ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #193 : บทที่187: เพราะอยากให้เกลียด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.12K
      122
      8 พ.ค. 55

    บทที่187 เพราะอยากให้เกลียด

    “เจนนิเฟอร์ เราเลิกกันเถอะ” ศิวะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “เอาอีกแล้วศิวะ ชั้นไม่เลิกกับคุณหรอก” เจนนิเฟอร์ตอบกลับเรียบๆ ท่าทางเธอไม่แตกตื่นหรือตกใจเลย

    “ทำไมล่ะเจนนิเฟอร์! ทำไมยังทนอยู่กับผมอีก!” ศิวะขึ้นเสียง

    “เพราะชั้นรักคุณน่ะสิ เลิกคุยเรื่องนี้กันได้แล้วน่า” เจนนิเฟอร์ตอบอย่างยิ้มแย้ม

    “แต่มันเป็นไปไม่ได้! คุณก็รู้ ผม ...ผมทำร้ายคุณ” ศิวะกล่าวเสียงเศร้า

    “คุณไม่ได้ทำร้ายชั้น” เจนนิเฟอร์ตอบกลับเหมือนพยายามปลอบใจคนรักของเธอ

    “แต่คุณร้องไห้ด้วยนี่นา ยังจะว่าผมไม่ทำร้ายคุณอีกเหรอ!” ศิวะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

    “แล้วตอนนี้คุณทำชั้นร้องไห้เหรอ ชั้นกำลังยิ้มอยู่ไม่เห็นเหรอ” เจนนิเฟอร์พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “แล้วถ้าตอนนี้ผมทำให้คุณร้องไห้ล่ะ คุณจะเลิกกับผมมั้ย” ศิวะกล่าวออกมาช้าๆ

    “ไม่ ชั้นรู้ว่าคุณแกล้งทำ” เจนนิเฟอร์ทำท่าทางไม่สนใจสิ่งที่ศิวะพูด

    “คุณก็รู้ว่าไม่มีทางที่เราจะลงเอยกันได้ แล้วจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้อีกนานแค่ไหน” ศิวะกล่าวด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย

    “แต่ตอนนี้เรายังอยู่ด้วยกันนี่นา ทำไมคุณไม่มีความสุขกับช่วงเวลานี้ให้เต็มที่ล่ะ ไปคิดถึงเรื่องที่ยังไม่เกิดทำไม” เจนนิเฟอร์กล่าว

    “ผมไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง สุดท้ายแล้วคุณก็จะต้องเสียใจอยู่ดี” ศิวะกล่าวเรียบๆ

    “ชั้นไม่มีวันเสียใจศิวะ” เจนนิเฟอร์ยังคงยิ้มกลับมาให้คนรักของเธอ

     

    “ฮ่าๆๆ เป็นยังไงล่ะไม้ตายของผม บอกแล้วว่ามันแรง” ชายหนุ่มหัวฟูคุยอวดทันทีที่เหล่าสัตว์อสูรที่มองไม่เห็นตัวพวกนั้นตายไปหมด

    “ผู้เล่นมาตาร์สังหาร ซ่อนสังหาร ระดับ 150 ยี่สิบตัว ได้ค่ารับประสบการณ์ 21,700 หน่วย เลื่อนระดับเป็น 79 ค่ะ”

    ฟิ้วว! แปะ!

    เสียงจากระบบดังขึ้นมาก่อนที่ของสิ่งหนึ่งจะปลิวมาตกที่แทบเท้าของชายหนุ่ม

    “อ๊ะ!! การ์ดนี่นา ขอผมนะครับ เพราะผมเป็นคนฆ่าพวกนี้ ยังไงพวกคุณก็ได้ประสบการณ์กันไปหมดแล้วนี่นะ ทั้งๆที่ไม่ได้ลงมือ” มาตาร์พูดเสียงยียวนพร้อมกับรีบหยิบการ์ดขึ้นมาอ่านคุณสมบัติก่อนจะเสียบมันเข้าไปในช่องเสียบการ์ดที่เข็มขัดทันที ซ่อนสังหาร ความสามารถคือ พราง เหรอ หมายความว่าไงหว่า

    มาตาร์พยายามทำตัวให้น่าหมั่นไส้ ถึงจริงๆแล้วคนอื่นจะไม่ได้ลงมือแต่ก็มีส่วนร่วมในการต่อสู้เหมือนกัน ระบบจะแบ่งค่าประสบการณ์ให้ผู้เล่นเท่าๆกันอยู่แล้วในสถานการณ์แบบนี้แม้จะไม่ได้ร่วมทีมกันก็ตาม

