ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #197 : บทที่191: ฝึกโจมตีแบบต่อเนื่อง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.02K
      112
      18 พ.ค. 55

    บทที่191 ฝึกโจมตีแบบต่อเนื่อง

    “ปลายักษ์นี่มันอะไรน่ะเลดี้!!?” มาตาร์เอ่ยถามแม่เต่าทองน้อยเสียงดัง มันเป็นภาพที่เกินคาดไปหน่อย ทำเอาเขาเปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน

    “ไม่ใช่ปลานะ มันคือวาฬตะหาก วาฬเพชฌฆาตน่ะ รู้จักมั้ย?” เลดี้กล่าว จริงๆเธอก็จำชื่อมันมาจากที่ชายหนุ่มร่างเตี้ยพูด ไม่อย่างนั้นเธอก็เรียกมันว่าปลาเหมือนกันนั่นแหละ

    “จะตัวอะไรก็ช่างมันก่อนเถอะ แต่ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ...อย่าบอกนะว่าเลดี้ได้ไอ้ตัวนี้มาเป็นผู้ติดตามน่ะ” มาตาร์คาดเดา ซึ่งมันก็ไม่น่าผิดไปจากนี้หรอก เพราะมันอธิบายเป็นอย่างอื่นไม่ได้

    “อื้อ เลดี้จะบอกแอฟโรตั้งแต่อยู่ในใต้น้ำนั้นแล้วแหละ แต่แอฟโรบอกให้เลดี้เข้าไปอยู่ในผนึก ก็เลยไม่ได้บอก” เด็กหญิงผมแดงพูดยิ้มแย้ม

    “...แล้วมีชื่อรึยังเนี่ย เพศอะไรล่ะตัวนี้น่ะ” มาตาร์ทำใจอย่างรวดเร็ว เพราะยังไงเสียมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะบ่นว่าไม่อยากได้ปลาตัวใหญ่ร่วมทีม ถึงไอ้เจ้าวาฬตัวนี้มันจะดูเกะกะสุดๆก็ตามเถอะ ก็เลดี้อุตส่าห์ดีใจขนาดนั้น ตัวใหญ่กว่าเจ้าเซเบอร์อีก แถมเดินไปเดินมาไม่ได้ด้วย แล้วตอนฟื้นไปจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย ...แล้วตอนอยู่ในแมนชั่นจะให้มันไปอยู่ตรงไหนล่ะเนี่ย อ๊า~~!! คิดไม่ตก

    “เดี๋ยวผมปรับพื้นที่ในแมนชั่นและในห้องฝึกให้เหมาะสมกับคุณวาฬตัวนี้เองครับ ไม่ต้องกังวล” เสียงนุ่มๆดังขึ้นมา ช่วยแก้ปัญหาคาใจให้มาตาร์ได้อย่างดีเยี่ยม

    “อ้อ สามารถทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอโฆเซ่” ชายหนุ่มผมแดงพูดออกมาอย่างโล่งใจ

    แล้วพ่อบ้านก็โบกมือไปที่พื้นห้องครั้งหนึ่ง เกิดเป็นบ่อที่มีน้ำตรงบริเวณที่เจ้าวาฬนอนดิ้นอยู่ทันที

    วืด~ด ต๋อมม!!

    บ่อน้ำใหญ่ขึ้นจนร่างของเจ้าวาฬจมลงไปทั้งตัวในที่สุด แล้วร่างอันใหญ่โตของมันก็หายไปจากบ่อเหมือนถูกสูบหายไป

    “อ้าว น้องวาฬไปไหนแล้วล่ะ” เลดี้เอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัย เธอคิดว่าพ่อบ้านสร้างบ่อขึ้นมาให้เจ้าวาฬนอนรอตรงนี้เสียอีก

    “บ่อนี้เชื่อมไปถึงในห้องฝึกครับ ผมปรับพื้นที่ส่วนหนึ่งให้เป็นบ่อลึก คุณวาฬจะได้มีที่ว่ายน้ำไงครับ” พ่อบ้านหน้ายิ้มกล่าว

    ที่แท้ที่เจ้าวาฬหายไปเพราะว่ามันถูกดูดเข้าไปอยู่ในห้องฝึกซึ่งกว้างขวางกว่าแล้วนั่นเอง

    “อื้มม ดีจัง ...อ้อ เลดี้รอให้แอฟโรเป็นคนตั้งชื่อให้นี่แหละ แล้วก็เป็นตัวผู้อีกแล้วอ้ะ” เลดี้หันไปตอบคำถามที่เจ้านายเธอถามค้างอยู่หลังจากที่รับรู้ว่าเจ้าวาฬได้รับความสะดวกดีในแมนชั่นแห่งความตายนี้

    “เฮ้อ~อ ตัวผู้อีกแล้วเหรอเนี่ย ทำไมน้า ทั้งๆที่มีโอกาสจะได้สาวสวยอึ๋มในครอบครอง ดันไปยกให้เจนนิเฟอร์ แล้วเราก็ได้ตัวผู้มาแทนซะงั้น” มาตาร์บ่นขึ้นมาถึงความอาภัพของตัวเองที่ขาดสาวอึ๋มเป็นผู้ติดตาม

