ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #175 : บทที่170: บุกแอตแลนติส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.87K
      100
      9 เม.ย. 55

    บทที่170 บุกแอตแลนติส

    “เตรียมพร้อมเรียบร้อยรึยังคุณยะไซ(พืชผัก)” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยเสียงแหลมเล็ก ในสถานที่ที่เหมือนจะเป็นห้องชมวิวที่กว้างขวาง กำแพงและเพดานโค้งเป็นกระจกใสด้านหนึ่งทำให้มองเห็นภายนอก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความมืดรอบด้าน มีเพียงแสงส่องลงมาจากด้านบนไกลๆเท่านั้น

    “สั่งการได้ทุกเมื่อครับท่านรีฟริก(ตู้เย็น) พวกเราเตรียมการไว้หมดแล้ว ทั้งภายในและภายนอก” ชายอีกคนที่กำลังคุกเข่าตอบกลับอย่างนอบน้อม

    “ฮึๆๆๆ แผนการที่วางเอาไว้กว่าหนึ่งปี ในที่สุดก็มาถึงวันนี้จนได้นะ วันที่แอตแลนติสจะตกเป็นของเรา” ชายเสียงเล็กพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ

    “...” ชายอีกคนหนึ่งนิ่งเงียบไปเหมือนกับกำลังรอคำสั่งต่อไป

    “ถ้าอย่างนั้นก็บุกได้เลยตามแผนการที่วางเอาไว้” ชายเสียงเล็กพูดขึ้นมาอีกครั้งเรียบๆ ดูเหมือนเขาจะเป็นคนใจเย็นหรือเก็บอารมณ์เก่งก็ไม่แน่ใจ ทั้งๆที่เหตุการณ์ใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า แต่เขาก็ยังสงบนิ่งอยู่

    “รับทราบครับ” ชายที่คุกเข่าตอบกลับ แล้วก็ลุกพรวดขึ้นไปทันที ก่อนจะเดินออกจากห้องชมวิวแห่งนี้ไป

    “ฮึๆๆๆ คอยดูเถอะวัลแคน บังอาจปฏิเสธคำชักชวนจากเรา อย่าหวังเลยว่าชีวิตของแกจะเป็นสุข ฮ่าๆๆๆๆ” ชายเสียงเล็กหัวเราะออกมาสุดเสียง ดูเหมือนที่ผ่านมาเขาจะเก็บอารมณ์อันคึกคะนองเอาไว้

     

    ตึกตัก! ตึกตัก!

    มาตาร์วิ่งทะลุมาที่ห้องหัวใจอย่างรวดเร็ว

    “เลดี้ออกมา!” ชายหนุ่มหัวฟูตะโกนออกมา พร้อมกับวางร่างของเสือตัวโตลงบนพื้นอย่างเร่งรีบ

    แวบบ!

    เด็กหญิงผมแดงปรากฏออกมาจากเข็มขัดทันทีด้วยสีหน้าร้อนรน พร้อมกับเข้าประชิดร่างของเจ้าเสือแล้วใช้ปราณสีชมพูของเธอดูดพิษออกมาจากร่างของมันทันที ดูเหมือนว่าพิษที่เธอได้รับเข้าไปจะไม่แสดงผลแล้วด้วย

    ที่มาตาร์วิ่งมาที่ห้องหัวใจนี่ เพราะเขาระลึกได้ว่าหญิงสาวผมม่วงนั้นใช้ความสามารถของเธอแวบหายไปจากที่นี่ หมายความว่าในห้องหัวใจนี้สามารถใช้พลังพิเศษได้ตามปกติ ผิดกับในห้องท้องเรือ และชายหนุ่มยังจำคำพูดที่หญิงสาวพูดกับเขาที่หน้าประตูท้องเรือได้ด้วย ตรงนี้เป็นจุดที่ลึกที่สุดเท่าที่ความสามารถของชั้นจะพานายมาได้น่ะ นั่นหมายความว่าความสามารถของหญิงสาวทำงานได้ด้วยพลังพิเศษ ไม่อย่างนั้นคงพาเข้ามาในท้องเรือทันทีแน่นอนถ้าความสามารถของเธอสามารถใช้ได้ เพียงแต่ยังไม่เข้าใจเท่านั้นเอง ว่าทำไมไม่พามาที่ห้องหัวใจนี้ตั้งแต่แรก บางทีอาจจะอยากให้เขาเข้าประตูท้องเรือมาด้วยตัวเองล่ะมั้ง

