ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #148 : บทที่143: แสงไฟในความมืด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.98K
      116
      1 ก.พ. 55

    บทที่143 แสงไฟในความมืด

    “อะไรกันลุง ผมบอกให้ลุงสร้างหุ่นยนต์ยักษ์ไม่ใช่เหรอไง ไหงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ” ชายหนุ่มหัวส้มในชุดแดงบ่นขึ้นมาเมื่อเห็นยานพาหนะสี่ล้อเปิดประทุนคันหนึ่งตรงหน้า

    “ขอโทษด้วยนะ แต่ว่าด้วยทรัพยากรที่มี นี่เป็นสิ่งของที่ดีที่สุดเท่าที่ลุงจะสร้างได้แล้ว แถมนี่มันไม่ใช่รถธรรมดาๆหรอกนะ วัสดุที่ใช้ก็ไม่ธรรมดาด้วย” ชายวัยกลางคนผมสั้นสีขาวพูดขึ้น

    “ไม่ธรรมดายังไงคะ” หญิงสาวชุดชมพูถามขึ้นมา

    “มันคือรถประกอบร่างไงล่ะ” ชายผมขาวเฉลย

    “รถประกอบร่าง!!!” ชายหนุ่มสองคนหญิงสาวหนึ่งคนและกะเทยอีกหนึ่งคนประสานเสียงขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

    “อืม จะว่าไปรถประกอบร่างก็เท่เหมือนกันนะฮ้า” กะเทยชุดบานเย็นพูดขึ้นมาให้เพื่อนๆในกลุ่มฟัง

    “แถมทีมของเรายังเพิ่งตั้ง มันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปแบบนี้แหละ ถ้าเกิดได้ของเจ๋งสุดยอดมาตั้งแต่แรก มันก็ไม่มีอะไรให้ลุ้นกันตอนหลังน่ะสิ” ชายชุดฟ้ากล่าวอย่างครุ่นคิด

    “โอเคลุง แล้วมันประกอบอะไรยังไงล่ะเนี่ย” ชายหนุ่มชุดแดงถามขึ้นมา

    “มันแยกเป็นโมโนไบค์ได้สี่คันไงล่ะ เห็นมั้ยล่ะ ว่ามันมีสี่ล้อน่ะ” ชายผมขาวกล่าวพร้อมชี้ให้ดูจุดเชื่อมต่อ

    “โอ้วว!! อย่างนี้ก็เท่ากับว่าพวกเรามีโมโนไบค์กันทุกคนสินะ” ชายหนุ่มชุดแดงกล่าวอย่างตื่นเต้น

    “แล้วที่ลุงบอกว่าวัสดุที่ใช้ไม่ธรรมดาล่ะคะ” หญิงสาวชุดชมพูถามขึ้นมา เธอพยายามเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุดจะได้ไม่พลาดข้อมูลสำคัญไป

    “มันก็คือโลหะมีชีวิต หรือเรียกทับศัพท์ว่าลิฟวิ่งเมทัลไงล่ะ” ชายวัยกลางคนกล่าว

    “ลิฟวิ่งเมทัล!?” หนุ่มสาวและกะเทยทั้งสี่ประสานเสียงขึ้นมาอีกหลังจากได้ยินชื่อที่พวกเขาไม่รู้จัก

    “มันคืออะไรเหรอครับ ไอ้ลิฟวิ่งเมทัลเนี่ย” ชายหนุ่มชุดดำที่ยืนอยู่วงนอกถามขึ้นมาบ้าง

    “ก็ตามชื่อนั่นแหละ โลหะที่มีชีวิตไงล่ะ แต่ไม่ใช่ว่ามีชีวิตจริงๆหรอกนะ แต่เสมือนมีชีวิตน่ะ” ชายวัยกลางคนตอบ

    “แล้วมันมีคุณสมบัติพิเศษยังไงเหรอคะ หรือว่าเจริญเติบโตได้ โมโนไบค์ของพวกหนูก็จะกลายเป็นยานอวกาศได้แบบนี้รึเปล่าคะ” หญิงสาวชุดชมพูถามด้วยความตื่นเต้น