    “ค่ะเอาไปได้เลยค่ะ” ซุยกะกล่าวอย่างยิ้มแย้มเหมือนเดิม ท่าทางเธอไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรเลย

    “เชิญเถอะค่ะ” เจนนิเฟอร์พูดเสียงแข็ง จริงๆเธอหมั่นไส้ชายหนุ่มหัวฟูคนนี้เต็มที่แต่ยังรักษามารยาทเอาไว้ ไม่เห็นต้องพูดเลยไอ้ท้ายประโยคนั่นน่ะ แบบนี้มันหาเรื่องกันชัดๆ ทำไมชั้นต้องมาติดอยู่กับคนพรรค์นี้ด้วยนะ

    “ฮ่าๆๆ ถ้างั้นเราเดินทางกันต่อเถอะ ผมอยากได้ของรางวัลจากภารกิจจะแย่อยู่แล้ว” มาตาร์พูดขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางของเจนนิเฟอร์ ท่าทางจะหมั่นไส้เราเต็มที่เลยแฮะ ฮึๆ

    แล้วชายหนุ่มหัวฟูก็เดินนำเข้าไปในถ้ำทันที

     

    อีกด้านหนึ่งผู้เล่นสองคนกับผู้ติดตามหนึ่งคนกำลังเผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน สัตว์อสูรที่มองไม่เห็น จับสัญญาณไม่ได้ กำลังรุมล้อมพวกเขาอยู่

    “ตัวอะไรก็ไม่รู้ เลดี้เห็นรางๆ” เด็กหญิงเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นอะไรสักอย่างอยู่ในเงามืด

    “อื้ม ...มีเยอะทีเดียวแหละค่ะ ซ่อนสังหาร” หญิงสาวที่เดินอยู่ด้วยกันพูดขึ้นมาเรียบๆ

    และเมื่อเด็กหญิงหันไปทางหญิงสาวผู้ที่เอ่ยออกมาเมื่อสักครู่เธอก็ต้องแปลกใจ เพราะร่างของหญิงสาวนั้นดูพร่าเลือนไปจนมองเห็นได้ไม่ชัดเจน ไม่แตกต่างจากพวกสัตว์อสูรที่มองไม่เห็นร่างเหล่านั้นเลย

    “อ๋า? พี่ซารีน่าทำยังไงน่ะ ทำไมถึงเห็นตัวไม่ชัดอย่างนั้นล่ะ” เด็กหญิงเอ่ยถาม

    “การพรางด้วยความมืดน่ะค่ะ พอทำแบบนี้แล้วก็จะเห็นพวกสัตว์อสูรนี่ชัดเจนเลยนะคะเลดี้” ซารีน่าตอบ

    มีคำกล่าวที่ว่า ผีเห็นผีหมายความว่าพวกเดียวกันมักจะมองเห็นกันเอง เพราะพวกซ่อนสังหารพรางตัวด้วยความมืดเหมือนกับที่ซารีน่าทำ ดังนั้นเธอจึงเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจนจากในมิติของความมืดนั้น

    ฟวับ! เปรี๊ยะ!! กี๊ซ~!!

    ทันใดนั้นซ่อนสังหารตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาโจมตีทันที แต่หญิงสาวกลับสาดสายฟ้าใส่มันทันทีจนมันร้องเสียงหลง

    “โห! มันโจมตีมาเมื่อไหร่เลดี้ยังไม่ทันเห็นเลย” เด็กหญิงเอ่ยออกมาด้วยความชื่นชม

    “แหม พวกนี้ไม่ได้ร้ายกาจอะไรมาก จะยากก็ตรงที่จับสัญญาณหรือมองไม่เห็นตัวเท่านั้นเอง ถ้ามองเห็นตัวพวกมันก็เสร็จเราง่ายๆแหละค่ะ” หญิงสาวตอบกลับยิ้มๆ

    “น่ารำคาญจริง” ชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆตั้งแต่แรกพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับปล่อยแสงสว่างออกมาห่อหุ้มตัว ก่อนที่จะรวมกลุ่มแสงนั่นจะไปอยู่ที่บริเวณหน้าผากของเขา เกิดเป็นก้อนแสงขึ้นมา

    แวบ~!!