     

    “ชั้นอยากให้เธอไปเป็นผู้ติดตามของเจนนิเฟอร์น่ะ” ชายหนุ่มหัวฟูพูดกับแม่สาวเฝ้าวิหาร

    “ผู้ติดตามเหรอ ทำไมเราต้องไปเป็นผู้ติดตามของคนอื่นด้วยล่ะ” หญิงสาวผมสั้นกล่าวอย่างไม่เข้าใจ

    “ตอนนี้เธอโดนคำสาป ทำให้ไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ใช่มั้ยล่ะ เธอไม่อยากจะออกไปเที่ยวเล่นที่อื่นบ้างเหรอ” ชายหนุ่มหัวฟูกล่าว เขาเข้าใจดีว่าแม่สาวผมสั้นนี้ก็เหมือนกับแม่นางฟ้าผมทองที่เคยโดนคำสาปขังเอาไว้ใต้บ่อศักดิ์สิทธิ์นั่นแหละ แต่บางทีอาจจะยังโดนขังมาไม่นาน เลยไม่ค่อยมีอารมณ์เศร้ามากนัก แต่แค่เห็นว่าชอบชวนคนอื่นคุยก็พอจะเดาได้แล้วว่าคงจะเหงาอยู่เหมือนกัน

    “อื้ม ออกไปเที่ยวเหรอ ก็ดีเหมือนกัน ถ้าเป็นผู้ติดตามแล้วจะได้ออกไปจากที่นี่ใช่มั้ย” สาวผมสั้นยิ้มขึ้นมาหลังจากได้ฟังคำพูดของชายหนุ่มหัวฟู

    “ใช่” มาตาร์ตอบ

    “แล้วทำไมถึงให้ไปติดตามคนที่ชื่อเจนนิเฟอร์ล่ะ ข้าว่าข้าติดตามเจ้าไปก็ได้นี่นา ท่าทางจะสนุกกว่าอีก” แม่สาวเฝ้าวิหารสงสัย

    “ก็ ...ผู้ติดตามชั้นมีเยอะแล้วน่ะสิ เงินก็ไม่ค่อยจะมี ไปกับชั้นเธอจะลำบากเปล่าๆน่า”

    มาตาร์โกหก จริงๆแม่สาวผมสั้นนี้เป็นผู้ติดตามแบบที่เขาฝันว่าอยากจะมีตั้งแต่แรกที่เข้ามาเล่นเกมเลย แถมจริงๆแล้วเขาไม่กังวลเรื่องที่มีผู้ติดตามเยอะแยะด้วย มีเยอะเท่าไหร่เขาก็รับได้ แต่ขอให้เป็นสาวๆก็พอ

    เพราะท่าทางของเจนนิเฟอร์นั้นดูเศร้ามาก ถึงมาตาร์จะเป็นคนทำร้ายเธอเอง แต่เขาไม่ได้อยากทำอย่างนั้นสักหน่อย เขาอยากให้แม่สาวเฝ้าวิหารคนนี้ไปอยู่กับเจนนิเฟอร์เพราะคิดว่าน่าจะทำให้เจนนิเฟอร์เล่นเกมได้ง่ายขึ้น เพราะแม่สาวเฝ้าวิหารนี้มีฝีมือดีทีเดียว

    และประเด็นสำคัญก็คือ มาตาร์ใจอ่อน ถึงแม้เขาจะทำให้เจนนิเฟอร์เสียใจ แต่การมอบผู้ติดตามให้ ก็เหมือนกับอยากจะบอกว่า เขายังอยากให้เจนนิเฟอร์อยู่ใกล้ๆเขา ถ้ามีผู้ติดตาม ก็ต้องกลับมาเล่นเกมอีก ถึงแม้จะหมดธุระเรื่องที่ต้องทำให้ซารีน่าแล้วก็ตาม

    “ฝากบอกเจนนิเฟอร์ด้วยว่า เที่ยวให้สนุกนะ ...อ้อ อย่าให้คนอื่นได้ยินล่ะ” มาตาร์กำชับ

    “เรื่องมากจังนะเจ้าน่ะ” หญิงสาวผมสั้นกล่าวพร้อมกับทำหน้ายุ่งขึ้นมาเล็กน้อย

    “หมดไปเรื่องนึงล่ะนะ ...มาเข้าเรื่องเดิม ที่บอกว่าต้องตายถึงจะออกไปจากที่นี่ได้คืออะไร” มาตาร์เปลี่ยนเรื่องหลังจากที่สั่งงานแม่คนเฝ้าวิหารเรียบร้อย

    “ก็ตรงๆตามคำพูดนั่นแหละ เพราะที่นี่ไม่มีทางออกนี่นา” หญิงสาวผมสั้นกล่าวพร้อมกับชี้ให้ดูรอบบริเวณวิหาร ซึ่งเป็นแค่พื้นที่โล่งๆเท่านั้น

