ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #153 : บทที่148: แขนซ้ายไม่สมประกอบ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.16K
      102
      10 ก.พ. 55

    บทที่148 แขนซ้ายไม่สมประกอบ

    “ลูกแก้วนั่น? มันคืออะไรกันท่านเนปจูน” เสียงอันแหบแห้งถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเนปจูนยึดสัตว์เลี้ยงของผู้เล่นคนหนึ่งมาแล้วนำมาใส่ไว้ในลูกแก้วใสนั่น

    “ผนึกนิรันดร์ไงล่ะท่านพลูโต” เจ้าของเสียงทุ่มต่ำตอบ

    “ผนึกนิรันดร์?” เสียงแหบแห้งเอ่ยถามด้วยความสงสัย

    “มันเป็นผนึกชนิดพิเศษที่ข้าและท่านบล็อคร์ร่วมกันพัฒนาขึ้นมาน่ะ” เสียงทุ่มต่ำตอบกลับมาอย่างภูมิใจ

    “อ้อ ...ผนึกได้แม้กระทั่งผู้ติดตามของผู้เล่นเชียวหรือนี่” เสียงแหบแห้งเอ่ยด้วยความรู้สึกทึ่ง

    ปกติการผนึกผู้ติดตามหรือสัตว์เลี้ยงนั้น ทำได้แค่เจ้าของเท่านั้น ผู้เล่นคนหนึ่งไม่มีสิทธิ์ผนึกสัตว์เลี้ยงหรือผู้ติดตามของผู้อื่น ยิ่งเป็นแค่ NPC ด้วยแล้ว ไม่มีเหตุจำเป็นในการมีผนึกเลย แต่ผนึกนิรันดร์ของเนปจูนนั้น สามารถผนึกสัตว์เลี้ยงหรือผู้ติดตามของผู้เล่นได้อย่างไรข้อจำกัด

    “มันจะตัดขาดผู้ที่โดนผนึกออกจากโลกภายนอกทั้งหมด ผู้ที่โดนผนึกจะไม่มีวันออกมาได้จนกว่าลูกแก้วจะถูกทำลาย” เนปจูนผู้มีเสียงทุ้มต่ำเฉลย

    “ตัดขาดจากโลกภายนอก? ท่านคงไม่ได้หมายถึงตัดขาดจากผู้เล่นผู้เป็นเจ้าของได้ด้วยหรอกนะ!” พลูโตผู้มีน้ำเสียงแหบแห้งกล่าวขึ้นมาอย่างตระหนก

    “ฮึๆๆๆ มันสามารถทำเช่นนั้นได้ท่านพลูโต มันตัดขาดผู้ติดตามและผู้เล่นที่เป็นเจ้าของออกจากกันได้ แถมยังรวดเร็วกว่าทิ้งเอาไว้ตามธรรมชาติอีกด้วย” เนปจูนกล่าวออกมาเรียบๆ แล้วก็เก็บเจ้าลูกแก้วที่เพิ่งได้มาใหม่นั้นลงหีบไม้โทรมๆ

    “ท่านพัฒนาเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่ออะไรกันแน่ท่านเนปจูน ข้าไม่เห็นว่าท่านจะได้ประโยชน์อะไรจากการยึดผู้ติดตามของผู้เล่นมาเลย” พลูโตอดที่จะถามไม่ได้ เพราะผนึกนิรันดร์นี้ถือว่าเป็นของพิเศษผิดปกติจริงๆ

    “การยึดผู้ติดตามมาถือว่าข้าทำตามหน้าที่เพื่อไม่ให้ใครคิดจะมาล่วงล้ำน่านน้ำแห่งนี้ ส่วนเรื่องที่ข้าจะยึดมาทำอะไรนั้น ถือว่าเป็นผลพลอยได้ก็แล้วกัน เพราะจุดประสงค์ของข้าก็แค่อยากจะทดสอบประสิทธิภาพของผนึกนิรันดร์นี่เท่านั้น” เนปจูนเลี่ยงที่จะกล่าวถึงเดียมอนที่เป็นสาเหตุของการพัฒนาผนึกนิรันดร์

