ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่22: โซล่าร์ซิสฯซิลเวอร์!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.73K
      124
      21 ธ.ค. 54

    บทที่22 โซล่าร์ซิสฯซิลเวอร์!!

    เวลาประมาณแปดโมงเช้า ที่ลานกลางเมือง ร่างชายหนุ่มในชุดกางเกงในลายสก็อตก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับหมา แมว และนกอย่างละหนึ่งตัว

     “ใช้ร่างสัตว์ออกไปนะ พอหาผ้าคลุมยาจกมาห่มได้แล้วค่อยเปลี่ยนร่างเป็นคน ไม่งั้นมันโป๊เกินไป พวกโลลิค่อนมันเยอะ” มาตาร์บอกสาวๆก่อนออกจากประตู ชิ ไม่ยอมให้ใครดูหรอกเฟ่ย

    พรึบ!

    “หืม?” มาตาร์ส่งเสียงอุทานขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อมีคนเอาผ้าคลุมยาจกมาคลุมให้เขาอย่างแผ่วเบาจากทางด้านหลัง มาตาร์จึงหันกลับไปว่าเป็นใครหนอ แม้จะพอเดาได้ก็ตาม

    “ขอบคุณมากค่ะพี่มาตาร์ที่อุตส่าห์สละชีวิตไปเก็บยาแก้พิษเพื่อหนู” หญิงสาวผมยาวนัยน์ตาสีมรกตพูดขึ้น สายตาของเธอแฝงความนัยแห่งการขอบคุณไว้เต็มเปี่ยม และมีความรู้สึกอย่างอื่นแทรกมาด้วยอีกเกือบครึ่ง

    “นี่ของของนาย” หญิงสาวอีกคนก้มหน้าก้มตา ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มตรงๆ เธอละอายที่ก่อนหน้านี้พูดไม่ดีกับเขา ทั้งๆที่เขายอมตายเพื่อเพื่อนของเธอแท้ๆ ...และอาจจะยอมตายเพื่อเธอด้วย

    “ขอบคุณครับคุณราตรี” มาตาร์รับของจากราตรีอย่างไม่คิดมาก อู้ว นึกว่าจะไม่ได้คืนซะแร้ว

    ราตรียังคงนิ่งเงียบ หน้าแดง จนเพื่อนสาวต้องเอาศอกมากระทุ้ง ทำตามที่บอกไว้สิ สัญญาณจากเมโลดี้

    “เอ้อ ..มาตาร์” ราตรีเอ่ยขึ้นอย่างประหม่า

    “ครับคุณราตรี?” ชายหนุ่มขานรับในขณะที่เชคของในเข็มขัด อืม ไม่มีอะไรหาย จะได้ไม่ต้องรวบรวมใหม่

    “ชั้น...” หญิงสาวตาคมเอื้อนเอ่ยขึ้นอย่างยากเย็น ทำไมมันพูดยากอย่างนี้นะ

    “ผมอยากกินอาหารเหลาอ้ะ แต่ไม่มีเงินเลย เลี้ยงผมซักมื้อได้มั้ยครับ” มาตาร์ไม่ได้โง่ เขาทราบดีว่าหญิงสาวคนนี้ต้องการจะขอโทษเขา กับกิริยาบางอย่างที่เธอแสดงออกมา เพียงแต่เธอขี้อายเกินไปที่จะเอ่ยนั่นเอง แม่นี่ขี้อายกว่าที่คิดแฮะ

    “อื้ม เดี๋ยวชั้นจะเลี้ยงนายให้เต็มคราบเลย” หญิงสาวตาคมยิ้มขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าชายหนุ่มไม่ถือสาอะไรกับการกระทำของเธอ

    “ถ้าอย่างนั้นเลี้ยงชั้นด้วยคนนะจ๊ะ” เมโลดี้แทรกขึ้นมาอย่างสดใส

    “ยัยบ้า เธอต้องร่วมจ่ายกับชั้นต่างหาก มาตาร์เค้าตายเพื่อเธอนะ” ราตรีพูดแทงใจเพื่อนสาวทำเอาหน้าขาวๆของเธอแดงขึ้นมา

