พนักงานสาวแปลกใจอะไร

    “พลังธาตุประจำตัวจะให้พลังเมื่อมันตื่นขึ้นมา คุณแค่ทนรับกับสภาพการตื่นของพลังธาตุให้ได้เท่านั้นเองค่ะ โชคดีนะคะ” พนักงานสาวให้ข้อมูลก่อนจะเดินออกไป

    บางทีก็มักจะมีคนที่รีบร้อนแบบนี้มานานๆครั้ง แต่ข้อมูลที่จำเป็นต้องบอกก็ควรบอกก่อน

    ถ้างั้นก็เหมือนของราตรีเลยน่ะสิ ฮึฮึ ดูซิว่าใครจะสำเร็จก่อนกัน ถ้าเราสำเร็จทีหลังเท่ากับไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลยนะเนี่ย มาตาร์คิดถึงภารกิจที่มีลักษณะคล้ายกัน

    มาตาร์เดินเข้าไปในห้องหลังประตูสีเขียว แล้วเขาก็เห็น มันเป็นห้องทรงกลม มีพื้นวงกลมยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยอยู่กลางห้องเท่านั้นเอง

    ให้ยืนตรงนั้นมั้ง มาตาร์คิดแล้วก็เดินไปตรงพื้นที่ถูกยกขึ้นมานั้น

    แล้วมันก็เริ่มขึ้น

    “อึ้ก!!” มาตาร์รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาทันที

    “อ็อค!!” คราวนี้แขนและขาเหมือนเส้นเลือดจะปริแตก

    “อ๊าคค!!” มาตาร์ไม่กลั้นเสียงอีกต่อไป เพราะแขนขาของเขาเริ่มถูกบิดงอ กล้ามเนื้อทั้งตัวเหมือนถูกบีบ ความดันเลือดพุ่งขึ้นสูง ตามเนื้อตัวเริ่มมีแผลปริแตกออกมาของเส้นเลือด

    “ไอ้บ้าเอ๊ยย! มาทีเดียวให้มันเสร็จๆไปเลยสิวะ” เขาก่นด่าออกมา ท้ารบกับความเจ็บปวดเจียนตาย พร้อมกับโคจรปราณเพื่อเร่งพลัง ซึ่งเป็นการเร่งให้พลังธาตุยิ่งเกิดผลเร็วขึ้นอีก เนื่องจากสิ่งที่แปรเปลี่ยนเป็นพลังธาตุก็คือปราณนั่นเอง

    พลังธาตุลมคือการไหลเวียน เปลี่ยนแปลง การตื่นของพลังจะเป็นไปในแบบเลือดลมเดินเร็วผิดปกติ กล้ามเนื้อและเส้นเลือดทุกส่วนจะถูกบีบและดึง ราวกับจะฉีกกระชากร่างกายของผู้รับพลังให้เป็นชิ้นๆ กระดูกจะถูกบิดหักและถูกเยียวยาในตัวด้วยพลังประจำธาตุ บาดเจ็บและฟื้นตัวติดๆกันราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

    มาตาร์แทบไม่มีความรู้สึกอย่างอื่น นอกจากเจ็บเจียนตาย แต่เขาก็ยังโคจรปราณเพื่อเร่งให้มันเกิดผลอย่างต่อเนื่องพร้อมกับแผดเสียงทั้งหมดที่มีเพื่อระบายความเจ็บจากร่างกาย

    เจ็บหนักแป๊บเดียวดีกว่าเจ็บเบานานๆเฟ่ย

    สิบนาทีต่อมา ประตูสีเขียวถูกเปิดออก ชายหนุ่มที่หน้าตาอิดโรยเดินออกมา พร้อมกับเสื้อผ้าที่มีแต่รอยเลือด

    เขาไม่รีรอที่จะออกจากอาคารภารกิจธาตุประจำตัว แล้ววิ่งไปยังอาคารภารกิจเผ่ามังกรทันที

    พนักงานสาวประจำอาคารภารกิจธาตุเห็นชายหนุ่มวิ่งออกมา แล้วก็ต้องแปลกใจ มันเร็วเกินไปรึเปล่าเนี่ย?

