ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #213 : บทที่ 206 การตื่นครั้งแรก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.53K
      40
      3 มี.ค. 67

    บทที่ 206 การตื่นครั้งแรก

     

    “สวัสดีค่ะ” เสียงหญิงสาวเอ่ยทักทาย

    “...สวัสดีครับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบกลับไปดูท่าทางเขากำลังสับสน

    “คุณรู้รึเปล่าว่าตัวเองคือใคร” หญิงสาวคนเดิมถาม เธอมีผมสีน้ำตาลยาวเป็นลอน

    “ผมก็...ศิวะไง คุณเป็นอะไรน่ะเจนนิเฟอร์” ชายหนุ่มตอบกลับหญิงสาวด้วยท่าทีสงสัย

    “ดูเหมือนจะได้ผลดีนะ ...ก่อนอื่นชั้นมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ ขอให้คุณตั้งใจฟังให้ดี คุณฟังแล้วอาจจะไม่เชื่อดิชั้น แต่ขอยืนยันก่อนว่ามันเป็นความจริงและดิชั้นไม่ได้ล้อเล่น” เจนนิเฟอร์พูดด้วยสำเนียงจริงจังที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้เพราะเธอรู้ดีว่าข้อความต่อไปของเธอมันจะสะเทือนความรู้สึกชายตรงหน้าเธอขนาดไหน

     

    “อือ” มาตาร์ในร่างแอฟโรลืมตาขึ้นมาท่ามกลางแสงจันทร์ในตอนหัวค่ำบริเวณหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง

    “แอฟโรตื่นแล้ว กินหมูมั้ย เลดี้ย่างหมูเอาไว้” เด็กสาวผมแดงเอ่ยขึ้นทันทีที่เธอเห็นเจ้านายของเธอลืมตา

    “อืม ...ที่ไหนเนี่ย?” แอฟโรพยุงตัวขึ้นนั่งพร้อมกับมองไปรอบ ๆ เขายังคงอยู่ในชุดสีดำที่ขาดวิ่น

    “เกาะไรเดอร์ไงไอ้หนุ่ม” ชายชราเคราขาวที่ยืนอยู่ในถ้ำตอบคำถามของชายหนุ่มหัวฟู

    “เอ๋? แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ไงอ้ะเลดี้” ชายหนุ่มหัวฟูเอ่ยพร้อมกับหยิบหมูเข้าปาก

    “ก็แอฟโรสลบไปตอนตกลงไปในน้ำ เลดี้ก็เลยพาขี่หลังออก้ามาจนถึงที่นี่” เด็กสาวผมแดงรายงาน

    “อ้อ ...สไลปนีร์ สภาพนายเป็นไงบ้าง” ชายหนุ่มหัวฟูเอ่ยถามพ่อบ้านหุ่นยนต์หลังจากรู้สถานการณ์คร่าว ๆ

    “ความเสียหายหลังจากการตกกระทบอยู่ที่เก้าสิบสองเปอร์เซ็นต์ครับ ตอนนี้เริ่มฟื้นตัวจนลดลงมาเหลือแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่าจะสมบูรณ์พร้อมในวันพรุ่งนี้ครับ” พ่อบ้านที่อยู่ที่หัวเข็มขัดรายงาน

    “โฮ่! ไอ้หนุ่ม เจ้ามีของดีนี่ สนใจรับภารกิจไรเดอร์อีกรอบมั้ย” ชายชราเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นหลังจากเห็นพาหนะแบบพิเศษของพ่อหัวฟู

    “หา? ผมก็เป็นไรเดอร์อยู่แล้วนี่ จะให้รับอีกทำไม ยุ่งยากเปล่า ๆ น่า” ชายหนุ่มหัวฟูตอบ

    “ก็เท่าที่เห็นโมโนไบค์ของเจ้าอัพเกรดขึ้นจนระดับมันมากกว่าสิบไปไกลโขแล้วนา แถมยังมีผู้ติดตามประจำเครื่องอีก มันต้องกลายเป็นของที่พิเศษมาก ๆ แน่ ๆ เลย” ชายชราให้เหตุผล

    “โหย แค่ระดับสิบผมก็สู้ลำบากจะแย่อยู่แล้วนะ จะให้โดนจำกัดสถานะมากไปกว่านี้อีกเหรอ” ชายหนุ่มหัวฟูอิดออด เนื่องจากที่ผ่านมาค่าสถานะของเขาโดนจำกัดเพราะเข็มขัดขั้นที่สิบนี่แหละ

    “เอาไว้ให้โมโนไบค์เจ้าซ่อมแซมตัวเองเสร็จก่อนค่อยคิดอีกทีก็ได้ เพราะถึงยังไงจะรับภารกิจก็ต้องใช้เครื่องที่มีสภาพสมบูรณ์” ชายชรากล่าวจบก็เดินเข้าไปในถ้ำ