    “แล้ว น้องๆของนายล่ะ?” ราตรีถามขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าทั้งสามสาวน้อยก็คือสัตว์เลี้ยงของเขา เพราะตอนนั้นเขาก็ไม่ได้แนะนำตัวให้พวกเธอรู้จักกัน

    “อ๋อ อยู่นี่ไงครับ” มาตาร์ชี้ให้ดูหมา แมวและนกของเขา

    ทั้งสองสาวมีท่าทีแปลกใจ เพราะครั้งหลังสุดที่เจอ สัตว์เลี้ยงทั้งสามของชายหนุ่มยังไม่ได้มีร่างเป็นมนุษย์ให้เห็นเลย

    คลาร่า โมเรน่า และบราวนี่ในร่างสัตว์ วิ่งไปยังถังที่ใส่ผ้าคลุมยาจกเอาไว้ เปลี่ยนร่างเป็นเด็กหญิงสามคน แล้วหยิบเอาผ้าคลุมมาสวมคลุมร่างกายเอาไว้

    “อุ๊ย! น่ารักจังเลย” เมโลดี้ร้องอุทานขึ้นมาที่เห็นว่าสัตว์เลี้ยงทั้งสามกลายเป็นหนูน้อยน่ารักน่าชังสามคน ถึงคนหนึ่งจะมีแววตาดุไปหน่อยก็เถอะ

    “สาวๆมานี่ ถึงจะเคยเห็นกันแล้วแต่ก็ยังไม่เคยแนะนำให้รู้จักกันใช่มั้ย” ชายหนุ่มเรียกสามสาวน้อยมาใกล้ๆ เพื่อที่จะได้แนะนำทีละคนให้อีกสองสาวใหญ่รู้จัก

    “คนหน้าตาบ้องแบ๊วนี่คือคลาร่านะ” ชายหนุ่มแนะนำเด็กหญิงผมสั้นสีขาวให้ก่อน เด็กหญิงก็ยิ้มทักทายอย่างอ่อนหวาน

    “คนนี้โมเรน่า เห็นตาดุๆแบบนี้แต่ใจดีนะ” แม่แมวน้อยได้ยินคำแนะนำก็เชิดใส่ซะ ทำเอาอีกสองสาวอมยิ้ม

    “สุดท้ายบราวนี่ สาวเอ๋อประจำกลุ่ม” บราวนี่ฟังแล้วก็ยังเฉื่อยอยู่เหมือนเดิมทำเอาสองสาวเกือบหัวเราะออกมา

    “พี่คือเมโลดี้นะจ๊ะ เราคงเคยเจอกันแล้วแต่ไม่เคยคุยกันเนาะ” สาวนัยน์ตามรกตเคยเจอทั้งสามมาก่อนแล้วในร่างสัตว์

    “พี่ชื่อราตรีค่ะ ขอบคุณที่ช่วยพี่เอาไว้นะจ๊ะ” สาวผิวเข้มตาคมกล่าวถึงเรื่องที่พวกเธอช่วยกันสละชีวิตถ่วงเวลาฝูงนกเอาไว้

    หลังจากนั้นทั้งหกคนก็ไปกินอาหารในร้านอาหารจีน บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน แต่โต๊ะอื่นๆที่มองอาจจะหมั่นไส้เล็กๆที่ผู้ชายแต่งตัวยาจกถูกห้อมล้อมด้วยสาวๆน่ารักถึงห้าคน ถึงสามคนจะเป็นเด็กก็เถอะ แต่มันก็ยังน่าหมั่นไส้อยู่ดี

    “แล้วเดี๋ยวนี่จะไปทำอะไรกันต่อล่ะครับ” มาตาร์ถามถึงจุดมุ่งหมายของสองสาว ขณะนั่งกินอาหารด้วยกัน

    “พวกเราจะไปล่าเจ้างูนั่นอีกครั้ง คราวนี้เตรียมยาแก้พิษแล้วเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอีกแน่นอน” สาวตาคมกล่าว “นายไปด้วยกันกับพวกเรามั้ยล่ะ” พร้อมกับเชิญชวนอย่างยิ้มแย้ม

