ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #179 : บทที่173: เดอะทรีโอ บุรุษผู้มีค่าหัวอันดับหนึ่ง และจอมโจร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.57K
      90
      22 เม.ย. 55

    บทที่173 เดอะทรีโอ บุรุษผู้มีค่าหัวอันดับหนึ่ง และจอมโจร

    “ผู้เล่นทาเนียปฏิบัติตามเงื่อนไข ได้รับแมงมุมเป็นผู้ติดตาม กรุณาตั้งชื่อด้วยค่ะ” เสียงจากระบบดังขึ้นให้หญิงสาวผมทองได้ยิน

    “ไชโย! จับแมลงได้แล้ว จะได้ออกจากเกาะไรเดอร์นี่ซะที” หญิงสาวผมทองเอ่ยออกมาอย่างยินดี หลังจากที่เธอใช้เวลาหลายวันในการจับเจ้าแมงมุมตัวเล็กๆนี้ได้ในที่สุด “ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพศอะไร ชั้นตั้งชื่อแกว่าสปีน่าละกันนะ เกิดกลายเป็นตัวผู้ขึ้นมาก็ขอโทษด้วยละกันนะ ฮ่าๆๆ”

    หลังจากหญิงสาวตั้งชื่อให้แมงมุมของเธอแล้ว เธอก็กลับเข้ามาในถ้ำไรเดอร์เพื่อดำเนินการขั้นต่อไปทันที

     

    “อะไรกัน! แค่จับแมงมุมได้นี่ยังไม่ผ่านภารกิจอีกเหรอ” หญิงสาวโอดครวญขึ้นมาเมื่อรับรู้ว่าแค่จับแมลงได้ยังไม่จบภารกิจเข็มขัดไรเดอร์

    “เข็มขัดไรเดอร์ถือว่าเป็นอุปกรณ์ชั้นสูง จะให้ใครเอาไปใช้ง่ายๆได้ยังไงล่ะ” ชายชราพูดขึ้นอย่างภูมิใจ

    “แล้วหนูต้องทำยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามชายชรา

    “เข็มขัดไรเดอร์สามารถออกจากถ้ำนี้ได้ทางเดียวเท่านั้น คือโพรงโน่น เจ้าจะได้รับการทดสอบที่คู่ควรกับระดับเข็มขัด ในกรณีของเจ้าก็คงจะเจอสิบตัวล่ะนะ” ชายชรากล่าวพร้อมกับชี้ไปที่โพรงถ้ำ

    “สิบตัว? หมายถึงอะไรคะ?” หญิงสาวถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ

    “ไปถึงก็รู้เองแหละ จะทำรึเปล่าล่ะภารกิจนี้น่ะ” ชายชรากล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจ

    “ทำสิ งั้นหนูไปก่อนนะ” หญิงสาวกล่าวจบก็เดินไปที่โพรงถ้ำที่เป็นทางออกทันที

    “ฮึๆๆๆ เจ้ามีระยะเวลาไม่จำกัดนะ จะทำกี่รอบก็ได้ ข้าจะรออยู่ที่นี่เสมอ” ชายชรากล่าวส่งอย่างมีนัย ทำเอาหญิงสาวผมทองสงสัยขึ้นมาว่าคำพูดของชายชราหมายความว่าอย่างไร

    แต่หลังจากที่หญิงสาวผมทองเข้าไปที่โพรงถ้ำเป็นครั้งแรก เธอก็เข้าใจในคำพูดของชายชราในที่สุด ว่ามันหมายความว่าอย่างไร เพราะเธอต้องเผชิญกับตัวก็อปปี้ของตัวเองถึงสิบร่าง ซึ่งแต่ละร่างนั้นยังเก่งกว่าตัวเธอตามปกติด้วยซ้ำ

     

    “ผู้เล่นทาเนียเสียชีวิต ท่านสามารถเข้าสู่เกมได้ในอีกหนึ่งชั่วโมง พื้นที่พิเศษสามารถออฟไลน์ได้ค่ะ”