    “เฮ้อ~ ตาแก่บ้าไรเดอร์เอ๊ย” แอฟโรบ่นพร้อมกับตั้งฉายาไล่หลังชายชราไป

     

    “ผมว่าคุณแอฟโรควรจะรับทำภารกิจนี้นะครับ เพราะมันเป็นโอกาสที่ดีมาก” พ่อบ้านแนะนำ

    “เหรอ ...สไลปว่างั้นเหรอ” แอฟโรตอบคำลอย ๆ โดยไม่ได้คิดว่าเขาจะต้องไปทำภารกิจนี้อีกครั้งหรอก ‘ต้องจับแมลงใหม่แล้วก็ต้องฝ่าไอ้ถ้ำนั่นอีกรึเปล่าหว่า แล้วถ้าเกิดมันมีระดับมากกว่าเดิมก็ต้องสู้กับตัวก็อปปี้มากกว่าสิบตัวน่ะสิ ...อ๊ะ! เดี๋ยว เรามีทักษะปู่โสมฯ อยู่แล้วนี่หว่า ถ้ารับภารกิจก็หมายความว่า พอตาแก่นั่นอัพเกรดเข็มขัดให้เรา เราก็เอาเข็มขัดออกไปได้เลยโดยไม่ต้องฝ่าด่านตัวก็อปปี้นี่นา’

    ระหว่างที่ชายหนุ่มหัวฟูกำลังคิดถึงเหตุผลที่จะรับภารกิจเข็มขัดไรเดอร์ใหม่อีกครั้ง กล่องข้อความของเขาก็ส่งเสียงเตือนขึ้นมา มันเป็นข้อความจากหญิงสาวผมเขียว

    ‘คุณแอฟโร ปลอดภัยดีมั้ยคะ ตอนนี้อยู่ไหน ชั้นเห็นว่าคุณยังไม่ออฟไลน์เลย แปลว่าไม่ตายสินะ’

    ‘ปลอดภัยดี ชั้นสลบไปเพิ่งจะตื่นขึ้นมา ตอนนี้อยู่บนโลก’ แอฟโรส่งข้อความกลับไป

    ‘อยู่บนโลกเหรอ เก็บชิ้นส่วนพวกหุ่นยนต์นั่นมาบ้างรึเปล่าคะ พวกเผ่าจักรกลมันตกลงไปที่โลกทั้งฐาน บนอวกาศนี่ไม่มีอะไรเหลือเลย’ โอลีฟส่งข้อความมาอีก

    ‘ไม่ได้เก็บเลย มันคงพังไปหมดตอนฝ่าชั้นบรรยากาศโลกมานั่นแหละ’ ชายหนุ่มหัวฟูตอบกลับ

    ‘ไปหามาเดี๋ยวนี้ คุณติดหนี้ชั้นอยู่นะ ชั้นให้เวลาคุณสองอาทิตย์ เดี๋ยวชั้นจะลงไปที่โลก ค่อยเอาของไปให้ตอนนั้นนะคะ’ โอลีฟสั่งงานทันทีโดยไม่ถามความสมัครใจ

    ‘เอ้อ ...ก็ได้’ แอฟโรส่งข้อความสุดท้ายกลับไป เขาไม่อิดออดหรือต่อรอง เพราะอย่างไรเสียเขาก็ยังติดหนี้เธออยู่จริง ๆ แล้วดูท่าทางหญิงสาวผมเขียวคนี้จะไม่สนใจอย่างอื่นเลยนอกจากเป้าหมายในการสร้างหุ่นของเธอทำให้เขาไม่ต้องกังวลว่าจะไปสร้างความสัมพันธ์ที่น่าหนักใจอีก

     

    “งานเข้าแล้วไงสไลป” ชายหนุ่มหัวฟูบ่นให้พ่อบ้านฟัง

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เลดี้ถามแทรกเข้ามาเพราะเธอไม่รู้เรื่องข้อความเมื่อสักครู่

    “ยัยคลั่งหุ่นสั่งให้ตามหาชิ้นส่วนของพวกจักรกลที่ตกลงมาบนพื้นโลกน่ะ ...อย่างน้อยเราก็ควรจะหาให้ได้ซักชิ้นนะ” แอฟโรรายงาน

    “เหรอ แล้วจะไปตามหายังไงอ้ะ เลดี้เห็นตอนที่มันตกลงมามันก็ไหม้ไปหมดแล้ว” แม่เต่าทองสาวกล่าว