    “ผมยังต้องสะสมวัตถุดิบสำหรับภารกิจของผมน่ะครับ แล้วก็ต้องฝึกฝีมือให้สาวๆด้วย” มาตาร์บอกจุดมุ่งหมายที่แตกต่างออกไป ทำให้สองสาวหน้าเจื่อนลงนิดหน่อยที่รู้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้ไปด้วยกัน ซึ่งพวกเธอก็ไม่มีเหตุผลใดใดที่จะติดสอยห้อยตามไปกับเขาได้แม้จะอยากไปด้วยแค่ไหนก็ตาม

    หลังจากที่มาตาร์ตายลงอีกครั้งที่ป่าฝูงนกแล้ว เขาเห็นขีดจำกัดของเขาที่ไม่สามารถฝ่ามันไปได้ นั่นคือการตะลุยฝ่าป่าฝูงนก การที่เขาต้องยอมสละชีวิตของสาวน้อยทั้งสามมันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ เหตุการณ์ร้ายแรงกว่านี้อาจจะเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต แล้วมันอาจจะเกิดขึ้นบ่อยๆด้วย ถ้าเขาไม่มีความสามารถในการคุ้มครองทั้งสามสาวได้ ก็ต้องยอมสละชีวิตของทั้งสามอีกอย่างนั้นหรือ เขาจึงลอบตัดสินใจบางอย่างลงไป บางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงขีดจำกัดของเขาได้อย่างรวดเร็วที่สุด

    หลังจากการสังสรรค์ที่ร้านอาหารจบลง ทั้งหกก็แยกย้ายกันไป โดยสองสาวเพื่อนสนิทออกไปล่างูเห่า เพื่อที่จะได้สำเร็จภารกิจเปลี่ยนเผ่าของราตรี ส่วนมาตาร์และสามสาวน้อย...

    “สวัสดีค่ะ จะทำภารกิจธาตุประจำตัวของมนุษย์นะคะ” พนักงานสาวประจำอาคารภารกิจธาตุถามถึงความต้องการของชายหนุ่มผมแดง

    “ครับ” ชายหนุ่มตอบอย่างหนักแน่น

    มาตาร์คิดอย่างถี่ถ้วน สิ่งที่มีให้ใช้ในเกมนี้มีอยู่สามอย่าง คือปราณ เวทมนตร์ และพลังจิต ถ้าเขายังคงมุ่งที่จะเลือกเผ่าเทพ ปราณของเขาจะถูกบังคับให้เปลี่ยนลักษณ์ได้เฉพาะธาตุแสง ส่วนเวทมนตร์ตอนนี้ไม่อาจหวังพึ่งได้เลย เจ้าอสรพิษตาเดียวของเขายังไม่ค่อยจะเชื่อฟังสักเท่าไหร่ ถ้าคิดอยากจะฆ่าตัวตายอีกครั้งค่อยเรียกมันออกมา ส่วนพลังจิตต้องรอพัฒนาทักษะอาวุธให้ถึงระดับสามก่อนและถึงมีพลังจิต ทักษะส่วนใหญ่ที่เขาได้ยินมามันคือทักษะที่ช่วยในการเคลื่อนที่ซะมากกว่า

    ที่ชายหนุ่มต้องการคือ ทักษะที่โจมตีได้ในวงกว้าง และปกป้องทั้งสามสาวได้ ทางเลือกที่เหมาะที่สุดคือการละทิ้งความเป็นเทพซะ แล้วมุ่งหน้าสู่หนทางมนุษย์ที่มีธาตุประจำตัวได้เลย

    มาตาร์คุยปรึกษากับพ่อบ้านของเขาว่าควรจะเลือกธาตุอะไรดีในเจ็ดธาตุ ซึ่งผลก็ออกมาเหมือนกันคือ ทั้งคู่เลือก...