    “อะไรกัน! ภารกิจบ้าอะไรเนี่ย แล้วอย่างนี้มันจะมีรางวัลสำหรับภารกิจไปทำไมล่ะ” มาตาร์หน้าตื่นขึ้นมาทันที ภารกิจแบบนี้มันไม่ยุติธรรมชัดๆ ให้ฝ่ามาจนถึงปลายทาง แต่ดันไม่มีวิธีเอาของรางวัลกลับไป

    “ภารกิจนี้ต้องใช้คนอย่างน้อยสองคนถึงจะสำเร็จได้น่ะ คนนึงต้องยอมตาย อีกคนนึงก็สามารถออกไปได้” หญิงสาวผมสั้นกล่าวเรียบๆ

    “หา? ยอมตาย? แล้วทำไมถึงออกไปได้ล่ะ?” มาตาร์ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

    “ก็ถ้าเจ้าตาย ก็จะกลายเป็นพื้นที่พิเศษที่สามารถวาร์ปออกไปจากที่นี่ได้น่ะสิ” หญิงสาวเฉลย

    “หา? ...แล้ว ตายคนเดียวออกได้คนเดียวแบบนั้นรึเปล่า” มาตาร์สงสัยขึ้นมา เพราะว่าคนที่อยู่ข้างนอกนั่นมีกันอยู่สี่คน ถ้าตายคนเดียวแล้วสามารถออกได้คนเดียว ที่เหลือก็ต้องฆ่ากันตายอยู่ดี

    “แค่ตายคนเดียว คนที่อยู่ในบริเวณวิหารทั้งหมดก็สามารถออกไปได้แล้วล่ะ” หญิงสาวให้ข้อมูล

    ภารกิจถ้ำใต้น้ำนี้ จะว่าง่ายก็ง่าย แต่จะว่าโหดก็ใช่ เพราะการมาถึงปลายทางได้นั้นต้องช่วยเหลือกัน แต่สุดท้ายถ้าอยากได้รางวัลกลับต้องมาฆ่ากัน ถ้าไม่มีคนยอมเสียสละอยู่ในกลุ่มล่ะก็ ภารกิจนี้อาจจะทำให้กลุ่มของผู้มาทำภารกิจแตกแยกไปเลยก็ได้ เพราะเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา ไม่มีใครยอมตาย สุดท้ายแล้วก็ต้องมาฆ่ากัน ถึงจะได้รางวัลออกไป สุดท้ายแล้วก็อาจจะโดนแก้แค้นได้ และเหตุการณ์การทรยศกันนี้จะฝังใจผู้ที่มีชีวิตรอดออกไป จนเกิดการระแวงกันเองในกลุ่ม สุดท้ายก็บั่นทอนจนกลุ่มต้องแตกสลายไปอยู่ดี

    “เฮ้อ ...ก็ไม่ได้คิดจะเป็นผู้เสียสละอะไรหรอกนะ แต่ถ้าตายจะได้ไม่ต้องเจอเจนนิเฟอร์กับยัยแม่มดอีก” มาตาร์กล่าวพร้อมกับถอดเข็มขัดใส่ของออกมา แล้วหยิบเอาโล่และดาบยักษ์ขึ้นมาวางบนพื้น

    แปะ

    มาตาร์ใช้มือซ้ายที่เป็นหินแตะลงไปที่โล่อันหนึ่ง โดยหวังว่าเจ้าเดียมอนจะกินมันเข้าไปเหมือนกับที่มันกินหินในร่างของโกเลม อย่างน้อยถ้าจะตายก็ขอของรางวัลไปด้วยแล้วกัน

    แต่ทว่ากลับไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากแขนซ้าย ไม่มีการดูดกลืนใดใดเกิดขึ้นทั้งสิ้น

    “อะไรเนี่ย หรือว่าเจ้าเดียมอนจะแกล้งไม่ยอมกินของดีเนี่ย เอาแต่ของห่วยๆมาให้เรา” มาตาร์บ่นขึ้นมา เขาคิดว่าเพราะเจ้าเดียมอนอยากจะแกล้งเขานี่แหละ ถึงไม่ยอมกลืนเจ้าโลหะที่ไม่มีวันสลายนี้เข้ามา

    “เจ้าทำอะไรน่ะ?” หญิงสาวที่มองดูอยู่แต่แรกถามขึ้นมา

    “จะดูดกลืนเจ้าโล่นี่น่ะสิ” มาตาร์ตอบพร้อมกับทำหน้ายุ่งๆ

    “ถ้าเจาดูดกลืนได้ แล้วมันจะเป็นโลหะที่ไม่มีวันสลายได้ยังไงล่ะ” หญิงสาวกล่าวเรียบๆ เหมือนกับว่าสิ่งที่มาตาร์ทำนั้นมันโง่มากๆ คุณสมบัติมันก็บอกเอาไว้ว่าไม่มีวันสลาย แล้วยังคิดจะดูดกลืนหรือเปลี่ยนรูปร่างมันอีกเหรอ