    “มันน่าจะมีบางส่วนที่ไหม้ไม่หมดบ้างแหละน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้หลังจากทำภารกิจไรเดอร์แล้วเราก็ออกไปตามหากันเลย มันก็น่าจะอยู่แถว ๆ นี้แหละ เพราะเราก็ตกลงมาแถวนี้ใช่มั้ยล่ะ” แอฟโรกล่าว

    “อื้อ ก็ดี แล้วตอนนี้เราจะทำอะไรกันดีอ้ะ” เลดี้ถาม

    “งั้นเดี๋ยวก่อนอื่นเราไปบันทึกเอาไว้ก่อน แล้วเรามาสำรวจเกาะนี้กัน ตอนที่เลดี้เกิดก็ไม่ได้เที่ยวเล่นบนเกาะนี้เท่าไหร่ใช่มั้ยล่ะ เผื่อระหว่างทางเราอาจจะหาชิ้นส่วนหุ่นยนต์ให้ยัยคลั่งหุ่นได้ด้วย” แอฟโรเสนอ

    “ดีเลย เลดี้ยังไม่เคยเดินเล่นเลยตั้งแต่เกิด” เด็กสาวผมแดงพูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม

    คำพูดของเลดี้ครั้งนี้เล่นเอาชายหนุ่มหัวฟูตระหนักถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีช่วงเวลาที่เรียกว่าเป็นอิสระจากความตั้งใจของเขาเลยสักครั้ง โดยเฉพาะตั้งแต่เลดี้เกิดขึ้นมา เขาก็ออกผจญภัยนอกเกาะทันที แล้วก็ไปติดอยู่ในโมบี้ดิ๊กและแอตแลนติส จนขึ้นไปถึงอวกาศ ก็ไม่เคยได้มีช่วงพักผ่อนจริง ๆ เลย เลดี้ก็ได้แต่ฝึกฝนแล้วก็ต่อสู้ ราวกับว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้เขาเท่านั้นเอง

    มันเปรียบเสมือนคนที่ทำแต่งานแล้วไม่มีเป้าหมายว่าจะทำงานไปเพื่ออะไร พองานเดิมจบงานใหม่ก็เข้ามา มีเงินเยอะขึ้น เก่งขึ้น ทำงานมากขึ้น สุดท้ายแล้วก็ตายไปโดยไม่เคยได้ทำสิ่งที่เรียกว่ามีสีสันหรือความสุนทรีย์เลย ราวกับว่าชีวิตเป็นเพียงฟันเฟืองในนาฬิกาที่ทำให้เข็มนาฬิกาขับเคลื่อนไปได้ ทั้ง ๆ ที่สุดท้ายแล้วเข็มนาฬิกานั้นก็วนอยู่ที่เดิม ไม่ได้มีคุณค่าไปมากกว่านั้นเลย ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ว่าสิ่งของชิ้นไหนก็มาแทนที่ได้ ไม่จำเป็นต้องมีเราก็มีคนอื่นแทนเราได้ และเขาไม่อยากให้เลดี้เป็นแบบนั้น

    นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่มาตาร์ไม่เคยอยู่ฝึกในแมนชั่นแห่งความตายเกินเวลาเลยทั้ง ๆ ที่อยู่นานกว่านั้นก็ได้ มันไม่ได้มีค่ามากมายอะไรเลยกับการที่เขาเก่งขึ้นเพื่อสู้กับศัตรูที่เก่งขึ้น แล้วก็ไปเจอศัตรูที่เก่งขึ้นอีก ...มันจะง่ายกว่าไหมถ้าไม่ต้องมีศัตรูตั้งแต่แรก

     

    หลังจากที่แอฟโรได้ทำการบันทึกพื้นที่เกาะไรเดอร์เพื่อเป็นจุดเกิดแล้ว เขาก็กลับไปขอเสื้อผ้าสำรองจากชายชรา ซึ่งเป็นเสื้อกับกางเกงสีขาวจืด ๆ เท่านั้นเอง เนื่องจากชุดรบของเขาขาดวิ่นไปหมดแล้ว ถึงมันจะซ่อมแซมตัวเองได้แต่การใส่เสื้อผ้าขาด ๆ ทั้งที่มีเสื้อผ้าดี ๆ เปลี่ยนมันก็กระไรอยู่ แถมการเก็บชุดเข้าไปก็ทำให้มันซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขึ้นด้วย

    “แอฟโร เข้าป่าแล้วระวังตัวด้วยนะ เลดี้เจอใครก็ไม่รู้ลอบทำร้ายเมื่อครั้งที่แล้ว” เด็กสาวผมแดงเตือน

    “เหรอ อื้อ ...อ้อ สไลป อาวุธของเราไปไหนแล้วล่ะ เห็นว่ามันบินกลับมาหาเราได้เองใช่มะ” แอฟโรหมายถึงปืนที่เปลี่ยนเป็นทอนฟาได้ของเขา ซึ่งระหว่างที่ตกลงมาจากอวกาศเขาก็ทำหายไปซะแล้ว และตอนนี้เขากำลังต้องการมัน