    แล้วเจ้าก้อนแสงขนาดเท่ากำปั้นนั่นก็ลอยขึ้นไปอยู่กลางโพรงถ้ำแล้วสาดแสงออกมาอย่างแรงกล้าทันที

    ด้วยกำลังอันเข้มข้นของพลังแสง ทำให้ภายในถ้ำสว่างไหวราวกับกลางวัน อสูรพรางกายพวกนั้นถูกแสงส่อง พลังแห่งความมืดก็กระจายหายไปหมดจนสามารถเห็นร่างของพวกมันอย่างชัดเจน แม้แต่หญิงสาวที่ใช้ความมืดพรางกายอยู่ก็โดนแสงสว่างนั่นส่องจนไม่สามารถพรางกายต่อไปได้

    แล้วชายหนุ่มร่างเตี้ยก็ไม่รอช้า เขาพุ่งเข้าไปหาเหล่าสัตว์อสูรเหล่านั้นแล้วเข้าโจมตีพวกมันทันที

    ฟิ้ว! ปึ้ก! ตูมม! ปั้ก! ตูมม!! กี๊~~!

    ชายหนุ่มเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว โจมตีเข้าไปที่สัตว์อสูรอย่างรุนแรงโดยใช้แค่เท้าเท่านั้นไม่ได้ขยับมือออกมาจากผ้าคลุมเลย และไม่ว่าเขาจะเตะไปที่เจ้าซ่อนสังหารตัวใด ก็จะได้ยินเสียงระเบิดตามมาด้วยเสมอก่อนที่ร่างของเหล่าสัตว์อสูรจะกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

    “แหม ท่าทางจะใจร้อนนะคะเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยออกมาเรียบๆพร้อมกับชักมีดออกมาแล้วเข้าไปโจมตีสัตว์อสูรพวกนั้นบ้าง

    ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

    มือของซารีน่ารวดเร็วและฉับไว คมมีดคู่ของเธอกรีดไปตามร่างของเจ้าสัตว์อสูรที่ยืนด้วยสองขาหน้าตาคล้ายลิง มีมือที่มีเล็บแหลมๆยื่นออกมาด้วย ลักษณะเหมือนคนผอมๆหน้าตาหน้าเกลียด

    “มิน่าล่ะ ทำไมถึงต้องพรางตัวเองไว้ หน้าตาน่าเกลียดอย่างนี้นี่เอง” เลดี้เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกซ่อนสังหารถึงต้องพรางตัวด้วย ซึ่งจริงๆมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับหน้าตาของพวกมันสักหน่อย

    กี๊~! ฟวับ!!

    ซ่อนสังหารตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาจู่โจมเด็กหญิงทันที แต่เจ้าสัตว์อสูรที่มีดีแค่การพรางตัวมีหรือจะสู้แม่เต่าทองน้อยได้เมื่อมันไม่สามารถพรางตัวได้แล้ว

    “ไฮยย!!” เลดี้แผดเสียงพร้อมกับสะบัดขาที่ลุกเป็นไฟใส่กรงเล็บที่พุ่งเข้ามาหาเธอทันที

    ผัวะ! กี๊~~!!

    กรงเล็บของเจ้าสัตว์อสูรกระเด็นถอยออกไปพร้อมกับไฟที่ลุกไหม้มือของมัน

    “อืม ปราณไฟมันดีจริงๆแฮะ เจ๋งกว่าใช้เวทไฟเยอะเลย” เด็กหญิงพูดพร้อมยิ้มออกมาอย่างยินดี เมื่อรับรู้ว่าการใช้ปราณไฟเสริมการโจมตี นอกจากจะทำให้มีไฟลุกได้แล้ว พลังกายเหมือนจะสูงขึ้นนิดหน่อยด้วยถ้าเทียบกับปราณบริสุทธิ์ ซึ่งการใช้เวทไฟจะไม่เกิดผลลัพธ์แบบนี้

    เพราะไฟมีหลักของการสั่นไหวและการเพิ่มพลังงาน ผู้ที่ใช้ปราณธาตุไฟจึงเหมาะแก่การต่อสู้โดยใช้กำลังแบบตรงๆมากที่สุด หรือพูดง่ายๆว่าเหมาะสำหรับพวกบ้าพลังนั่นเอง ซึ่งเลดี้ก็ดูจะเข้าข่ายอยู่เมื่อวิธีการต่อสู้ทั้งหมดของเธอเป็นแบบซัดกันตรงๆล้วนๆ

    “ฮ่า!” ผัวะ! ตูมม!

    “ไฮยย!!” ผัวะ! พรึบ!