    “อืม ก็ถือว่าสะดวกดีแหละนะ อย่างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาส่งผู้ติดตามพวกนี้กลับสู่พื้นที่ประจำเผ่า ท่านสามารถใช้ผนึกพวกนี้กักขังพวกมันเอาไว้ได้ด้วยตัวเองเลย เพียงแต่มันยิ่งทำให้พวกผู้เล่นลำบากมากขึ้นในการตามหาผู้ติดตามของตนเท่านั้นเอง” พลูโตกล่าว

    “เฮอะ!! พวกผู้เล่นมันไม่ได้สนใจผู้ติดตามมากมายหรอก สำหรับพวกมันแล้ว พวกเราที่อยู่ในโลกนี้ก็คือสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ไม่ต้องใส่ใจ จะหาใหม่หรือสร้างขึ้นมาใหม่เท่าไหร่ก็ได้” เนปจูนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธขึ้ง

    “...” พลูโตไม่ตอบโต้ใดใด

     

    “คงเป็นโชคชะตากระมัง ที่ทำให้ทั้งสี่คนนี้ต้องแยกออกจากกัน” เสียงอันแหบแห้งเอ่ยออกมาเบาๆหลังจากที่มองหน้าจอที่ฉายภาพภายในห้องสมบัติของเนปจูน

    ถ้าพลูโตและเทพอีกสองคนไม่ไปเก็บลูกแก้วของทั้งสามสาวมา คาดว่าป่านนี้ทั้งมาตาร์และสามสาวคงจะได้เจอกันแล้ว แต่การที่มาตาร์สามารถเข้ามาถึงห้องสมบัติของเนปจูนได้นั้น เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย เพราะการที่โมบี้ดิ๊กกลืนผู้เล่นเข้ามานั้น ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ และส่วนใหญ่ก็มักจะหาทางออกมาข้างนอกทันที มากกว่าจะเดินลึกเข้ามาในร่างของโมบี้ดิ๊กที่มีแต่สัตว์อสูร

    และถ้าพวกเทพสามคนไม่ไปหยิบเอาผนึกนิรันดร์ของสามสาวออกมา ทั้งสามจะสูญเสียความทรงจำในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งสามหวังว่าสามสาวของมาตาร์จะยังมีความทรงจำเหลืออยู่เมื่อมาตาร์มารับตัวพวกเธอ แต่คงไม่มีใครคาดว่ามาตาร์จะเข้าถึงตัวห้องสมบัติได้เร็วขนาดนี้

    “ท่านพลูโตก็ดูอยู่เหมือนกันเหรอเนี่ย” เสียงหญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าจอพร้อมกับมีกรอบภาพแสดงหน้าผู้พูดเล็กๆขึ้นมาตรงหัวมุมด้วย

    “การบุกโมบี้ดิ๊กไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆท่านอิซะนะมิ” เสียงอันแหบแห้งตอบกลับไป

    “เจ้าหนุ่มนี่ จัดว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันนะเนี่ย แต่ถึงตอนนี้พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์จะไปคืนทั้งสามนางให้เขาง่ายๆอีกแล้ว มีแต่เขาที่ต้องหาทางด้วยตัวเอง เหมือนผู้เล่นปกติทั่วไป” เสียงหญิงสาวกล่าวขึ้นมา

    “พวกเราก็ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ แต่เจ้าหนุ่มนี่แค่บังเอิญเข้าไปถึงห้องสมบัติของเนปจูนได้ ก็เท่านั้นเอง” เสียงอันแหบแห้งกล่าว

    “แต่เจ้าอสูรสีดำนั่น ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีอสูรแบบนี้อยู่ในโลกนี้ด้วย” อิซะนะมิกล่าวขึ้นมาอย่างข้องใจ

    “หลังจากที่เห็นเจ้าอสูรตนนั้นแล้ว ข้าถึงได้เข้าใจ ว่าเหตุใดท่านเนปจูนถึงได้พัฒนาผนึกนิรันดร์ขึ้นมา” พลูโตกล่าวพร้อมกับนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เขาเคยพูดคุยกับเนปจูนเรื่องผนึกนิรันดร์