    “อยากได้ธาตุลมครับ” ชายหนุ่มบอกกับพนักงานสาว

    “สามหมื่นโกลด์ค่ะ” พนักงานสาวตอบกลับอย่างนอบน้อม

    “หา?” มาตาร์ลืมไปเลยว่าเขาไม่มีเงินขนาดนั้น ที่เหลืออยู่ในธนาคารมีแค่5,412Gเท่านั้น

    “งั้นเดี๋ยวผมมาใหม่ละกันครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมยิ้มเก้อๆออกจากอาคารไป หน้าแหกหมดโธ่เว้ย อุตส่าห์เดินเข้ามาซะมาดเข้ม แต่เขาก็ยังไม่ดูตัวเองอยู่ดีว่าถึงจะทำเข้มแค่ไหน แต่ใส่ผ้าคลุมยาจกอยู่มันก็เข้มไม่ออกหรอก

    “งั้นไปที่ร้านเวทมนตร์กันอีกซักรอบนะ โฆเซ่บอกว่ามีอุปกรณ์ที่ทำให้เวทเปลี่ยนไปด้วย” มาตาร์บอกกับสามสาวน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ร้านเวทมนตร์

    นัดประชุมด่วน เรื่องสำคัญมาก เที่ยงนี้เจอกันที่ลานกลางเมือง

    “หืม?” ชายหนุ่มเห็นข้อความขึ้นมาจึงเปิดดูแล้วเห็นว่ามันมาจากพวกโซล่าร์ซิสฯเรนเจอร์ เกือบลืมพวกนี้ไปเลยแฮะ มีธุระอะไรสำคัญนะ อีกประมาณสามชั่วโมง ไปดูหน่อยก็ได้มั้ง

    รับทราบ แล้วเจอกัน

    ชายหนุ่มส่งข้อความกลับไป แล้วก็มุ่งสู่ร้านเวทมนตร์ดั่งที่ตั้งใจตอนแรก

    “ผลึกเวทสินะครับ” เจ้าของร้านตัวอ้วนรับทราบถึงสิ่งที่มาตาร์ต้องการ แล้วเขาก็หยิบแผงไม้ที่มีก้อนหินหลากสีวางเรียงกันอยู่

    “มันคืออะไรครับเนี่ย” มาตาร์สงสัยในสิ่งที่เจ้าของร้านตัวอ้วนหยิบมันขึ้นมา

    “มันคือสิ่งที่ทำให้เวทในเกมนี้ไร้ขีดจำกัดครับ” ชายอ้วนโฆษณาเจ้าหินพวกนั้นซะใหญ่โต

    “ขนาดนั้นเลยเหรอครับ แล้วมันใช้ยังไงล่ะครับ” มาตาร์ถามด้วยความสงสัย

    “ใส่พลังเวทลงไปในผลึกครับ มันก็จะแสดงผลตามชนิดของผลึกครับ ยกตัวอย่างเช่นผลึกไฟก้อนนี้” เจ้าของร้านตัวอ้วนหยิบก้อนหินสีแดงขนาดอุ้งมือขึ้นมาแล้วนำมาใส่ในมือมาตาร์

    ชายหนุ่มมองก้อนหินด้วยความแปลกใจพร้อมกับคำถามที่ออกมาทางใบหน้า เอามาให้ผมทำไมครับ?

    “ลองใช้พลังเวทกับก้อนหินดูสิครับ” เจ้าของร้านกล่าว เมื่อเห็นสีหน้าอันงงงวยของมาตาร์

    พรึบ!

    “โว้ว!

