คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #148 : บทที่143: แสงไฟในความมืด
บทที่143 แสงไฟในความมืด
“อะไรกันลุง ผมบอกให้ลุงสร้างหุ่นยนต์ยักษ์ไม่ใช่เหรอไง ไหงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ” ชายหนุ่มหัวส้มในชุดแดงบ่นขึ้นมาเมื่อเห็นยานพาหนะสี่ล้อเปิดประทุนคันหนึ่งตรงหน้า
“ขอโทษด้วยนะ แต่ว่าด้วยทรัพยากรที่มี นี่เป็นสิ่งของที่ดีที่สุดเท่าที่ลุงจะสร้างได้แล้ว แถมนี่มันไม่ใช่รถธรรมดาๆหรอกนะ วัสดุที่ใช้ก็ไม่ธรรมดาด้วย” ชายวัยกลางคนผมสั้นสีขาวพูดขึ้น
“ไม่ธรรมดายังไงคะ” หญิงสาวชุดชมพูถามขึ้นมา
“มันคือรถประกอบร่างไงล่ะ” ชายผมขาวเฉลย
“รถประกอบร่าง!!!” ชายหนุ่มสองคนหญิงสาวหนึ่งคนและกะเทยอีกหนึ่งคนประสานเสียงขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“อืม จะว่าไปรถประกอบร่างก็เท่เหมือนกันนะฮ้า” กะเทยชุดบานเย็นพูดขึ้นมาให้เพื่อนๆในกลุ่มฟัง
“แถมทีมของเรายังเพิ่งตั้ง มันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปแบบนี้แหละ ถ้าเกิดได้ของเจ๋งสุดยอดมาตั้งแต่แรก มันก็ไม่มีอะไรให้ลุ้นกันตอนหลังน่ะสิ” ชายชุดฟ้ากล่าวอย่างครุ่นคิด
“โอเคลุง แล้วมันประกอบอะไรยังไงล่ะเนี่ย” ชายหนุ่มชุดแดงถามขึ้นมา
“มันแยกเป็นโมโนไบค์ได้สี่คันไงล่ะ เห็นมั้ยล่ะ ว่ามันมีสี่ล้อน่ะ” ชายผมขาวกล่าวพร้อมชี้ให้ดูจุดเชื่อมต่อ
“โอ้วว!! อย่างนี้ก็เท่ากับว่าพวกเรามีโมโนไบค์กันทุกคนสินะ” ชายหนุ่มชุดแดงกล่าวอย่างตื่นเต้น
“แล้วที่ลุงบอกว่าวัสดุที่ใช้ไม่ธรรมดาล่ะคะ” หญิงสาวชุดชมพูถามขึ้นมา เธอพยายามเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุดจะได้ไม่พลาดข้อมูลสำคัญไป
“มันก็คือโลหะมีชีวิต หรือเรียกทับศัพท์ว่าลิฟวิ่งเมทัลไงล่ะ” ชายวัยกลางคนกล่าว
“ลิฟวิ่งเมทัล!?” หนุ่มสาวและกะเทยทั้งสี่ประสานเสียงขึ้นมาอีกหลังจากได้ยินชื่อที่พวกเขาไม่รู้จัก
“มันคืออะไรเหรอครับ ไอ้ลิฟวิ่งเมทัลเนี่ย” ชายหนุ่มชุดดำที่ยืนอยู่วงนอกถามขึ้นมาบ้าง
“ก็ตามชื่อนั่นแหละ โลหะที่มีชีวิตไงล่ะ แต่ไม่ใช่ว่ามีชีวิตจริงๆหรอกนะ แต่เสมือนมีชีวิตน่ะ” ชายวัยกลางคนตอบ
“แล้วมันมีคุณสมบัติพิเศษยังไงเหรอคะ หรือว่าเจริญเติบโตได้ โมโนไบค์ของพวกหนูก็จะกลายเป็นยานอวกาศได้แบบนี้รึเปล่าคะ” หญิงสาวชุดชมพูถามด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนังหนู ลิฟวิ่งเมทัลมีคุณสมบัติซ่อมแซมตัวเองได้น่ะ แล้วก็ถ้ากระตุ้นให้ถูกวิธีบางครั้งก็เปลี่ยนรูปร่างได้นิดหน่อย ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ใช้หรือสิ่งที่มันรวมร่างด้วยเป็นหลักน่ะ” ชายวัยกลางคนตอบ