    “ผมลองเรียกมันแล้วครับ ตั้งแต่ตอนที่คุณแอฟโรหลับ แต่ดูเหมือนมันจะไม่สามารถบินกลับมาได้” พ่อบ้านรายงาน

    “อ้าวเหรอ หรือว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นแบบที่คุณวัลแคนบอก” แอฟโรคิดว่าอาวุธชิ้นนี้อาจจะไม่ได้มีความสามารถในการบินกลับมาหาเขาจริง ๆ ก็ได้ เพราะมันฟังดูดีเกินไปสำหรับเขา อาวุธสุดยอดที่ไม่มีวันหายไปไหนเนี่ย ซึ่งเขาก็ไม่ได้คิดมากนัก เพราะปกติก็ไม่ได้โชคดีอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว

    “แต่ว่าผมสามารถบอกพิกัดของมันได้นะครับ ดูเหมือนจะมีฟังก์ชั่นเชื่อมต่อกับโมโนไบค์จริง ๆ บางทีอาจจะเพราะว่ามันยังซ่อมแซมตัวเองไม่เสร็จหรือเกิดสถานการณ์ที่ทำให้มันกลับมาไม่ได้มากกว่า” พ่อบ้านสันนิษฐาน

    “แล้วมันอยู่ไกลมั้ยล่ะ ถ้าต้องออกทะเลตอนนี้คงยังไม่เหมาะ รอให้โมโนไบค์ซ่อมตัวเองเสร็จแล้วค่อยไปหามันก็ได้” ชายหนุ่มหัวฟูถามพร้อมกับวางแผนไปด้วย

    “มันก็ไม่ไกลมากหรอกครับ อยู่ทางทิศเหนือห่างไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้นเอง คงจะจมอยู่ในทะเลนั่นแหละครับ” พ่อบ้านรายงาน

    “หนึ่งกิโลเองเหรอ งั้นบางทีเราอาจจะงมมันขึ้นมาได้เองนะ เลดี้มีเจ้าออก้าช่วยนี่” แอฟโรพูดออกมาด้วยอารมณ์เบิกบาน เพราะปัญหานี้ดูท่าจะแก้ไขได้ไม่ยาก

    “งั้นเราไปงมอาวุธกัน” เลดี้ก็คึกคักขึ้นมาเหมือนกันเพราะดูเหมือนเธอจะทำประโยชน์ได้

    ดังนั้น แอฟโรกับเลดี้จึงเดินทางไปทางทิศเหนือของเกาะ

     

    และเมื่อทั้งคู่มาอยู่บริเวณชายหาดทางทิศเหนือ แม่เต่าทองสาวก็เรียกใช้เงาอสูรของเธอทันที

    “ออก้าออกมา” เด็กสาวผมแดงเอ่ย

    แล้วทันใดนั้นครีบหลังของเจ้าวาฬก็โผล่ออกมาใต้เท้าของเด็กสาวซึ่งเป็นทราย เจ้าวาฬกำลังแหวกว่ายอยู่ในพื้นทรายไม่ได้ต่างกับว่ายอยู่ในน้ำเลย

    “โห แบบนี้เรียกว่าวาฬทะเลทรายดูท่าจะเหมาะ” ชายหนุ่มหัวฟูเอ่ยด้วยความรู้สึกทึ่งเมื่อเห็นสิ่งแปลกประหลาดอย่างเช่นปลาว่ายอยู่ในทรายได้

    และเมื่อทั้งคู่ขึ้นไปบนหลังของเจ้าวาฬแล้ว มันก็ว่ายจากพื้นทรายลงทะเลไปทันที

    “ดูเหมือนอาวุธมันก็กำลังเคลื่อนที่อยู่เหมือนกันนะครับ ระยะห่างของมันเข้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เหมือนกัน” พ่อบ้านรายงาน เมื่อทุกคนอยู่กลางทะเลเรียบร้อย

    “เหรอ บางทีมันอาจจะกำลังมาหาเราล่ะมั้ง สงสัยมันไม่ค่อยถูกกับน้ำ ก็เลยมาช้า” แอฟโรสันนิษฐาน

    “หวังว่าคงเป็นเช่นนั้นครับ” พ่อบ้านขานรับ

    แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกจนได้เมื่อมีบางสิ่งพุ่งขึ้นมาจากน้ำแล้วกระโดดสูงขึ้นไปในอากาศ

    ตูม!!