    “... เออ นั่นสิเนอะ ถ้ามันถูกดูดกลืนได้ มันก็ไม่ใช่วัตถุที่ไม่มีวันสลายแล้วสิ” มาตาร์ลองคิดถึงเหตุผลดูแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองโง่มากที่คิดจะดูดกลืนเจ้าโลหะนี้เข้าไป

    โลหะชนิดนี้ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า เพอร์มาเนนเทียม เป็นแร่พิเศษของเกมจ็อคออนไลน์ มีคุณสมบัติคือไม่มีวันสลาย และไม่เปลี่ยนรูปร่างเมื่อมันขึ้นรูปเป็นวัตถุใดใดแล้ว ซึ่งการใช้งานเพอร์มาเนนเทียมได้นั้นต้องใช้กรรมวิธีพิเศษเท่านั้น ซึ่งช่างตีเหล็กของระบบไม่สามารถจัดการได้ มีเพียงช่างตีเหล็กที่เป็นผู้เล่นส่วนน้อยในโลกจ็อคออนไลน์เท่านั้นที่รู้วิธีจัดการมัน

    ดังนั้นของรางวัลในภารกิจนี้ ถึงจะได้ไป แต่หากไม่รู้วิธีจัดการ ก็เหมือนกับได้ขยะก้อนโตไปชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง ยิ่งมันเป็นโล่และดาบที่ใหญ่โตกว่าตัวคนแล้ว เอาไปใช้งานตามปกติจึงเป็นไปไม่ได้เลย

    แกร็ก! วูม~

    “งั้นฝากเจนนิเฟอร์ด้วยนะคุณริวเน่ แล้วก็ ขอโทษที่ทำร้ายร่างกายเธอหนักไปหน่อย ถ้าติดใจอยากจะเอาคืนเลยก็ได้นะ” มาตาร์พูดขึ้นมาหลังจากสวมหน้ากากวิญญาณพร้อมกับเรียกกระสุนพรากสังขารลูกหนึ่งขึ้นมาใส่มือเอาไว้

    “ไม่ล่ะ เราไม่ถือ การโจมตีใส่ศัตรูถือว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถึงตอนนี้เจ้ากับเราจะไม่ได้เป็นศัตรูกันแล้วก็เถอะ” หญิงสาวผมสั้นพูดพร้อมกับยิ้มให้มาตาร์

    “เฮ้อ~อ น่าเสียดาย ดูท่าว่าเราคงจะเข้ากันได้ดีด้วยนะเนี่ย” มาตาร์พูดจบก็จับกระสุนพรากสังขารนั้นอัดใส่หัวตัวเองทันที

    วาบบ! ฉูดด!!

    เกิดรัศมีความว่างเปล่าขึ้นมาบริเวณหัวของชายหนุ่มทันที กลืนมาจนถึงลำตัวด้านบน แล้วเลือดก็สาดกระเซ็นออกมาจากร่างกายครึ่งล่างที่เหลือนั้น ก่อนที่จะล้มลงแล้วกลายเป็นแสงไป

    แวบบ!!

    แล้วบริเวณพื้นที่ชายหนุ่มเคยยืน ก็มีแสงส่องออกมา พื้นหินธรรมดาเปลี่ยนเป็นพื้นที่พิเศษที่สามารถใช้วาร์ปออกจากวิหารใต้ทะเลได้ในที่สุด

     

    “วาฬเพชฌฆาตใช่มั้ย ...งั้นชื่อ ออก้าละกันนะ” ชายหนุ่มผมแดงตั้งชื่อให้เจ้าผู้ติดตามตัวใหม่ในที่สุด

    “ออก้าเหรอ อือ~ ออก้า” เด็กหญิงทวนชื่อของเจ้าวาฬ แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องฝึกทันที ท่าทางอยากจะไปบอกชื่อให้เจ้าวาฬเต็มที่

    “เอ้อ! โฆเซ่ ตอนที่ผมสู้กับเจ้าเตี้ยนั่นในวิหาร ผมใช้ความสามารถของเลดี้ได้ด้วยล่ะ ทั้งๆที่ไม่ได้แปลงร่าง” มาตาร์กล่าวพร้อมกับเดินมานั่งที่เก้าอี้ทรงสูงตรงเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม ที่มีพ่อบ้านยืนประจำอยู่

    “คงเป็นเพราะความสามารถของการ์ดใบใหม่ล่ะมั้งครับ เพราะความต่างเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้นคือการมีการ์ดใบนั้นเพิ่มขึ้นมา ต่างจากตอนที่ผนึกคุณหนูเลดี้ก่อนหน้านี้” พ่อบ้านสันนิษฐาน

    “เอ่ ..ไอ้การ์ดใบใหม่นั่น มันทำอะไรได้นะ ตอนนั้นรีบไปหน่อย เลยไม่ได้ใส่ใจ”