    เสียงจากระบบดังขึ้นมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เพราะหญิงสาวไม่ได้นับ ซึ่งทุกครั้งที่เธอตายเธอก็จะรีบออฟไลน์แล้วเข้ามาใหม่เสมอเพราะไม่อยากเสียเวลารอ ยิ่งตอนนี้เธอนัดเพื่อนๆเอาไว้แล้ว มาเสียเวลาที่เกาะไรเดอร์นี่ตั้งหลายวันจึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทุกครั้งที่ตาย

    แปะ แปะ

    “ไม่ไหวแล้~ว” หญิงสาวพูดออกมาเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา เมื่อเธอรู้ตัวว่าระดับและค่าสถานะของเธอเหลือเท่าผู้เล่นเริ่มต้นเลย

     

    “ไม่เอาแล้ว!!” หญิงสาวตะโกนใส่ชายชราเมื่อเธอฟื้นกลับขึ้นมาบนเกาะไรเดอร์อีกครั้งหนึ่ง

    “เฮอะ! ยอมแพ้ซะแล้วเรอะ ถ้าอยากจะเลิก อยากจะไปไหนก็ไป” ชายชราพูดออกมาอย่างไม่มีเยื่อใย

    “ภารกิจบ้าอะไรก็ไม่รู้! ยากบัดซบที่สุด! คนที่ผ่านได้มันไม่มีในโลกนี้หรอก โลกหน้าก็ไม่มี! ไม่ว่าโลกไหนๆก็ไม่มี! ไอ้เข็มขัดเฮงซวยนี่ไม่มีวันออกไปจากเกาะนี้ตลอดกาลนั่นแหละ!” หญิงสาวระบายความอัดอั้นออกมาพร้อมกับเดินสะบัดออกไปจากถ้ำพร้อมกับแมงมุมที่เกาะอยู่ที่ไหล่เธอหนึ่งตัว แล้วก็หายไปจากเกาะไรเดอร์ในที่สุด

    “เด็กสมัยนี้มันไม่มีความอดทนซะเลยนะ เฮ้อ~อ เจอคนแรกก็พลาดซะแล้ว หวังว่าคนที่สองคงจะมีความอดทนมากกว่านี้นะ” ชายชรากล่าวขึ้นมาหลังจากที่ผู้เล่นคนแรกที่มาถึงเกาะไรเดอร์จากไป

     

    “นี่ๆ เธอน่ะ ร่วมทีมกับพวกเราทำภารกิจมั้ย” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีผิวสีเข้มกับผมสั้นสีดำ หน้าตาดูขี้เล่น พูดขึ้นมาเมื่อเห็นหญิงสาวผมทองนั่งกินข้าวอยู่ในบาร์ประจำเมือง

    “ไม่ล่ะ ชั้นไม่ชอบรวมกลุ่มกับใคร โดยเฉพาะผู้ชาย” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่มีเยื่อใย

    “แหม อย่าพูดอย่างนั้นสิ มาเล่นเกมก็หัดทำความรู้จักเพื่อนใหม่เอาไว้บ้าง แถมภารกิจนี้ให้รางวัลดีด้วยนะ” ชายหนุ่มผิวเข้มยังพยายามตื้อ

    “ก็บอกว่าไม่ไงล่ะ!” หญิงสาวขึ้นเสียง เธอเริ่มรำคาญแล้ว

    “บร็อคร์ อย่าไปตื้อเธอเลย เราหาคนร่วมทีมคนอื่นก็ได้” ชายอีกคนที่มาด้วยกันพูดขึ้น เขาเป็นชายผิวขาวที่มีผมยาวประบ่าสีขาว ใบหน้าเกลี้ยงเกลา แววตาเฉยชา

    หญิงสาวผมทองมองไปทางต้นเสียงแล้วก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุ บุคลิกของชายผมขาวนั้นเฉยชากระชากใจเธอสุดๆ อุ๊ย! สเป๊ก

    “เฮ่ๆ วัลแคน น้องคนนี้สวยสุดในร้านแล้วนะ คนอื่นๆชั้นไม่อยากชวนนี่นา” ชายหนุ่มผมดำทำท่ากระซิบกระซาบไปที่เพื่อนของตน