    “แบบนี้เจ้าหนุ่มนั่นก็เข้าใกล้วิถีแห่งผู้ทำลายได้ง่ายขึ้นไปอีก ข้าว่าพวกเราคิดถูกแล้วที่นำสมบัติของเขาออกมาก่อน” อิซะนะมิกล่าว

    “จะเกิดขึ้นมาจริงๆหรือนี่ ผู้ทำลายนี่น่ะ” พลูโตกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วจ้องมองเข้าไปที่จอภาพต่อไป

     

    “เกิดอะไรขึ้น? สไลปรู้มั้ย” ชายหนุ่มหัวฟูถามขึ้นมาเมื่อเจ้าอสูรดำสงบลงไป พร้อมๆกับแขนซ้ายของเขาที่เปลี่ยนเป็นสีดำตั้งแต่ไหล่จนถึงข้อศอกที่ด้วนไป

    “ไม่ทราบครับ นี่เป็นข้อมูลที่นอกเหนือจากระบบพื้นฐานของเกมตามปกติ ผมคาดว่ามันเกิดจากอุปกรณ์ที่เป็นฝีมือของผู้เล่นแน่ๆ” พ่อบ้านเสียงนุ่มกล่าว เพราะเรื่องอุปกรณ์ทั้งหลายที่เกิดจากฝีมือของช่างตีเหล็กนั้นเป็นเรื่องนอกเหนือจากความรู้ของเกมตามปกติ ดังนั้นพ่อบ้านจึงไม่รู้นั่นเอง

    “อืม ทั้งๆที่เมื่อกี๊ยังอาละวาดอยู่เลย หรือว่ามันจะตายไปแล้วนะ ...แต่แขนสีดำนี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย” มาตาร์สันนิษฐานพร้อมกับตั้งข้อสงสัย

    “มันจะเป็นไปได้มั้ยครับ ที่เดียมอนจะแฝงอยู่ในแขนซ้ายของคุณแอฟโร” พ่อบ้านพูดถึงเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด

    “หา? สัตว์อสูรแฝงอยู่ในร่างของผู้เล่นเนี่ยนะ เกมนี้มันจะพิลึกเกินไปแล้วมั้งสไลป มันจะเป็นไปได้ยังไง ...เอ๋!!?” มาตาร์พูดพร้อมกับเปิดเมนูดูข้อมูล แล้วเขาก็ต้องตกใจ

    เดียมอน (ผนึก)

    ระดับ 1000

    ประสบการณ์ 1000/1000

    พลังชีวิต 150/150

    พลังวิญญาณ -/-

    โจมตี 0

    ป้องกัน 0

    สะท้อน 0

    พลังกาย

    -/-

    สมาธิ

    -/-

    ความคล่องตัว

    -/-

    พลังจิต

    -/-

    ความอึด

    -/-

    โชค

    -/-

    ทักษะติดตัว กิน
    (ผนึก)

    ดูดกลืนสิ่งไม่มีชีวิต แล้วนำออกมาใช้งานได้ ก่อนที่สิ่งของนั้นจะถูกย่อยจนหมด

     

    ในรายชื่อผู้ติดตามของเขา มีชื่อของเดียมอนเพิ่มขึ้นมา แถมค่าสถานะทั้งหมดยังคล้ายกับพ่อบ้านก่อนจะมีร่างเป็นโมโนไบค์ด้วย และยังมีระดับตัวละครที่สูงถึง 1000 อีกต่างหาก

     “อะไรเนี่ย? เจ้าดำนั่นมันกลายเป็นผู้ติดตามของผมได้ยังไง” มาตาร์เอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจ

    “คงเป็นอย่างที่ผมคาดนั่นแหละครับ ตอนนี้เดียมอนถูกผนึกอยู่ในแขนซ้ายของคุณแอฟโรแล้ว ดูแล้วสถานะไม่แตกต่างกับผมเลย ค่าความภักดีไม่มี คงจะเป็นวิญญาณติดตามแบบเดียวกับผมนั่นแหละครับ” พ่อบ้านเสียงนุ่มเอ่ยออกมา