    ส่วนเลดี้นั้น ตอนผนึกอยู่ในเข็มขัดก็ได้รับความสามารถจากเข็มขัดช่วยฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังไม่สามารถใช้ปราณได้จนเข้ามาในห้องหัวใจนี่ เพราะผนึกทั้งหลายไม่ใช่อุปกรณ์ที่แบ่งแยกมิติออกไป และพอเธอใช้ปราณได้ก็เริ่มรวบรวมพิษทั่วร่างทันที

    ปราณของเลดี้นั้นทำงานโดยการหลอมรวมพิษที่ได้รับมาให้กลายเป็นปราณพิษซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อตัวเธอ เหมือนกับรับพิษมาแล้วเอามาทำให้เป็นของตัวเอง แต่ถ้าใช้ปราณไม่ได้ กระบวนการหลอมรวมพิษกับปราณก็เกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของเธอนั่นเอง

    วูมม

    มือของเด็กหญิงที่สัมผัสกับเจ้าเสือเขี้ยวดาบมีปราณสีชมพูแผ่อยู่รอบๆ แล้วก็ค่อยๆเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีแดง ดูเหมือนพิษจากร่างของเจ้าเสือจะถูกรวบรวมมาที่เธอเรียบร้อยแล้ว

    “เป็นไงบ้างเลดี้” ชายหนุ่มถามขึ้นมาหลังจากเห็นว่าท่าทางของเจ้าเสือดูดีขึ้น สีหน้าของมันไม่ซีดเหมือนเดิมแล้ว

    “ถอนพิษให้หมดแล้วล่ะ แต่ท่าทางจะเพลีย” เด็กหญิงตอบหลังจากเห็นว่าเจ้าเสือเขี้ยวดาบยังไม่ยอมลุกขึ้นมา

    “ไม่น่าเชื่อ ถอนพิษได้ทั้งๆที่ไม่ต้องใช้ยาแก้พิษเหรอเนี่ย” เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้นมาจากทิศทางของห้องท้องเรือ

    ปัง! ตูมม!

    ไม่ต้องพูดคุยกันให้มากความ มาตาร์ยิงทันทีที่เสียงของหญิงสาวดังขึ้น กระสุนลูกปรายกระแทกร่างของเธอให้กระเด็นไปอีกครั้ง

    “หยาบคายจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้ชายหยาบคายขนาดนี้อยู่ด้วย อยู่ๆก็ยิงใส่ผู้หญิงแบบนี้” สปีน่าพูดขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆที่ล้มลงไปแล้ว

    แต่แล้วทันใดนั้นมาตาร์กลับไม่มีชะงักหรือลังเลเลย เขาพุ่งเข้าไปประชิดร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่แล้วใช้ปินจ่อยิงอีกทันทีแบบไม่นับ

    ฟิ้ว! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

    เสียงปืนดังขึ้นเป็นจังหวะเร็วเท่าที่มันจะสามารถยิงได้ มาตาร์เหนี่ยวไกปืนไม่หยุด จ่อยิงไปทั้งลำตัว ทั้งแขน ทั้งขา ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้า เขารู้ดีตั้งแต่แรกแล้วว่าแม่แมงมุมสาวสุดเซ็กซี่นี้คงไม่เสียท่าให้เขาง่ายๆ เพราะเธอเป็นถึงผู้ติดตามของหัวหน้าแห่งแอตแลนติสนี่ และยิ่งมีร่างมนุษย์โตเต็มที่แบบนี้ ไม่รู้ว่าเลี้ยงหรือฝึกฝนกันมากี่ปีแล้ว ถ้าเปิดโอกาสให้เธอตั้งตัวได้ เขาไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะสู้เธอได้ ถึงจะยังไม่เคยเห็นความสามารถในการต่อสู้ของเธอก็ตาม กันได้ก็ให้มันรู้ไป นี่แน่ะๆๆๆ

    ระหว่างที่กระสุนช็อตกันถูกยิงออกมาไม่หยุดนั้น ปรากฏแมงมุมตัวเล็กๆที่แทบจะมองไม่เห็น ไต่มาตามตัวของมาตาร์พร้อมกับใช้ใยขนาดเล็กพันตามร่างกายของเขาเอาไว้

    ฟึดด!! อุ๊บ!