    “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนังหนู ลิฟวิ่งเมทัลมีคุณสมบัติซ่อมแซมตัวเองได้น่ะ แล้วก็ถ้ากระตุ้นให้ถูกวิธีบางครั้งก็เปลี่ยนรูปร่างได้นิดหน่อย ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ใช้หรือสิ่งที่มันรวมร่างด้วยเป็นหลักน่ะ” ชายวัยกลางคนตอบ

    “ก็คือ โมโนไบค์รวมร่างนี้ ก็ยังคงเป็นโมโนไบค์รวมร่าง แต่มันอาจจะมีรูปร่างเปลี่ยนไป และถ้ามันบุบหรือเสียทรง มันก็กลับมาอยู่ในรูปเดิมได้ด้วยตัวเองสินะครับ” ชายหนุ่มชุดฟ้าทบทวนสิ่งที่เขารับรู้ว่าถูกต้องหรือไม่

    “อืมใกล้เคียง แต่การบุบหรือเสียทรงเนี่ยมันน้อยไปหน่อย แม้จะขาดเป็นชิ้นๆ แต่ถ้าชิ้นส่วนครบมันก็ยังซ่อมแซมตัวเองได้นะ” ชายผมขาวให้ข้อมูลเพิ่ม

    “โอ้โฮ อย่างนี้พวกเราก็เหมือนได้รถที่เป็นอมตะมาในครอบครองน่ะสิฮ้า” กะเทยชุดบานเย็นพูดขึ้นมาอย่างยินดี

    “ก็เป็นอย่างนั้นแหละ” ชายวัยกลางคนกล่าว

    “อืม ...แต่ว่ามีสิ่งที่พวกเราอยากได้อีกหน่อยนึงนะลุง” ชายหนุ่มชุดแดงกล่าว

    “อะไรเหรอ?” ชายวัยกลางคนถามขึ้นมา

    “พอจะดัดแปลงโมโนไบค์ของกราไฟต์ให้เข้ากับของพวกเราด้วยได้มั้ยลุง แล้วก็ทำให้มันกลายเป็นลิฟวิ่งเมทัลเหมือนกันด้วย” ชายหนุ่มชุดแดงเรียกร้อง

    “ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ ผมใช้โมโนไบค์แบบเดิมๆก็ได้” ชายหนุ่มชุดดำกล่าวขึ้นมาอย่างเกรงใจ

    “ไม่ได้ๆ ถ้าโมโนไบค์ของนายมันแหกคอกอยู่คนเดียวแล้วมันจะเหมือนทีมเดียวกันได้ยังไงเล่า” ชายหนุ่มชุดแดงย้อน

    “แล้วก็เรื่องที่สำคัญที่สุดเลยนะลุง” ชายหนุ่มชุดแดงหันกลับมาพูดกับชายวัยกลางคนอีก

    “อะไรอีกล่ะ” ชายวัยกลางคนสงสัย

    “สีไงล่ะ โมโนไบค์สี่คันที่มีสีซ้ำกันแบบนี้จะแยกออกได้ยังไงว่ามันเป็นของใคร ทำไมลุงไม่ถามก่อนประกอบมันขึ้นมานะ” ชายหนุ่มชุดแดงกล่าวจริงจัง

    “...” ชายวัยกลางคนเงียบไปทันที เขานึกว่าเรื่องมันจะร้ายแรงกว่านี้เสียอีก

    “ทำให้พวกเราได้มั้ยคะ” หญิงสาวชุดชมพูขอร้อง

    “อืม ได้เลย ถือว่ารางวัลที่พวกเธอควรจะได้รับยังไม่เรียบร้อยละกัน จะเพิ่มลิฟวิ่งเมทัลลงไปในโมโนไบค์คันนี้ แล้วก็ทำสีคันที่เหลือนะ จะเอาสีอะไรบ้างล่ะ” ชายวัยกลางคนถามความต้องการของกลุ่มชายหญิงเจ้าของรางวัล

    “สีแดง” ชายหนุ่มชุดแดงพูดขึ้นมาก่อน

    “ฟ้าครับ” ชายหนุ่มชุดฟ้าพูดบ้าง

    “บานเย็นฮ่ะ” กะเทยชุดบานเย็นตอบ

    “สีชมพูอ่อนค่ะ” หญิงสาวชุดชมพูเรียกร้อง

     