    “ให้ชั้นกินข้าวให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยคิดดูอีกทีนะ” หญิงสาวผมทองโพล่งออกมาหลังจากที่เห็นว่าชายทั้งสองยังยืนอยู่ใกล้ๆ

    “อ๊ะ! จริงเหรอ” ชายหนุ่มผมดำกล่าวออกมาอย่างดีใจหลังจากที่ได้ยินประโยคของหญิงสาว เพราะมันหมายความว่าเธอน่าจะเปลี่ยนใจร่วมทีมกับพวกเขา

     

    “ผมชื่อบร็อคร์นะ ส่วนเพื่อนผมชื่อวัลแคน” ชายผมดำกล่าวหลังจากที่ทั้งสามรวมกลุ่มกันเรียบร้อย

    “ชั้นชื่อทาเนีย และนี่สปีน่า” หญิงสาวแนะนำตัวเองและสัตว์เลี้ยงของเธอ

    แวบ

    แล้วทันใดนั้นแมงมุมตัวจ้อยก็กลายเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่สูงประมาณไหล่ของหญิงสาว เธอมีผมสีดำยาวตรงถึงไหล่ หน้าตาดูสวยสง่า ท่าทางเขินอาย กำลังกอดเอวของทาเนียเอาไว้แน่น

    “โห! ผู้ติดตามร่างมนุษย์ เพิ่งจะเคยเห็นนี่แหละ” ชายหนุ่มผมดำกล่าวหลังจากเห็นการกลายร่างของแม่แมงมุมน้อย

    “ก็เลี้ยงกันมาตั้งสี่ห้าปีแล้วนี่นา” หญิงสาวผมทองกล่าวเรียบๆขณะชำเลืองมองไปทางชายหนุ่มอีกคนหนึ่งในกลุ่ม

    “อืม น่าสนใจแฮะ สัตว์เลี้ยงที่มีร่างมนุษย์เหรอ อย่างนี้เวลาหิวๆก็ใช้แทนเสบียงฉุกเฉินได้สินะ ฮึๆๆ” ชายหนุ่มหน้าตายพูดออกมาเรียบๆ แววตาดูจริงจัง ทำเอาแม่แมงมุมน้อยที่ได้ยินเกิดกลัวขึ้นมาทันที

    “เฮ่! วัลแคนเล่นมุกอะไรน่ะ น้องเค้ากลัวนะ” ชายผมดำรีบออกตัวขึ้นมาทันทีที่เห็นปฏิกิริยาของทั้งคู่จากคำพูดของคู่หูของตน

    “.../...” ทางด้านหญิงสาวผมทองกับเด็กหญิงผมดำนิ่งเงียบไปแล้ว

    “ฮ่าๆๆๆ พวกเธอนี่ตลกดีแฮะ ใครจะจับสัตว์เลี้ยงไปกินกัน แค่ตายก็กลายเป็นแสงแล้วไม่ใช่เหรอ จะเอามากินได้ยังไง” ชายหนุ่มผมขาวระเบิดหัวเราะออกมาหลังจากเห็นท่าทางทาเนียและสปีน่า

    “แต่ว่า ...หักแขนหักขาไปก็ยังกินได้นี่นา” เด็กหญิงผมดำพูดออกมาอย่างหวาดๆ

    “อึ๋ม? เออแฮะไม่ทันคิด ถ้ายังไม่ตายก็ไม่กลายเป็นแสง ก็ยังกินได้นี่เนอะ” ชายหนุ่มผมขาวพูดออกมาเหมือนกับเพิ่งคิดได้ พร้อมกับทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง

    “บ้า! คุยเรื่องอะไรกันน่ะ” หญิงสาวเสียงดังขึ้นมาหลังจากที่เห็นว่าเนื้อหาการคุยนี้มันออกจะประหลาด แถมท่าทางของชายหนุ่มผมขาวนี่ก็ไม่เหมือนล้อเล่นเท่าไหร่ด้วยสิ

    “ฮ่าๆๆๆๆ” ชายหนุ่มผมขาวระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้งพร้อมกับเดินนำหน้ากลุ่มไป

