คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #186 : บทที่180: พบกันอีกครั้ง
บทที่180 พบกันอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆ ทาเนียยังอยู่บนแอตแลนติสเหรอเนี่ย!” ชายหนุ่มผมขาวยาวประบ่าหัวเราะอย่างยินดี
“ดีใจที่จะได้เจอกันอีกเหรอไงวัลแคน ยังไงก็หยุดยิงก่อนเถอะน่า” หญิงสาวผมดำแซมม่วงกล่าว
“คุณอิชิน คุณซุยกะ ผมขอตัวซักครู่นะครับ แล้วจะรีบกลับมา” วัลแคนหันมาคุยกับชายหญิงผู้เป็นลูกค้าโดยไม่สนใจสิ่งที่แม่โจรสาวพูดเลย เขาพูดจบก็รีบเดินออกจากสะพานเดินเรือไปทันที
“เฮ่! วัลแคน! ฟังที่ชั้นพูดมั้ยเนี่ย” อาร์แซนเห็นดังนั้นก็เดินตามชายหนุ่มผมขาวออกไปทันที ปล่อยให้ชายหญิงร่างเล็กใหญ่ยืนอยู่ในสะพานเดินเรือกับพวกลูกเรือด้วยสีหน้าที่งงๆ
ที่แอตแลนติส หลังจากที่เมืองลอยน้ำนี้จมลงจนสูญเสียสภาพเมืองแล้ว ร้านรวงต่างๆก็ค่อยๆปิดตัวลงจนเริ่มร้าง ผู้คนในกิลด์แก้วมังกรทั้งหลายที่ยังตกค้างอยู่ ต่างทยอยหนีกันออกมาด้วยเรือดำน้ำที่พวกเขาใช้ในการบุกยึดเมืองแห่งนี้
ส่วนทางด้านชายหนุ่มหัวฟู กำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่าง ในอาคารแห่งหนึ่งที่กลายเป็นตึกร้างเรียบร้อยแล้ว
“อ๊ะจึ๋ย~!” มาตาร์อุทานออกมาหลังจากรู้สึกเสียวแปล๊บที่แขนซ้าย เมื่อเขาป้ายครีมสีขาวลงไปตรงปลายแขนที่ด้วน
“เป็นไงมั่งแอฟโร” เด็กหญิงผมแดงที่นั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆถามขึ้นมาหลังจากเห็นอาการของชายหนุ่มหัวฟู
“เจ็บน่ะสิ ไม่ชอบเลย ไอ้ครีมผ่าตัดเนี่ย ถึงจริงๆแล้วมันจะเป็นวิธีที่ง่ายมากก็เถอะ” มาตาร์ตอบพร้อมกับหยิบเอาแขนเหล็กที่เขาปล้นมาได้สวมลงไปตรงบริเวณที่ป้ายครีม
แล้วความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านไปจนสุดปลายนิ้ว เป็นสัญญาณว่าเชื่อมต่อแขนเทียมเรียบร้อย
“โว้ว~ว!!” มาตาร์พยายามอุทานออกมาด้วยสำเนียงที่แตกต่างจากเดิม เพราะรู้ดีว่าถ้าอุทานออกมาว่าโอ๊ยมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะไม่มีใครให้บ่นใส่นั่นเอง ในเมื่อตัวเองเป็นคนทำตัวเอง แล้วจะครวญครางไปทำไม
“แอฟโรสู้ๆ” เด็กหญิงส่งเสียงให้กำลังใจเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเหมือนจะเจ็บของชายหนุ่มหัวฟู
แล้วเมื่อผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มก็เลิกส่งเสียง
“อืม” มาตาร์ลองแบมือและกำมือ แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
แต่แล้วกลับเกิดเรื่องประหลาดขึ้น แตกต่างจากการเชื่อมแขนครั้งที่แล้ว เมื่อรอยสักรูปหน้าของเจ้าอสูรที่อยู่ตรงต้นแขนซ้าย เคลื่อนที่ไปยังข้อศอก โดยมีลายอักขระเชื่อมติดไป เหมือนงูที่กำลังเลื้อยไปสู่แขนเหล็ก