    “พรางไงครับ” พ่อบ้านตอบข้อสงสัยของชายหนุ่มผมแดง

    “พรางเหรอ ...อืม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการใช้ความสามารถโดยไม่ได้แปลงร่างล่ะเนี่ย?” มาตาร์ทำท่าครุ่นคิด

    “สัตว์อสูรที่ให้การ์ดมาสามารถพรางตัวได้ ถ้าใช้กับไรเดอร์ ก็คงจะกลายเป็นการพรางตัวตนของไรเดอร์มากกว่าจะเป็นการพรางร่างกายล่ะมั้งครับ เพราะยังไงมันก็เป็นของที่ใช้กับไรเดอร์เท่านั้น” พ่อบ้านสันนิษฐานถึงความสามารถของการ์ด

    “อื้ม ...มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละนะ เพราะมันใช้กับไรเดอร์ ความสามารถพรางก็น่าจะหมายถึงพรางตัวตนของไรเดอร์นี่แหละ ...แต่มันใช้กับการคืนร่างได้มั้ยเนี่ย” มาตาร์คิด ถ้าความสามารถพรางใช้กับตอนคืนร่างได้ เท่ากับว่าไม่ว่าเวลาไหนเขาก็จะไม่กลายเป็นร่างมาตาร์หัวแดงอีกแล้ว ถ้าคาดเข็มขัดไรเดอร์สักครั้ง

    “ผมก็ไม่รู้ความสามารถของเข็มขัดไรเดอร์นี้นะครับ แต่เราลองทดสอบมันได้เลยนี่ครับ” พ่อบ้านเสนอให้ทดลองจริงเลย ดีกว่ามานั่งคาดเดากันเอาเอง

    “อืม นั่นสินะ ลองใช้ดูเลยน่าจะดีกว่า” มาตาร์พูดจบก็หยิบเข็มขัดที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์มาคาดทันที

    แกร็ก!

    แล้วร่างของมาตาร์หัวแดงก็กลายเป็นแอฟโรหัวฟู

    “คืนร่าง!” มาตาร์ตะโกนคำสั่งออกมาทันที

    วูบ!

    แล้วทันใดนั้นชายหัวฟูก็กลับกลายเป็นชายหัวแดงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรแตกต่างกับการคืนร่างตามปกติเลย

    “ใช้กับการคืนร่างไม่ได้แฮะ” มาตาร์พูดออกมาเรียบๆ

    “แต่ว่า แสงจากเข็มขัดไม่มีแล้วนะครับ แตกต่างกับแต่ก่อน” พ่อบ้านช่างสังเกตกล่าว

    ปกติแล้วทุกครั้งที่คืนร่าง พลังงงานจากโมโนไบค์จะถูกใช้ออกมาเพื่อการคืนร่าง และที่หัวเข็มขัดนั้นจะเปล่งแสงออกมาด้วย ซึ่งถ้าหากพลังงานใกล้หมด แสงที่หัวเข็มขัดก็จะกระพริบเตือนให้รู้ด้วย

    “อ้อ พรางแสงตอนคืนร่าง จะได้ไม่มีใครสังเกตเวลาคืนร่างสินะ” มาตาร์กล่าว

    แกร็ก!

    แล้วมาตาร์ก็ถอดเข็มขัดออก เอามันมาวางบนเคาน์เตอร์เหมือนเดิม พลังจากการคืนร่างจึงสลายไป ร่างกายจึงกลับไปเป็นแอฟโร ซึ่งเป็นผลจากการคาดเข็มขัดนั่นเอง

    “อ้าว? แบบนี้ก็ต้องฝึกในร่างนี้ล่ะสิเนี่ย” มาตาร์เอ่ยขึ้นมาเหมือนเพิ่งจะคิดได้ว่าคาดเข็มขัดไปครั้งหนึ่งแล้วไม่สามารถคืนร่างได้ถ้าไม่ได้คาดเข็มขัดอยู่ หรือตายอีกสักครั้ง

    “จะใช้เข็มขัดในแมนชั่นก็ได้นี่ครับ พลังงานจากโมโนไบค์จะไม่ลดลงไปเหมือนกันในแมนชั่นแห่งความตายนี้นะครับ สามารถคืนร่างได้ตลอด” พ่อบ้านหน้ายิ้มให้ข้อมูล

    “ไม่เป็นไรหรอกโฆเซ่ ผมไม่คิดจะฝึกปราณธาตุหรือพลังจิต ฝึกร่างนี้ก็ได้” มาตาร์ไม่ร้อนใจเท่าไหร่ แม้จะต้องฝึกในร่างแอฟโรนี้