    “แบบเดียวกับสไลป? หมายความว่าไงเนี่ย เป็นผู้ติดตามที่ไม่มีร่างกายเนี่ยเหรอ?” มาตาร์คิดถึงสิ่งที่น่าหนักใจขึ้นมาถ้าเจ้าเดียม่อนไม่มีร่างกาย แปลว่ามันต้องสิงอะไรสักอย่างอยู่น่ะสิ

    “อืม ...คุณแอฟโรลองเปิดดูภารกิจขึ้นมาดูสิครับ” ดูเหมือนพ่อบ้านจะคิดอะไรขึ้นมาได้จึงแนะนำให้มาตาร์ลองเปิดดูภารกิจที่ได้รับมา

    “อืม ... ... อ๋า! ไม่มีอ้ะ ไม่มีภารกิจอะไรเหลือเลย ภารกิจอวัยวะเทียมหายไปแล้วด้วย” มาตาร์พอจะเดาออกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทำไมเจ้าเดียมอนถึงกลายเป็นผู้ติดตาม

    “แปลว่าระบบคิดว่าคุณแอฟโรจับเดียมอนมาทำเป็นแขนแล้ว ตอนนี้แขนของคุณแอฟโรคือที่อยู่ของเดียมอน และจากกฏที่ว่าห้ามผู้ติดตามบังคับร่างของผู้เล่น ดังนั้นเดียมอนจึงดูดกลืนร่างของคุณแอฟโรไม่ได้ เพราะถ้าเดียมอนดูดกลืนร่างคุณแอฟโรเข้าไปจะถือว่าเป็นการบังคับร่างของผู้เล่น ผมคิดว่าความสามารถดูดกลืนของเดียมอนคงจะสูญเสียไปเลยนั่นแหละครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เดียมอนย้ายร่างออกไปด้วย” พ่อบ้านพูดออกมาโดยใช้การอ้างอิงกฏต่างๆของเกมที่เขามีข้อมูล

    “เอ้อ ...แต่แขนผมยังด้วนอยู่นะสไลป” มาตาร์ก็ยังข้องใจอยู่ดี ถ้าบอกว่าสำเร็จภารกิจแล้ว ไหงแขนยังด้วนเหมือนเดิม

    “คงมีวิธีพิเศษในการเรียกใช้งานเดียมอนกระมังครับ” พ่อบ้านสันนิษฐาน เพราะเรื่องระบบของเดียมอนนั้นเกิดจากการผสมผสานของอุปกรณ์หลายอย่างจากช่างตีเหล็กหลายคน

    เดิมทีแล้ววัลแคนชายผมขาวซึ่งเป็นผู้ผนึกเดียมอนฉีดลิฟวิ่งเมทัลใส่ร่างของเดียมอน เพื่อให้ลิฟวิ่งเมทัลมีคุณสมบัติในการดูดกลืนอาวุธต่างๆ เพื่อสร้างอาวุธที่พัฒนาตัวเองได้เปลี่ยนร่างได้ แต่กลับไม่ได้ผล เพราะกลายเป็นว่าวิญญาณของเดียมอนโดนผนึกไปด้วย และความสามารถในการดูดกลืนของเดียมอนและพัฒนาตัวเองของลิฟวิ่งเมทัลยังไปตีกันเองอีก ส่งผลให้ลิฟวิ่งเมทัลที่มีเดียมอนอยู่ไร้ประสิทธิภาพขึ้นมา

    แต่หลังจากที่บล็อคร์ใส่ผลึกวิญญาณที่มีคุณสมบัติดูดกลืนพลังวิญญาณ ปราณ พลังจิต และพลังเวทลงไปแล้ว วิญญาณของเดียมอนก็ตื่นขึ้นมาจากการถูกผนึก และเริ่มดูดกลืนได้ทันที แต่ก็ยังมีจุดอ่อนตรงที่ต้องได้รับพลังอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ไม่ใช่การตื่นที่สมบูรณ์