    “ทาเนียกับสปีน่าอย่าคิดมาก วัลแคนมันเป็นคนชอบล้อเล่นหน้าตายแบบนี้แหละ” ชายหนุ่มผิวเข้มรีบแก้ตัวให้เพื่อนของตนทันที

     

    “นี่ เคยได้ยินชื่อพวกกลุ่มผู้เล่นสามคนที่เก่งสุดยอดรึเปล่า” ชายคนหนึ่งเริ่มหัวข้อการสนทนากับกลุ่มเพื่อนของตนในร้านอาหาร

    “แกหมายถึง เดอะทรีโอ รึเปล่า” ชายในกลุ่มคนหนึ่งตอบกลับ

    “อะไรเหรอ พวกไหนเหรอ ชั้นไม่เห็นเคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย” หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มถามขึ้นมาด้วยอารมณ์อยากรู้อยากเห็น

    “อะไรกัน เธอไม่รู้เหรอเนี่ย ทีมสามคนนั้นออกจะโด่งดัง” ชายคนที่สองกล่าว

    “ก็ชั้นเพิ่งเล่นเกมนี้ได้ไม่นานนี่นา เล่าให้ฟังบ้างสิ” หญิงสาวคนเดิมในกลุ่มกล่าว

    “ว่ากันว่าสามคนนั้นเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในรอบสิบปีนี้เลยล่ะ” ชายคนที่สองกล่าวออกมา

    “ในรอบสิบปีอะไรเล่า เวลาในเกมมันก็เพิ่งจะผ่านมาสิบสองปี เท่ากับว่าเก่งที่สุดตอนนี้เลยนั่นแหละ” ชายคนแรกกล่าว

    “ซรวบบ โหย เก่งที่สุดในเกมเลยเหรอ รู้ได้ไงอ้ะ” ชายหัวกระเซิงคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นมาขณะนั่งกินอาหารไม่ได้หยุดปาก

    “ก็พวกนั้นเวลาผ่านไปที่เมืองไหนก็จะไปกวาดเอาภารกิจของเมืองนั้นจนหมดเลยน่ะสิ แถมไม่เคยทำพลาดเลยซักภารกิจ” ชายคนแรกกล่าว

    “ก็แค่ทำภารกิจผ่าน ไม่เห็นจะยืนยันได้เลยว่าเก่ง พวกนายอุปโลกน์เอาเองล่ะสิว่าพวกนั้นเก่ง ซรวบบ” ชายที่นั่งกินอาหารตอบกลับ

    “ไอ้บ้า! อย่างแกที่ยังไม่เคยทำภารกิจสำเร็จซักอย่างมีสิทธิ์พูดอย่างนั้นด้วยเหรอ เอาให้ผ่านซักภารกิจนึงก่อนเถอะค่อยขัด นะทาเคโซ” ชายคนแรกพูดกับชายที่นั่งกินอาหารไม่หยุด

    “ชิ! เพื่อนเลวอย่างพวกนายยังมีหน้ามาพูดแบบนี้กับชั้นอีกเหรอ อึก อึก” ชายที่กินข้าวตอบกลับพร้อมกับกระดกแก้วน้ำขึ้นดื่มหลังพูดจบ

    “ฮ่าๆๆๆ ไหนๆก็โดนด่าแล้ว งั้นวันนี้ก็เอาแบบเดิมนะพวก” ชายคนที่สองกล่าวออกมา

     

    หลังอาหารมื้อนั้น คนทั้งกลุ่มก็ทยอยกันเดินออกจากร้าน เหลือเพียงชายหนุ่มหัวกระเซิงที่ชื่อทาเคโซคนเดียว

    “ค่าอาหารสามแสนโกลด์ค่ะ” บริกรสาวบอกราคาค่าอาหารให้ชายหนุ่มรับรู้เมื่อโดนเรียกเก็บเงิน

    “น้องรู้อะไรมั้ย” ชายหนุ่มหัวกระเซิงพูดออกมาเรียบๆ

    “คะ?” บริกรสาวทำหน้าตาสงสัย

    “พี่ไม่มีเงินหรอกน้อง ฮ่าๆๆๆ” ชายหัวกระเซิงพูดจบก็ลุกพรวดแล้ววิ่งหนีออกจากร้านทันที

    ฟ้าวว!