    มาตาร์ลองใช้พลังเวทดู แล้วไฟลุกออกมาจากก้อนหินที่เขาถืออยู่

    “ผลึกเวทไม่ขึ้นอยู่กับสายเวทครับ ดังนั้นคนที่ยังไม่เลือกสายเวทหรืออยากใช้เวทที่แตกต่างจากสายเวทของตัวเองจึงชอบใช้กันมาก” เจ้าของร้านตัวอ้วนกล่าว

    ทำให้มาตาร์นึกถึงถุงมือที่ปล่อยสายฟ้าได้ของยัยแม่มดซารีน่าขึ้นมา

    “งั้นถ้าผมเอาก้อนหินพวกนี้ไปติดกับอาวุธหรืออุปกรณ์อื่นๆก็สามารถใช้เวทได้หลากหลายใช่มั้ยครับ” มาตาร์รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่เขาหาจริงๆในตอนนี้ก็ได้

    “ใช่ครับ พวกที่ชอบใช้เวทมนตร์หลายคนชอบเอามันมาทำถุงมือน่ะครับ เพราะมันสะดวกที่สุด เกมนี้ไม่นิยมไม้เท้าเวทมนตร์กันหรอกครับ เพราะมันดูเชย” เจ้าของร้านตัวอ้วนใส่ข้อมูลให้ชายหนุ่ม

    “แล้วก้อนนึงนี่ราคาเท่าไหร่ครับ” มาตาร์ถามราคา เขาชักจะสนใจมีมันสักก้อนหนึ่งแล้ว

    “ก็แล้วแต่ชนิดของผลึกน่ะครับ แล้วขอบอกนะครับ ว่าเราสามารถหาผลึกตามธรรมชาติที่มีคุณสมบัติพิเศษได้ด้วย คุณก็ลองหาผลึกในตำนานมาใช้ซักก้อนสิครับ ฮ่าๆๆ” เจ้าของร้านจุดประกายให้ชายหนุ่ม

    “สุดยอดด ...แล้วก้อนนี้ละครับ เท่าไหร่?” ชายหนุ่มเริ่มฝันขึ้นมาว่าเขาอาจจะหาผลึกเวทที่ปล่อยอุกกาบาตมาล้างโลกได้ แต่ตอนนี้เจ้าผลึกไฟก้อนนี้น่าสนใจที่สุด

    “ผลึกไฟก้อนนั้น5,000Gครับ ผมทำอุปกรณ์แถมให้ด้วยชิ้นนึง สนใจมั้ยครับ” เจ้าของร้านเสนอโปรโมชั่นที่น่าสนใจ

    แล้วมาตาร์ก็เดินออกมาจากร้านเวทมนตร์พร้อมถุงมือที่จุดไฟได้ที่แขนข้างซ้าย

    มาตาร์ที่คึกเพราะได้ของเล่นใหม่มาใช้ ไปฝึกกับสามสาวน้อยที่ป่าหมาหมู่ซึ่งมีศัตรูเยอะกำลังดีสำหรับเขา

    ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ! พรึ่บ!

    หมัดธรรมดาสลับกับหมัดที่ไฟลุกของเขาทำให้มีหมาย่างอยู่ตามพื้นหลายตัว

    “ฮ่าๆๆ ต่อไปนี้ไม่ต้องหาฟืนก็ย่างของกินได้แล้ว มีความสุขจริงๆ” ที่มาตาร์เลือกผลึกไฟก็เพราะเหตุผลนี้เป็นหลักนี่แหละ ประหยัดค่าอาหารได้ ถึงแม้ปกติจะตายก่อนหิวทุกทีก็เถอะ

    มาตาร์ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ในการฆ่าและฌาปนกิจหมู่หมาไปพร้อมๆกันถึง200ตัว และไม่ลืมที่จะฝึกการประสานงานของสามสาวน้อยด้วยการปล่อยตัวบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆให้พวกเธอจัดการด้วย ทำให้ระดับขึ้นจากเก้ามาเป็นสิบเก้าในเวลาอันรวดเร็ว การที่มีทั้งปราณ เวท และไม้ตายใช้งานส่งผลอันสำคัญมาก

    เงินที่ได้จากการฆ่าหมู่หมาก็เอามาแต่งตัวกันใหม่ เพราะมีแต่เข็มขัดเท่านั้นที่ยังอยู่จากการตายครั้งที่แล้ว

    หลังจากนั้น ที่ลานกลางเมือง เวลาเที่ยง

    “เราไปหาที่คุยกันเย็นๆเถอะครับ แถวนี้มันแดดร้อน” คริมซั่นชายหนุ่มผมสีส้มผู้เป็นหัวหน้าทีมพูดขึ้น