“อุ๊ย! เดียมอนกำลังทำอะไรน่ะ?” เด็กหญิงผมแดงทักขึ้นมาเมื่อเห็นว่ารอยสักนั้นมันขยับได้ด้วย
“อะไรเนี่ย! เดียมอนหลุดจากผนึกแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มก็แปลกใจเหมือนกัน เขานึกว่าจะได้อยู่สงบๆนานกว่านี้เสียอีก ‘อย่างนี้ต้องให้ทาเนียมาสลักเพิ่มรึเปล่าเนี่ย แล้วต้องทำถี่ขนาดไหนกัน นี่ยังไม่ถึงชั่วโมงเลยนะ’
จริงๆแล้วมันเป็นความสามารถเดียวของเดียมอนที่หลงเหลืออยู่ นั่นก็คือทักษะ ‘กิน’ ที่จะส่งผลในการดูดกลืนวัตถุใดใดก็ตามที่มันสัมผัส
ตามปกติแล้วก่อนที่เดียมอนจะโดนผนึกด้วยสลักวิญญาณ มันจะหลับอยู่เสมอถ้ามาตาร์ไม่ได้จ่ายพลังพิเศษให้มัน ซึ่งเมื่อเดียมอนตื่นขึ้นมาแล้ว มันจะสามารถควบคุมแขนซ้ายของมาตาร์ซึ่งเป็นร่างของมันได้ตามใจ เมื่อคราวที่แล้วที่มาตาร์เชื่อมแขนใหม่ๆ เดียมอนตื่นขึ้นมาแล้วก็บังคับแขนให้ยิงปืนใหญ่ใส่หน้าของมาตาร์ ไม่ได้ ‘กิน’ มันเข้าไป
แต่ตอนนี้เดียมอนถูกผนึกด้วยสลักวิญญาณ ทำให้มันไม่สามารถบังคับแขนซ้ายของมาตาร์ได้แล้ว แต่มันกลับตื่นอยู่เสมอ และมันยังสามารถใช้ความสามารถของมันได้อย่างอิสระโดยผ่านทางผนึกที่มีลักษณะเหมือนรอยสักนี้อีกด้วย ซึ่งเดียมอนก็แค่อยากจะกินแขนของชายหนุ่มที่ได้มาใหม่นี้ให้มันหายไปนั่นเอง
กรึก กรึก
แล้วสภาพแขนซ้ายโลหะของมาตาร์ก็เปลี่ยนรูปร่างไปช้าๆ กลายเป็นแขนเนื้อหนังที่มีรอยสักหน้าอสูรอยู่ที่หลังมือกับลายอักขระที่ลากยาวเป็นเส้นพันอยู่รอบแขน
“เฮ่ย! อะไรเนี่ย?” มาตาร์อุทานออกมาอย่างแปลกใจ เพราะแขนโลหะกลายเป็นแขนจริงมันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายมาก จะว่าเหมือนแขนกลับสู่สภาพเดิมก็รู้สึกดีใจ แต่ไอ้อาวุธที่ติดอยู่บนแขนล่ะ มันหายไปด้วยหรือเปล่า
“ผมคาดว่าเป็นความสามารถในการกินของเดียมอนครับ ลองอ่านความสามารถของเดียมอนดูสิครับ” เสียงนุ่มๆเอ่ยออกมาหลังจากเงียบไปนาน
“อ้อ สไลป คิดว่าเป็นความสามารถของเดียมอนเหรอ” ชายหนุ่มเกือบจะลืมไปแล้วว่าพ่อบ้านของเขาก็อยู่ด้วย เพราะตอนที่อยู่กับคนอื่น เข็มขัดโมโนไบค์ของเขาเป็นใบ้ไปเลย
มาตาร์ลองเปิดหน้าต่างของเดียมอนแล้วดูความสามารถอย่างเดียวของมัน
ทักษะติดตัว กิน | ดูดกลืนสิ่งไม่มีชีวิต แล้วนำออกมาใช้งานได้ ก่อนที่สิ่งของนั้นจะถูกย่อยจนหมด |
“นำมาใช้งานได้ ...ก่อนที่จะถูกย่อยจนหมด” ชายหนุ่มอ่านแล้วก็เริ่มพิจารณา
“ผมว่าแขนข้างนี้ยังมีความสามารถอยู่ครบถ้วนนะครับ แต่คาดว่าถ้าทิ้งเอาไว้นานๆมันก็จะค่อยๆหดลงไปเรื่อยๆ ความสามารถก็ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ” พ่อบ้านผู้รอบรู้สันนิษฐาน
วืด ฟิ้งง!!