    และหลังจากที่มาตาร์โยนผนึกนิรันดร์เข้าใส่ร่างของเดียมอน คราวนี้เดียมอนกลับโดนผนึกหนาแน่นขึ้นไปอีก เมื่อร่างของมันประกอบไปด้วย ผนึกนิรันดร์ที่ขังมันเอาไว้ให้ตัดขาดจากโลกภายนอก ผลึกวิญญาณที่ดูดกลืนพลังพิเศษได้ และลิฟวิ่งเมทัลที่ซ่อมแซมและพัฒนาตัวเองได้ ...แต่มาตาร์ไม่รู้ข้อมูลพวกนี้เลย เขารู้แค่เพียงว่าเดียมอนเป็นอสูรที่ร้ายกาจและถูกผนึกในแขนเขาเท่านั้นเอง

    “ลองเรียกมันออกมาดูดีมั้ยสไลป มันจะกัดผมรึเปล่าเนี่ย” มาตาร์ยังไม่แน่ใจในความปลอดภัย

    “...” พ่อบ้านไม่ตอบคำ

    “หืม?” มาตาร์สงสัยขึ้นมาว่าทำไมจู่ๆพ่อบ้านของเขาจึงเงียบไป

    แต่แล้วชายหนุ่มผมฟูก็เข้าใจ เมื่อมีเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นมา

    “เฮ่แอฟโร! น้องจัดการเจ้าตัวดำนั่นไปแล้วเหรอ” ชายร่างอ้วนทักขึ้นมาเมื่อเห็นว่าภายในห้องสมบัติไม่มีร่องรอยของเจ้าเดียมอนอยู่แล้ว

    “อยู่ๆมันก็หายไปครับ ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน” มาตาร์ตอบกลับยิ้มๆ ลืมไปเลยว่าเจ้าอ้วนนี่ยังไม่ตาย มันจะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย

    “แล้วแขนของน้องทำไมถึงกลายเป็นสีดำอย่างนั้นล่ะ เจ้าตัวดำนั่นทำอะไรลงไปเหรอ หรือว่ามันกลายเป็นแขนของน้องไปแล้ว” ทินนี่ร่างอ้วนถามขึ้นมากลางปล้องทันที

    “ผมโดนเจ้าดำนั่นโจมตีที่แขนน่ะครับ มันคงจะมีพิษนั่นแหละ แขนผมก็เลยเป็นสีดำแบบนี้” มาตาร์แถไปเรื่อยๆ

    ปุ้ง! พรึบบ!!

    กระสุนแหถูกยิงออกมาจากร่างของชายร่างอ้วนทันที พร้อมกับคลุมร่างของชายหนุ่มหัวฟูเอาไว้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “อะไรกันเนี่ยพี่ทินนี่! มาจับผมเอาไว้ทำไม!” ชายหนุ่มหัวฟูร้องออกมาอย่างตกใจ

    “โกหกไม่เนียนเลยนี่แอฟโร ข้าเห็นหมดทุกอย่างนั่นแหละ ตอนที่แกเปลี่ยนร่างและตอนที่สู้กับเจ้าดำนั่น และตอนที่เจ้าดำนั่นเข้าไปอยู่ในแขนของแก” ทินนี่เลิกใส่หน้ากาก

    “แล้วแกมาจับชั้นไว้ทำไมเล่า” มาตาร์ก็เลิกใส่หน้ากากเมื่อเห็นว่าไม่จำเป็นอีกแล้ว

    “ก็แค่ความอยากรู้อยากเห็นของช่างตีเหล็กนั่นแหละ ถ้าได้ศึกษาแขนของแก บางทีข้าอาจจะสร้างอะไรเจ๋งๆออกมาก็ได้ ใครจะรู้” ทินนี่ร่างอ้วนกล่าว

    “เดียมอน!!” มาตาร์ตะโกนเรียกชื่ออสูรดำที่ถูกผนึกในแขนของเขาทันทีโดยหวังว่ามันจะตื่นขึ้นมาแล้วอาละวาดอีกครั้ง เพราะตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะไปต่อกรกับชายร่างอ้วนนี้ได้แล้ว พลังงานจากโมโนไบค์ก็เพิ่งจะหมดลงไปจะคืนร่างก็ไม่ได้

    ฟิ้ว! ตุบ!