    น้ำทะเลสาดกระเซ็นขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงขนาดห้าสิบเมตร มันคืออสูรจักรกลยักษ์ตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่นั่นเอง มันยังไม่ตาย และมันก็พร้อมจะโจมตีใส่ชายหนุ่มหัวฟูเสียด้วยสิ

    “เฮ่ย! มันยังไม่ตายเหรอเนี่ย” แอฟโรอุทานออกมาด้วยความตกใจ

    “ดูเหมือนอาวุธของเราจะอยู่กับมันด้วยครับ” พ่อบ้านบอกข่าวร้าย

    “หมายความว่าที่มันไม่บินกลับมาเพราะเจ้านี่มันยึดเอาไว้เหรอเนี่ย” แอฟโรปะติดปะต่อเหตุการณ์ทั้งหลายได้ในที่สุด

    “ทำไงต่อแอฟโร สู้มั้ย!” เด็กสาวผมแดงถามพร้อมกับตั้งท่าเตรียมสู้ทันที

    “หนีเลดี้!” แอฟโรไม่คิดว่าเขาจะสู้กับมันตอนนี้ได้ เพราะอาวุธธรรมดาทำอะไรเจ้ายักษ์เหล็กนี่ไม่ได้เลย แถมชุดเสริมพลังของเขากำลังอยู่ในช่วงซ่อมแซมทั้งหมดไม่สามารถเรียกมาใช้งานได้ ส่วนพลังงานในการคืนร่างก็ไม่มีเพราะเพิ่งยิงปืนใหญ่ไป พลังงานของโมโนไบค์ถูกส่งไปที่แขนเขาตลอดเวลาส่งผลให้พลังเหลือน้อยเกินไป

    ซ่า~~!!

    เจ้าออก้าหันหัวกลับทันทีด้วยความรวดเร็วตามการสั่งการของเลดี้ แต่ดูเหมือนมันจะช้าเกินไปเมื่อระยะโจมตีของเจ้ายักษ์เหล็กนั้นกว้างมาก กระสุนปืนขนาดเท่าแขนพุ่งด้วยความเร็วเสียงจากกลางอากาศมาตรงบริเวณที่เจ้าวาฬกำลังว่ายอยู่

    ฟิ้ว~ ตูม!!

    กระสุนปืนใหญ่ปะทะเข้ากับพื้นน้ำ ดีดให้ร่างของเจ้าวาฬสีขาวดำ เด็กสาวผมแดง และชายหนุ่มหัวฟูให้ลอยเคว้งขึ้นมา

    “เฮ้ย!!” แอฟโรอุทานขึ้นมาเมื่อเขาไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวกลางอากาศได้ ซึ่งเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์ก็กำลังพุ่งเข้ามาพร้อมจะพุ่งเข้ากระแทกเขาแล้ว

    “ออก้ากลับมา” เลดี้สั่งการและพริบตานั้นร่างของเจ้าวาฬก็หายไปกันทีก่อนที่เธอจะใช้พลังจิตจับร่างของเจ้านายของเธอไว้แล้วดึงเข้ามาหาตัว

    ซูม!! แวบ!!

    พริบตาก่อนที่ร่างของหุ่นยนต์ยักษ์จะพุ่งชนพวกของแอฟโร ร่างของพวกเขากลับหายไป ส่งผลให้การโจมตีของเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์เป็นหมันไป ร่างของมันยังคงพุ่งต่อไปด้วยแรงเฉื่อย และด้วยความใหญ่โตและความเร็วของมัน ส่งผลให้อากาศบริเวณที่มันพุ่งผ่านเกิดเป็นลมหมุนเล็ก ๆ ทั่วไปหมดถึงขั้นทำให้ทะเลปั่นป่วนเลยทีเดียว

    “เกิดอะไรขึ้น!?” ชายหนุ่มหัวฟูอุทานออกมาด้วยความแปลกใจเมื่อร่างของเขาปรากฏขึ้นกลางอากาศในตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมร่วมร้อยเมตร

    “เลดี้ใช้พลังจิตเคลื่อนย้ายเองแหละ” เด็กสาวตอบข้อสงสัยของชายหนุ่ม

    “หา? เลดี้ทำแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่” แอฟโรรู้สึกตื่นตะลึงขึ้นมาเพราะความสามารถแบบนี้มันยังเหนือกว่าทะลวงศูนย์ที่เขาทำได้เสียอีก

    “ก็ตั้งแต่อยู่ในอวกาศนั่นแหละ ตอนแอฟโรไปช่วยงานพี่โอลีฟ เลดี้ไม่มีอะไรทำก็เลยฝึกหายตัวเล่น” เด็กสาวตอบหน้าตาย ซึ่งความสามารถนี้ตอนที่เลดี้อยู่ในผนึกที่เข็มขัดแอฟโรก็สามารถใช้มันได้ด้วย และเขาเคยใช้มาแล้วครั้งหนึ่งโดยไม่รู้ตัวตอนที่เขาแวบหายออกมาจากยานอวกาศของพวกโอลีฟตอนที่ช่วยพวกเธอให้หนีออกไปจากฐานทัพของอสูรจักรกล