    “มีอะไรที่อยากจะฝึกอยู่แล้วเหรอครับ” พ่อบ้านจับประเด็นในคำพูดของชายหนุ่มได้

    “อื้ม ก็คิดได้ตั้งแต่แม่ริวเน่นั่นบอกแหละ เลยว่าจะฝึกอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ท่าร่างระยะประชิดต่อเนื่องขึ้น” มาตาร์นึกถึงตอนที่สู้กับแม่สาวเผ่ามังกรในวิหารใต้ทะเล ตอนนั้นเขาโจมตีไม่โดนริวเน่เลย เพราะการโจมตีของเขาไม่ค่อยจะพริ้วและไม่ค่อยจะต่อเนื่องกันเท่าไหร่ ถ้าสู้กับคู่ต่อสู้มืออ่อนกว่า แค่ซัดกันทีเดียวก็รู้ผลแล้ว ที่ผ่านมามาตาร์ถึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องความต่อเนื่องของท่วงท่ามากนัก แต่การต่อสู้หลังๆมานี่จบในครั้งเดียวไม่ได้เลย น่าจะพัฒนาเทคนิคการต่อสู้ระยะประชิดแบบต่อเนื่องขึ้นมา

    “ถ้าอย่างนั้นจะฝึกกับตัวก็อปปี้เหรอครับ” พ่อบ้านถาม

    “ไม่หรอก ฝึกกับเป้านิ่งก่อนดีกว่า เอาไว้พอเป็นรูปเป็นร่างแล้วค่อยเข้าคู่กับตัวก็อปปี้” มาตาร์กล่าว

    ขณะนั้นเสียงเด็กหญิงก็ดังแทรกเข้ามา

    “แอฟโร! เรียกเดียมอนออกมาหน่อยสิ จะได้มาช่วยกันฝึกให้ออก้าด้วย”

    “โอ้ว!!” มาตาร์ขานรับ พร้อมกับลุกจากเก้าอี้ จะฝึกให้เจ้าปลานั่นเนี่ยนะ แล้วจะเอาไปสู้กับใครล่ะนั่น

     

    ที่ในห้องฝึก พื้นที่ครึ่งหนึ่งกลายเป็นบ่อปลาไปแล้ว ซึ่งเจ้าวาฬเพชฌฆาตก็ว่ายไปว่ายมาไม่ได้หยุด แถมยังชอบสาดน้ำเล่นกับแม่เต่าทองน้อยด้วย

    เจ้าเดียมอนหลังจากได้ร่างกาย ก็มายืนอึ้งอยู่ริมบ่อพักหนึ่งเหมือนกัน เพราะคิดไม่ถึงว่าเลดี้จะมีผู้ติดตามเป็นสัตว์น้ำแบบนี้ ท่าทางคงคิดอยากจะขยายอำนาจลงไปในน้ำด้วย แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะวิชาต่อสู้ในน้ำไม่ได้หากันง่ายๆ ในบรรดาคนที่เจ้าอสูรสีดำเคยดูดกลืนเข้ามา ไม่มีใครมีวิชาต่อสู้ในน้ำเลย แต่ถ้ามีก็คงจะแปลกน่าดูเหมือนกัน

    ส่วนมาตาร์ เขาขอให้พ่อบ้านเรียกหินก้อนใหญ่ขึ้นมาก้อนหนึ่ง แล้วก็เริ่มโจมตีใส่มันทันที

    ตุบ!

    มาตาร์ต่อยหมัดไปครั้งหนึ่ง

    อืม ตามปกติเคล็ดความเร่งของเรา แค่สลับหมัดออกไปก็ถือว่าต่อเนื่องแล้ว แต่รู้สึกว่าแค่นั้นมันยังไม่พอ แถมจะให้เราเร่งความต่อเนื่องของหมัดก็เท่ากับลดทอนความรุนแรงลง น่าจะมีอะไรที่ดีกว่านี้นะ มาตาร์คิดขึ้นมาขณะที่หมัดของเขาจ่อไปที่ก้อนหินนิ่งๆ

    ฟืด!

    ชายหนุ่มลองหมุนหมัดที่จ่อนิ่งกับหินดู เหมือนกะจะให้มันกลายเป็นท่าโจมตีต่อเนื่อง

    อืม แบบนี้ดีมั้ยหว่า ต่อยก่อน แล้วค่อยบิด เป็นการเพิ่มความต่อเนื่อง ...แต่ไม่ได้สิ ถ้าหมัดไม่โดนตั้งแต่แรก ไอ้การบิดหมัดนี่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย ความต่อเนื่องน่าจะเป็นการที่ถ้าหมัดแรกพลาด จะมีท่าอะไรมาโจมตีต่อไปมากกว่า มาตาร์ครุ่นคิดอีก

    ถ้าไม่เปลี่ยนเป็นอีกหมัด ใช้เตะแทนได้มั้ยหว่า ...แบบนั้นมันยิ่งยากกว่าต่อยหมัดรัวอีกมั้ง ...ถ้างั้นก็ใช้แขนข้างเดิมนี่โจมตีต่อไป ยืดแขนดีมั้ย ...โอ๊ย!! คิดบ้าอะไรเนี่ย คนปกติจะยืดแขนได้ยังไงล่ะ มาตาร์ยิ่งคิดก็ยิ่งหลุดออกไปเรื่องอื่น

    ถ้ายืดแขนไม่ได้ แล้วหดแขนล่ะ ...ไม่ๆๆ!! คิดนอกเรื่องอีกแล้ว มาตาร์ยิ่งคิดก็ยิ่งเพ้อ

    ตุบ!