    ทินนี่ได้ยินชายหนุ่มหัวฟูตะโกนเรียกเจ้าตัวดำก็กระโดดถอยออกมาทันทีด้วยความตระหนก

    “...”

    “...”

    แต่ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างของชายหนุ่มหัวฟูก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    ผัวะ! อึ้ก!!

    “ไอ้บ้า! ตกใจหมด” ทินนี่ตะคอกพร้อมกับใช้ด้ามปืนกระแทกเข้าใส่ร่างของใส่ชายหนุ่มหัวฟู

    “อูยย” ชายหนุ่มหัวฟูครางออกมาด้วยความเจ็บปวด ตกลงไอ้แขนนี่มันทำอะไรได้มั่งวะเนี่ย หรือว่าแค่เรียกชื่อมันจะไม่ออกมา

    หลังจากนั้นชายร่างอ้วนก็สำรวจไปจนทั่วห้องสมบัติ แล้วเก็บเอาสมบัติทั้งหมดทยอยใส่กระเป๋าของเขา ปล่อยให้ร่างของชายหนุ่มหัวฟูถูกคลุมแล้วก็มัดด้วยแหชนิดพิเศษอย่างแน่นหนา

    วูม!

    ระหว่างนั้นมาตาร์ก็ลองใช้ทั้งปราณ เวท และพลังจิตใส่ลงไปในแขนสีดำของเขาอย่างรีบร้อน

    วูบบ!!

    แล้วเมื่อชายหนุ่มผมฟูใส่พลังทั้งสามอย่างลงไปพร้อมกัน พลังของเขาก็เหมือนถูกดูดออกไปทันที

    “แก! บังอาจจับข้ามาขังเอาไว้เหรอ!!” เสียงเจ้าอสูรดำดังขึ้นทันที

    “เฮ่ย! ตื่นขึ้นมาจริงๆด้วย” มาตาร์อุทานออกมาอย่างตกใจเพราะแขนที่สงบนิ่งอยู่ส่งเสียงออกมาได้

    ” แต่แล้วเจ้าอสูรดำก็เงียบลงไปอีก พร้อมๆกับพลังวิญญาณอันน้อยนิดของชายหนุ่มผมฟูที่หมดสิ้นลง

    “อ้าว?” มาตาร์รู้สึกแปลกใจที่จู่ๆเจ้าอสูรดำนั่นก็เงียบไป

    วูบ!

    เขาจึงใส่พลังลงไปอีกครั้ง หลังจากที่พลังทั้งหลายฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

    “แก ทำอะไรเนี่ย ทำไมร่างกายของข้าถึงเป็นแบบนี้...” เจ้าอสูรดำพูดออกมาอีกนิด แล้วมันก็เงียบลงไปอีกเพราะพลังวิญญาณของชายหนุ่มหัวฟูที่หมดลง

    “ทำไมพลังของแกถึงหมดง่ายอย่างนี้ฟะ ยังไม่ทันทำอะไรเลยนะเว่ย!!...” แล้วเจ้าอสูรดำก็พูดๆหยุดๆจากพลังวิญญาณที่ไม่สมประกอบของชายหนุ่มหัวฟูนั่นเอง

    “บัดซบ! ทำไมข้าถึงได้ซวยแบบนี้!...

    “แกตายย!!...

    “ตายซะ!!...

    “ตาย!!...”

    “...”

    “...”