    “ไปนั่งร้านกาแฟตรงนั้นกันเถอะค่ะ” โรสสาวน้อยของกลุ่มชี้ชวนให้เข้าไปในร้านกาแฟที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำที่อยู่ไม่ห่างจากลานกลางเมืองมากนัก

    “อุ้ย! แล้วพวกหนูๆเป็นใครกันจ๊ะ” มาเจนต้ากระเทยของกลุ่มเห็นพวกสามสาวน้อยก็ทักขึ้นมา

    “อ๋อ พวกน้องสาวผมเองครับ เพิ่งได้ร่างมนุษย์กันมา เมื่อคราวที่แล้วพวกเธอก็ช่วยกันสู้กับเจ้าเสือนั่นไง จำได้มั้ย” มาตาร์ทบทวนความทรงจำให้กระเทยในชุดสีบานเย็นฟัง

    “อุ๊ยตาย! น่ารักกันจริงๆ เดี๊ยนจำได้แล้วค่ะ สบายดีกันมั้ยจ๊ะหนูๆ” มาเจนต้าก้มตัวลงมาทักทาย ในขณะที่สามสาวน้อยเกาะเอวมาตาร์เอาไว้แล้วทำท่าเหมือนกลัวสิ่งมีชีวิตที่พวกเธอไม่เข้าใจ ทำเอามาเจนต้ายิ้มค้าง

    หลังจากที่หาที่นั่งกันได้ การประชุมเครียดจึงเริ่มขึ้น

    “พวกเราคิดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับกลุ่มนักสู้ผู้ผดุงความยุติธรรมคืออะไร” คริมซั่นเปิดประเด็น มาตาร์เริ่มมีสีหน้างง ว่ามาพูดกันเรื่องนี้หรือนี่

    “ต้องมีห้าคนค่ะและห้าสีค่ะ” โรสสาวน้อยสีชมพูของกลุ่มโพล่งออกมา

    “ถูกต้อง!! แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้เราก็ไม่ต้องกังวลกับมันอีกแล้ว” คริมซั่นกล่าว มาตาร์มีสีหน้าวิตกขึ้นมาทันที อย่าบอกนะว่านับตูรวมเข้าไปแล้วน่ะ

    “ทีมเวิร์คใช่มั้ย” อาเชอร์ที่นิ่งเงียบมานานพูดขึ้น

    “ไม่ใช่!! ถึงทีมเวิร์คจะสำคัญ แต่มันไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญที่สุด บางทีมก็ต้องมีเรื่องระหองระแหงกันบ้างเพื่อเพิ่มดราม่าในชีวิต” คริมซั่นพูดออกมา ทำเอามาตาร์ยิ่งเง็งว่ามันจะมีดราม่าหาเรทติ้งไปไหน

    “งั้นคงจะเป็นความแปลกใหม่ใช่มั้ยล่ะฮ้า” มาเจนต้าผู้มาดมั่นในความแปลกของตัวเองพูดขึ้น

    “อืม...ใกล้เคียง แต่นั้นถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะทีมอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องกังวล” คริมซั่นทำสีหน้าครุ่นคิดต่อไป

    “ต้องมีมาสคอตน่ารักๆค่า!!” แม่หมาน้อยคลาร่าเข้าร่วมแจมด้วยทันทีโดยหวังเอาไว้ว่าเธออาจจะได้เป็นสัญลักษณ์ของทีมก็ได้

    “เป็นแมวสิดี”

    “เป็นนก”

    แม่แมวโมเรน่าที่นิ่งเงียบเหมือนไม่สนใจกับแม่นกบราวนี่จอมเฉื่อยยังขอมีส่วนร่วมบ้าง ท่าทางกลุ่มผู้ผดุงความยุติธรรมจะเป็นอะไรที่เด็กวัยนี้ชอบกันจริงๆ

    มาตาร์รู้สึกเหมือนอยู่กันคนละโลกกันกับพวกนี้จึงได้แต่นิ่งเงียบและฟังไปเรื่อยๆ โธ่ แม่หมาน้อย แมวน้อย และนกน้อยของชั้น