    แต่เมื่อเธอเดินเข้าไปดูในห้องหลังประตูสีเขียว เธอก็เข้าใจจากการเห็นสภาพห้องที่เต็มไปด้วยเลือดสาดกระเซ็นไม่เว้นแม้แต่ที่เพดาน คงจะเร่งปราณให้เสร็จเร็วๆล่ะสิ ถ้าไม่หักโหมมากต่อจากนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก

    มันก็มีเหมือนกัน คนที่คิดแบบมาตาร์ที่เร่งพลังปราณเพื่อที่จะให้มันเสร็จไปเร็วๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้เวลากันประมาณนี้แหละ แต่หลังจากนั้นต้องพักฟื้นกันยาวเลย กว่าจะหายดี ซึ่งอาการนี้แม้แต่ยาฟิ้นพลังก็รักษาไม่ได้ เพราะเป็นอาการเฉพาะของการตื่นของพลังธาตุประจำตัวนั่นเอง

    แต่ชายหนุ่มผมแดงคนนี้ไม่พัก เพราะเขามีจุดหมายที่จะช่วยเหลือเพื่อนของเขาอย่างเร่งด่วน

    ในห้วงแห่งความทรมานของหญิงสาว สติของเธอแทบจะหลุดลอยไปแล้ว เธออยากจะตายๆไปซะด้วยซ้ำเพื่อให้พ้นจากความทรมานนี้ ติดเพียงแต่ว่ามีสัญญากับชายหนุ่มคนหนึ่งเอาไว้

    เขาบอกว่าเขาจะกลับมา เพราะฉะนั้นห้ามตาย ต้องทนให้ได้ จนกว่าเขาจะมา ทนเอาไว้ ราตรีได้แต่คิดเวียนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้นในความห้วงแห่งความทรมาน

     “พี่มาตาร์!!” เมโลดี้ต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพร่างกายของมาตาร์ แม้จะไม่เห็นบาดแผลที่ใดเลย แต่เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นและชุ่มโชกไปด้วยเลือดกับหน้าตาอันอิดโรยนั้น บ่งบอกว่าพี่ชายคนนี้ของเธอสมควรที่จะได้พักผ่อน

    มาตาร์เข้ามาถึงที่นอนของราตรีก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเอามือสัมผัสเข้าไปที่หน้าผากของหญิงสาวที่นอนทุรนทุรายอยู่ทันที แล้วสายลมอันแผ่วเบาทำให้หญิงสาวสงบลงอย่างเห็นได้ชัด

    “พี่มาตาร์! พักผ่อนก่อนดีมั้ยคะ สภาพพี่หนักกว่ารัตอีกนะ ไปทำอะไรมา” เมโลดี้มีน้ำเสียงร้อนรนด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเพื่อนของเธอจะดีขึ้น แต่พี่ชายคนนี้กลับดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกัน

    ชายหนุ่มที่หายไปเพียงสิบนาทีกว่าๆกลับมาในสภาพยับเยินขนาดนี้ หนักกว่าไปสู้กับสัตว์อสูรเสียอีก

    “ไม่ต้องห่วงเมล เดี๋ยวถ้าราตรีหายดีแล้วพี่ก็ไปพักผ่อนเองแหละ” มาตาร์พูดขึ้น เขานึกถึงเหตุการณ์ตอนที่สามสาวของเขาต้องสละตัวเองเพื่อถ่วงเวลาให้เขารอดจริงๆ ถึงแม้สุดท้ายเขาจะไม่รอดก็ตามทีเถอะ

    “เมล ไปเปิดห้องนอนในโรงแรมดีกว่า ถ้าราตรีหายทรมานแล้วจะได้พักผ่อนไปด้วยเลย” มาตาร์แนะนำ ซึ่งเมโลดี้ก็เห็นด้วย เพราะชายหนุ่มก็ต้องการการพักผ่อนเหมือนกัน บางทีขอให้เขาได้พักบ้างก็ดี

    ระหว่างเดินทางไปโรงแรม มาตาร์แบกร่างราตรีเอาไว้ที่หลังโดยไม่หยุดพลังธาตุลมเพื่อช่วยทุเลาความทรมานของหญิงสาวเลย โดยมีสาวใหญ่หนึ่ง กับสาวเล็กอีกสามเดินตาม

    ขณะที่ราตรีอยู่บนแผ่นหลังของชายหนุ่ม เธอรู้สึกเบาสบายอย่างบอกไม่ถูก ความเจ็บปวดทรมานก่อนหน้านี้ราวกับฝันไปเลยทีเดียว เธอหลับตาพริ้มและค่อยๆเคลิ้มหลับไประหว่างที่มาตาร์แบกเธอไปนี่เอง