    แล้วมาตาร์ก็งอแขนแล้วก็เอาข้อศอกมาจิ้มเข้าไปที่ก้อนหินต่อเนื่องไป

    ฮ่าๆๆๆ นี่ไงหดแขนที่แท้มาตาร์แค่ทำเล่นๆเท่านั้นเอง

    “เอ๋!?” มาตาร์อุทานออกมา เหมือนกับไม่เข้าใจว่าทำไมศอกตัวเองถึงได้ไปจิ้มอยู่ที่ก้อนหินได้ แต่แล้วก็เหมือนกับจะปิ๊งอะไรออกมาได้เหมือนกัน

    ปึง!

    แล้วไหล่ของชายหนุ่มก็ชนเข้าไปกับก้อนหินนั้น

    ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!

    หน้าผาก หลัง ไหล่ เข่า ศอก หมัด หลังเท้า ส้นเท้า ส่วนต่างๆของร่างกายกระทบเข้ากับก้อนหินต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว จากระยะไกลสู่ระยะใกล้ จากระยะใกล้สู่ระยะไกล ร่างกายทุกส่วนใช้โจมตีได้ตามระยะของมัน โดยไม่ต้องออกท่าทางหรือเปลี่ยนท่าทางเยอะมาก

    จากหมัด แค่งอแขน ก็กลายเป็นศอก แล้วก้าวประชิดต่อเนื่องเป็นไหล่กระแทก ก่อนจะใช้หน้าผากกระแทกได้อีกในระยะประชิด แล้วจังหวะถอยก็ไล่ทั้งศอกและหลังหมัด

    “นี่แหละๆ!!” มาตาร์อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น นี่เป็นการโจมตีต่อเนื่องที่เขาอยากจะได้ สามารถเน้นไปที่การโจมตีในครั้งเดียวได้ ในขณะเดียวกันถ้าพลาดก็ใช้ร่างกายส่วนอื่นต่อเนื่องกันไป ไม่จำเป็นต้องขึ้นท่าใหม่ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอวัยวะที่ใช้โจมตี

    ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!

    เมื่อมาตาร์ได้เคล็ดแล้ว เขาก็ใช้พลังสมาธิฝึกการโจมตีแบบต่อเนื่องนี้ทันที

    มันออกจะคล้ายๆเคล็ดไร้เงาแฮะ ความสำคัญคือ การถ่ายปราณไปยังอวัยวะที่จะใช้โจมตี แต่ก็ไม่ยากมากเมื่อแต่ละจุดมันอยู่ใกล้ๆกัน ทั้งหมัด ศอก และไหล่ ออกท่าครั้งเดียวโจมตีได้อย่างน้อยตั้งสามครั้งแน่ะ เอ่? หรือว่าจะใช้ท่อนแขนฟาดเข้าไปด้วยดี ...ถ้าใช้ร่วมกับทอนฟาคงใช้ได้สินะ มาตาร์คิดขึ้นมาในขณะที่ออกท่าไม่หยุดในห้วงสมาธินั้น

     

    ทางด้านเดียมอน เลดี้ และผู้ติดตามทั้งหลายนั้น ก็กำลังประชุมเครียดอยู่ที่ริมน้ำ เพราะจะได้ให้เจ้าวาฬเพชฌฆาตมีส่วนร่วมด้วย

    “ยัยหนู เจ้ามีสายเวทลับใช่มั้ย ดูท่าทางจะทำให้ใช้ปราณธาตุได้สินะ” เดียมอนเอ่ยขึ้นมาหน้าเครียดเหมือนกำลังวางแผนอะไรอยู่

    “มีกรงเล็บด้วยนะนี่ไง” เด็กหญิงพูดพร้อมกับเรียกกรงเล็บประดิษฐ์ขึ้นมาให้เจ้าอสูรดำดู

    “อย่าใช้บ่อยดีกว่านะ เจ้าอาวุธประดิษฐ์พวกนี้น่ะ เพราะมันไม่ทำให้ค่าทักษะอาวุธขึ้นเลย” เดียมอนเตือนเด็กหญิง

    “เหรอ ใช้แล้วจะไม่เก่งขึ้นสินะ งั้นเอาไว้ใช้ตอนจำเป็นจริงๆละกัน” เด็กหญิงกล่าว ในความเข้าใจของเธอแล้ว เลดี้คิดว่ากรงเล็บประดิษฐ์เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงเกินไป ทำให้เวลาเรียกออกมาใช้แล้วไม่ได้ฝึกฝน อย่างตอนที่สู้กับวาฬเพชฌฆาตใต้น้ำ ที่เธอเอาชนะมาได้ก็เพราะมีกรงเล็บนี่ล้วนๆเลย ไม่อย่างนั้นเลดี้คงไม่มีวิธีอะไรจะไปโจมตีเจ้าพวกนี้ใต้น้ำแน่ๆ

    “ถ้ามีปราณไฟแล้ว ก็มาลองใช้ปราณไฟเร่งกำลังแทนที่จะใช้ไฟตรงๆดูแล้วกันนะ บังเอิญว่าไอ้หนุ่มนั่นดันทำให้ร่างกายข้าเปลี่ยนไป ก็เลยไม่มีพลังพิเศษอะไรใช้ จะแสดงให้ดูก็ไม่ได้” เดียมอนกล่าวออกมาด้วยเสียงหงุดหงิด ท่าทางมันจะยังเข้ากับมาตาร์ไม่ได้เลย

    “ไม่เป็นไร เลดี้ค่อยๆทำก็ได้ โอเคเซเบอร์!” เด็กหญิงพูดจบก็เรียกเจ้าเสือเขี้ยวดาบทันที

    ฟุบ! ฟูวว!