    “อ้า ...หมายความว่าจริง ๆ แล้วเราไม่ต้องกลัวการตกจากที่สูงตอนฝ่าชั้นบรรยากาศก็ได้น่ะสิ” แอฟโรรู้สึกว่าเขาโง่มากที่พยายามทุกวิถีทางที่จะรอดจากแรงโน้มถ่วงถึงขั้นใช้พลังงานของชุดรบและโมโนไบค์จนหมดทั้ง ๆ ที่มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายแบบนี้อยู่

    “ท่านี้ใช้พลังจิตเยอะนะแอฟโร แล้วถ้ายิ่งเคลื่อนไปที่ไกล ๆ ก็ยิ่งเปลืองพลังด้วย” เด็กสาวบอกถึงข้อจำกัดในการใช้พลังของเธอ

    “เราไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไกลก็ได้ไงเลดี้ สิ่งพิเศษของท่านี้คือเวลาที่เราแวบมาแล้ว เราไม่ได้เคลื่อนที่ตามการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ใช่มั้ยล่ะ” แอฟโรสามารถจับลักษณะพิเศษของการเคลื่อนที่ด้วยวิธีย้ายร่างแบบนี้ได้

    “ยังไงอ้ะ เลดี้ไม่เห็นเข้าใจเลย” เด็กสาวถามอย่างไม่เข้าใจ

    ระหว่างนั้นร่างของทั้งคู่ก็ค่อย ๆ ดิ่งลงไปในทะเล ซึ่งความสูงของพวกเขานั้นมันเกินกว่าร้อยเมตร ถ้าปะทะพื้นน้ำทั้งแบบนี้ก็ไม่ต่างกับการปะทะพื้นหินแข็ง ๆ เลย

    “เลดี้ลองย้ายพวกเราไปอยู่ในน้ำสิ แล้วจะเข้าใจที่พี่บอก” ชายหนุ่มหัวฟูบอก ซึ่งเด็กสาวก็ทำตามทันที

    แวบ! ตุ๋ม~

    ร่างของทั้งคู่ปรากฏขึ้นในน้ำพร้อมกับร่างที่จมลงไปเพราะแรงโน้มถ่วงตามปกติ

    “เห็นมั้ย ตอนแรกเราตกลงมาเร็วขนาดนั้น แต่พอมาโผล่ในน้ำความเร็วตอนตกมันก็ไม่ได้ตามเรามา ถ้าเราใช้ท่านี้ตอนตกลงมาจากอวกาศเราก็ใช้ท่านี้เคลื่อนที่ไม่กี่เมตรก็ได้ แต่ความเร็วของเราจะถูกรีเซ็ตเสมอ” ชายหนุ่มหัวฟูอธิบายวิธีใช้งานท่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ

    “แบบนี้นี่เอง” เด็กสาวผมแดงเข้าใจแล้วว่าที่เจ้านายเธอพูดหมายความว่าอย่างไร

    “ถ้างั้นเลดี้เข้ามาก่อนดีกว่านะ ใช้พลังคนเดียวมันประหยัดกว่าใช่มั้ยล่ะ” ชายหนุ่มพูดจบ ร่างของเด็กสาวก็แวบหายเข้าไปอยู่ที่ผนึกตรงเข็มขัดทันที

    ความสามารถของเลดี้ทั้งหมดโอนมาอยู่ที่เขาแล้วเมื่อเลดี้อยู่ในผนึก ชายหนุ่มหัวฟูเรียกเงาอสูรออกมาทันที ซึ่งคงจะเป็นตัวไหนไปไม่ได้นอกจากเจ้าวาฬเพชฌฆาตสีขาวดำ

     

    “เรามีอะไรเหลือให้ใช้บ้างสไลป” ชายหนุ่มหัวฟูพูดพร้อมกับยืนอยู่บนหลังออก้าที่กำลังว่ายออกห่างจากเกาะมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อหนีเจ้าหุ่นยักษ์

    “ผมยกเลิกการส่งพลังงานไปที่แขนแล้วครับ คิดว่าเวลาห้านาทีน่าจะพอชาร์จพลังจนคุณแอฟโรคืนร่างได้สักพักหนึ่ง” พ่อบ้านรายงานพร้อมกับบอกแผนการ

    “พอคืนร่างแล้วก็ใช้กระสุนพรากสังขารสินะ” ชายหนุ่มหัวฟูก็ตามความคิดของพ่อบ้านทัน อันที่จริงคงต้องบอกว่าเพราะมันเป็นท่าไม้ตายที่เหลือเพียงอย่างเดียวที่ใช้สู้กับหุ่นยนต์ยักษ์ตัวนั้นได้มากกว่า

    “ระหว่างนี้คงต้องหนีอย่างเดียว รักษาระดับของพลังวิญญาณเอาไว้ด้วยนะครับ อย่าเคลื่อนที่เร็วเกินไปนัก” พ่อบ้านวางแผนการใช้งานให้ได้ผลคุ้มค่าที่สุด เพราะการสั่งให้เจ้าออก้าว่ายน้ำเร็วขึ้นเท่ากับการสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้นนั่นเอง

    เปรี้ยง!!