“ก็คือ โมโนไบค์รวมร่างนี้ ก็ยังคงเป็นโมโนไบค์รวมร่าง แต่มันอาจจะมีรูปร่างเปลี่ยนไป และถ้ามันบุบหรือเสียทรง มันก็กลับมาอยู่ในรูปเดิมได้ด้วยตัวเองสินะครับ” ชายหนุ่มชุดฟ้าทบทวนสิ่งที่เขารับรู้ว่าถูกต้องหรือไม่
“อืมใกล้เคียง แต่การบุบหรือเสียทรงเนี่ยมันน้อยไปหน่อย แม้จะขาดเป็นชิ้นๆ แต่ถ้าชิ้นส่วนครบมันก็ยังซ่อมแซมตัวเองได้นะ” ชายผมขาวให้ข้อมูลเพิ่ม
“โอ้โฮ อย่างนี้พวกเราก็เหมือนได้รถที่เป็นอมตะมาในครอบครองน่ะสิฮ้า” กะเทยชุดบานเย็นพูดขึ้นมาอย่างยินดี
“ก็เป็นอย่างนั้นแหละ” ชายวัยกลางคนกล่าว
“อืม ...แต่ว่ามีสิ่งที่พวกเราอยากได้อีกหน่อยนึงนะลุง” ชายหนุ่มชุดแดงกล่าว
“อะไรเหรอ?” ชายวัยกลางคนถามขึ้นมา
“พอจะดัดแปลงโมโนไบค์ของกราไฟต์ให้เข้ากับของพวกเราด้วยได้มั้ยลุง แล้วก็ทำให้มันกลายเป็นลิฟวิ่งเมทัลเหมือนกันด้วย” ชายหนุ่มชุดแดงเรียกร้อง
“ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ ผมใช้โมโนไบค์แบบเดิมๆก็ได้” ชายหนุ่มชุดดำกล่าวขึ้นมาอย่างเกรงใจ
“ไม่ได้ๆ ถ้าโมโนไบค์ของนายมันแหกคอกอยู่คนเดียวแล้วมันจะเหมือนทีมเดียวกันได้ยังไงเล่า” ชายหนุ่มชุดแดงย้อน
“แล้วก็เรื่องที่สำคัญที่สุดเลยนะลุง” ชายหนุ่มชุดแดงหันกลับมาพูดกับชายวัยกลางคนอีก
“อะไรอีกล่ะ” ชายวัยกลางคนสงสัย
“สีไงล่ะ โมโนไบค์สี่คันที่มีสีซ้ำกันแบบนี้จะแยกออกได้ยังไงว่ามันเป็นของใคร ทำไมลุงไม่ถามก่อนประกอบมันขึ้นมานะ” ชายหนุ่มชุดแดงกล่าวจริงจัง
“...” ชายวัยกลางคนเงียบไปทันที เขานึกว่าเรื่องมันจะร้ายแรงกว่านี้เสียอีก
“ทำให้พวกเราได้มั้ยคะ” หญิงสาวชุดชมพูขอร้อง
“อืม ได้เลย ถือว่ารางวัลที่พวกเธอควรจะได้รับยังไม่เรียบร้อยละกัน จะเพิ่มลิฟวิ่งเมทัลลงไปในโมโนไบค์คันนี้ แล้วก็ทำสีคันที่เหลือนะ จะเอาสีอะไรบ้างล่ะ” ชายวัยกลางคนถามความต้องการของกลุ่มชายหญิงเจ้าของรางวัล
“สีแดง” ชายหนุ่มชุดแดงพูดขึ้นมาก่อน
“ฟ้าครับ” ชายหนุ่มชุดฟ้าพูดบ้าง
“บานเย็นฮ่ะ” กะเทยชุดบานเย็นตอบ
“สีชมพูอ่อนค่ะ” หญิงสาวชุดชมพูเรียกร้อง
หลังจากนั้นชายวัยกลางคนก็นำพาหานะสี่ล้อคันนั้น แยกออกมาเป็นสี่ส่วน แล้วก็ทำสีแต่ละส่วนให้เป็นสีตามที่กลุ่มชายหญิงพวกนั้นต้องการ และก็เริ่มหลอมโลหะชิ้นหนึ่งที่ใหญ่เท่าฝ่ามือให้กลายเป็นของเหลว โดยมีชายหญิงทั้งห้าคนคอยดูอยู่ไม่ห่างเพื่อที่จะได้สั่งงานได้โดยละเอียด
“อะไรนะลุง” ชายหนุ่มชุดแดงถามขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้าโลหะเหลวนั้น
“ลิฟวิ่งเมทัลไงล่ะ” ชายวัยกลางคนตอบ
“หืม ใช้แค่นั้นเองเหรอลุง” ชายหนุ่มชุดแดงถามขึ้นมาอีก
“ปริมาณแค่นี้ก็ใช้กับโมโนไบค์คันนึงได้เหลือเฟือ” ชายผมขาวตอบกลับ
“โห แปลว่ามันเป็นของที่ดีแล้วก็ประหยัดมากเลยสินะ มันมีขายในเมืองบ้างมั้ยลุง ถ้าผมจะเอาไปทำอาวุธนี่จะดีมั้ย” ชายหนุ่มชุดแดงถามขึ้นมาอีก