ทันใดนั้นที่ข้อมือของชายหนุ่มก็หนาขึ้นมา แล้วใบมีดอันแหลมคมสามอันก็ยื่นออกมาจากส่วนที่ยืดขึ้นมานั่นกลายเป็นกรงเล็บเหล็ก
“โอ้วว!! ยังอยู่จริงๆด้วย เหมือนอาวุธชีวะเลยนะเนี่ย” มาตาร์อุทานออกมาอย่างดีใจ เพราะเท่ากับว่าเขายังไม่ได้สูญเสียอะไรไป ...ในตอนนี้นะ
“โหว! แขนแอฟโรปล่อยอาวุธได้ เท่สุดๆ” เด็กหญิงผมแดงเกิดอาการคึกขึ้นมาทันทีเหมือนกันเมื่อเห็นแขนแบบใหม่ของชายหนุ่มหัวฟู
“อย่างนี้ถ้าให้ทาเนียมาสลักเพิ่มให้แน่นหนากว่านี้ แขนของผมอาจจะไม่ต้องโดนเจ้าเดียมอนย่อยก็ได้นะ” ชายหนุ่มหัวฟูเริ่มคิดหาหนทางในการที่จะให้แขนของเขาไม่หายไป
แซด~ด!! ตูมม!!!
ทันใดนั้นลำแสงสีขาวก็ถูกยิงลงมาจากฟ้า เข้าใส่บริเวณหนึ่งของเมืองอันรกร้างที่กำลังจมแห่งนี้ เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาทันที
“เกิดอะไรขึ้น!!”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยื่นหน้าออกไปภายนอกอาคาร แล้วเขาก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นรัศมีความวอดวายที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณร้อยเมตรอยู่ไม่ห่างจากอาคารที่เขากำลังอยู่มากนัก อาคารบริเวณนั้นพังถล่มไปทั้งหมด
“อะไรเนี่ย!?” มาตาร์อุทานออกมาอย่างตกใจ
แซด~ด!!
แล้วสักพัก ชายหนุ่มก็เห็นมันชัดๆ ลำแสงสีขาวขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า กวาดเอาสิ่งก่อสร้างไปทั้งหมดตามทางที่มันลากผ่านไป
“แย่ล่ะสิ มีคนยิงถล่มลงมาจากบนฟ้า ผนึกเลดี้!” ชายหนุ่มตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขารีบผนึกแม่เต่าทองน้อยทันทีก่อนที่จะสายเกินไป
แวบ!
ร่างของเด็กหญิงผมแดงกลายเป็นแสงแล้วแวบหายไปในผนึกที่อยู่บนเข็มขัดของชายหนุ่มหัวฟูทันที
“คืนร่าง!!”
ไม่มีลังเลเหมือนเดิม มาตาร์ตะโกนออกมาอย่างรีบเร่ง แล้วชายหนุ่มหัวฟูหน้าละอ่อนก็กลายเป็นชายหนุ่มหัวเดรดล็อคสีแดงที่ใบหน้าดูมีอายุขึ้นมาอีกหน่อยหนึ่ง
ฟุบ!! วูบ!
ชายหนุ่มผมแดงพุ่งร่างออกจากอาคารร้างแห่งนั้น แล้วก็แวบหายไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
มาตาร์ใช้เคล็ดทะลวงศูนย์ร่วมกับกงจักรลม ถีบตัวกลางอากาศพุ่งร่างไปยังอาคารที่สูงที่สุดของแอตแลนติส
แวบ!
เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที ชายหนุ่มผมแดงเคลื่อนตัวไปไกลกว่าห้าร้อยเมตร แล้วมาโผล่ที่หลังคาห้องชมวิวทันที
ตูม!! ตูมม!!
หมัดขวาต่อยออกมาด้วยเคล็ดหมัดยกกำลังทำลายหลังคาให้พังลงไปทันที แล้วมาตาร์ก็พุ่งร่างลงไปตรงส่วนที่โดนทำลายนั้น สู่ห้องชมวิวของเมืองแอตแลนติส
“คุณเป็นใครน่ะ” หญิงสาวผมทองที่อยู่ในห้องถามขึ้นมาอย่างหวาดระแวง เธอตั้งท่าเตรียมต่อสู้แล้วเรียบร้อย
“ทาเนีย! ไปกับผมเร็ว! เดี๋ยวก็โดนเจ้าแสงนั่นส่องหรอก” มาตาร์ไม่แนะนำตัว เขาเข้าเรื่องที่ต้องการทันที ‘ถ้าตายไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปหาเธอที่ไหนน่ะสิ’
มาตาร์ | ระดับ 174 |
หญิงสาวสำรวจดูระดับและชื่อของชายหนุ่มแล้วก็เห็นว่าเป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จัก
“ชั้นไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรนะ แต่ให้ชั้นตายไปพร้อมๆกับแอตแลนติสนี่เถอะ” ทาเนียตอบกลับเรียบๆพร้อมกับหันหน้ากลับไปที่กระจก
“คุณจะบ้าเหรอ!! ความตายมันใช่ทางออกที่ไหนล่ะ คิดว่าตายไปแล้วเรื่องราวจะจบหรือไง!! สุดท้ายแล้วคุณก็ต้องไปเกิดใหม่ แล้วยังไงล่ะ? คุณจะทำตัวเซื่องซึมแบบนี้ไปอีกกี่ร้อยปี!!” มาตาร์สังเกตท่าทางเซื่องซึมของหญิงสาวผมทองผู้นี้มาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่เขาไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเท่านั้นเอง แต่เวลานี้มันถึงเวลาที่เขาต้องพูดอะไรบางอย่างให้เธอได้คิดแล้วล่ะ ‘ยังไงถ้าอยากจะตายก็รอหลังจากที่สักให้ชั้นอีกรอบนึงเซ่!’
“คุณ? ...รู้อะไรงั้นเหรอ” ทาเนียแปลกใจขึ้นมา ทำไมชายคนนี้เหมือนกับจะรู้จักเธอ ทำไมเขาถึงรู้ว่าเธอมีความเศร้า ทั้งๆที่เธอเก็บตัวมาเป็นร้อยปีแล้วด้วยซ้ำ
“จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ ก็คุณเอาแต่เซื่องซึม เดี๋ยวๆก็ร้องไห้ คุณจะมาอยู่ทำอะไรที่แอตแลนติสเนี่ย ทิ้งมันไปได้แล้ว!!” มาตาร์พูดไปตามที่เขาเห็นเท่านั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทาเนียเศร้าเรื่องอะไรหรือเศร้ามานานแค่ไหนแล้ว แต่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอ เพราะมันก็เป็นเรื่องที่เขาเคยผ่านมาก่อน
“คุณจะรู้อะไร! แอตแลนติสมันเป็นความฝันของชั้นนะ ชั้นได้รับมันมาจากคนที่สำ~คัญสำหรับชั้น ฮือ~อ” ทาเนียเอ่ยออกมาด้วยน้ำตานองหน้าในที่สุด
“ผมไม่อยากจะฟังเรื่องน้ำเน่าของคุณหรอก แต่ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูด คุณก็ควรจะยิ้มยินดีไม่ใช่เหรอ ก็ฝันของคุณเป็นจริงแล้วนี่ และตอนนี้มันก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว ไปหาความฝันใหม่ได้แล้ว ออกจากแอตแลนติสไปกับผมเดี๋ยวนี้!!” มาตาร์เร่งพร้อมกับยื่นมือไปหาทาเนีย ‘เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดหรอก เร็วสิเฟ่ย!’