    หลังจากนั้นชายวัยกลางคนก็นำพาหานะสี่ล้อคันนั้น แยกออกมาเป็นสี่ส่วน แล้วก็ทำสีแต่ละส่วนให้เป็นสีตามที่กลุ่มชายหญิงพวกนั้นต้องการ และก็เริ่มหลอมโลหะชิ้นหนึ่งที่ใหญ่เท่าฝ่ามือให้กลายเป็นของเหลว โดยมีชายหญิงทั้งห้าคนคอยดูอยู่ไม่ห่างเพื่อที่จะได้สั่งงานได้โดยละเอียด

    “อะไรนะลุง” ชายหนุ่มชุดแดงถามขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้าโลหะเหลวนั้น

    “ลิฟวิ่งเมทัลไงล่ะ” ชายวัยกลางคนตอบ

    “หืม ใช้แค่นั้นเองเหรอลุง” ชายหนุ่มชุดแดงถามขึ้นมาอีก

    “ปริมาณแค่นี้ก็ใช้กับโมโนไบค์คันนึงได้เหลือเฟือ” ชายผมขาวตอบกลับ

    “โห แปลว่ามันเป็นของที่ดีแล้วก็ประหยัดมากเลยสินะ มันมีขายในเมืองบ้างมั้ยลุง ถ้าผมจะเอาไปทำอาวุธนี่จะดีมั้ย” ชายหนุ่มชุดแดงถามขึ้นมาอีก

    “ไม่มีขายหรอก เจ้าลิฟวิ่งเมทัลนี่เป็นของหายากที่ลูกศิษย์ของลุงสร้างขึ้นมาน่ะ” ชายวัยกลางคนตอบ

    “หา? ลุงมีลูกศิษย์ด้วยเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มชุดแดงสงสัย

    “หมายถึงพวกที่เรียนวิชาเพื่อที่จะเป็นช่างตีเหล็กสินะครับ” ชายหนุ่มชุดฟ้ายิงคำถาม

    “ใช่แล้วล่ะ เมื่อสองร้อยปีที่แล้วล่ะมั้ง ที่ไอ้หนุ่มนั่นมาเรียนวิชาจากลุงน่ะ” ชายวัยกลางคนระลึกความหลัง

    “จะบ้าเหรอลุง เวลาในเกมมันเพิ่งผ่านมา 197 ปี จะเป็นสองร้อยปีก่อนได้ไง จำผิดแล้วล่ะ” ชายชุดแดงทักท้วง

    “เอ้อ ...งั้นเอาเป็นเมื่อร้อยห้าสิบปีก่อนละกัน ลุงเองก็จำปีที่ละเอียดไม่ได้แล้วล่ะ แต่เจ้าลูกศิษย์ตัวดีของลุงก็เอาไอ้ลิฟวิ่งเมทัลนี่มาให้เมื่อประมาณร้อยปีก่อนนี่แหละ บอกว่าให้เป็นของขวัญที่ช่วยสอนวิชาให้ จะเอาไปทำอะไรก็ตามใจ” ชายวัยกลางคนระลึกความหลังอีก

    “อืม ช่างเป็นลูกศิษย์ที่กตัญญูดีจังนะคะ” หญิงสาวชุดชมพูกล่าว

    “อื้ม ฝีมือก็ดีมากด้วยล่ะ ได้ยินว่าตอนนี้มีแต่คนตามหาตัวเจ้านั่นเพื่อให้สร้างอะไรต่อมิอะไรให้น่ะ เป็นช่างตีเหล็กที่ดังพอตัวเชียวล่ะ” ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างภูมิใจ

    “งั้นก็แปลว่าฝีมือของลูกศิษย์ลุงเหนือกว่าลุงไปแล้วสินะ” ชายหนุ่มชุดแดงถามจี้เข้าไป

    “มันก็แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเป็นแค่ NPC ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมาเท่านั้น แต่ลูกศิษย์ลุงเป็นผู้เล่นที่มีอิสระในการพัฒนาฝีมือ ยิ่งนานวันเข้าพวกผู้เล่นทั้งหลายก็ยิ่งมีฝีมือทิ้งห่างพวกช่างตีเหล็กของระบบไปไกลทุกที” ชายวัยกลางคนกล่าวเรียบๆ