    ชายร่างเล็กใช้แค่การเตะ เด็กหญิงก็ใช้แต่เท้าเหมือนกัน แต่ดูแล้วประสิทธิภาพยังต่างกันเยอะ เมื่ออิชินสามารถระเบิดร่างพวกซ่อนสังหารได้ด้วยการเตะครั้งเดียว ส่วนเลดี้ทำได้เพียงแค่ทำให้ร่างของพวกสัตว์อสูรลุกเป็นไฟเท่านั้น

    เพราะเลดี้เห็นว่าอิชินตัวเท่าๆกับเธอ สามารถใช้แค่เท้าต่อสู้ได้ เธอจึงไม่ยอมใช้มือเหมือนกันเพราะเดี๋ยวจะน้อยหน้า ทั้งๆที่ตามปกติเลดี้ถนัดใช้หมัดมากกว่า

    “ฮึ ยัยเด็กสามหาว” อิชินเห็นว่าเลดี้เลียนแบบตนจึงเตะร่างของซ่อนสังหารตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ให้ลอยไปทางเด็กหญิงทันที

    ผัวะ!!  ฟ้าว~~ว กี๊~~!!

    เจ้าอสูรดวงซวยโดนเตะลอยละลิ่วไปไกลกว่ายี่สิบเมตรเป็นเส้นตรงบ่งบอกถึงความรุนแรงของลูกเตะครั้งนี้เป็นอย่างดี ร่างของเจ้าอสูรก็ไม่ได้เล็กหรือเบาอะไร ถ้ามันพุ่งเข้าไปชนเลดี้ รับรองได้ว่าคงบาดเจ็บกันบ้างแน่ๆ

    “เลดี้ระวังค่ะ!” ซารีน่าร้องตะโกนขึ้นมาเมื่อเห็นร่างของส้ตว์อสูรกำลังพุ่งเข้าใส่เลดี้อย่างแรง

    แต่ทว่าเสียงตะโกนของหญิงสาวไม่ได้ว่องไวไปกว่าท่าร่างของเด็กหญิงผมแดงเลย เลดี้มีประสบการณ์การต่อสู้เยอะพอสมควร สัมผัสก็ใช้ได้ แถมตอนนี้มีเวทมนตร์ใช้แล้วด้วย

    ก่อนที่ร่างของเจ้าอสูรจะลอยมาถึงเลดี้ ทันใดนั้นเด็กหญิงก็เข้าสู่ห้วงสมาธิทันที

    ภาพในสติของเด็กหญิงค่อยๆไหลไปช้าๆราวกับดูภาพยนตร์ที่ถ่ายด้วยกล้องความเร็วสูง เท้าของเธอค่อยๆมีไฟลุกขึ้นมา แล้วเลดี้ก็ค่อยๆยกเท้าที่ติดไฟวาดเป็นวงโค้งขึ้นมา แล้วใส่กำลังทั้งหมดลงไปตามเคล็ดแอนทิก พร้อมกับใช้เวทออกมาด้วย ซึ่งเวทเงาอสูรส่งผลให้เปลวไฟนั้นเปลี่ยนรูปเป็นใบหน้าของเสือเขี้ยวดาบซึ่งแฝงอยู่ในร่างของเธอนั่นเอง

    และในจังหวะที่เท้าของเด็กหญิงผมแดงจะกระทบเป้าหมาย เวลากลับเดินเป็นปกติอีกครั้ง

    “ฮว้าชช่า!!” เลดี้ตะโกนออกมาพร้อมกับหวดเท้าออกไปเต็มแรง

    ตูมมม!! พล็อกก!! กี๊ว~~!!

    ความรุนแรงจากเคล็ดแอนทิกผสมด้วยเปลวไฟจากเวทเงาอสูร ส่งผลให้ร่างของเจ้าสัตว์อสูรที่โดนเตะตัวขาดกลางทันที เห็นเป็นภาพเหมือนเสือเขี้ยวดาบกำลังใช้เขี้ยวของมันขย้ำเจ้าอสูรลายพรางนั้นออกเป็นชิ้นๆ ก่อนที่เงาหน้าของเจ้าเสือไฟจะอันตรธานไปอย่างรวดเร็วราวกับภาพหลอน

    ทั้งซารีน่าและอิชินที่เห็นต่างก็รู้สึกทึ่งขึ้นมาเมื่อเห็นภาพอันสวยงามและลีลาการเตะที่รุนแรงของเด็กหญิง ซึ่งมันดูคล้ายกับการปล่อยหมัดมังกรทะยานของเคนริวที่มาตาร์เคยเห็นที่ลานสาธิตเลยทีเดียว เพียงแต่เปลี่ยนหมัดเป็นเท้าและเปลี่ยนมังกรเป็นเสือเขี้ยวดาบเท่านั้น