    คืนนั้นเธอฝัน ฝันว่าผู้ชายคนที่เธอรอคอยกลับมาหาเธอ และเธอได้ใช้ชีวิตอยู่กับชายหนุ่มคนนั้น คนที่มีผมสีแดงประหลาดๆ คนที่เธอเคยด่าว่าเขา เคยตบเขา เป็นความฝันอันแสนหวาน

    “รัตหลับไปแล้วล่ะ สงสัยจะหายทรมานแล้วด้วยมั้ง ท่าทางจะฝันหวานซะด้วย ยิ้มไม่หุบเลย” เมโลดี้พูดขึ้นหลังจากเห็นเพื่อนสาวของเธอหลับอย่างเป็นสุขบนเตียงของโรงแรม

    “งั้นพี่ไปพักบ้างล่ะนะ เหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย” มาตาร์บอกกับหญิงสาว พร้อมๆกับพาสาวน้อยทั้งสามออกจากห้อง

    “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่มาตาร์ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะคะ” หญิงสาวกล่าวคำพูดที่ทำให้เขาต้องมาเจอเธออีก

    “อื้ม พรุ่งนี้เจอกัน” ชายหนุ่มตอบกลับไป ก่อนที่จะออกจากห้องของสองสาว เข้าไปสู่ห้องที่เขาจองเอาไว้

    เมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง เขามุ่งตรงไปที่เตียงนอนทันที แล้วก็ล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรง

    “โอย ไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว” เขาบ่นออกมาเบาๆ ก่อนที่จะผล็อยหลับไป

     

    “คุณมาตาร์ครับ” เสียงนุ่มๆดังขึ้นเรียกชายหนุ่ม

    “คุณมาตาร์ครับ” เสียงนั้นเรียกขึ้นอีกเมื่อเห็นชายหนุ่มไม่ยอมลืมตาขึ้นมา

    “อืม เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อย่าเพิ่งปลุกสิโฆเซ่ ... ...โฆเซ่?” ชายหนุ่มพูดชื่อพ่อบ้านของเขาแล้วจึงเอะใจ

    เขาลืมตาขึ้นมาทันที แล้วพบว่าเขานอนอยู่บนโซฟาในห้องสีขาว

    “อ้าว!!? ทำไม?” มาตาร์แปลกใจสุดๆ เมื่อสักครู่เขาจำได้ว่าหลับไปบนเตียงที่โรงแรมแน่ๆ

    “ทำไมผมตายอีกแล้วล่ะ” คราวนี้เขาไม่เข้าใจจริงๆ แค่ง่วงแล้วนอนหลับทำไมถึงตายได้ หรือว่ามีใครมาลอบสังหารกันแน่

    “หลังจากปลุกพลังธาตุแล้วควรจะพักผ่อนนะครับ ไม่ใช่หักโหม” โฆเซ่บอกสาเหตุของการเสียชีวิต

    “อ๋อ ...เหรอ” มาตาร์อึ้งไปนิดๆ คราวนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะตายจริงๆ เหตุบังเอิญแท้ๆ ...บังเอิญตาย

    “แต่ก็ถือว่าฟื้นตัวเร็วกว่าปกตินะครับ ไม่อย่างนั้นต้องนอนเฉยๆไปวันสองวันเลย” พ่อบ้านผู้มากอารมณ์ขันบอกถึงข้อดีของการตายในครั้งนี้

    “อืม ก็ดีเหมือนกัน จะได้ลองดูพลังใหม่นี่ซะเลย” ชายหนุ่มเริ่มเห็นด้วย ตายครั้งนี้คุ้มจริงๆ

     

    “คุณมาตาร์คิดว่าการแปลงปราณเป็นธาตุลม กับเวทธาตุลม แตกต่างกันยังไงครับ” โฆเซ่ถามหลังจากที่ทุกคนเข้ามาอยู่ในห้องฝึก

    “อืม...ปราณบังคับง่ายกว่าเวท” มาตาร์ตอบตามความเข้าใจ เพราะเขาสามารถบังคับปราณไปอยู่ส่วนไหนก็ได้ตามใจ แต่กับเวทแล้วมันยากกว่ากันมาก นอกจากที่มือแล้วเขายังบังคับพลังเวทไปที่อื่นไม่ได้เลย