    และทันทีที่หญิงสาวที่นอนอยู่กระตุกแขนขึ้นมาข้างหนึ่ง ร่างของชายหนุ่มก็เหมือนถูกเชือกพัน รัดแขนรัดขาให้แนบติดลำตัวจนล้มลง ดูเหมือนใยแมงมุมเส้นบางๆที่พวกแมงมุมนั้นปล่อยออกมาจะแข็งแรงและคมมาก เพราะเนื้อตัวของชายหนุ่มยังเกิดรอยกดของใยแมงมุมขึ้นมาพร้อมกับมีเลือดไหลออกมาด้วย

    “แอฟโร!!” เด็กหญิงผมแดงอุทานขึ้นมาอย่างตระหนกทันที พร้อมกับละมือจากเจ้าเสือแล้ววิ่งตรงไปหาชายหนุ่ม

    “อย่าเข้ามาเลดี้!” ชายหนุ่มร้องเตือนเด็กหญิงทันที เพราะรู้ดีว่าถึงเข้ามาก็คงช่วยเขาจากสถานการณ์นี้ไม่ได้แน่

    “รนหาที่” หญิงสาวผมดำพูดพร้อมกับลุกขึ้นมาช้าๆ ตามเนื้อตัวของเธอยังมีร่องรอยของกระสุนที่กระแทกร่างของเธออยู่ด้วย ซึ่งมันยิงไม่เข้าเลยสักนัดนี่สิ

    “อ๊ายย!!” เด็กหญิงยังไม่ทันวิ่งเข้ามาถึงตัวของชายหนุ่ม แต่กลับถูกใยแมงมุมพันไว้จนลงไปนอนตัวตรงอยู่กับพื้นอีกคนหนึ่ง

    “เลดี้!!” มาตาร์ตะโกนขึ้นมาอย่างตระหนก

    “เอาล่ะ มาคุยกันดีๆก่อนนะนายแอฟโร หลังจากนั้นค่อยคิดอีกทีว่าจะทำยังไงกับนายดี” สปีน่ากล่าวพร้อมกับเอามือลูบไปตามตัว แล้วผิวที่เป็นรอยกระแทกก็กลับดูเนียนเหมือนเดิม

    “สัตว์ประหลาดชัดๆ ถูกยิงเป็นสิบนัดยังไม่เป็นอะไร สงสัยหนังจะหนามาก” มาตาร์ยังปากดี ดูท่าทางเขาไม่ค่อยอยากจะคุยดีๆกับสปีน่าสักเท่าไหร่

    ฟึดด!! โอ๊ว~!!

    “ปากเสีย ชั้นใช้ใยแมงมุมทอขึ้นเป็นผิวหนังชั้นนอกต่างหากล่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับดึงใยแมงมุมที่พันร่างของชายหนุ่มหัวฟูให้รัดแน่นมากขึ้นส่งผลให้โดนกรีดลึกขึ้นไปอีก

    ใยแมงมุมของสปน่ามีความแข็งแรงมาก ทั้งยืดหยุนและเหนียวแน่น ขนาดเส้นที่บางจนมองไม่เห็นยังสามารถรับน้ำหนักได้เป็นร้อยกิโลกรัม และเส้นใยพวกนั้นถักทอกันเป็นเหมือนผ้าบางใสแล้วห่อหุ้มตัวสปีน่าเอาไว้ทำให้เธอถึงขนาดรับกระสุนจากปืนช็อตกันได้แม้จะถูกจ่อยิงก็ตาม

    แล้วอย่างนี้จะสู้ยังไงดีเนี่ย มีเกราะแข็งแกร่งขนาดนี้ แถมดูท่าว่าระดับจะสูงกว่าเราเยอะด้วย มาตาร์คิดขึ้นมาถึงทางรอด แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

    “บอกไว้ก่อนนะ ถึงนายตายไปเรื่องมันก็ยังไม่จบ เพราะนายจะฟื้นขึ้นมาในแอตแลนติสนี่อีก ดังนั้นตอบคำถามชั้นมาดีๆ” หญิงสาวเตือนก่อนที่จะถามอะไรออกมา เพราะอย่างไรเสียสิ่งที่เธออยากได้ก็คือข้อมูลมากกว่าจะเป็นชีวิตของชายหนุ่มหัวฟูนี่ เพราะถึงจะเอาชีวิตเขาไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ของที่มีติดตัวก็ไม่ได้เลิศหรูอะไรมาก เพียงแต่เจ้าเข็มขัดนี่ ไปเอามาจากไหนเนี่ย ก่อนจะเข้ามาที่ท้องเรือยังไม่มีเลยไม่ใช่เหรอ หรือว่ายัยวิโอล่านั่นจะซ่อนของเอาไว้ในท้องเรือ?