    “โฮ่ มีดีเหมือนกันนี่นายัยเด็กกะโปโล” อิชินเอ่ยชมออกมา ดูเหมือนเขาจะยอมรับในฝีมือของเลดี้ขึ้นมาบ้าง

    “แน่นอนอยู่แล้ว” เด็กหญิงตอบกลับพร้อมยิ้มอย่างเบิกบาน

    “คุณอิชินนี่ไม่เป็นผู้ใหญ่เลยนะคะ ถ้าเลดี้รับลูกเมื่อกี๊ไม่ได้คงได้มีปัญหากับดิชั้นแน่ๆเลย” ซารีน่าเอ่ยออกมาเรียบๆ แต่จริงๆแล้วเป็นการเตือนให้ชายหนุ่มร่างเตี้ยนี้เพลาๆมือลงหน่อย ถ้าเลดี้เกิดบาดเจ็บขึ้นมาการรวมกลุ่มกันก็คงจะเป็นไปได้ยากแล้ว

    “ไม่เป็นไรหรอกพี่ซารีน่า แอฟโรฝึกเลดี้โหดกว่านี้ตั้งเยอะ แค่นี้จิ๊บๆ” เด็กหญิงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

    เพราะเด็กหญิงทั้งเคยสู้กับผู้เล่นที่เก่งกว่าเธอตอนสู้กับเรจ เคยสู้กับเสือเขี้ยวดาบระดับสามร้อยพร้อมๆกันสองตัวโดยใช้อาวุธที่ไม่เคยใช้มาก่อน หรือเคยสู้กับอิจิโกะโดยไม่ใช้พลังพิเศษเลยมาแล้ว ซึ่งล้วนแล้วแต่โหดถึงตายได้ทุกกรณี

    “แถมไม่เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย อิชินตัวเท่าๆกับเลดี้เองแท้ๆ” เด็กหญิงพูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม ซึงเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอก แต่เล่นเอาชายหนุ่มร่างเตี้ยกัดฟันกรอดขึ้นมาทีเดียว เพราะคำพูดของเธอมันโจมตีจุดด้อยของเขาชัดๆ

    “อุ๊บบ! นั่นน่ะสิคะ พี่ซารีน่าทำตัวไม่เป็นผู้ใหญ่เองแหละ ไม่น่าพูดแบบนั้นกับคุณอิชินเลย” ซารีน่าแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ก่อนจะพูดจากระทบกระทั่งกลับไป

    “ชิ!” ชายหนุ่มร่างเตี้ยส่งเสียงชิชะขึ้นมาก่อนจะออกเดินเข้าโพรงถ้ำไปทันทีโดยไม่รอทั้งสองสาว ฝากไว้ก่อนเถอะ

    ส่วนทั้งสองสาวก็เดินตามไปเงียบๆ โดยสีหน้าของซารีน่ามีรอยยิ้มน้อยๆขึ้นมา ส่วนเลดี้ก็ทำหน้าตางงๆเหมือนไม่เข้าใจว่าอิชินโกรธอะไร

     

    ถ้ำภารกิจลับที่เมืองฟรานซ์นี้ ถ้าเทียบกับถ้ำภารกิจลับที่เกาะเริ่มต้นที่สี่แล้ว ถือว่ามีระดับต่ำกว่า เนื่องจากระดับความลับของภารกิจที่เกาะเริ่มต้นนั้นสูงกว่านั่นเอง ทั้งสัตว์อสูรที่คอยเฝ้าตามทางและความโหดหินของปริศนาที่ถ้ำเมืองฟรานซ์นี้ล้วนแต่ง่ายกว่าที่มาตาร์เคยเจอทั้งสิ้น

    “ถ้ำนี้มันไม่เห็นจะมีอะไรท้าทายเลยแฮะ กระจอกจริงจริ๊ง” ชายหนุ่มหัวฟูพูดขึ้นมาขณะที่เดินนำสาวๆอีกสองคน โดยที่มือทั้งสองข้างมีลูกกลมสามลูกหมุนเป็นวงแหวน คอยให้ความสว่าง เนื่องจากผลึกเวทไฟของเขาพังไปแล้วพร้อมๆกับมือของเขาเมื่อตอนปล่อยหมัดยกกำลังยี่สิบใส่พวกซ่อนสังหาร