“ไม่มีขายหรอก เจ้าลิฟวิ่งเมทัลนี่เป็นของหายากที่ลูกศิษย์ของลุงสร้างขึ้นมาน่ะ” ชายวัยกลางคนตอบ
“หา? ลุงมีลูกศิษย์ด้วยเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มชุดแดงสงสัย
“หมายถึงพวกที่เรียนวิชาเพื่อที่จะเป็นช่างตีเหล็กสินะครับ” ชายหนุ่มชุดฟ้ายิงคำถาม
“ใช่แล้วล่ะ เมื่อสองร้อยปีที่แล้วล่ะมั้ง ที่ไอ้หนุ่มนั่นมาเรียนวิชาจากลุงน่ะ” ชายวัยกลางคนระลึกความหลัง
“จะบ้าเหรอลุง เวลาในเกมมันเพิ่งผ่านมา 197 ปี จะเป็นสองร้อยปีก่อนได้ไง จำผิดแล้วล่ะ” ชายชุดแดงทักท้วง
“เอ้อ ...งั้นเอาเป็นเมื่อร้อยห้าสิบปีก่อนละกัน ลุงเองก็จำปีที่ละเอียดไม่ได้แล้วล่ะ แต่เจ้าลูกศิษย์ตัวดีของลุงก็เอาไอ้ลิฟวิ่งเมทัลนี่มาให้เมื่อประมาณร้อยปีก่อนนี่แหละ บอกว่าให้เป็นของขวัญที่ช่วยสอนวิชาให้ จะเอาไปทำอะไรก็ตามใจ” ชายวัยกลางคนระลึกความหลังอีก
“อืม ช่างเป็นลูกศิษย์ที่กตัญญูดีจังนะคะ” หญิงสาวชุดชมพูกล่าว
“อื้ม ฝีมือก็ดีมากด้วยล่ะ ได้ยินว่าตอนนี้มีแต่คนตามหาตัวเจ้านั่นเพื่อให้สร้างอะไรต่อมิอะไรให้น่ะ เป็นช่างตีเหล็กที่ดังพอตัวเชียวล่ะ” ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างภูมิใจ
“งั้นก็แปลว่าฝีมือของลูกศิษย์ลุงเหนือกว่าลุงไปแล้วสินะ” ชายหนุ่มชุดแดงถามจี้เข้าไป
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเป็นแค่ NPC ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมาเท่านั้น แต่ลูกศิษย์ลุงเป็นผู้เล่นที่มีอิสระในการพัฒนาฝีมือ ยิ่งนานวันเข้าพวกผู้เล่นทั้งหลายก็ยิ่งมีฝีมือทิ้งห่างพวกช่างตีเหล็กของระบบไปไกลทุกที” ชายวัยกลางคนกล่าวเรียบๆ
“งั้นลูกศิษย์ของลุงก็อาจจะสร้างหุ่นยนต์ยักษ์ให้พวกเราได้สินะฮ้า” กะเทยชุดบานเย็นพูดขึ้นมาอย่างมีความหวัง
“จะอะไรหมอนั่นก็สร้างได้ทั้งนั้นแหละ เผลอๆจะสร้างดาวขึ้นมาได้ทั้งดวงด้วยซ้ำ ถ้ามันมีวิตถุดิบพอล่ะก็” ชายวัยกลางคนกล่าวพร้อมกับเทโลหะเหลวที่เตรียมได้ที่ลงไปบนตัวโมโนไบค์สีดำ
“แล้วลูกศิษย์ลุงชื่ออะไรล่ะคะ แล้วลักษณะเป็นยังไง จะได้จำไว้ เผื่อเจอจะได้ลองขอร้องดู” หญิงสาวชุดชมพูเตรียมจดข้อมูล
“ลูกศิษย์ลุงชื่อวัลแคนน่ะ เป็นไอ้หนุ่มหน้าตายที่ไว้ผมยาวประบ่าสีขาว” ชายวัยกลางคนกล่าว
“อ๊ากก!!” อสูรดำร้องขึ้นมาด้วยความทรมาน เพราะของเหลวสีเงินที่ถูกฉีดเข้าใส่ร่างกายของมัน
“อืม ทนหน่อยนะ เดี๋ยวแกก็จะไม่รู้สึกอะไรแล้วล่ะ ...ถ้าชั้นคาดการณ์ไม่ผิดนะ ฮึๆๆ” ชายหนุ่มผมขาวยาวประบ่าพูดขึ้นมาเรียบๆพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“แก!!” อสูรดำแค่นเสียงพร้อมกับพยายามขยับร่างกายของมันเพื่อจะเข้ามาทำร้ายชายหนุ่มผมขาวทันที
ยวบ! เผละ!