    “งั้นลูกศิษย์ของลุงก็อาจจะสร้างหุ่นยนต์ยักษ์ให้พวกเราได้สินะฮ้า” กะเทยชุดบานเย็นพูดขึ้นมาอย่างมีความหวัง

    “จะอะไรหมอนั่นก็สร้างได้ทั้งนั้นแหละ เผลอๆจะสร้างดาวขึ้นมาได้ทั้งดวงด้วยซ้ำ ถ้ามันมีวิตถุดิบพอล่ะก็” ชายวัยกลางคนกล่าวพร้อมกับเทโลหะเหลวที่เตรียมได้ที่ลงไปบนตัวโมโนไบค์สีดำ

    “แล้วลูกศิษย์ลุงชื่ออะไรล่ะคะ แล้วลักษณะเป็นยังไง จะได้จำไว้ เผื่อเจอจะได้ลองขอร้องดู” หญิงสาวชุดชมพูเตรียมจดข้อมูล

    “ลูกศิษย์ลุงชื่อวัลแคนน่ะ เป็นไอ้หนุ่มหน้าตายที่ไว้ผมยาวประบ่าสีขาว” ชายวัยกลางคนกล่าว

     

    “อ๊ากก!!” อสูรดำร้องขึ้นมาด้วยความทรมาน เพราะของเหลวสีเงินที่ถูกฉีดเข้าใส่ร่างกายของมัน

    “อืม ทนหน่อยนะ เดี๋ยวแกก็จะไม่รู้สึกอะไรแล้วล่ะ ...ถ้าชั้นคาดการณ์ไม่ผิดนะ ฮึๆๆ” ชายหนุ่มผมขาวยาวประบ่าพูดขึ้นมาเรียบๆพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

    “แก!!” อสูรดำแค่นเสียงพร้อมกับพยายามขยับร่างกายของมันเพื่อจะเข้ามาทำร้ายชายหนุ่มผมขาวทันที

    ยวบ! เผละ!

    แต่แล้วร่างกายของมันกลับหลอมเหลวออกมาและหลุดออกเป็นชิ้นๆกองอยู่บนพื้นแทน

    “อืม ชิ้นส่วนที่รวมกับลิฟวิ่งเมทัลไม่ได้สินะ” ชายหนุ่มผมขาวมองผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเรียบๆ

    “อ๊า ...คร่อก.!!” เจ้าอสูรดำพยายามแผดเสียงออกมาอีก แต่ใบหน้าและปากของมันก็เริ่มหลอมเหลวจนส่งเสียงไม่ออกแล้ว

    “อื้ม ...ส่งเสียงร้องไม่ออก แปลว่าไม่เจ็บแล้วใช่มั้ยล่ะ” ชายหนุ่มผมขาวใช้ตรรกะของเขากับเจ้าอสูรดำ ซึ่งดูอย่างไรมันก็ไม่น่าจะใช่อาการที่ไม่บาดเจ็บได้เลยเมื่อร่างกายค่อยๆหลอมเหลวและหลุดออกมาเป็นชิ้นๆแบบนี้

    เผละ! เผละ!

    สุดท้ายแล้วร่างของเจ้าอสูรดำก็หลอมไปหมด ทิ้งไว้เพียงเศษเนื้อเหลวๆสีดำที่กระจายอยู่ทั่วไปเท่านั้น

    “อืม สำเร็จมั้ยหว่า หรือว่าจะล้มเหลวอีกแล้วน้า” ชายหนุ่มผมขาวกล่าวเรียบๆพร้อมกับใช้ไม้เขี่ยเศษเนื้อพวกนั้นไปมา

    แก็ก!