    “นั่นก็ถูกส่วนหนึ่งครับ แต่กับผู้ที่ใช้เวทเก่งๆ นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย” พ่อบ้านผู้รอบรู้อธิบาย

    “ปราณออกจากตัวได้เท่านั้น ส่วนเวทออกมาจากจุดไหนก็ได้” มาตาร์ใช้ความรู้ที่โฆเซ่เคยบอก

    พลังเวทนั้นสามารถบังคับให้ปล่อยออกไกลจากผู้ปล่อยก็ได้ อย่างเช่นการทำฟ้าผ่า ใช้วิธีปล่อยพลังเวทบนฟ้า แต่การควบคุมก็ยากขึ้นและเสียเวลามากขึ้นด้วย

    “นั่นก็เป็นความต่างอย่างหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นปราณธาตุลมมีอะไรที่เหนือกว่าเวทธาตุลมล่ะครับ” โฆเซ่ถามลึกเข้าไปอีก

    เพราะจากคำตอบของมาตาร์ดูเหมือนเวทธาตุลมจะทำได้หลากหลายกว่าปราณธาตุลม แล้วทำไมเผ่ามนุษย์ถึงขั้นต้องไปทำภารกิจเพื่อที่จะแปลงปราณเป็นธาตุลมด้วย ทำไมไม่ใช้เวทธาตุลมไปเลยทีเดียว สะดวกกว่า

    แต่มาตาร์ก็ไม่รู้จริงๆจึงได้แต่เงียบ ทำตาปริบๆ

    “พลังธาตุประจำตัวจะแสดงผลตลอดเวลาเหมือนกับพลังของเผ่าพันธุ์ที่เปลี่ยนค่าสถานะของเผ่าพันธุ์อื่นครับ ในที่นี้ของคุณมาตาร์คือธาตุลม ...แล้วคุณมาตาร์ทราบมั้ยครับว่าหัวใจของธาตุลมคืออะไร” พ่อบ้านผู้รอบรู้เฉลยพร้อมถามคำถามต่อไป

    “ลมก็คือความเปลี่ยนแปลงไง” มาตาร์ตอบตามความทรงจำที่เขาได้ความรู้มาจากนาตาลี

    “ใช่ครับ และด้วยความสามารถรับรู้ในการเปลี่ยนแปลงของลม คุณมาตาร์สามารถหลบหลีกหรือคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ...ถ้าใช้พลังเป็นนะครับ” พ่อบ้านผู้รอบรู้ไม่ลืมที่จะใส่วรรคสุดท้ายลงไป กันเอาไว้ก่อนถ้ามาตาร์จะใช้พลังไม่เป็น

    “ลองฝึกดูเลยก็ได้ครับ ว่าพลังใหม่นี้ทำอะไรได้บ้าง” พ่อบ้านแนะนำ

    มาตาร์อยากจะลองมานานแล้ว ก็เลยใช้ปราณออกมาและพบว่ามันเปลี่ยนเป็นพลังลมได้ง่ายมาก แทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย แต่มันเหมือนกับมีลมพัดแผ่วๆออกมาจากตัวเท่านั้นเอง

    “จุดเด่นของพลังธาตุประจำตัวคือความสะดวกนี่แหละครับ เพราะมันเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว จึงไม่ยากเลยที่จะควบคุม” พ่อบ้านให้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อเห็นสีหน้าที่มาตาร์แสดงออกมา

    วูบ! วูบ!

    มาตาร์ลองสะบัดมือไปมา ก็พบว่าตัวเขาเหมือนกลายเป็นพัดอันใหญ่ ทำให้สามสาวน้อยเอาหน้ามาอังลมเล่นกันใหญ่

    “ตกลงแค่กลายร่างเป็นพัดลมยักษ์เองเหรอเนี่ย” มาตาร์เห็นผลลัพธ์แล้วก็ต้องผิดหวัง

    “คุณมาตาร์ต้องใช้จินตนาการมากกว่านี้ครับ ผมแนะนำให้ลองฝึกไม้ตายอีกซักท่าประกอบกับพลังธาตุลม หรือจะลองดัดแปลงของเดิมให้เข้ากันก็ได้นะครับ” พ่อบ้านหน้ายิ้มแนะนำ

    มาตาร์เคยเห็นนาตาลีใช้พลังลมกรีดอากาศมาแล้ว เขาซึ่งคิดอย่างอื่นไม่ออกจึงได้ลองทำบ้าง

    ฟูว!