แต่แล้วร่างกายของมันกลับหลอมเหลวออกมาและหลุดออกเป็นชิ้นๆกองอยู่บนพื้นแทน
“อืม ชิ้นส่วนที่รวมกับลิฟวิ่งเมทัลไม่ได้สินะ” ชายหนุ่มผมขาวมองผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเรียบๆ
“อ๊า ...คร่อก.!!” เจ้าอสูรดำพยายามแผดเสียงออกมาอีก แต่ใบหน้าและปากของมันก็เริ่มหลอมเหลวจนส่งเสียงไม่ออกแล้ว
“อื้ม ...ส่งเสียงร้องไม่ออก แปลว่าไม่เจ็บแล้วใช่มั้ยล่ะ” ชายหนุ่มผมขาวใช้ตรรกะของเขากับเจ้าอสูรดำ ซึ่งดูอย่างไรมันก็ไม่น่าจะใช่อาการที่ไม่บาดเจ็บได้เลยเมื่อร่างกายค่อยๆหลอมเหลวและหลุดออกมาเป็นชิ้นๆแบบนี้
เผละ! เผละ!
สุดท้ายแล้วร่างของเจ้าอสูรดำก็หลอมไปหมด ทิ้งไว้เพียงเศษเนื้อเหลวๆสีดำที่กระจายอยู่ทั่วไปเท่านั้น
“อืม สำเร็จมั้ยหว่า หรือว่าจะล้มเหลวอีกแล้วน้า” ชายหนุ่มผมขาวกล่าวเรียบๆพร้อมกับใช้ไม้เขี่ยเศษเนื้อพวกนั้นไปมา
แก็ก!
และแล้วปลายไม้ของชายหนุ่มก็กระทบกับของแข็งชิ้นหนึ่งภายในกองเศษเนื้อนั้น
“อ้า เจอแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับเขี่ยเศษเนื้อทั้งหมดออกไป
มันคือก้อนโลหะสีเงินที่มีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือเลย เหมือนก้อนหินเล็กๆก้อนหนึ่งเท่านั้นเอง
ชายหนุ่มใช้คีมเหล็กคีบมันขึ้นมา แล้วเจ้าก้อนโลหะนั้นก็เชื่อมเข้ากับคีมเหล็กจนเป็นเนื้อเดียวกันทันที
“โอ๊ะ!!” ชายหนุ่มอุทานขึ้นมาพร้อมกับปล่อยคีมออกจากมือทันที แล้วใช้พลังจิตของเขายกก้อนโลหะนั้นขึ้นมาแทน
แกร็ก!
แต่ปรากฏว่าพลังจิตของเขากลับถูกดูดกลืนหายเข้าไปในก้อนโลหะนั้น แล้วเจ้าก้อนโลหะนั้นก็ตกลงสู่พื้นอีกครั้ง
“อืม ดื้อเหมือนกันนะเนี่ย แต่คุณสมบัติก็เป็นไปตามที่คาดแหละนะ” ชายหนุ่มผมขาวกล่าวเรียบๆ
แซดด!