    และแล้วปลายไม้ของชายหนุ่มก็กระทบกับของแข็งชิ้นหนึ่งภายในกองเศษเนื้อนั้น

    “อ้า เจอแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับเขี่ยเศษเนื้อทั้งหมดออกไป

    มันคือก้อนโลหะสีเงินที่มีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือเลย เหมือนก้อนหินเล็กๆก้อนหนึ่งเท่านั้นเอง

    ชายหนุ่มใช้คีมเหล็กคีบมันขึ้นมา แล้วเจ้าก้อนโลหะนั้นก็เชื่อมเข้ากับคีมเหล็กจนเป็นเนื้อเดียวกันทันที

    “โอ๊ะ!!” ชายหนุ่มอุทานขึ้นมาพร้อมกับปล่อยคีมออกจากมือทันที แล้วใช้พลังจิตของเขายกก้อนโลหะนั้นขึ้นมาแทน

    แกร็ก!

    แต่ปรากฏว่าพลังจิตของเขากลับถูกดูดกลืนหายเข้าไปในก้อนโลหะนั้น แล้วเจ้าก้อนโลหะนั้นก็ตกลงสู่พื้นอีกครั้ง

    “อืม ดื้อเหมือนกันนะเนี่ย แต่คุณสมบัติก็เป็นไปตามที่คาดแหละนะ” ชายหนุ่มผมขาวกล่าวเรียบๆ

    แซดด!

    ชายหนุ่มผมขาวหยิบแท่งโลหะทรงกระบอกขึ้นมาในมือ ก่อนที่ลำแสงจะพุ่งออกมากลายเป็นดาบสีฟ้า แล้วจี้มันใส่ก้อนโลหะนั้นทันที

    ชี่~!

    โลหะก่อนนั้นโดนความร้อนจากดาบพลังแสงกว่าสิบนาทีจนในที่สุดมันก็กลายเป็นสีแดง

    “เลิกดื้อซักทีนะ จะได้เก็บไปทดสอบ” ชายหนุ่มผมขาวพูดพร้อมกับหยิบกล่องทรงกระบอกขนาดพอที่จะถือได้ด้วยมือข้างเดียวที่ข้างในใส่วัตถุที่มีลักษณะเป็นเจลเหนียวๆสีเขียวเอาไว้ออกมา

    ซวบ!

    แล้วชายหนุ่มผมขาวใช้พลังจิตหย่อนเจ้าโลหะก้อนสีแดงนั่นใส่ลงไปในกล่อง ก่อนที่จะปิดฝามันเอาไว้ แล้วก็เดินออกจากคฤหาสน์ร้างแห่งนั้นอย่างไม่รีบร้อน

     

    ในห้องทดลองแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มผมขาวกำลังยืนจ้องแผ่นโลหะรูปสี่เหลี่ยมที่มีความหนาประมาณห้ามิลลิเมตร และมีขนาดไม่ได้ใหญ่ไปกว่านิ้วมือเลย ซึ่งเจ้าแผ่นโลหะนั้นลอยอยู่กลางหลอดแก้วทรงกระบอกที่มีเจลสีเขียวบรรจุอยู่ขนาดใหญ่ ที่พอจะใส่คนเข้าไปได้ทั้งตัว

    “อืม กว่าจะแต่งให้มีรูปร่างแบบนี้ได้ เสียเวลาไปเป็นปีเลยแฮะ” ชายหนุ่มผมขาวบ่นขึ้นมา ก่อนที่เขาจะกดปุ่มที่อยู่ข้างหลอดแก้วทรงกระบอกนั้น

    ยวบบ!

    ทันใดนั้น ดาบเล่มหนึ่งก็ออกมาจากด้านล่างของหลอดแก้ว แล้วเจ้าแผ่นโลหะนั้นก็ถูกบังคับโดยเจลสีเขียวนั้นให้ไปประทับอยู่บนด้ามดาบ

    แกร็ก!

    แผ่นโลหะเงินกับดาบประกบกันในที่สุด

    “อืม จะเป็นเหมือนที่คิดรึเปล่าน้า” ชายหนุ่มผมขาวเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ แล้วก็กดปุ่มที่อยู่ข้างๆหลอดแก้วทรงกระบอกนั้นอีกครั้งหนึ่ง

    แล้วเจลสีเขียวค่อยๆลดปริมาณลงจนหายไปหมด เหลือเพียงดาบเล่มยาวสีเงินเล่มหนึ่งในหลอดแก้วเท่านั้น

    วืดด! หมับ!