“ยิ้มยินดี? ...ความ..ฝันใหม่เห..รอ” ทาเนียพูดตะกุกตะกักออกมาพร้อมกับสีหน้าที่เหมือนกำลังครุ่นคิด
แซด~ด!!! ตูมม!!
แล้วในที่สุดเจ้าลำแสงขนาดใหญ่นั่นก็วิ่งเข้ามาใส่อาคารกลางจนได้ แรงสั่นสะเทือน
“ทาเนีย!!” มาตาร์ตะโกนขึ้นมาอีกครั้งเพราะคาดว่าอีกไม่นานเจ้าลำแสงนั่นคงจะพุ่งเข้าใส่ห้องชมวิวนี้แน่นอน
หมับ!
ทันใดนั้นมือของหญิงสาวก็สัมผัสเข้าไปที่มือของชายหนุ่ม แล้วจับมือของเขาเอาไว้แน่น
“พาชั้นออกไปจากที่นี่ ได้โปรด” หญิงสาวผมทองเอ่ยออกมาเสียงเข้มพร้อมกับสายตาที่จริงจัง จ้องเข้าไปที่ดวงตาสีเงินของชายหนุ่มผมแดง
“หึๆ คุณไม่ต้องขอร้องผมก็ได้ ผมแค่ช่วยฉุดคุณได้นิดหน่อยเท่านั้น แล้วอย่าหวังว่าผมจะมาฉุดคุณอีกนะ” มาตาร์เอ่ยพร้อมกับจ้องเธอกลับไป ความรู้สึกที่ได้จ้องตาหญิงสาวผมทองคนนี้ช่างประหลาด ดวงตาของเธอมีเสน่ห์ที่สามารถทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไปได้เหมือนกัน
แซด~~ด!! ครืนน!!
แต่แล้วทันใดนั้นลำแสงทำลายล้างสีขาวก็สาดลงมาโดนห้องชมวิวในที่สุด
“บาเรีย!!” มาตาร์ตะโกนพร้อมกับชูมือซ้ายขึ้นเหนือศีรษะทันที พร้อมกับดึงตัวทาเนียเข้ามาใกล้ๆ
เกิดเป็นโล่สีขาวบางๆทรงโค้งขึ้นคลุมตัวชายหนุ่มกับหญิงสาวที่เหมือนจะยืนกอดกันอยู่
สิ่งที่มาตาร์ใช้ออกมาคือกระสุนพรากสังขารนั่นเอง แต่ใช้ร่วมกับค่าสถานะจิตใจ เปลี่ยนรูปทรงมันให้กลายเป็นทรงโค้งบาง
ครืน~น!!
แล้วลำแสงสีขาวขนาดใหญ่ก็ห่อหุ่มร่างทั้งสองคนเอาไว้ในที่สุด แต่ว่าบริเวณที่ทั้งคู่ยืนอยู่เหมือนมีร่มที่คอยป้องกันลำแสงนั้นไม่ให้มาทำร้ายพวกเขาได้
หญิงสาวผมทองมองภาพรอบๆตัวเธอ มันเหมือนกับว่าเธอกำลังยืนอยู่ในห้องสีขาวล้วนที่มีคนแค่สองคน เสียงโดยรอบเงียบสงัดไปหมดแล้ว เธอจ้องมองไปที่หน้าของชายหนุ่มคนที่กำลังปกป้องเธออยู่ เขามีสีหน้าเคร่งเครียดและเหงื่อที่ไหลท่วม
“...”