    กระสุนความเร็วเสียงจากเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์พุ่งมาทางชายหนุ่มอีกครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะผูกใจเจ็บเขามากตั้งแต่ตอนอยู่บนอวกาศแล้ว ถึงได้ตามล่าเขาไม่เลิกแบบนี้

    แวบ!

    แอฟโรใช้ท่าทะลวงศูนย์เคลื่อนที่เบี่ยงไปด้านข้างทันทีพร้อมกับเรียกร่างของเจ้าวาฬออกมาอีกครั้งที่ย้ายที่สำเร็จ การเคลื่อนที่ด้วยทะลวงศูนย์นั้นทำได้ด้วยเงื่อนไขจำกัดกว่าคือต้องมีที่หยั่งเท้า และเคลื่อนที่ได้เท่าระยะตามองเห็นไปด้านที่ตามองอยู่เท่านั้นโดยไม่สามารถทะลุกำแพงได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังประหยัดพลังงานมากกว่าท่าเทเลพอร์ตของเลดี้อยู่ดี ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้ท่านี้

    ตูม!!

    กระสุนพุ่งเข้าใส่น้ำทะเลจนมันสาดกระจายออกมาอีกครั้งจากทิศทางที่แอฟโรอยู่เมื่อสักครู่

    ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

    และตามมาด้วยกระสุนอีกหลายลูก ซึ่งชายหนุ่มหัวฟูก็พยายามหลบโดยไม่ทิ้งระยะห่างมากนัก เพราะเขารอคอยโอกาสในการสวนกลับอยู่เหมือนกัน

    และแล้วเมื่อเวลาผ่านไปประมาณห้านาที

    “พลังงานในการคืนร่างพร้อมแล้วครับ” พ่อบ้านเสียงนุ่มรายงาน

    “ถ้างั้นเราไปเตรียมตัวข้างบนกันดีกว่า” ชายหนุ่มหัวฟูพูดจบก็ใช้ท่าทะลวงศูนย์พุ่งขึ้นไปบนฟ้ากว่าหนึ่งกิโลเมตรทันที

    แวบ!

    ร่างของชายหนุ่มปรากฏขึ้นมากลางอากาศ ซึ่งด้านล่างเป็นท้องทะเลอันกว้างใหญ่ มองเห็นเกาะไรเดอร์อยู่ไกล ๆ และยังมีร่างของหุ่นยนต์ยักษ์ขนาดห้าร้อยเมตรอยู่ข้างล่างนั่นด้วย

    “คืนร่าง”

    ทันทีที่พูดจบแอฟโรก็กลับร่างกลายเป็นมาตาร์แล้วเริ่มรวบรวมพลังปราณทั้งห้าธาตุใส่มือข้างซ้ายทันที

    เนื่องจากร่างไรเดอร์มีการฟื้นพลังที่เร็วมาก แผนของมาตาร์ก็คือกระโดดขึ้นมาอยู่บนฟ้าก่อน ซึ่งเสียพลังแค่นิดเดียวเท่านั้น และหลังจากฟื้นพลังจนเต็มเพียงครึ่งวินาทีเขาก็เปลี่ยนร่างแล้วเตรียมกระสุนพรากสังขาร ช่วงเวลาที่อยู่กลางอากาศนี้คือช่วงเวลาที่เขาสามารถรวบรวมพลังก่อนจะโจมตีได้โดยที่เจ้าหุ่นยนต์ยักษ์ไม่ทันรู้ตัว ดังนั้นเขาจึงต้องขึ้นมาให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้นั่นเอง

    ร่างของชายหนุ่มผมแดงร่วงลงมาเรื่อย ๆ พร้อมกับก้อนพลังสีขาวในมือที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งช่วงระยะเวลาที่กำลังร่วงลงมานี้เขาก็ไม่ละสายตาจากเจ้าจักรกลยักษ์เลย ขณะนั้นเจ้ายักษ์กำลังลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับมองหาเป้าหมายของมันอยู่ เนื่องจากมาตาร์กระโดดออกมาไกลมากจนมันไม่ทันสังเกตเห็น