    “วิโอล่าคือคนเดียวกับอาร์แซน เธอจะขโมยโมบี้ดิ๊กอีกตัว และชั้นเป็นแค่นกต่อล่อให้เธอมาที่นี่ ...เอาอะไรอีกมะ” มาตาร์โพล่งออกมาโดยไม่ต้องถาม เพราะจริงๆแล้วเขาไม่ได้อยากจะเป็นศัตรูกับแอตแลนติสอยู่แล้ว ที่เขายิงสปีน่าตอนแรกก็เพราะเธอเป็นคนกัดเจ้าเซเบอร์กับเลดี้ก่อนเท่านั้นเอง ถ้าสปีน่าถามออกมาดีๆ บางทีอาจจะไม่ต้องสู้กันตั้งแต่แรกแล้ว

    “อะไรนะ? อาร์แซนคือวิโอล่า!? ขโมยโมบี้ดิ๊ก?” สปีน่าทวนคำของชายหนุ่มหัวฟู เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาพูดออกมาเลย เพราะมันฟังดูเหลือเชื่อเกินไป ทั้งการที่อาร์แซนคือคนเดียวกับวิโอล่าที่ไม่ว่าจะสำรวจยังไงชื่อและระดับก็ไม่เหมือนกัน และการขโมยโมบี้ดิ๊ก สัตว์อสูรที่ใหญ่เป็นภูเขาอย่างนั้นจะขโมยไปได้อย่างไร

    “อย่ามาล้อเล่น! คิดจะถ่วงเวลาหรือไง!” สปีน่าขึ้นเสียงพร้อมกับกระตุกใยที่รัดร่างของชายหนุ่มอีกครั้ง

    ฟึดด! โอ๊ยย!

    “แอฟโรไม่ได้โกหกนะ เลดี้ยืนยันได้” เด็กหญิงร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินเสียงทรมานของชายหนุ่ม

    “เชื่อได้ที่ไหนล่ะ เธอก็พวกเดียวกันทั้งนั้นแหละ” สปีน่าหันมาทางเด็กหญิงแล้วกระตุกใยแมงมุมของเธออีกคน

    ฟึด! แวบ!

    แต่แล้วทันใดนั้น เด็กหญิงผมแดงก็คืนร่างเป็นเต่าทองทำให้หลุดจากใยแมงมุมที่พันร่างของเธอเอาไว้

    แต่ทว่า...

    ฟึด! ฟึด! ฟึด!

    เลดี้กลับโดนใยแมงมุมพันร่างเอาไว้แน่นหนากว่าเดิมในร่างของเต่าทอง เมื่อสปีน่าสบัดมือไปมาสองสามครั้ง

    “เธอโง่รึเปล่าเนี่ย ชั้นเป็นแมงมุมนะ เรื่องจับแมลงนี่ง่ายกว่าจับคนซะอีก” หญิงสาวพูดออกมาเรียบๆอีกครั้ง

    “ชั้นไม่ได้โกหก เรื่องที่ยัยนั่นบอกมาชั้นก็บอกเธอไปหมดแล้ว ถ้าเธอไม่เชื่อ ชั้นจะโกหกให้น่าเชื่อกว่านี้แทนก็ได้นะ” มาตาร์พูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ดูท่าทางเขาจะเป็นห่วงเลดี้ไม่น้อยเลย

    “...” สปีน่าฟังคำของมาตาร์แล้วก็คิดขึ้นมาทันที จะโกหกทั้งทีทำไมถึงโกหกเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นความจริงขนาดนี้

    “เธอยิ่งลังเล แม่นั่นก็ยิ่งสบายนะ นี่แหละคือเหตุผลที่ชั้นถูกลากให้มาทำภารกิจนี้” มาตาร์เริ่มเห็นแววว่าจะรอดออกไปจากสถานการณ์นี้ได้แล้ว

    “นายอาจจะหลอกชั้นให้ชั้นคิดว่าเป็นอย่างนั้นก็ได้นี่นา” สปีน่ายังไม่ยอม ที่แย่ที่สุดก็คือโดนหลอกแล้วปล่อยตัวนายหัวฟูนี่ไป ...แต่ถ้ามันไม่ได้หลอกล่ะ?

    ท่าทางจะยาวแฮะ แม่อาร์แซนวางแผนได้ฉลาดชะมัดเลย ที่ยัยนั่นพาเรามาที่ประตูทางเข้าก็เพื่อจะล่อให้แอตแลนติสมาสนใจเรา เราเสียท่าตั้งแต่เข้ามาที่ท้องเรือแล้ว เรื่องที่ยัยนั่นจะทำ ไม่ว่าเราจะพูดจริงหรือโกหกมันก็ไม่มีวิธีพิสูจน์สักอย่าง สุดท้ายแล้วก็ถ่วงเวลายัยสปีน่านี่ได้จริงๆ มาตาร์คิดขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางลังเลของแมงมุมสาว

    “จริงๆแล้วถึงชั้นจะพูดเรื่องจริงหรือโกหกออกมา เธอก็คงจะลังเลแบบนี้ทั้งนั้นแหละนะ จนกว่าเธอจะรับรู้ว่ายัยผมม่วงนั่นทำอย่างที่ชั้นบอกนั่นแหละถึงรู้ตัวว่าสายเกินไปแล้ว” มาตาร์พูดเตือนสติสปีน่า

    “แล้วนายจะให้ชั้นทำยังไงล่ะ” กลายเป็นสปีน่าเสียอีกที่ถามความเห็นชายหนุ่มหัวฟู

    “เธอก็แค่จับชั้นขังเอาไว้ในนี้ก็ได้นี่นา จะขึงใยดักเอาไว้หรือทำอะไรก็ตามใจ แล้วก็ตามแม่ผมม่วงนั่นไป ยังไงชั้นก็มาทำภารกิจ รับรองว่าไม่หนีไปไหนหรอก แล้วถ้าเกิดยัยนั่นทำตามที่ชั้นบอกจริงๆ เธอก็มาปล่อยชั้นไปไง” มาตาร์เสนอทางออกที่ดีกับทั้งสองฝ่าย

    “ฮึ ...ย่อมได้ ชั้นจะลองเชื่อนายดู แต่ถ้านายโกหกล่ะก็ รับรองว่าไม่ใช่แค่ตายรอบสองรอบแน่” แมงมุมสาวพูดจบก็สะบัดมือครั้งหนึ่งแล้วใยแมงมุมทั้งหมดก็คลายออกทันที

    “...” มาตาร์เงียบไปทันทีเมื่อสปีน่าเชื่อตามที่เขาบอก ยัยนี่ตัดสินใจเร็วดีเหมือนกันแฮะ

    “บอกเอาไว้ก่อนว่าชั้นจะขึงใยแบบคมกริบ บาดถึงตายในครั้งเดียว อย่าคิดหนีออกไปก็แล้วกัน” หญิงสาวพูดเสร็จก็วิ่งกลับเข้าไปในห้องท้องเรือทันทีเพื่อวางกับดักเอาไว้ที่ประตูทางออก ก่อนจะหายกลับเข้าไปราวกับว่าเธอไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน

     

    “ตกลงยัยสปีน่ามาทำอะไรเนี่ย เสียเวลาขัดพื้นชะมัดเลย” มาตาร์บ่นออกมาหลังจากที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปไม่ว่าสปีน่าจะมาหรือไม่มา เพราะเขายังต้องขัดพื้นเหมือนเดิมอยู่ดี

    “ฮือ~อ” แต่ทว่าเลดี้กลับร้องไห้ออกมา

    “เลดี้? เป็นอะไร?” ชายหนุ่มถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่าทำไมแม่เต่าทองน้อยถึงร้องไห้

    “ก็เลดี้ช่วย~อะไรแอฟโรไม่~ได้เลยนี่นา ฮือ~อ” เด็กหญิงพูดพร้อมร้องไห้ออกมา

    “เลดี้ไม่ต้องเสียใจไปหรอก ในสถานการณ์นั้นเราก็ทำเต็มที่ของเราแล้ว” มาตาร์ปลอบเด็กหญิง

    “ถ้าอย่างนั้น ฮึก ยังไงเราก็ต้องแพ้เหรอ ...ไม่มีทางชนะเลยเหรอ” เลดี้ยังประท้วง

    “ชีวิตมีชนะก็ต้องมีแพ้เลดี้ จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่การแพ้ครั้งแรกของเราซักหน่อย จะเสียใจกับมันมากมายทำไมกัน” มาตาร์สอนเลดี้

    “...” เด็กหญิงเงียบไปเมื่อได้ฟังคำของชายหนุ่มหัวฟู

    การสู้กับสปีน่าถึงจะไม่ใช่การพ่ายแพ้ครั้งแรกก็จริง แต่ว่าเป็นครั้งแรกของเลดี้ที่แพ้แล้วยังมีชีวิตรอดอยู่ เธอจึงรู้สึกเหมือนว่ายังไม่ได้ทำเต็มที่ เพราะยังเหลือชีวิตที่จะให้แลกอยู่นั่นเอง ส่วนมาตาร์นั้นไม่คิดมากเรื่องแพ้ชนะอยู่แล้ว

    หลังจากนั้นทั้งคู่จึงกลับมาทำความสะอาดท้องเรือต่อ

     

    “นี่เซเบอร์ ทำยังไงถึงจะแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ดีล่ะ” เลดี้ยังติดใจเรื่องที่เธอแพ้อยู่ถึงกับต้องเอามาบ่นให้ผู้ติดตามของเธอฟังแม้ในขณะขัดพื้น