ชายหนุ่มหันหน้ามาพูดอะไรบางอย่างกับเธอ แต่เธอไม่ทันฟัง เพราะเธอกำลังอยู่ในภวังค์
“อะไรเหรอ คุณพูดอะไรกับชั้น คุณมาตาร์” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เธอจำชื่อเขาได้แล้ว
“ลาก่อนทาเนีย หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะ”
ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับยิ้มน้อยๆ แขนซ้ายของเขาที่คอยเรียกโล่ขึ้นมาเพื่อปกป้องเธอกำลังสลายไปแล้ว แขนของชายหนุ่มค่อยๆถูกกำลังอันรุนแรงของลำแสงสีขาวกลืนกินอย่างช้าๆ ไล่ลงมาจนถึงหัว แล้วก็ใบหน้า แต่แม้กระนั้นรอยยิ้มก็ไม่ได้หายไปจากใบหน้าของเขาเลย จนกระทั่งมันสลายไปจนหมด
แล้วลำแสงสีขาวนั่นก็กำลังเริ่มกลืนกินหญิงสาวเป็นร่างต่อไป
“หวังว่าเราคงได้พบกันอีก” ทาเนียเอ่ยขึ้นมาเรียบๆพร้อมกับดวงตาที่จ้องเขม็งไปยังใบหน้าของชายหนุ่มผมแดง เธอต้องการจะจดจำรายละเอียดของเขาเอาไว้
ครืน~น!
ลำแสงสีขาวก็ค่อยๆกลืนกินมาถึงร่างของหญิงสาวผมทองในที่สุด
แต่แล้วประกายไฟสีแดงส้มก็ปรากฏขึ้นมาโดยรอบตัวเธอ บดบังเอาลำแสงสีขาวที่เงียบสงบนั้นไปจนหมด สร้างบรรยากาศอันอึดอัดและร้อนแรงขึ้นมาแทนที่
“เธออย่าเพิ่งตายแบบนี้สิทาเนีย ไหนๆเราก็ได้เจอกันอีกครั้งแล้ว ชั้นมีของขวัญจะมอบให้เธออีก”
เสียงชายหนุ่มที่หญิงสาวผมทองเคยได้ยินเสียงมาก่อนเมื่อนานมาแล้วพูดขึ้นมา
“วัลแคน ...เหรอ?” ทาเนียพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจ เพราะตอนนี้เธอไม่รู้ตัวแล้วว่าเธอกำลังอยู่ในความฝันหรือเปล่า ทั้งๆที่มีลำแสงสีขาวอันทรงพลังอยู่โดยรอบ แต่กลับมีเพียงจุดที่เธออยู่เท่านั้นที่กลายเป็นไฟ
“เป็นของขวัญในรอบร้อยปี หวังว่าเธอคงจะสนุกกับของขวัญชิ้นนี้อย่างเต็มที่นะ”
เสียงชายหนุ่มพูดออกมาอีก
วูบ~บ
แล้วทันใดนั้นไฟกลุ่มหนึ่งก็รวมตัวกันเห็นเป็นร่างของชายหนุ่มที่มีสีหน้าเย็นชา ผมยาวประบ่า
“ของขวัญอะไรอีกล่ะวัลแคน” ทาเนียเอ่ยออกมาเรียบๆ สีหน้าของเธอไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาอีกแล้ว เธอรู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อยตั้งแต่ได้จับมือกับชายผมแดงคนนั้น ไม่ว่าวัลแคนจะทำอะไร เธอคงไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจอีกแล้ว
“ชั้นอุตส่าห์คิดวิธีใช้ผลึกวิญญาณแบบใหม่ขึ้นมา จะว่าไปมันก็ไม่ใหม่อะไรหรอก เพียงแต่ต้องใช้สัตว์อสูรสังเวยนิดหน่อยเท่านั้นเอง ก็ได้วิธีโจมตีแบบเชื่อมวิญญาณออกมาแล้ว” วัลแคนกล่าวเรียบๆพร้อมกับง้างแขนซ้ายของเขาออกมา แล้วทันใดนั้นแขนของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นเท่าตัวพร้อมกับรูปร่างที่เปลี่ยนไป เหมือนว่าจะเป็นร่างของสัตว์อสูรแฝงในแขนซ้าย
“เชื่อมวิญญาณอะไร?” ทาเนียสงสัยสิ่งที่วัลแคนพูดออกมา
ฉึกก!!
“เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ หลังจากที่เธอตายไปแล้วน่ะ ฮึๆๆๆ” วัลแคนพูดออกมาขณะที่แทงมือซ้าย ทะลวงร่างของหญิงสาวไป
“อ๊อค!!” ทาเนียส่งเสียงพร้อมกับกระอักเลือดออกมาจากปากทันที
“ลาก่อนทาเนีย ...ถ้าเธอยังมีความฝันอะไร ชั้นพร้อมจะทำให้เธออีกนะ ฮ่าๆๆๆ” วัลแคนกล่าวออกมาอย่างยินดี พร้อมกับบิดแขนให้ทะลวงร่างของหญิงสาวลึกเข้าไปอีก
“วั..ลแ.ค..น” หญิงสาวเอ่ยชื่อของชายที่ฆ่าเธอออกมาอย่างยากเย็น
แล้วร่างของเธอก็สลายไป
หลังจากนั้นกลุ่มไฟสีแดงส้มก็กลายเป็นเส้นสายแล้วพุ่งสวนลำแสงสีขาวขึ้นไป จนหายไปหมดในที่สุด
ภายในห้องสีขาว ชายวัยกลางคนผมทองหน้ายิ้มยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม กำลังผสมส่วนผสมของเครื่องดื่มใส่กระบอกเขย่าอย่างใจเย็น เด็กหญิงผมแดงกำลังนั่งแกว่งขาอยู่บนเก้าอี้ทรงสูงพร้อมกับดูชายวัยกลางคนทำเครื่องดื่ม เสือเขี้ยวดาบตัวใหญ่กำลังเลียนมในชามใบใหญ่ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์นั่น และชายหนุ่มผมแดงเดรดล็อคที่นอนแผ่หราอยู่บนโซฟาด้วยชุดกางเกงในแนบเนื้อสีขาว
“อ่า ...ไม่รู้ว่าจะไปหาทาเนียจากที่ไหนแล้วล่ะสิเนี่ย ตายกลับมาแบบนี้” ชายหนุ่มผมแดงบ่นขึ้นมาขณะที่เอามือซ้ายก่ายหน้าผาก แขนซ้ายที่เดียมอนกินเข้ามาแล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของแขนจริงๆ ดังนั้นมันจึงไม่ตกอีกแล้วเมื่อตาย แต่มันจะค่อยๆถูกย่อยให้หายไปช้าๆแทน
“ยังมีรายชื่อผู้ติดต่ออยู่ไม่ใช่เหรอครับ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันนั่นน่ะ” พ่อบ้านเตือนความทรงจำให้ชายหนุ่ม
“เออ!! จริงด้วยแฮะ ปกติไม่ได้ติดต่อใครก็เลยลืม ...แต่หลังจากฟื้นแล้วจะกลับไปที่เกาะไรเดอร์รึเปล่าเนี่ย” ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นมาหลังจากระลึกได้ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยอยู่เรื่องจุดเกิด เพราะที่สุดท้ายที่เขาบันทึกเอาไว้คือแอตแลนติส ซึ่งพื้นที่พิเศษของเมืองแอตแลนติสมันหายไปแล้ว จุดที่บันทึกก่อนหน้านั้นก็คือที่เกาะไรเดอร์
“ในกรณีนี้ เหมือนกับการเกิดสงครามจนเมืองล่ม ผู้เล่นที่สูญเสียจุดที่บันทึกจะถูกย้ายไปเกิดยังพื้นที่พิเศษในเมืองที่ใกล้ที่สุดแทนครับ” พ่อบ้านผู้รอบรู้เฉลย
“อ้อ ...เหรอ ถ้างั้นผมก็จะไปเกิดที่ไหนก็ไม่รู้เลยน่ะสิ ก่อนแอตแลนติสจมมันอยู่ใกล้เมืองอะไรที่สุดก็ไม่รู้แฮะ” ชายหนุ่มกล่าว
“น่าตื่นเต้นจังเลยเนอะแอฟโร” เด็กหญิงผมแดงกล่าวออกมาอย่างยิ้มแย้ม