    เจ้าเสือเขี้ยวดาบกระโดดเข้าไปหาเด็กหญิงแล้วก็หายตัวไปทันที พลันปรากฏเส้นสายปราณสีแดงส้มผุดขึ้นมาจากร่างของเด็กหญิงผมแดง

    มันคือการใช้ปราณไฟเสริมร่างกายนั่นเอง

    วูบบ! ตึง!!

    เด็กหญิงเคลื่อนแขนข้างหนึ่งออกด้วยเคล็ดแอนทิก ปรากฏเป็นรูปหน้าของเสือเขี้ยวดาบ ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนกับกระแทกอะไรสักอย่างกลางอากาศ ซึ่งเป็นผลตามเคล็ดแอนทิกตามปกตินั่นเอง

    “วะฮ่าๆๆๆ ดีมากยัยหนู เสริมปราณไฟในการโจมตีด้วย จะได้การโจมตีที่รุนแรงกว่าปกติ ทั้งๆที่ใช้ปราณและกำลังน้อยกว่าปกติ ...ต่อไปก็ลองปล่อยรัวดูซิ อย่างเจ้าน่าจะใช้แอนทิกแบบต่อเนื่องได้แล้วนะ” เดียมอนแนะอีก

    วูบ ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!

    ฝ่ามือของเด็กหญิงฟาดสลับซ้ายขวาอย่างช้าๆ แต่ทุกครั้งกลับมีเสียงกระแทกอากาศตลอด และมีเงาหน้าของเจ้าเสือเขี้ยวดาบปรากฏออกมาในทุกการโจมตีอีกด้วย

    การโจมตีของเลดี้นั้นแตกต่างจากมาตาร์อย่างเห็นได้ชัด เพราะเลดี้มักจะใช้การรัวหมัดต่อสู้คล่องแคล่วอยู่แล้ว และมักจะไม่ปิดการต่อสู้ด้วยการโจมตีครั้งเดียวเหมือนมาตาร์ แต่เคล็ดแอนทิกของเดียมอนและการเสริมปราณไฟกลับทำให้การโจมตีเล็กๆของเด็กหญิงการเป็นกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงรัวได้

    “เจ๋งมากยัยหนู อย่าลืมเอาไปโชว์ให้ไอ้หนุ่มนั่นดูนะ ตอนนี้เจ้าน่าจะปราบมันได้ง่ายๆแล้วล่ะ วะฮ่าๆๆๆ” เดียมอนหัวเราะอย่างเป็นสุข

    ปี๊~!!

    ส่วนเจ้าออก้าก็ส่งเสียงออกมา เพราะไม่มีใครมาเล่นกับมันเลยนั่นเอง

    “หืม? อะไรเจ้าปลา อยากจะมีไม้ตายกับเค้าบ้างเรอะ” เดียมอนหันมันพูดกับเจ้าวาฬที่เอาหัวมาเกยฝั่ง

    ปี๊~!

    เจ้าวาฬขานรับ

    “อืม ...งั้นเจ้าลองวิชานี้ น่าจะใช้ในน้ำได้นะ” แล้วเดียมอนก็กระซิบบอกวิธีเคลื่อนไหวให้เจ้าออก้า

    ปี๊~!

    เจ้าวาฬขานรับหลังจากได้ฟังเคล็ดวิชาจากเจ้าอสูรดำแล้ว

    ตูม! ซ่า~! ตูม! ซ่า~!

    แล้วเจ้าวาฬก็ได้ฝึกวิชากับเขาบ้าง โดยมันเอาแต่ว่ายน้ำไปมา กระโดด กระโจนไม่หยุด

     

    “ฮึๆๆๆ ยัยหนูทำได้ดีมาก กองทัพของข้ากำลังจะขยายใหญ่ขึ้น ใกล้ถึงวันที่ข้าจะได้ครองโลกแล้วสินะ วะฮ่าๆๆๆ” แล้วเจ้าเดียมอนก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย ในขณะที่ทั้งเจ้าวาฬ เจ้าเสือ และเด็กหญิงฝึกวิชาโดยไม่ได้สนใจเสียงหัวเราะเกรียนๆของเดียมอนเลย

     

    มีโพลล์โหวตสาวๆอันใหม่แล้วนะครับ (ปั่นโพลล์ซะหน่อย)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×