    “ฮึ้ย!!” มาตาร์ส่งเสียงออกมาพร้อมกับทำท่าฟันมือใส่อากาศ แต่ผลกลับเป็นแค่ลมพัดออกมาธรรมดาๆเหมือนเดิม

    “เฮ่อ ...ยากแฮะ” มาตาร์บ่นออกมาถึงผลลัพธ์

    “การโจมตีระยะไกลตอนนี้คงยากเกินไปสำหรับคุณมาตาร์แหละครับ ถึงแม้ลมจะช่วยในการเคลื่อนที่ไปได้ไกลๆ แต่คุณมาตาร์ไม่มีอะไรจะให้เคลื่อนที่” พ่อบ้านแนะนำ

    “ยังไงโฆเซ่? ไม่มีอะไรจะให้เคลื่อนที่” มาตาร์ไม่เข้าใจ

    พ่อบ้านหน้ายิ้มจึงเรียกหินมาก้อนหนึ่ง ขนาดพอที่จะกำไว้ในอุ้งมือได้ แล้วส่งให้มาตาร์

    “นี่ไงครับ สิ่งที่จะให้เคลื่อนที่” พ่อบ้านเฉลย

    มาตาร์ถือก้อนหินเอาไว้แล้วนิ่งมองมันสักครู่ ก่อนที่จะแว้บขึ้นมา

    “อ๋อ! แบบนี้นี่เอง” จู่ๆมาตาร์ก็เกิดตรัสรู้ขึ้นมา

    เขากำก้อนหินเอาไว้ในมือ แล้วขว้างมันออกไป

    ฟิ้ว! เปรี้ยง!

    ก้อนหินบินไปจนสุดกำแพงอีกฝั่งหนึ่งซึ่งไกลกว่าห้าสิบเมตร โดยที่ระดับความสูงของก้อนหินไม่ลดลงเลย

    “แบบนี้สินะ” มาตาร์พูดเหมือนกับว่าพอใจในผลลัพธ์

    ชายหนุ่มสามารถขว้างก้อนหินออกไปโดยที่ไม่ถูกแรงต้านของอากาศเลย เพราะเขาอัดพลังลมลงไปในหินแล้วขว้างมันออกไปนั่นเอง พลังของก้อนหินซึ่งแฝงพลังลมจึงไม่ตกลงเลยแม้จะไกลเท่าไหร่ก็ตาม

    “สิ่งที่จะให้เคลื่อนที่คือแบบนี้สินะ แต่ผมใช้แต่ลมอย่างเดียว ก็เลยไม่รู้จะให้มันเคลื่อนที่ได้ยังไง แบบนี้ถ้าเป็นนักปามีดน่าจะเจ๋ง” มาตาร์หาวิธีใช้งานพลังลมแฝงวัตถุอย่างง่ายๆ

    “คุณมาตาร์ไม่ลองแฝงพลังใส่ลงไปในหมัดดูล่ะครับ” พ่อบ้านแนะนำอีกทางเลือกหนึ่ง

    “อืม ก็น่าลอง ถ้าจะต้องใช้เสียมีดทุกครั้งที่โจมตีคงจนแย่เลย” มาตาร์ยังคงห่วงเรื่องงบที่ใช้ถ้าจะเล่นปามีดจริงๆ

    โฆเซ่จึงเรียกก้อนหินออกมาให้มาตาร์ลองต่อยดู

    “ฮึ้บ!” มาตาร์เกรงพลังปราณใส่หมัด แล้วเปลี่ยนมันให้กลายเป็นลม ปรากฏว่ามีลมพุ่งออกมาจากหมัดแบบมั่วๆ

    ตุ้บ! ฟู้วว!

    “ไม่เห็นจะได้เรื่องเลยโฆเซ่ มันก็แค่หมัดที่มีลมพัดแรงกว่าปกติเองง่ะ” มาตาร์ไม่ค่อยพอใจหลังจากเห็นผลลัพธ์

    “มันขึ้นอยู่กับวิธีควบคุมลมครับ การปล่อยออกมาตรงๆออกจะง่ายไปซักนิดนะครับ” โฆเซ่แนะนำอย่างเป็นปริศนา

    มาตาร์มาลองคิดดู ถ้าไม่ให้ปล่อยออกมาตรงๆ จะให้ปล่อยออกมาตรงไหนล่ะ ปล่อยออกมาอ้อมๆหรือไง ...อ๊ะ!!’