    หลอดแก้วเลื่อนแยกออกจากกัน ชายหนุ่มผมขาวก็เอื้อมมือไปหยิบเจ้าดาบนั่นก่อนที่มันจะล้มลงไป

    “อืม ไม่เกิดปฏิกิริยาอะไรขึ้นเลยแฮะ ต้องกระตุ้นก่อนรึเปล่าหว่า ...ลองใช้คนที่สั่งดาบเล่มนี้เป็นหนูทดลองละกัน ฮึๆๆ” ชายหนุ่มผมขาวกล่าวเรียบๆ

     

    ดาบเล่มนั้นก็ถูกใช้งานโดยชายคนหนึ่งเป็นเวลานานถึงสองปี ซึ่งเจ้าแผ่นโลหะชิ้นนั้นก็ไม่ได้แสดงอาการแปลกประหลาดพิศดารอะไรออกมาเลย จนในที่สุด เจ้าของดาบเล่มนั้นก็เสียดาบเล่มนั้นไปที่ทะเลกลางโลกด้วยฝีมือของเนปจูน แม้แต่ชายผมขาวที่เป็นคนสร้างดาบก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีดาบเล่มนี้และเจ้าแผ่นเหล็กชิ้นนั้นอยู่ เพราะมันก็เหมือนกับผลการทดลองที่ไม่ประสบผลสำเร็จชิ้นหนึ่งสำหรับเขาเท่านั้นเอง ในการทดลองหลายพันอย่างในเวลาร้อยกว่าปี

     

    และแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาอีกเกือบร้อยปี

    ผัวะ! ผัวะ! ตูมม!!

    ชายหนุ่มแอฟโรใช้หมัดที่อัดปราณแบบทวีคูณของเขาซัดเข้าใส่สัตว์อสูรที่รุมโจมตีเข้ามาจนมันตายไปเป็นแถบจากการระเบิดปราณที่ตามมา

    “เป็นท่าเดียวที่ใช้สู้ได้ตอนนี้แหละนะสไลป พลังจิตกับพลังเวทมันก็ทำให้แรงแบบนี้ไม่ได้ซะด้วย” ชายหนุ่มหัวฟูพูดขึ้นมาลอยๆ

    “คุณแอฟโรลองใช้ร่วมกับสัมผัสดูสิครับ แต่ว่ามันอาจจะไม่แรงแบบนี้นะครับ” เสียงนุ่มๆตอบกลับมา

    “อืม ลองดูก็ได้ พลังฟื้นเร็วอยู่แล้วล่ะ ถึงพลังจะอ่อนก็เถอะ แต่โดนหลายๆครั้งแบบนี้ก็น่าจะมีผลบ้างแหละ” ชายหนุ่มแอฟโรตอบรับอย่างว่าง่าย พร้อมกับลองใช้สัมผัสคลุมไปทั่วบริเวณทันที

    วูมม!

    หมัดขวาของชายหนุ่มหัวฟูเรืองแสงขึ้นมาจากการสะสมปราณธรรมชาติตามชิ้นส่วนต่างๆ พร้อมกับเคลื่อนตัวหลบการโจมตีของสัตว์อสูรที่ดูเหมือนปลากระเบนหางดาบไปเรื่อยๆ

    “คุณแอฟโรสามารถแยกส่วนแต่ละนิ้วให้กลายเป็นนิ้วแต่ละข้อได้มั้ยครับ” เสียงนุ่มๆเอ่ยขึ้นมาอีก

    “ไม่เคยลองแฮะ แยกตามข้อนิ้วเลยเหรอ?” ชายหนุ่มหัวฟูถามขึ้นมาอย่างลังเล แต่ก็ลองทำตามที่เสียงนุ่มๆนั้นแนะนำ

    ปิ้ว! ปิ้ว! ปิ้ว! ตูมม!! ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!