ชายหนุ่มผมขาวหยิบแท่งโลหะทรงกระบอกขึ้นมาในมือ ก่อนที่ลำแสงจะพุ่งออกมากลายเป็นดาบสีฟ้า แล้วจี้มันใส่ก้อนโลหะนั้นทันที
ชี่~!
โลหะก่อนนั้นโดนความร้อนจากดาบพลังแสงกว่าสิบนาทีจนในที่สุดมันก็กลายเป็นสีแดง
“เลิกดื้อซักทีนะ จะได้เก็บไปทดสอบ” ชายหนุ่มผมขาวพูดพร้อมกับหยิบกล่องทรงกระบอกขนาดพอที่จะถือได้ด้วยมือข้างเดียวที่ข้างในใส่วัตถุที่มีลักษณะเป็นเจลเหนียวๆสีเขียวเอาไว้ออกมา
ซวบ!
แล้วชายหนุ่มผมขาวใช้พลังจิตหย่อนเจ้าโลหะก้อนสีแดงนั่นใส่ลงไปในกล่อง ก่อนที่จะปิดฝามันเอาไว้ แล้วก็เดินออกจากคฤหาสน์ร้างแห่งนั้นอย่างไม่รีบร้อน
ในห้องทดลองแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มผมขาวกำลังยืนจ้องแผ่นโลหะรูปสี่เหลี่ยมที่มีความหนาประมาณห้ามิลลิเมตร และมีขนาดไม่ได้ใหญ่ไปกว่านิ้วมือเลย ซึ่งเจ้าแผ่นโลหะนั้นลอยอยู่กลางหลอดแก้วทรงกระบอกที่มีเจลสีเขียวบรรจุอยู่ขนาดใหญ่ ที่พอจะใส่คนเข้าไปได้ทั้งตัว
“อืม กว่าจะแต่งให้มีรูปร่างแบบนี้ได้ เสียเวลาไปเป็นปีเลยแฮะ” ชายหนุ่มผมขาวบ่นขึ้นมา ก่อนที่เขาจะกดปุ่มที่อยู่ข้างหลอดแก้วทรงกระบอกนั้น
ยวบบ!
ทันใดนั้น ดาบเล่มหนึ่งก็ออกมาจากด้านล่างของหลอดแก้ว แล้วเจ้าแผ่นโลหะนั้นก็ถูกบังคับโดยเจลสีเขียวนั้นให้ไปประทับอยู่บนด้ามดาบ
แกร็ก!
แผ่นโลหะเงินกับดาบประกบกันในที่สุด
“อืม จะเป็นเหมือนที่คิดรึเปล่าน้า” ชายหนุ่มผมขาวเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ แล้วก็กดปุ่มที่อยู่ข้างๆหลอดแก้วทรงกระบอกนั้นอีกครั้งหนึ่ง
แล้วเจลสีเขียวค่อยๆลดปริมาณลงจนหายไปหมด เหลือเพียงดาบเล่มยาวสีเงินเล่มหนึ่งในหลอดแก้วเท่านั้น
วืดด! หมับ!
หลอดแก้วเลื่อนแยกออกจากกัน ชายหนุ่มผมขาวก็เอื้อมมือไปหยิบเจ้าดาบนั่นก่อนที่มันจะล้มลงไป
“อืม ไม่เกิดปฏิกิริยาอะไรขึ้นเลยแฮะ ต้องกระตุ้นก่อนรึเปล่าหว่า ...ลองใช้คนที่สั่งดาบเล่มนี้เป็นหนูทดลองละกัน ฮึๆๆ” ชายหนุ่มผมขาวกล่าวเรียบๆ
ดาบเล่มนั้นก็ถูกใช้งานโดยชายคนหนึ่งเป็นเวลานานถึงสองปี ซึ่งเจ้าแผ่นโลหะชิ้นนั้นก็ไม่ได้แสดงอาการแปลกประหลาดพิศดารอะไรออกมาเลย จนในที่สุด เจ้าของดาบเล่มนั้นก็เสียดาบเล่มนั้นไปที่ทะเลกลางโลกด้วยฝีมือของเนปจูน แม้แต่ชายผมขาวที่เป็นคนสร้างดาบก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีดาบเล่มนี้และเจ้าแผ่นเหล็กชิ้นนั้นอยู่ เพราะมันก็เหมือนกับผลการทดลองที่ไม่ประสบผลสำเร็จชิ้นหนึ่งสำหรับเขาเท่านั้นเอง ในการทดลองหลายพันอย่างในเวลาร้อยกว่าปี
และแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาอีกเกือบร้อยปี
ผัวะ! ผัวะ! ตูมม!!