    ชายหนุ่มเหมือนคิดอะไรได้ เขาลองปล่อยพลังลมออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้ปล่อยมันออกมาที่หมัดตรงๆ แต่กลับทำให้ลมหมุ่นวนอยู่รอบๆแขน เหมือนว่าแขนของเขาใส่ปลอกแขนที่เป็นลมหมุนวนอยู่

    พ่อบ้านมองดูด้วยความพอใจที่ชายหนุ่มคิดออกมาได้ หลังจากแนะเพียงเล็กน้อย

    ตู้ม! เปรี๊ยยะ!!

    หมัดเข้ากระแทกกับหิน จากนั้นพลังลมรอบๆทำให้เกิดรอยปริแตกออกไปอย่างกว้างขวาง จนในที่สุดหินทั้งก้อนก็แหลกสลายไป ด้วยหมัดที่เสริมพลังลมหมุนวน

    “สุดยอดด!” ชายหนุ่มรู้สึกทึ่งในความรุนแรงของท่าใหม่ของเขา “นี่ขนาดให้หมัดธรรมดาไม่ได้ใช้เคล็ดความเร่งเลยนะ

    “ถ้าเป็นในเกมอาจจะไม่แรงแบบนี้ แต่เอาแค่นี้ก่อนก็ได้ครับ ผมมีข้อแนะนำอีกอย่างที่อยากจะแนะให้คุณมาตาร์ฝึก” พ่อบ้านแนะนำเพิ่มเติม

    “ว่ามาเลยโฆเซ่ พร้อมเสมอ” มาตาร์ซึ่งดีใจเพราะได้ท่าไม้ตายใหม่คึกคักอยากลองของ

    “พลังเวทแฝงหมัดครับ” พ่อบ้านหน้ายิ้มกล่าว

    “หืม ถ้าทำแบบนั้นแล้วหมัดจะแรงขึ้นเหรอ” มาตาร์ถามด้วยความสงสัย

    “ลองดูดีกว่าครับ ใช้แต่เวทนะครับ ไม่ใช้ปราณ” โฆเซ่พูดจบก็เรียกหินออกมาก้อนหนึ่ง

    มาตาร์ปล่อยพลังเวทบริสุทธิ์ออกมาให้ครอบคลุมทั้งหมัด แล้วลองต่อยก้อนหินทันที

    ตุ้บ!!

    “หืม ...ไม่เห็นต่างจากหมัดธรรมดาตรงไหนเลยนี่” มาตาร์แปลกใจถึงผลลัพธ์ที่ได้ เขานึกว่ามันจะมีพลังรุนแรงกว่านี้เสียอีก

    “ใช่ครับ พลังเวทใช้เสริมพลังกายไม่ได้หรอกครับ แต่ผมอยากให้คุณมาตาร์ฝึกให้เคยชินเอาไว้” พ่อบ้านพูด

    “มันจะช่วยอะไรได้เหรอ ทำแบบนี้น่ะ” มาตาร์ถามอย่างสงสัย

    “มันเป็นการฝึกใช้ค่าจิตใจไงครับ ใช้เวทบ่อยๆสถานะจิตใจก็จะขึ้น แล้วเมื่อคุณมาตาร์ใช้เวทได้เมื่อไหร่ คุณมาตาร์จะเห็นผลลัพธ์ของมันเอง” พ่อบ้านให้คำตอบ

    ซึ่งการแฝงพลังเวทในการโจมตีนี้ ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างในอนาคตอีกด้วย ซึ่งโฆเซ่ไม่ได้บอกไป

    ชั่วโมงนั้น มาตาร์จึงฝึกต่อยหมัดแฝงเวท หมัดแฝงลม และลองแฝงมันทั้งสองอย่างในหมัดเดียวซะเลย จนเขาสามารถใช้ได้คล่องแคล่ว จนทุกหมัดสามารถแฝงพลังทั้งสองออกอย่างเป็นธรรมชาติ

    แล้วหนึ่งชั่วโมงแห่งการฝึกฝนก็จบลงอีกครั้ง

     

    Rewrite tag: ปรับหน้า เพิ่มเสียงเอฟเฟค แก้คำผิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×