    “อ้าว? ทำไมไม่พูดอีกล่ะ” ชายหนุ่มหัวฟูสงสัยขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเจ้าเดียมอนเลิกพูดแล้วทั้งๆที่มันก็ตื่นขึ้นมา ...อีกครั้ง

    “ฮ่าๆๆๆ ตกลงเจ้าดำนั่นถูกผนึกจริงๆสินะ แถมยังทำอะไรไม่ได้ด้วย” ทินนี่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วจึงรู้สึกวางใจขึ้นเยอะ ดูเหมือนว่าเจ้าเดียมอนจะไร้พลังไปเสียแล้ว ถูกผนึกในแขนของผู้เล่น แถมมีเวลาออกมาไม่ถึงสองวินาทีด้วยซ้ำก็ต้องโดนผนึกอีก

    เนื่องจากพลังวิญญาณ ปราณ และพลังจิตของมาตาร์ในร่างไรเดอร์มีแค่ 150 ซึ่งเดียมอนก็ทำการสูบพลังไปรวดเดียวทันทีที่มันตื่นขึ้นมา ส่งผลให้ระยะเวลาในการคงสภาพอยู่ได้เพียงวินาทีกว่าๆเท่านั้นเอง แถมสถานะยังถูกจำกัดจากเข็มขัดไรเดอร์อีกด้วย

    “นี่เจ้าดำ ชั้นมีพลังวิญญาณนิดเดียว ไม่พอที่แกจะทำอะไรหรอก มาร่วมมือกับชั้นดีกว่าน่า” มาตาร์กระซิบขึ้นมาหลังจากที่ใส่พลังลงไปที่แขนอีกรอบ

    “อย่าดูดพลังเยอะสิ ดูดทีละน้อยๆ จะได้อยู่ได้นานขึ้น ...แต่เดาเอาว่าแกอาจจะอ่อนแอลงนิดหน่อยล่ะนะ ฮึๆๆ” มาตาร์กระซิบขึ้นมาอีกหลังจากที่อัดพลังใส่แขนอีกรอบ

    และแล้วหลังจากที่พลังวิญญาณฟื้นขึ้นมาอีกรอบ ชายหนุ่มหัวฟูก็ใส่พลังลงไปที่แขนอีก แต่คราวนี้มันกลับไม่ถูกดูดหมดไปรวดเดียว แต่ค่อยๆลดลงทีละน้อย

    “อืมดีมาก แกสามารถสร้างร่างกายขึ้นมาได้มั้ยเนี่ย” มาตาร์กระซิบบอกแขนของเขาอีกครั้ง

    “อะไรเนี่ย! ข้าสร้างร่างขึ้นมาไม่ได้” แขนซ้ายของมาตาร์ส่งเสียงกระซิบกระซาบตอบกลับมา

    “แล้วดูดกลืนไอ้แหนี่ล่ะ ทำได้มั้ย” มาตาร์ยังจำได้ว่าเจ้าเดียม่อนมีทักษะอันหนึ่งที่สามารถดูดกลืนสิ่งไม่มีชีวิตเหลืออยู่

    หยุบ หยับ

    แล้วแหบริเวณรอบๆแขนซ้ายของชายหนุ่มหัวฟูก็ค่อยๆหายไปทีละน้อย แล้วพลังวิญญาณของชายหนุ่มหัวฟูก็หมดลงอีก

    อ้า จะมีแขนทั้งทียังไม่สมประกอบเลยเว้ย แขนพูดได้ แถมหลับๆตื่นๆอีก มาตาร์คิดขึ้นมาในใจอย่างเซ็งๆ

    หลังจากนั้นสามนาที แหคลุมร่างกายของชายหนุ่มหัวฟู ก็ถูกแทรกซึมจนหมด ซึ่งเจ้าเดียมอนก็ฉลาดพอที่จะปล่อยสภาพของแหนั้นให้ดูเหมือนมันยังมัดร่างของชายหนุ่มหัวฟูเอาไว้อยู่

    “โอเค แกหลับไปเลย ที่เหลือชั้นจัดการเอง” ชายหนุ่มแอฟโรกระซิบเบาๆ พร้อมกับเริ่มอัดพลังใส่หมัดขวาเตรียมปล่อยไม้ตายของเขาทันทีที่เป้าหมายเข้ามาใกล้

    “เอ้า! ไปกันได้แล้ว” ทินนี่พูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ร่างของชายหนุ่มหัวฟู เมื่อเขาเก็บสมบัติที่เขาต้องการทั้งหมดจากห้องสมบัตินี้เรียบร้อยแล้ว

    ดี เข้ามาเลยเจ้าอ้วน มาตาร์คิดขึ้นมาอย่างลุ้นระทึก เพราะโอกาสลงมือคงมีไม่เยอะนัก

    ปุ้ง! ฟวับ! ฟิ้ว!