    ที่มาตาร์ใช้คือการปล่อยพลังสามแบบเป็นลูกกลมๆแล้วให้มันหมุนอยู่เหนือมือที่เขาเคยเล่นเมื่อตอนอยู่ว่างๆในแอตแลนติส การใช้พลังสามแบบพร้อมๆกันนี้นอกจากจะทำให้มีแสงสว่างขึ้นมาบ้างแล้ว ก็ทำให้ทักษะเสริมทั้งหลายของมาตาร์เพิ่มระดับขึ้นมาได้ ค่าสถานะพลังพิเศษก็เพิ่มขึ้นจนเต็ม แถมยังเป็นการฝึกการใช้พลังแบบพลิกแพลงด้วย ซึ่งชายหนุ่มก็ทำจนคล่องทั้งสองมือแล้ว

    และระหว่างที่เดิน ค่าสถานะของชายหนุ่มก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะเข็มขัดไรเดอร์ช่วยฝึกสถานะอย่างรวดเร็วด้วย ไม่นานนักค่าสถานะพื้นฐานของมาตาร์ก็เพิ่มมาจนหยุดอยู่ที่ 210 ทุกค่า ซึ่งมากกว่าเดิม 10 อันเป็นผลมาจากการ์ดใบใหม่นั่นเอง มีเพียงพลังชีวิตเท่านั้นที่ยังเพิ่มไม่ถึงร้อยเลย

    “คุณแอฟโรใช้พลังพิเศษเก่งจังเลยนะคะ ซุยเพิ่งเคยเห็นคนที่ใช้พลังคล่องแบบนี้นี่แหละ” หญิงสาวตัวสูงเอ่ยชม ในขณะที่เจนนิเฟอร์ไม่พูดอะไรเพราะรู้สึกหมั่นไส้เจ้าผู้ชายขี้อวดคนนี้นี่เอง

    “โล่ของคุณซุยกะก็เยี่ยมเหมือนกันนั่นแหละครับ ขนาดไม้ตายของผมว่าแรงแล้วแต่ยังทำอะไรโล่ของคุณไม่ได้เลยซักนิดเดียว ทั้งอุปกรณ์ทั้งฝีมือก็เยี่ยมไปหมด” ชายหนุ่มหัวฟูชมกลับบ้าง

    “เรื่องอุปกรณ์นี่ซุยยอมรับว่าดีค่ะ แต่เรื่องฝีมือนี่คงไม่มั้งคะ เพราะซุยยังไม่เคยฆ่าสัตว์อสูรเลยซักตัวเดียว” หญิงสาวตอบกลับหน้ายิ้มๆ

    “เอ๋? มันเป็นไปได้ยังไงล่ะครับ ดูจากความแข็งแรงของการป้องกันแล้วระดับของคุณซุยกะไม่ใช่น้อยๆเลยนะ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย เพราะเขาเพิ่งจะเคยเห็นคนใช้พลังป้องกันและพลังรักษาขั้นสูงขนาดนี้เป็นครั้งแรก

    “ก็ปกติซุยอยู่กับอิชจัง อิชจังก็เป็นคนจัดการสัตว์อสูรให้น่ะค่ะ ซุยไม่กล้าลงมือเพราะมันออกจะน่าสงสารน่ะค่ะ” หญิงสาวร่างสูงตอบ

    น่าสงสาร แต่ให้คนอื่นฆ่าก็ไม่เป็นไรสินะ ชายหนุ่มหัวฟูคิดเมื่อได้ยินคำตอบของซุยกะ หารู้ไม่ว่าในความเป็นจริงแล้วหญิงสาวผมน้ำตาลส้มคนนี้ยังเคยแอบรักษาให้สัตว์อสูรที่ต่อสู้กับตนเองหลายครั้ง จนคนที่โจมตีสงสัยว่าทำไมสัตว์อสูรที่สู้ด้วยถึงได้อึดขนาดนั้น

    และแล้วเมื่อทั้งสามเดินมาตามทางเรื่อยๆ ก็พบกับห้องที่มีพื้นเป็นบ่อน้ำ ซึ่งดูราวกับทะเลสาบเลยทีเดียว

    “ไม่มีทางไปต่อแล้วแฮะ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาก่อน

    “ดิชั้นคิดว่าทางไปต่อคงจะอยู่ในน้ำนี่แหละค่ะ” หญิงสาวคนที่เงียบมานานเอ่ยออกมาบ้าง

    “งั้นก็ดำน้ำไปก็จบแล้วสินะ” ชายหนุ่มกล่าว เขาไม่คิดอะไรมากมาย ถ้าบอกว่ามีทางไปต่ออยู่ในน้ำก็แค่ฝ่ามันไปเท่านั้นเอง

    “เอ่อ ...คือ...” หญิงสาวขี้กลัวส่งเสียงอ้ำๆอึ้งๆออกมา ทำเอาอีกสองคนต้องหันมาสนใจ

    “มีอะไรเหรอคะคุณซุยกะ” หญิงสาวแว่นเหลี่ยมถาม

    “ซุยว่ายน้ำไม่เป็นค่ะ” ซุยกะเอ่ยออกมาพร้อมกับก้มหน้าเหมือนรู้สึกผิด

    “...”