    ก๋าว~

    เจ้าเสือขานรับเบาๆเหมือนกับจะปลอบใจแม่เต่าทองน้อย

    “ท่าทางคุณหนูเลดี้จะคิดมากจริงๆนะครับ” พ่อบ้านเสียงนุ่มพูดขึ้นมาเบาๆขณะที่มาตาร์ก็กำลังขัดพื้นอยู่เหมือนกัน

    “ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะชนะแม่สปีน่านั่นหรอกนะ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงผมก็ว่ามันเป็นเรื่องปกตินะ แพ้ให้กับผู้เล่นระดับสูงที่เล่นมานาน มันก็สมเหตุสมผลแล้ว เรายังไม่มีอะไรจะเอาชนะเค้าได้จริงๆ” มาตาร์กล่าวออกมาขณะที่มือก็ไม่ได้หยุดขัดพื้น

    ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเจอคู่ต่อสู้ที่เก่งขนาดไหนมาตาร์ก็มักจะพยายามจนสามารถเอาชนะมาได้เสมอ แม้แต่ตอนที่สู้กับผู้เล่นระดับสูงอย่างโลกอสที่มีฝีมือต่างกันมากก็ยังเอาชัยมาได้ แต่ว่าตอนนั้นเขาอาศัยลักษณะพิเศษของเงื่อนไขการบันทึกของผู้เล่นที่มาตั้งโต๊ะบนเกาะเริ่มต้น ทำให้เขาดันทุรังเอาชนะมาได้ แต่คราวนี้มันผิดกัน เพราะเงื่อนไขที่เสมอภาคกันแบบนี้ คนที่เล่นมานานกว่า มีฝีมือมากกว่าสมควรที่จะเป็นผู้ชนะแล้ว ...ถ้าเขาไม่ได้เล่นกลโกงหรือโชคดีได้ความสามารถที่ชดเชยความเสียเปรียบนั้นได้ แต่ถ้าเป็นมาตาร์ คงเลือกที่จะใช้วิธีโกงเอามากกว่านั่งรอโชคแน่นอน

    “สไลป มีวิธีฝึกให้เก่งแบบก้าวกระโดดมั่งมั้ย” มาตาร์เอ่ยถามพ่อบ้าน เขาอยากจะหาวิธีฝึกให้กับเลดี้อยู่เหมือนกัน

    “ผมรู้แต่วิธีฝึกที่ก้าวหน้าได้ตามเงื่อนไขครับ ไม่เข้าใจว่าก้าวกระโดดที่คุณแอฟโรพูดหมายความว่าอย่างไร แต่ผมพอจะบอกได้อย่างหนึ่ง ว่าเกมนี้ให้ผลสมควรกับเหตุที่ใส่เข้าไป” พ่อบ้านผู้เถรตรงกล่าว

    “เข้าใจล่ะ ผู้เล่นคนนึงจะเก่งกว่าอีกคนได้ เพราะใช้เวลามากกว่า ใช้ความพยายามมากกว่า หรือใช้ความคิดมากกว่าเท่านั้นสินะ” มาตาร์ทวน

    “วาสนาหรือโชคก็ถือเป็นเหตุได้นะครับ” พ่อบ้านเตือน

    “ผมเข้าใจสไลป แต่อันนั้นมันนอกเหนือการควบคุมนี่นา” มาตาร์ตอบ

    “แม้แต่การพบเจอกัน ก็ถือว่าเป็นโชคนะครับ” พ่อบ้านกล่าวขึ้นมาเรียบๆอีกครั้ง

    “หมายความว่ายังไงสไลป?” มาตาร์เริ่มไม่เข้าใจประเด็นที่พ่อบ้านของเขากล่าว

    “คุณแอฟโรได้พบทั้งผม และเดียมอนครับ ถือว่าเป็นโชคที่เหนือกว่าคนอื่น” พ่อบ้านกล่าว

    “เอ่อ ...เจอสไลปนี่เข้าใจนะ แต่เจอเดียมอนนี่มันยังไงน่ะ” มาตาร์ไม่เคยคิดว่าเดียมอนคือโชคดีของเขาเลย เขาคิดว่ามันเป็นโชคร้ายมากกว่า

    “คุณแอฟโรเห็นแล้วว่าคุณหนูเลดี้ฝึกกับเดียมอนแค่ครั้งเดียว แต่กลับมีความสามารถมากขึ้นเยอะจากวิชาที่เดียมอนสอน โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเดียมอนมีความรู้เรื่องการต่อสู้มากกว่าผมเสียอีก” พ่อบ้านผู้สุขุมกล่าว