    และแล้วในที่สุดเจ้าจักรกลยักษ์ก็มองเห็นมาตาร์ ถึงแม้หน้าตาของเขาจะเปลี่ยนไปแต่มันก็ไม่ลังเลที่จะโจมตีเลย เพราะถึงอย่างไรมันก็คิดจะโจมตีใส่ทุกคนที่อยู่ในระยะของมันอยู่แล้ว

    เจ้าหุ่นเล็งปืนที่อยู่ในแขนมาที่ชายหนุ่ม แต่ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็เรียกใช้กงจักรลมออกมาที่เท้าเตรียมใช้ท่าทะลวงศูนย์เข้าประชิดเจ้าหุ่นเหมือนกัน

    ผึง! แวบ!!

    มาตาร์กระโดดเข้ามาประชิดตัวเจ้าหุ่นยักษ์ได้สำเร็จ พริบตานั้นเพียงแค่เขายัดก้อนพลังสีขาวในมือซ้ายนั่นใส่ลำตัวของมันได้ผลการต่อสู้ก็จะปรากฏแล้ว เพราะลำตัวของมันคงขาดกลางแน่ ๆ

    แต่ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้

    “วะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระอีกแล้ว!!” เสียงของเจ้าอสูรที่สิงอยู่ในแขนซ้ายที่ไม่ได้ยินมานานตั้งแต่โดนสลักวิญญาณเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับแขนซ้ายที่สะบัดไปมาแบบไร้การควบคุม

    “เฮ้ย!!” มาตาร์อุทานออกมาอย่างตระหนก เขาไม่คิดว่าเจ้าเดียมอนจะหลุดจากผนึกได้ตอนนี้ แถมมันยังไม่สนสถานการณ์ตอนนี้เลยด้วย ยึดแขนได้ปุ๊บก็เอาแต่อาละวาดลูกเดียว

    พริบตานั้นขาทั้งสองข้างของเจ้าหุ่นขนาดห้าสิบเมตรก็พุ่งเข้ามาประกบกันโดยตรงกลางนั้นคือร่างของชายหนุ่มผมแดง

    ตูมม!!!

    เพียงวูบเดียว ฝ่าเท้าขนาดสิบเมตรประสานงากัน ราวกับตึกสามชั้นหล่นทับไปที่ร่างของชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลาง ร่างของเขาแหลกเละพร้อมกับเลือดที่สาดกระจายออกมาเต็มเท้าของเจ้าหุ่นยักษ์ อุปมาเหมือนคนเหยียบใส่ยุงที่ร่างเต็มไปด้วยเลือดจนเลือดเละเต็มเท้านั่นแหละ

    “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” เจ้าหุ่นหัวเราะออกมาในที่สุด ดูเหมือนมันจะพอใจที่ฆ่าศัตรูของมันได้

    และแล้วมาตาร์ก็ตายลงไปอีกครั้งจนได้

     

    ชายหนุ่มผมแดงนอนอยู่บนโซฟาในห้องสีขาว เขายังไม่ลืมตาขึ้นมาเพราะเขากำลังติดอยู่ในภวังค์ของตัวเอง

    “อะไรเนี่ยเจนนิเฟอร์ เรื่องมันใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ...ว่าแต่ ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?” ชายหนุ่มถามคู่สนทนา

    “ที่นี่คือโลกแห่งความฝัน ดิชั้นกำลังพูดกับคุณด้วยร่างที่จำลองขึ้นมา เหมือนกับคุณในตอนนี้” หญิงสาวตอบ

    “เอ๋? แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ...ก่อนหน้านี้ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย? นี่มันอะไรกัน?” ชายหนุ่มรู้สึกว่าความคิดของเขาสับสนมาก มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

    “คุณคงเริ่มรู้สึกแล้วสินะ หวังว่ามันจะทำให้คุณเชื่อดิชั้นได้ง่ายขึ้นนะ” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับสายตาที่สงบนิ่ง

    “...คุณจะบอกอะไรผมเจนนิเฟอร์” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหว่างคิ้วที่ยับย่นเพราะความสับสน

    “...คุณไม่ใช่ศิวะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาในที่สุดพร้อมกับมองตาชายหนุ่มที่เธอพูดด้วยอย่างจริงจัง

    “อะไรนะ!?” ชายหนุ่มอุทานออกมาอย่างไม่เข้าใจ มันหมายความว่าอะไร

     

    “ผู้เล่นมาตาร์เสียชีวิต ท่านสามารถเข้าสู่เกมได้ในอีกหนึ่งชั่วโมง พื้นที่พิเศษสามารถออฟไลน์ได้ค่ะ”

     

     

    ปริศนาสุดท้าย เริ่มแล้วครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×