    “ผิดๆๆ! ผิดทั้งหมด!! มันคือความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้ร่วมทีมต่างหาก!! ความแตกต่างคือสิ่งที่เราต้องการ!!” คริมซั่นเหมือนติดไฟขึ้นมาเมื่อไม่มีใครตอบได้ตรงใจของตนเองสักที

    “ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้นล่ะคะ” โรสเถียงออกมา ถ้ามีความแตกต่างกันในทีมแล้วมันจะเป็นทีมเดียวกันได้อย่างไร

    “หึ! ละอ่อน!! โรส!! มาเจนต้า!! พวกเธออยากเป็นเผ่าอะไร” คริมซั่นซึ่งเริ่มมันในอารมณ์ถามทั้งเต็มสาวและครึ่งสาว

    “เป็นเผ่ามารไง” ทั้งคู่ที่โดนถามตอบออกมา

    “อาเชอร์!! นายอยากเป็นเผ่าอะไร” คริมซั่นหันมาถามอาเชอร์บ้าง

    “มังกร” อาเชอร์ตอบ

    “ใช่แล้วชั้นก็อยากได้เผ่ามังกรในตอนแรกเหมือนกัน” คริมซั่นพูดออกมาด้วยเสียงอันสื่อได้ถึงความผิดหวัง

    “แล้วมันทำไมเหรอคะ” โรสสงสัยขึ้นมา เป็นมารกับมังกรมันไม่ดีตรงไหน

    “มันไม่สมควรยังไงล่ะ!!” คริมซั่นเสียงดังขึ้น

    “ยังไงเหรอคริมซั่น!” เป็นอาเชอร์ที่เริ่มวิตกด้วย

    “มังกรสองคนกับมารสองคน ...มันซ้ำกันไม่เห็นเหรอ!!” คริมซั่นพูดถึงเหตุผลหลักออกมา ซึ่งมันดูงี่เง่ามากๆในความคิดของมาตาร์ ซ้ำกันแล้วมันเป็นยังไงเหรอ?

    “จ...จริงด้วย” อาเชอร์พอได้ฟังเหตุผลเหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมา ทำไมเขาถึงได้พลาดตรงนี้ไปได้นะ

    อีกทั้งสองคนที่เหลือก็มีสีหน้าไม่ต่างกับอาเชอร์ อารมณ์บ่งบอกว่าพวกเขาทำพลาดไปจริงๆ

     “ขอโทษค่ะ พวกเราพลาดไปจริงๆ” น้ำตาเริ่มไหลลงมาจากดวงตาของสาวน้อยของกลุ่ม

    อ้าวเฮ่ย! เรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย มาตาร์ไม่เข้าใจความคิดของพวกนี้เลยจริงๆ

    “ไม่เป็นไรผมได้เตรียมคำตอบในเรื่องนี้ไว้แล้ว โชคยังดีที่พวกเรายังไม่ได้ทำพลาดไป โอกาสในการแก้ตัวยังมีได้เสมอ” คริมซั่นสงบเสียงลง ลดบรรยากาศอันร้อนแรงของกลุ่มผู้ผดุงความยุติธรรมไปได้พอสมควร

    “ยังไงล่ะฮ้า” มาเจนต้าถามถึงทางออกในเรื่องความซ้ำซ้อนกันนี้ สีหน้ายังคงมีความกังวล

    “ในเมื่อเรามีห้าคน อะไรในเกมนี้ที่มันมีห้าพอดีบ้างล่ะ” คริมซั่นกระตุ้นคนอื่นๆในทีม

    ตกลงรวมตูเข้าไปจริงๆด้วยสินะ มาตาร์รู้ตัวในที่สุด

    “ธาตุธรรมชาติไง” อาเชอร์ตอบออกมาในที่สุด

    “ใช่ ธาตุธรรมชาติมีห้าอย่าง พวกเรามีห้าคน มันก็จะไม่ซ้ำกันแล้ว เป็นยังไงล่ะ” คริมซั่นบอกคำตอบที่คิดออกมาได้