    ความแตกต่างของพ่อบ้านกับเดียมอนคือ พ่อบ้านจะรู้แค่ข้อมูลพื้นฐานของการพัฒนาความสามารถหรือความรู้ในเกมบางเรื่อง ส่วนเดียมอนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกมมากนัก แต่เรื่องวิชาการต่อสู้นั้นมีมากมายจากการดูดกลืนผู้เล่นระดับสูง ซึ่งความรู้ในวิชาทั้งหลายเหล่านั้นเป็นวิชาเฉพาะของผู้เล่นแต่ละคนที่พ่อบ้านไม่มีความรู้เลย

    “เจ้าเดียมอนเนี่ยนะ? ...เฮ้อ เรื่องเก่งนี่ช่างมันเหอะ เกมเค้ามีไว้สนุก ไม่เก่งก็สนุกได้” มาตาร์ได้ยินว่าเดียมอนอาจจะเป็นคนที่สามารถฝึกให้เขาได้ก็ตัดใจทันที เพราะเขาไม่คิดที่จะพึ่งพามันเลยสักนิด

    “อืม จริงๆแล้วเล่นเกมไปเรื่อยๆ ถึงไม่อยากเก่งก็ต้องเก่งขึ้นมาจนได้นั่นแหละครับ เพราะเงื่อนไขการเล่นเกมมันเป็นอย่างนั้น” พ่อบ้านเห็นมาตาร์ไม่อยากคุยเรื่องเดียมอนมากนักจึงเปลี่ยนเรื่องคุย

    หลังจากนั้นชายหนุ่มหัวฟูกับเด็กหญิงผมแดงก็ขัดห้องไปจนกระทั่งเย็น เลดี้ขัดพื้นไปได้หนึ่งในหกของพื้นที่ที่เธอรับผิดชอบ ส่วนของมาตาร์ได้น้อยกว่านั้นเกือบเท่าตัว แต่สิ่งที่ได้อย่างมากคือค่าสถานะและทักษะมือเปล่าที่เพิ่มขึ้นอีก

     

    “เลดี้พักผ่อนกันหน่อยดีกว่านะ” มาตาร์หันไปบอกแม่เต่าทองน้อยหลังจากที่ดูเวลาว่ามันเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว วันนี้ทั้งวันพวกเขาเอาแต่ขัดพื้นอย่างเดียวเลย

    “โอเคแอฟโร” เด็กหญิงขานรับก่อนจะเก็บอุปกรณ์ขัดพื้น แล้วเดินมาหาเจ้านายของเธอ

    แล้วทั้งคู่ก็กินมื้อเย็นด้วยกันโดยเอาอาหารที่เลดี้เตรียมเอาไว้ออกมากิน ซึ่งมาตาร์ก็ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรเพราะเขามีความสามารถในการสะสมอยู่แล้ว แต่กินเป็นเพื่อนเลดี้เฉยๆ

    “ค่าสถานะขึ้นมาเยอะแล้วนะเลดี้” ชายหนุ่มกล่าวขณะที่กินอาหารเย็น พร้อมกับเปิดค่าสถานะของแม่เต่าทองน้อยออกมาดู

    เลดี้

    ระดับ 155

    ประสบการณ์ 900/1000

    พลังชีวิต 417/417

    พลังวิญญาณ 8179/8179

    โจมตี 2657

    ป้องกัน 2999

    สะท้อน 3634

    ความภักดี 1200/1200

    ความอิ่ม 100/100

    พลังกาย

    3836/1744+2092

    สมาธิ

    1111/505+606

    ความคล่องตัว

    1478/672+806

    จิตใจ

    5106/2321+2785

    ความอึด

    2162/983+1179

    โชค

                 517/235+282

    ปราณ

    2550/2550

    พลังจิต

    2109/2106

    ทักษะอาวุธ
    มือเปล่า ระดับ6

    เมื่อไม่ติดอาวุธ สถานะพื้นฐานทั้งหก +120%

    ทักษะอาวุธ
    มือมีด ระดับ1

    เมื่อถือมีด กาย+20% คล่อง+30% อึด+5% สมาธิ+20% จิต+5% โชค+20%

    ทักษะเสริม
    ปราณระดับ1

    10% ของปริมาณปราณที่ใช้เสริมเข้ากับสถานะทางกายภาพ

    10% ของปริมาณปราณที่ใช้คูณกับท่าที่ใช้ปราณ

    ทักษะเสริม
    เวทระดับ1

    10% ของค่าจิตใจคือพลังโจมตีที่ไม่ใช่ทางกายภาพ
    10
    % ของค่าจิตใจทั้งหมดคือความแรงของเวทมนตร์