    แต่แล้วกระสุนแหก็ถูกยิงออกมาอีกนัดหนึ่ง มาตาร์เห็นดังนั้นจึงรีบกระโดดหลบออกไปทันที

    “แกนึกว่าข้าจะหลงกลลูกไม้หลอกเด็กอย่างนั้นเหรอ!” ชายร่างอ้วนพูดขึ้นมาขณะที่เห็นว่าชายหนุ่มหัวฟูสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแม้จะดูเหมือนว่าถูกแหคลุมไว้ก็ตาม

    เจ้าอ้วนนี่มันฉลาดกว่าที่คิดแฮะ มาตาร์คิดขึ้นมาพร้อมกับฉีกแหที่คลุมร่างของเขาออกไปทันที

    ปัง! ปัง! ปัง!

    กระสุนปืนวิ่งออกมาจากชายร่างอ้วนหลายนัด ทำเอามาตาร์ต้องหลบเป็นพัลวัน

    ฟิ้ว! ตูม! ตูม! ตูม!

    หมัดยกกำลังของชายหนุ่มหัวฟูถูกปล่อยสวนออกไปเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ แล้วมันก็ระเบิดต่อเนื่องกันขึ้นมากลางอากาศ ส่งผลให้อากาศโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง

    “อุ๊บส์!!” ชายร่างอ้วนอุทานออกมาพร้อมกับยกแขนขึ้นป้องกันแรงกระแทกที่เหมือนระเบิดลูกนั้น

    และเมื่อทินนี่หันกลับไปมองอีกที ภายในห้องสมบัตินั้นก็ว่างเปล่าเสียแล้ว

     

    สู้ไม่ได้ก็หนีสิฟะ แถมไม่รู้จะสู้กับมันไปทำไมด้วย ชายหนุ่มหัวฟูคิดขึ้นมาเมื่อเขาพุ่งออกจากห้องสมบัติสู่ภายในร่างกายของโมบี้ดิ๊กอีกครั้ง

    “คุณแอฟโรจะทำยังไงต่อไปครับ” เสียงนุ่มๆถามขึ้นมาหลังจากที่ปราศจากร่างของผู้เล่นคนอื่นใกล้ๆ

    “ตามหาเนปจูน มันต้องเอาคลาร่า โมเรน่า กับบราวนี่ไปไว้ที่อื่นแน่เลย” มาตาร์ยังไม่ลืมว่าเขาควรจะทำอะไรก่อน

    ถึงทั้งสามสาวจะไม่อยู่ในห้องสมบัติ แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ในร่างของโมบี้ดิ๊กนี้ แถมเขายังเดินไปไม่ครบทุกห้องด้วย จึงสรุปไม่ได้ว่าเจ้าเนปจูนเจ้าของปราสาทเคลื่อนที่แห่งนี้จะไม่อยู่ในนี้

    “ขอซัดมันให้หายแค้นแล้วทวงน้องสาวคืนซะหน่อยเหอะ” ชายหนุ่มหัวฟูพูดออกมาด้วยสายตาที่มุ่งมั่น แล้วก็ผจญภัยต่อไปในร่างอันมหึมาของโมบี้ดิ๊กนี้

     

    จริงๆ ระบบของเดียมอนยังคิดออกมาไม่สมบูรณ์ ก็เลยช้าหน่อยน่ะครับ เพราะไม่อยากจะเขียนอะไรออกมาแล้วต้องมานั่งแก้ทีหลัง เอาเท่าที่คิดว่ามันแน่นอนไปก่อนนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×