ชายหนุ่มแอฟโรใช้หมัดที่อัดปราณแบบทวีคูณของเขาซัดเข้าใส่สัตว์อสูรที่รุมโจมตีเข้ามาจนมันตายไปเป็นแถบจากการระเบิดปราณที่ตามมา
“เป็นท่าเดียวที่ใช้สู้ได้ตอนนี้แหละนะสไลป พลังจิตกับพลังเวทมันก็ทำให้แรงแบบนี้ไม่ได้ซะด้วย” ชายหนุ่มหัวฟูพูดขึ้นมาลอยๆ
“คุณแอฟโรลองใช้ร่วมกับสัมผัสดูสิครับ แต่ว่ามันอาจจะไม่แรงแบบนี้นะครับ” เสียงนุ่มๆตอบกลับมา
“อืม ลองดูก็ได้ พลังฟื้นเร็วอยู่แล้วล่ะ ถึงพลังจะอ่อนก็เถอะ แต่โดนหลายๆครั้งแบบนี้ก็น่าจะมีผลบ้างแหละ” ชายหนุ่มแอฟโรตอบรับอย่างว่าง่าย พร้อมกับลองใช้สัมผัสคลุมไปทั่วบริเวณทันที
วูมม!
หมัดขวาของชายหนุ่มหัวฟูเรืองแสงขึ้นมาจากการสะสมปราณธรรมชาติตามชิ้นส่วนต่างๆ พร้อมกับเคลื่อนตัวหลบการโจมตีของสัตว์อสูรที่ดูเหมือนปลากระเบนหางดาบไปเรื่อยๆ
“คุณแอฟโรสามารถแยกส่วนแต่ละนิ้วให้กลายเป็นนิ้วแต่ละข้อได้มั้ยครับ” เสียงนุ่มๆเอ่ยขึ้นมาอีก
“ไม่เคยลองแฮะ แยกตามข้อนิ้วเลยเหรอ?” ชายหนุ่มหัวฟูถามขึ้นมาอย่างลังเล แต่ก็ลองทำตามที่เสียงนุ่มๆนั้นแนะนำ
ปิ้ว! ปิ้ว! ปิ้ว! ตูมม!! ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!
ชายหนุ่มต่อยหมัดออกมาเมื่อจับกระแสของศัตรูโดยรอบได้ ก้อนปราณห้าก้อนกระจายออกทั่วทิศ บางก้อนก็ระเบิดขึ้นมาเมื่อกระทบเป้าหมายจนสัตว์อสูรที่โดนเข้าไปถึงกับตายทันที บางก้อนก็แค่กระแทกร่างของสัตว์อสูรให้กระเด็นถอยออกไปเท่านั้น
“โอ๋ ทำได้จริงๆด้วยแฮะ แต่ยังไม่สำเร็จทุกก้อน” ชายหนุ่มแอฟโรรู้สึกดีใจที่เขาทดลองการปล่อยไม้ตายแบบใหม่ครั้งแรกแล้วก็เกิดผลที่น่าพอใจ
“คุณแอฟโรลองหัดไปเรื่อยๆสิครับ ศัตรูในห้องนี้ไม่ได้โหดอะไรมากมาย แถมค่าสถานะของคุณแอฟโรก็ฟื้นเร็ว ไม่ต้องกลัวว่าจะหมดแรงเลย” เสียงนุ่มๆแนะนำขึ้นมาอีก
“แต่เดี๋ยวเจ้าสองคนนั้นจะรอแย่เลยน่ะสิ มัวแต่มาฝึกแบบนี้ตอนที่เรากำลังหาสมบัติ” ชายหนุ่มแอฟโรพูดขึ้นมา
“แต่ผมคิดว่า ถ้าคุณแอฟโรยังไม่เก่งกว่านี้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ จะไม่สามารถต้านสองคนนั่นได้หลังจากที่หาสมบัติเจอน่ะสิครับ เพราะฉะนั้นฝึกให้เก่งก่อนจะหาสมบัติเจอดีกว่า” เสียงนุ่มๆแนะนำ
“อืม แหม แต่มีแขนแค่ข้างเดียวก็ลำบากเหมือนกันนะเนี่ย ผมยังไม่เคยลองใช้แขนซ้ายปล่อยไม้ตายใหม่ๆที่คิดได้ช่วงหลังๆนี่เลย” ชายหนุ่มแอฟโรพูดพร้อมกับอัดปราณใส่หมัดอีกครั้ง
“ที่นี่มันที่ไหนกันแน่เนี่ย!!” หญิงสาวผมขาวบ่นขึ้นมาหลังจากที่เธอเดินอยู่ในถ้ำที่พื้นนิ่มๆและชื้นแฉะนี่เกือบวัน