    “...”

    ชายหนุ่มและหญิงสาวอีกสองคนเงียบไปทั้งคู่ มองหน้ากันเหมือนกับพยายามจะหาทางออก

    “คุณซุยกะมีปราณดินรึเปล่าล่ะครับ” มาตาร์ถามขึ้นมา เพราะปราณดินสามารถดึงอากาศที่แทรกอยู่ในน้ำออกมาได้ ช่วยให้หายใจใต้น้ำได้

    “ไม่มีค่ะ ซุยเป็นเผ่ามาร ปราณเป็นความมืด” หญิงสาวร่างสูงตอบกลับ

    “เอ่อ ...แล้วคุณเจนนิเฟอร์ล่ะ” มาตาร์ถามหญิงสาวอีกคน

    “ปราณของดิชั้นเป็นปราณแสงค่ะ ใช้ธาตุข้างเคียงยังไม่ได้ด้วย” หญิงสาวแว่นเหลี่ยมตอบเรียบๆ ดูจากคำตอบแล้วเธอคงจะเป็นเผ่ามนุษย์ไม่ใช่เผ่าเทพ

    จริงๆทางแก้ปัญหานั้นแสนง่าย เมื่อมาตาร์สามารถใช้ปราณดินได้ หรือแม้แต่ใช้เวทอสูรนาคามหาสมุทรที่สามารถพาร่างของใครก็ตามดำน้ำไปได้ ซึ่งมาตาร์แค่เพียงสวมหน้ากากวิญญาณแล้วใช้พลังก็เรียบร้อย

    “งั้นเดี๋ยวผมลองไปสำรวจบ่อนี่ก่อนละกันนะ ว่ามันลึกขนาดไหน หรือว่าทางออกมันอยู่ตรงไหน แล้วค่อยกลับมาบอกนะ” มาตาร์พูดจบก็เรียกหน้ากากวิญญาณขึ้นมาสวมแล้วกระโดดลงน้ำไปทันที

    ตูม! ซ่า!

    เจนนิเฟอร์มองตามด้วยสายตานิ่งเฉย ในขณะที่ซุยกะเอาแต่ยิ้ม

     

    “คุณแอฟโรนี่ดูท่าทางรักคุณเจนนิเฟอร์ดีนะคะ” หญิงสาวหน้ายิ้มเอ่ยออกมาเรียบๆขณะที่นั่งรอชายหนุ่มหัวฟูกลับมา

    “หา!? คุณซุยกะพูดอะไรน่ะ” เจนนิเฟอร์หน้าตื่นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินหญิงสาวหน้ายิ้มพูด เธอไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร ราวกับซุยกะอยากจะบอกว่าทั้งเธอและนายผมฟูคนนั้นต่างรู้จักกันอยู่แล้ว ทั้งๆที่เธอเพิ่งเคยเจอเขาเป็นครั้งแรก แถมยังหมั่นไส้จะแย่อยู่แล้วด้วย

    “อ้าว? ก็คุณแอฟโรรู้จักคุณเจนนิเฟอร์ดีออกอย่างนี้ ไปทะเลาะอะไรกันมารึเปล่าล่ะคะ” ซุยกะเอ่ยออกมาราวกับรู้เบื้องลึกที่ทั้งมาตาร์และเจนนิเฟอร์ไม่เคยบอกใคร

    “รู้จักดี? ทะเลาะ? เดี๋ยวก่อนนะคะคุณซุยกะ ดิชั้นตามความคิดของคุณไม่ทันค่ะ หรือไม่ก็คุณซุยกะเข้าใจผิดอะไรไปรึเปล่าคะ” เจนนิเฟอร์ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ จริงๆเรื่องมันน่าจะเป็น เธอเพิ่งเจอนายผมฟูเมื่อวันนี้ แล้วก็รู้สึกหมั่นไส้เพราะท่าทางขี้อวดนั่นสิ ไม่ใช่ว่าเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วกำลังทะเลาะกันอยู่