    “อ๊ายย!! นั่นมันนายทาเคโซจอมชักดาบนี่นา ได้ยินมาว่ากินอาหารที่ไหนไม่เคยยอมจ่ายตังค์เลย ค่าหัวขึ้นไปหลายล้านแล้วด้วยนะ” หญิงสาวคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์การชักดาบของชายหนุ่มหัวกระเซิงพูดขึ้น

    “อะไรกัน กินแล้วไม่จ่ายนี่ถึงขั้นมีค่าหัวเป็นล้านเลยเหรอเธอ” หญิงสาวอีกคนสงสัย

    “ตอนแรกๆก็ไม่กี่แสนหรอก แต่มีพวกนักล่าบางคนก็อยากจะได้ค่าหัว แต่ไปล่ามากี่คนก็โดนเก็บหมดเลย ค่าหัวก็เลยสูงขึ้นเรื่อยๆน่ะเธอ” หญิงสาวคนแรกกล่าว

    “โหย ชีวิตช่างน่าสมเพช วิถีโจรชัดๆเลยนะเนี่ย กะอีแค่จ่ายเงินค่าอาหาร ถึงขั้นต้องเบี้ยวจนมีค่าหัวแล้วก็ต้องหนีนักล่าไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วนายนี่ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถเพราะทนการรุมเร้าจากพวกนักล่าค่าหัวไม่ไหว” หญิงสาวคนที่สองเอ่ยออกมาเหมือนกำลังเพ้อ

    “เพ้อเกินไปแล้วกีต้าร์ กินๆเข้าไปแล้วก็ไปทำภารกิจดีกว่า” หญิงสาวคนแรกเตือนเพื่อนของตน ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินอาหารต่อไปไม่สนใจเรื่องราวภายนอกอีก

     

    ฉัวะ!

    “อึก! อะไรกันพวกนาย?” ชายหนุ่มหัวกระเซิงเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเขาถูกเพื่อนของตนเองลอบทำร้าย

    “ฮ่าๆๆๆ ค่าหัวของนายมันสูงหลายล้านแล้วน่ะสิ พวกชั้นก็เลยปรึกษากันว่าน่าจะเอาเงินจากค่าหัวของนายมาใช้จ่ายกันน่ะ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มกล่าว

    “อะไรกัน? พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ แล้วค่าหัวนี่มันก็มาจากพวกนายทั้งนั้นนะ” ชายหัวกระเซิงตัดพ้อ

    “ถ้าอย่างนั้นเราก็เลิกเป็นเพื่อนกันละกัน พวกเราจะได้ไม่รู้สึกผิด ฮ่าๆๆๆ” ชายคนเดิมกล่าว

    ฉัวะ!! อ๊ากก!!

    “ถ้างั้นก็เลิกพูดกันได้แล้ว ไปตายกันให้หมด” ชายหัวกระเซิงกล่าวออกมาหลังจากใช้ดาบของตนฟันร่างของชายคนที่เคยเป็นเพื่อนจนสลายไปแบบไม่มีความลังเล

    ฉัวะ! ฉัวะ! อ๊ากก! อ๊ายยย! ตายย!

    การประหัตประหารเริ่มต้นขึ้น และจบลงอย่างรวดเร็ว คนกลุ่มหนึ่งที่มีคนประมาณหกถึงเจ็ดคน ทั้งชายทั้งหญิงต่างล้มลงกลายเป็นแสงแล้วสลายร่างไป คงเหลือแต่ชายหนุ่มหัวกระเซิงอยู่เพียงผู้เดียว

    “โธ่เว้ย! นึกว่าจะมีเพื่อนบ้างแล้วเชียว สุดท้ายมันก็แค่ใช้ประโยชน์กันเท่านั้นสินะ” ชายหนุ่มหัวกระเซิงพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาท่วมดวงตา ดูท่าทางการประหารเพื่อนในครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้อยากจะกระทำสักเท่าไหร่ แต่จะให้นั่งงอมืองอเท้ายอมรับความตายแต่โดยดี เขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน

     

    “นี่ๆ เราลองไปล่าค่าหัวของพวกชื่อแดงกันบ้างดีมั้ย” หญิงสาวผมทองกล่าวขึ้นมาขณะที่เปิดดูรายชื่อคนมีค่าหัว

    “ล่าค่าหัว? ถ้าเธออยากสู้ก็ไปสนามประลองก็ได้นี่นา ไม่เห็นจำเป็นต้องไปล่าค่าหัวเลย เงินทองเราก็ไม่ได้ขาดมืออะไรนี่” ชายผิวเข้มในกลุ่มกล่าวขึ้นมา

    “ก็ชั้นอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้างนี่นา เอาแต่ทำภารกิจแบบปกติ ทำไปเป็นร้อยแล้วไม่เบื่อบ้างเหรอ” หญิงสาวคะยั้นคะยอ

    “เธอเล็งใครเอาไว้เป็นพิเศษรึเปล่าล่ะ หรือว่าใครก็ได้ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาข้างนอกนั่นก็มีชื่อแดงเดินกันอยู่เยอะแยะ ออกไปล่าซักสองสามคนก็เรียบร้อยแล้ว” ชายผมขาวหน้าตายกล่าวเรียบๆ

    “โหย แบบนั้นมันน่าเบื่อไป เอาแบบสุดๆไปเลยสิ ลำดับที่หนึ่งถึงสิบนี่ ล่ามันทุกคนเลยเป็นไง” หญิงสาวกล่าวเสียงใส

    “หนึ่งถึงสิบเลยเหรอ แล้วถ้าเราล่าพวกนี้หมด ลำดับที่หนึ่งถึงสิบมันก็เปลี่ยนใหม่หมด แล้วเราก็ล่าหนึ่งถึงสิบที่เปลี่ยนใหม่นี่ไปเรื่อยๆเลยรึเปล่า” ชายผมขาวกล่าวเรียบๆเหมือนเดิม

    “วัลแคนนี่คิดมากไปได้ ก็ล่าไปจนกว่าชั้นจะเบื่อก็พอแล้ว หมดไปสิบคน ถ้ายังไม่หายเบื่อก็ล่าต่อ ถ้าเบื่อก็เลิกไปทำอย่างอื่นต่อ ไม่เห็นต้องกะเกณฑ์อะไรให้มันวุ่นวายเลย” หญิงสาวผมทองกล่าวอย่างสดใส

     

    “นี่ๆกีต้าร์ เธอรู้มั้ย พวกเดอะทรีโอตอนนี้กำลังล่าค่าหัวพวกมีค่าหัวลำดับสูงๆกันอยู่ล่ะ” หญิงสาวคนหนึ่งเปิดประเด็นกับเพื่อนสาวของเธอ

    “เหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ” หญิงสาวอีกคนตอบกลับเพื่อนสาวของตน

    “ยัยเฉื่อย เรื่องแบบนี้เค้ารู้เอาไว้เมาท์ย่ะ แล้วรู้มั้ยว่าลำดับของคนมีค่าหัวลำดับต้นๆเปลี่ยนไปหมดเลยนะเธอ” หญิงสาวคนแรกยังไม่หยุด

    “เหรอ แล้วตอนนี้ใครมีค่าหัวสูงสุดล่ะ” หญิงสาวอีกคนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยชา

    “ก็นายทาเคโซจอมชักดาบคนนั้นไง อยู่ๆค่าหัวของตานี่ก็พุ่งพรวดขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับพวกลำดับสูงๆเดิมโดนล่า ตอนนี้ตานี่ค่าหัวสูงที่สุดในเกมจ็อคออนไลน์แล้ว” หญิงสาวคนแรกพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

    “เหรอ แต่เดี๋ยวก็คงถูกล่าหายไปอีกคนแหละ” หญิงสาวอีกคนตอบกลับเสียงเอื่อยๆ

    “ในตลาดมืดเค้ามีการเดิมพันกันด้วยนะ ว่าสุดท้ายแล้วชื่อของใครจะกลายเป็นผู้มีค่าหัวอันดับหนึ่ง อัตราต่อรองงี้สูงเป็นหมื่นๆเท่าเลยล่ะเธอ” หญิงสาวคนแรกกล่าว

    “เหรอ เป็นหมื่นๆเท่าเลยเหรอ” หญิงสาวจอมเฉื่อยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถ้าอย่างนั้นเราน่าจะไปร่วมเดิมพันกันซักหน่อยแล้วสิ เดี๋ยวจะเสียชื่อจอมโจรหมด ฮุๆๆ

     

    แคร้งง!!