พ่อบ้านคนขยันชงเครื่องดื่มเสร็จ ก็เทของเหลวสีสวยใส่แก้วทรงสูงสองใบทันที แล้วยื่นใบหนึ่งให้กับเด็กหญิงที่นั่งรออยู่ตั้งแต่แรก
“น่านน่ะสินะ งั้นตอนนี้เราไปฝึกกันดีกว่า ไม่ได้มีแขนซ้ายมานานแล้ว ฝึกแบบเต็มที่ไปเลย!” ชายหนุ่มกล่าวออกมาอย่างยิ้มแย้ม พร้อมกับหยิบแก้วเครื่องดื่มไปใบหนึ่งแล้วก็ดื่มมันอย่างรวดเร็ว
ที่ทวีปยุโรป หญิงสาวสองคนยืนกำลังยืนอยู่ในพื้นที่พิเศษเพื่อบันทึกจุดเกิด คนหนึ่งมีผิวขาวผมสีดำหยักศก อีกคนหนึ่งผิวสีน้ำผึ้งผมสีน้ำตาลยาว รวบเป็นช่อไว้ข้างหลัง มีแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมสวมอยู่บนหน้าของเธอ
“ใกล้ถึงรึยังเนี่ยยัยสาลี่” หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยถามเพื่อนของเธอ
“อีกไกลเหมือนกันแหละแก เพิ่งจะถึงฟรานซ์เอง” หญิงสาวผมหยักศกตอบกลับ
แวบ!
แล้วทันใดนั้นร่างของชายหนุ่มผมแดงเดรดล็อคก็ปรากฏขึ้นที่พื้นที่พิเศษนั้นพร้อมกับเต่าทองตัวเขื่องที่เกาะอยู่บนผมของเขา และเสือเขี้ยวดาบตัวโต
“ที่ไหนเนี่ย?” ชายหนุ่มผมแดงเอ่ยออกมาเรียบๆ
“ถ้าอย่างนั้นพวกกิลด์แก้วมังกรที่ตายก็ต้องไปเกิดที่เดียวกับผมเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ” มาตาร์นึกขึ้นได้ก่อนจะกลับเข้ามาในเกม ขณะที่อยู่ในแมนชั่นแห่งความตาย
“ใช่แล้วครับ ถ้าพวกนั้นบันทึกเอาไว้บนแอตแลนติส ทั้งหมดก็จะมาเกิดในเมืองเดียวกับคุณมาตาร์” พ่อบ้านผู้รอบรู้กล่าว
“ถ้างั้นเดี๋ยวเข้าเกมไปในร่างนี้เลยละกันนะ ขี้เกียจมีเรื่องกับคนที่จำร่างแอฟโรได้” มาตาร์กล่าวขึ้นมาพร้อมกับหยิบเข็มขัดไรเดอร์บนเคาน์เตอร์ขึ้นมา แล้วสะบัดมันทีหนึ่ง เข็มขัดทั้งเส้นก็หายเข้าไปในมิติพิเศษทันที
“อือ เลดี้ไม่ชินเลยแฮะ” เด็กหญิงเห็นว่าเจ้านายของเธอไม่แปลงร่างออกไปก็เอ่ยขึ้นมาบ้าง
“เอาไว้เดี๋ยวออกจากเมืองหรือซื้ออุปกรณ์เปลี่ยนสีผมสีตาแล้วค่อยคาดเข็มขัดนะ” มาตาร์กล่าวกับเด็กหญิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณมาตาร์?” หญิงสาวผมหยักศกทักขึ้นมาทันทีที่เห็นชายหนุ่มผมแดงยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าของเธอออกจะตกใจอยู่เหมือนกัน
“เอ๋? รู้จักกันเหรอยัยสาลี่” หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยถามเพื่อนสาวหลังจากเห็นท่าทางของเธอ
‘เฮ่ยย!! ยัยแม่มด ...แล้วก็ เจนนิเฟอร์!!?’
มาตาร์เห็นหญิงสาวทั้งสองแล้วก็คิดขึ้นมาอย่างตกใจ
Edit: แก้ไขชื่อตอนนิดหน่อยนะครับ แล้วก็แก้ไขตอนจบ เอาทาเนียออกไปก่อน ไม่งั้นแต่งต่อไม่ได้
ความคิดเห็น