    ทักษะเสริม
    พลังจิต ระดับ1

    5% ของพลังจิตคือความแรงทางกายภาพ

    5% ของพลังจิตคือความแรงที่ไม่ใช่กายภาพ

     

    “อืม เพิ่งจะสังเกตแฮะ ค่าสถานะจิตใจนี่มันเป็นอะไรที่ขึ้นง่ายมากถ้ามีท่าไม้ตายเลยนี่นา” มาตาร์มองค่าสถานะของเลดี้แล้วก็นึกถึงค่าสถานะของเขาเองเมื่อก่อน

    “เพราะอย่างนี้ผู้เล่นเผ่ามารถึงเก่งง่ายสุดไงครับ เพราะเวทมนตร์ใช้ประโยชน์จากค่าสถานะจิตใจเป็นหลัก ใช้งานแค่พลังวิญญาณ แถมยังมีเวทสองสายด้วย” พ่อบ้านให้ข้อมูล

    “ส่วนพลังชีวิต ...เลดี้ คราวหน้าถ้าเจอศัตรูกระจอกๆก็ยอมถูกโจมตีบ้างนะ เดี๋ยวพี่รักษาให้เอง” มาตาร์เห็นค่าพลังชีวิตของเลดี้ก็ต้องกลุ้มใจ เพราะมันน้อยมาก แทบจะเหมือนของเขาเมื่อก่อนเลย เนื่องจากการต่อสู้แต่ละครั้งเลดี้มักจะหลบหลีกได้ตลอด พลังชีวิตจึงแทบไม่เคยลดเลย พอเจอศัตรูเก่งๆโจมตีมาครั้งหนึ่งก็แทบจะตาย

    “อื้อ” เลดี้พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

     

    หลังจากมื้ออาหารเลดี้และมาตาร์ยังทำความสะอาดไปจนถึงสี่ทุ่มก่อนที่จะกางเต็นท์แล้วพักผ่อนกัน

    “โห เลดี้เพิ่งเคยนอนเต็นท์ล่ะ” เด็กหญิงเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น

    “อื้อ งั้นนอนให้สบายนะเลดี้ พรุ่งนี้ค่อยมาทำความสะอาดต่อ” ชายหนุ่มกล่าว

    แล้วทั้งคู่ก็นอนด้วยกันในเต็นท์ โดยมีเจ้าเสือเขี้ยวดาบคอยนอนเฝ้าอยู่ข้างนอก ภายในห้องท้องเรือนั่นเอง

     

    เวลาตีหนึ่ง เสียงเท้าผู้คนนับสิบก็ดังขึ้นมาจากทางด้านห้องหัวใจของโมบี้ดิ๊ก

    “นี่นะเหรอพลังที่ใช้ขับเคลื่อนแอตแลนติส” ชายคนหนึ่งในกลุ่มผู้คนกว่าสิบคนพูดขึ้นเมื่อเห็นหัวใจขนาดมโหฬารที่ลอยอยู่กลางห้อง

    “ระวังอย่าให้มันเสียหายล่ะริงโกะ(แอ๊ปเปิ้ล) เพราะพวกเราจะได้ครอบครองมันหลังจากยึดแอตแลนติสได้แล้ว” ชายอีกคนตอบกลับชายที่พูดขึ้นคนแรก

    “นายนั่นแหละที่ต้องระวังอิจิโกะ(สตรอเบอรี่) เพราะนายมันชอบลงมือเกินกว่าเหตุทุกครั้ง” ชายที่ชื่อริงโกะตอบกลับ

    “ก็ถ้าไม่มีศัตรูอยู่แถวนี้ก็คงไม่ต้องห่วงหรอกนะ ใครที่ไหนจะมาเฝ้าส่วนที่ลึกที่สุดในแอตแลนติสกัน จริงมั้ย” อิจิโกะกล่าว

    “ในที่สุดก็ถึงเวลาที่กิลด์แก้วมังกร(Dragon fruit) ของเราจะผงาดแล้วสินะ ฮ่าๆๆๆ” ริงโกะเอ่ยออกมาอย่างคึกคะนอง

    “ฮ่าๆๆๆ”

    แล้วเสียงหัวเราะของผู้คนทั้งหลายก็ดังกังวาน เข้าไปถึงโสตประสาทของชายคนหนึ่งที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่ในห้องท้องเรือ

     

    “ใครมาหัวเราะแถวนี้ฟะ หนวกหูจริง” มาตาร์บ่นขึ้นมาเบาๆขณะลืมตาตื่นขึ้นมาในเต็นท์

     

    ตื่นเต้นมะ มีคนมาบุกแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×