    สีหน้าแต่ละคนเหมือนมีความยินดีขึ้นมา ในที่สุดพวกเขาก็แก้ไขความผิดพลาดอันร้ายแรงได้ ทีมห้าคนที่มีผู้มีความสามารถซ้ำกันมันจะดังได้อย่างไร จริงไหม

    “เนื่องจากพี่มาตาร์เป็นกำลังเสริมพิเศษของเรา เพราะฉะนั้นเชิญเลือกธาตุก่อนได้เลยครับ” คริมซั่นจัดแจงให้มาตาร์มีสิทธิเลือกธาตุประจำตัวก่อน คนอื่นๆที่เหลือก็จะเลือกธาตุอื่นๆเพื่อไม่ให้ซ้ำกัน

    เอ่อ...ที่คุยกันนี่พวกเอ็งถามข้าก่อนมั้ยวะเนี่ย ว่าอยากร่วมด้วยมั้ย มาตาร์ยิ้มแห้งๆ

    “พี่กะจะเลือกธาตุลมอยู่แล้วครับ” มาตาร์พูดออกมา

    เท่านั้นเอง อีกสี่คนที่เหลือก็รุ่มกันแย่งธาตุที่ตัวเองอยากได้ทันที

    “ชั้นจะเอาดิน”

    “ไม่ได้ชั้นจองก่อน”

    “อย่าแย่งกัน ใส่ชื่อชั้นลงตรงนี้”

    “เฮ่ย! พี่ขี้โกง”

    หลังจากความวุ่นวายผ่านไปสักครู่ ก็ตกลงกันได้ว่า คริมซั่นได้ธาตุไฟ อาเชอร์ได้ธาตุดิน มาเจนต้าธาตุสายฟ้า และโรสน้ำแข็ง

    “ชั้นต้องเสียสละเปลี่ยนอาวุธเป็นหอกอีกด้วย ไม่งั้นมันจะซ้ำกับโรส” คริมซั่นซึ่งใช้ดาบเหมือนโรสยอมเปลี่ยนอาวุธของตัวเองเพื่อไม่ให้ซ้ำกัน

    ไอ้พวกนี้มันบ้าเข้าขั้นเลยแฮะ มาตาร์คิด

    “ส่วนชั้นก็จะหาค้อนมาใช้ เพราะพี่มาตาร์ใช้มือเปล่าอยู่แล้วใช่มั้ย แถมค้อนก็ภาพลักษณ์เข้ากับดินดีด้วย” อาเชอร์ซึ่งใช้มือเปล่าอยู่พูด

    อย่างน้อยพวกนี้ก็ไม่ทำให้เราต้องเปลี่ยนอะไรนี่นะ มีความละเอียดอ่อนดีเหมือนกัน มาตาร์คิดชื่นชมเล็กๆ

    “เอาล่ะ ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ที่มาประชุมกันวันนี้” คริมซั่นเอ่ยปิดการประชุม

    ทุกคนก็เตรียมตัวลุกกันออกจากร้านกาแฟ

    “อ้อพี่มาตาร์” คริมซั่นหันมาบอกสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้มาตาร์ตะลึงค้างไปอีกนาน

    “ว่าไงครับ” ชายหนุ่มผมแดงถาม

    “เรามีสีประจำตัวให้พี่แล้วนะ” คริมซั่นเอ่ยออกมาอย่างยิ้มแย้ม

    “หา!!?” มาตาร์ตกตะลึงในทันที ไม่นะ!!! ไม่ต้องมาเลือกสีให้ช้านนน!!’

    “สีของพี่คือซิลเวอร์เจ๋งมั้ยครับ” คริมซั่นพูดออกมาก่อนทุกคนจะแยกย้ายกัน

    ซิลเวอร์!!!’ แล้วมาตาร์ก็ยืนค้างอยู่ที่หน้าร้านกาแฟอยู่เกือบชั่วโมง

     

    Rewrite tag: ปรับบทพูดนิดหน่อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×