    เสียงอาวุธปะทะกันดังขึ้นมา คนหนึ่งใช้ดาบ ส่วนอีกคนใช้หอก

    “โหย! นายเก่งนี่นา เก่งกว่าพวกมีค่าหัวลำดับต้นๆหน้าเก่าๆซะอีก” ชายผิวเข้มที่ถือหอกพูดขึ้นมาหลังจากปะทะกับคู่ต่อสู้ไปหนึ่งกระบวนเท่านั้น

    “เดอะทรีโอเหรอ ได้ข่าวว่าเก่งที่สุดในเกมจ็อคออนไลน์” ชายผมดำหัวกระเซิงที่ใช้ดาบตอบกลับ

    “คนอื่นเค้าก็พูดกันไปอย่างนั้นเอง พวกเราไม่เคยคิดหรอกนะ ว่าเป็นคนที่เก่งที่สุดในเกมน่ะ” ชายผิวเข้มตอบกลับ

    หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่เข้าปะทะกันอีกครั้งทันที

    ฟิ้ว! เคร้ง! ฟวับ! ฟวับ! ฟวับ!

    การปะทะกันของชายหนุ่มทั้งสองเป็นไปอย่างดุเดือด หอกและดาบผลัดกันรุกและรับอย่างรวดเร็ว ฝีมือของทั้งคู่สูสีกันมาก

    แต่แล้ว...

    ฉัวะ! ฉัวะ! อึ้กก!!

    ดาบอันรวดเร็วกรีดเข้าใส่ร่างของชายหนุ่มผิวเข้ม ผลต่างเพียงเล็กน้อยในการต่อสู้ระยะประชิดแสดงออกมาหลังจากการปะทะกันถึงสามนาที

    สามนาทีอาจจะให้ความรู้สึกว่าไม่นาน แต่จริงๆแล้วด้วยระดับฝีมือและอาวุธที่ต่างก็โจมตีถึงตายได้ในครั้งเดียว ทุกครั้งที่อาวุธถูกชักออกมาหรือเข้าปะทะกัน ความเคร่งเครียดนั้นสูงมาก ทั้งคู่ต้องเพ่งสมาธิอย่างหนักเพื่อไม่ให้เพลี่ยงพล้ำต่อฝ่ายตรงข้าม

    “เดอะทรีโอมันก็แค่นี้แหละนะ ...ตาย!!” ชายหนุ่มหัวกระเซิงพูดขึ้นมาเมื่อเขารู้ตัวว่าเป็นฝ่ายเหนือกว่า พร้อมกับสะบัดดาบใส่ร่างของชายที่ถือหอกทันที

    ฟวับ! แกร็ก! แกร็ก!

    ก่อนที่ดาบจะคร่าชีวิตชายหนุ่มผิวเข้มผู้ใช้หอกโซ่สองเส้นก็พุ่งเข้ามาขวางหน้าเขาเอาไว้แล้วปะทะเข้ากับดาบของชายหนุ่มหัวกระเซิงแทน

    “เล่นรุมกันแบบนี้แหรอ” ชายหนุ่มหัวกระเซิงพูดขึ้นมาเรียบๆ หลังจากที่เห็นว่านอกจากมีผู้ใช้โซ่เข้ามาขวางแล้ว ยังมีร่างของนักดาบอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาด้วย

    “เดอะทรีโอมันก็ต้องมีสามคนสิ ชื่อก็บอกอยู่แล้วนี่ ถ้านายมีปัญหา ก็หาพวกมาช่วยสิ พ่อคนมีค่าหัว” หญิงสาวผมทองผู้ใช้โซ่กล่าวขึ้นมา

    “ล้อเล่นรึเปล่า คนมีค่าหัวที่ไหนจะมีพวกกัน” ชายหนุ่มหัวกระเซิงกล่าวขึ้นมาเรียบๆ แต่แฝงนัยไว้ในคำพูดของเขา

    ฟิ้ว! ปัก!!