    “อ้าว? ก็ซุยเห็นคุณแอฟโรพยายามทำตัวยั่วโมโหคุณเจนนิเฟอร์ตลอดก็จริง แต่ก็พยายามปกป้องคุณเจนนิเฟอร์ตลอดเหมือนกันนี่คะ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนจะยั่วถูกจุดขนาดนี้ได้ไง แล้วถ้าไม่รักแล้วจะปกป้องขนาดนี้ทำไม” หญิงสาวผมน้ำตาลส้มเอ่ยออกมาอย่างยิ้มแย้มเหมือนเดิม

    “ไอ้ยั่วโมโหนี่ดิชั้นไม่เถียงค่ะ แต่ปกป้องนี่ตอนไหนคะ” เจนนิเฟอร์งง เพราะพฤติกรรมของเจ้าหัวฟูนั่นมันก็แค่ชอบอวดบ้าพลังเท่านั้นเองนี่นา

    “ก็ตั้งแต่คุณแอฟโรเสนอตัวจะกำจัดพวกอสูรที่มองไม่เห็นนั่นแหละค่ะ ตอนนั้นซุยเสนอให้หนี แต่คุณแอฟโรไม่หนี จริงๆแล้วซุยว่าคุณแอฟโรน่ะ หนีเก่งกว่าใครเลยนะ แต่ท่าทางจะห่วงคุณเจนนิเฟอร์มากกว่า เลยเสนอตัวกำจัดพวกอสูรนั่นให้หมด” หญิงสาวผมน้ำตาลส้มเอ่ย

    “...” เจนนิเฟอร์เงียบไป เธอพยายามหาข้อโต้แย้งอยู่ “ก็แค่อยากอวดไม่ใช่เหรอ”

    “แถมตอนก่อนจะปล่อยไม้ตายยังย้ำแล้วย้ำอีกว่าโล่ของซุยแกร่งพอมั้ย” หญิงสาวหน้ายิ้มกล่าวอีก

    “ก็แค่ห่วงตัวเองกลัวโดนลูกหลงจากพลังของตัวเองไม่ใช่เหรอ” เจนนิเฟอร์ตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    “ทุ่มพลังซะเต็มที่เลยนะคะตอนนั้นน่ะ ถึงกับแขนขาดไปตั้งสองแขน ไม่คิดว่ามันผิดปกติไปเหรอคะ” ซุยกะให้ข้อสังเกตอีก

    “แต่ดิชั้นเพิ่งจะเคยเจอคุณแอฟโรที่นี่ ในถ้ำนี้เป็นครั้งแรกนะ” เจนนิเฟอร์ยังแย้งกลับ

    “ทั้งๆที่สิ่งที่คุณแอฟโรพูดมันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ทำไมคุณเจนนิเฟอร์กลับโกรธล่ะคะ” ซุยกะกล่าว

    “ก็นายนั่นทำตัวน่าโมโหนี่นา ทั้งอวดตัวเองทั้งเหน็บแนมคนอื่น ดิชั้นเกลียดคนแบบนี้ที่สุดเลย” เจนนิเฟอร์กล่าวอย่างมีอารมณ์

    “ยอมให้ตัวเองโดนเกลียด แต่อยากให้คนรักมีความสุข ซุยรู้จักคนแบบนี้อีกคนนึงด้วยแหละค่ะ ท่าทางเหมือนกันเปี๊ยบเลย” หญิงสาวผมส้มเอ่ย

    “มันจะมีใครยอมให้ตัวเองโดนเกลียดด้วยเหรอคะ ...เดี๋ยวสิ คนแบบนั้นมันมีหลายคนด้วยเหรอ” เจนนิเฟอร์พูดเหมือนกับคุยกับตัวเองในท้ายประโยค

     

    เพียะ!!

    ศิวะตบฉาดเข้าที่หน้าของเจนนิเฟอร์ทันที

    “คุณจะต้องเสียใจเจนนิเฟอร์ ผมจะทำให้คุณเสียใจ” ศิวะเอ่ยเสียงแข็งหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเจนนิเฟอร์

    “คุณยอมทำทุกทางให้ชั้นเกลียดคุณให้ได้ใช่มั้ย!!” เจนนิเฟอร์เอ่ยออกมาอย่างมีน้ำตาพร้อมกับเอามือกุมหน้าของตนเองเอาไว้

     

    “มันมีคนแบบนั้นที่รู้จักดิชั้นอยู่อีกเหรอ” หญิงสาวแว่นเหลี่ยมเพ้อออกมาเบาๆ

     

    ตอนนี้เขียนยากมากเลยนะ ลบไปหลายรอบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×