“เลดี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่พี่สาวผมขาวตกน้ำมา เลดี้ก็กระโดดตามมา แล้วก็มาอยู่ที่นี่นั่นแหละ” เด็กหญิงผมแดงตอบ
“...” หญิงสาวผมขาวรู้สึกว่าเด็กหญิงผมแดงคนนี้ช่างไร้เดียงสาสิ้นดี
เรย์น่าตกลงมาในทะเล แล้วเลดี้ก็กระโดดตามลงมา เพราะคำสั่งเดียวของชายหนุ่มที่เป็นเจ้านาย โดยไม่สนใจเลยว่าตนเองจะได้รับอันตรายหรือเปล่า แถมไม่ว่าเรย์น่าจะปฏิบัติต่อเลดี้อย่างเฉยชาเพียงใด แต่เลดี้ก็ไม่ใส่อารมณ์กลับมาเลย มีแต่ความรู้สึกที่เหมือนกับเป็นเพื่อนกลับมาเท่านั้น
ยวบ! ยวบ!
แล้วทั้งสองสาวก็เดินเข้ามาถึงห้องห้องหนึ่ง ที่มีแสงจากโคมไฟลอยอยู่กลางห้อง
“อะไรนั่นน่ะ ทำไมมีโคมไฟในถ้ำด้วยล่ะเนี่ย” หญิงสาวผมขาวกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เจ้าโคมไฟนั่น
แฮ่!!
ทันใดนั้นเจ้าโคมไฟนั่นก็สว่างวาบขึ้นมา เผยให้เห็นสัตว์อสูรที่มีปากอันใหญ่โตกับเขี้ยวอันแหลมคม กำลังอ้าปากแล้วงับเข้าไปที่ร่างของหญิงสาวที่เผลอติดกับโคมแสงนี้
ผัวะ!
“พี่สาวระวัง!!” เด็กหญิงผมแดงตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้ามาผลักร่างของหญิงสาวผมขาวให้พ้นทางไปทันที
ฉึกก!!
“โอ๊ยย!!”
เขี้ยวของเจ้าสัตว์อสูรนั้นปักเข้าร่างของเด็กหญิงผมแดงอย่างจัง จนเธอต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เลดี้!!” หญิงสาวผมขาวตะโกนออกมาอย่างตระหนก เธอไม่คาดว่าเด็กหญิงคนนี้จะยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อเธอ
“โอย~ย” เด็กหญิงร้องครวญครางออกมา พร้อมกับแผลที่มีเลือดไหลออกมาเป็นสีดำ
“พิษ!!” หญิงสาวเห็นสีเลือดแล้วก็ต้องอุทานออกมา เขี้ยวของเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้มีพิษด้วย
“พี่สา..วบาดเจ็บ..มั้ย” เด็กหญิงผมแดงยังมีใจห่วงหญิงสาวผมขาว
“ทำแบบนี้ทำไมยัยมดปลวก!!” หญิงสาวผมขาวตวาดใส่เด็กหญิงพร้อมกับตั้งท่าเตรียมต่อสู้กับเจ้าสัตว์อสูรตนนั้น
“แอฟโร..บอกให้เลดี้ดู..แลพี่สาวนี่..นา” เด็กหญิงพูดออกมาเสียงแผ่ว
“เธอมันงี่เง่า! ชั้นดูแลตัวเองได้ อย่ามาทำแบบนี้กับชั้นอีกนะ!” หญิงสาวตะคอกใส่เด็กหญิงก่อนหันไปเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรทันที พร้อมกับซ่อนน้ำตาที่เอ่อท่วมดวงตาของเธอ
เลดี้น่ารัก เรย์น่าใจอ่อนแล้ว ...แล้วหายงงกับตอนที่แล้วรึยัง -_-?
ความคิดเห็น