    ทันใดนั้นมีดเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ร่างของหญิงสาวผมทอง จนเธอต้องกระโดดถอยออกไป

    “ก็ไม่แน่หรอก ผมขออยู่ข้างคุณทาเคโซคงไม่ว่ากันนะครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

    “อ้อ โจรก็มีเพื่อนเป็นโจร ก็สมควรแหละนะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาหลังจากสำรวจชายที่มาใหม่อย่างรวดเร็ว

    เชลโล่

    ระดับ 445

     

    “นายเป็นใครน่ะ” ชายหนุ่มหัวกระเซิงผู้ใช้ดาบถามขึ้นมา เขาไม่คิดว่าจะมีคนมาช่วยเขาในเวลาแบบนี้

    “ผมก็เป็นคนที่วางเดิมพันข้างคุณทาเคโซไงครับ ถ้าคุณทาเคโซสูญเสียตำแหน่งผู้มีค่าหัวอันดับหนึ่งไปตอนนี้ ผมขาดทุนเป็นล้านแน่ๆเลย ฮึๆๆ” ชายหนุ่มหน้ายิ้มกล่าว

    “บร็อคร์ นายถอยไปก่อน สองต่อสองก็กำลังดีแล้ว” ชายหนุ่มผมขาวเอ่ยออกมาเรียบๆขณะที่เดินเข้ามาเพื่อป้องกันเพื่อนของตนที่บาดเจ็บจากการถูกฟัน

     

    เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! ฟิ้ว! ฟวับ!

    แล้วสงครามแบบสองต่อสองก็อุบัติขึ้นอย่างรวดเร็ว นักดาบสองคนพุ่งเข้าหากันเหมือนกับจะรู้ว่านั่นเป็นคู่ต่อสู้ของตน ดาบต่อดาบฟาดฟันใส่กันไม่ยั้ง ส่วนหญิงสาวผู้ใช้โซ่ก็ใช้ความพลิกแพลงต่อสู้กับชายผู้ใช้มีดบินที่มีความพลิกแพลงเหมือนกัน โซ่และมีดบินดูท่าทางจะไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกันมากนัก

    “ฮ่าๆๆๆ ไม่นึกเลยว่าจะได้มาเจอคู่ต่อสู้ที่สูสีกันในวันนี้” ชายหนุ่มผมขาวที่ปกติจะเงียบขรึมระเบิดเสียงออกมาอย่างยินดี ดูท่าทางว่าปกติแล้วเขาแทบจะไม่มีใครที่พอจะให้เขาสู้แบบจริงจังได้เลยช่วงหลังๆมานี่

    “ไอ้โรคจิต ใครมันจะสนุกที่ได้ฆ่ากัน” ชายหนุ่มหัวกระเซิงตอบกลับขณะที่มือก็ไม่หยุดฟาดฟันดาบเข้าปะทะกับคู่ต่อสู้

    “ผิดแล้ว ความสนุกมันอยู่ที่การได้ฆ่าคนอื่นต่างหากล่ะ ไม่ใช่การฆ่ากัน ฮ่าๆๆๆ” ชายหนุ่มผมขาวกล่าวพร้อมกับฟาดดาบไม่หยุดเหมือนกัน

    “ไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้เลยสินะ ฮึบ!!” ชายหนุ่มหัวกระเซิงตอบกลับพร้อมกับสะบัดดาบออกไปอย่างรุนแรง

    เคร้งง!! เป๊าะ!!

     

    ย้อนอดีตแบบนี้ อ่านกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย ใครเป็นใคร
    ใบ้ให้นิดนึง วิโอล่า กีต้าร์ เชลโล่ เป็นชื่อเครื่องดนตรีทั้งนั้นเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×