    ชายหนุ่มต่อยหมัดออกมาเมื่อจับกระแสของศัตรูโดยรอบได้ ก้อนปราณห้าก้อนกระจายออกทั่วทิศ บางก้อนก็ระเบิดขึ้นมาเมื่อกระทบเป้าหมายจนสัตว์อสูรที่โดนเข้าไปถึงกับตายทันที บางก้อนก็แค่กระแทกร่างของสัตว์อสูรให้กระเด็นถอยออกไปเท่านั้น

    “โอ๋ ทำได้จริงๆด้วยแฮะ แต่ยังไม่สำเร็จทุกก้อน” ชายหนุ่มแอฟโรรู้สึกดีใจที่เขาทดลองการปล่อยไม้ตายแบบใหม่ครั้งแรกแล้วก็เกิดผลที่น่าพอใจ

    “คุณแอฟโรลองหัดไปเรื่อยๆสิครับ ศัตรูในห้องนี้ไม่ได้โหดอะไรมากมาย แถมค่าสถานะของคุณแอฟโรก็ฟื้นเร็ว ไม่ต้องกลัวว่าจะหมดแรงเลย” เสียงนุ่มๆแนะนำขึ้นมาอีก

    “แต่เดี๋ยวเจ้าสองคนนั้นจะรอแย่เลยน่ะสิ มัวแต่มาฝึกแบบนี้ตอนที่เรากำลังหาสมบัติ” ชายหนุ่มแอฟโรพูดขึ้นมา

    “แต่ผมคิดว่า ถ้าคุณแอฟโรยังไม่เก่งกว่านี้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ จะไม่สามารถต้านสองคนนั่นได้หลังจากที่หาสมบัติเจอน่ะสิครับ เพราะฉะนั้นฝึกให้เก่งก่อนจะหาสมบัติเจอดีกว่า” เสียงนุ่มๆแนะนำ

    “อืม แหม แต่มีแขนแค่ข้างเดียวก็ลำบากเหมือนกันนะเนี่ย ผมยังไม่เคยลองใช้แขนซ้ายปล่อยไม้ตายใหม่ๆที่คิดได้ช่วงหลังๆนี่เลย” ชายหนุ่มแอฟโรพูดพร้อมกับอัดปราณใส่หมัดอีกครั้ง

     

    “ที่นี่มันที่ไหนกันแน่เนี่ย!!” หญิงสาวผมขาวบ่นขึ้นมาหลังจากที่เธอเดินอยู่ในถ้ำที่พื้นนิ่มๆและชื้นแฉะนี่เกือบวัน

    “เลดี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่พี่สาวผมขาวตกน้ำมา เลดี้ก็กระโดดตามมา แล้วก็มาอยู่ที่นี่นั่นแหละ” เด็กหญิงผมแดงตอบ

    “...” หญิงสาวผมขาวรู้สึกว่าเด็กหญิงผมแดงคนนี้ช่างไร้เดียงสาสิ้นดี

    เรย์น่าตกลงมาในทะเล แล้วเลดี้ก็กระโดดตามลงมา เพราะคำสั่งเดียวของชายหนุ่มที่เป็นเจ้านาย โดยไม่สนใจเลยว่าตนเองจะได้รับอันตรายหรือเปล่า แถมไม่ว่าเรย์น่าจะปฏิบัติต่อเลดี้อย่างเฉยชาเพียงใด แต่เลดี้ก็ไม่ใส่อารมณ์กลับมาเลย มีแต่ความรู้สึกที่เหมือนกับเป็นเพื่อนกลับมาเท่านั้น

    ยวบ! ยวบ!

    แล้วทั้งสองสาวก็เดินเข้ามาถึงห้องห้องหนึ่ง ที่มีแสงจากโคมไฟลอยอยู่กลางห้อง

    “อะไรนั่นน่ะ ทำไมมีโคมไฟในถ้ำด้วยล่ะเนี่ย” หญิงสาวผมขาวกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เจ้าโคมไฟนั่น

    แฮ่!!

    ทันใดนั้นเจ้าโคมไฟนั่นก็สว่างวาบขึ้นมา เผยให้เห็นสัตว์อสูรที่มีปากอันใหญ่โตกับเขี้ยวอันแหลมคม กำลังอ้าปากแล้วงับเข้าไปที่ร่างของหญิงสาวที่เผลอติดกับโคมแสงนี้

    ผัวะ!

    “พี่สาวระวัง!!” เด็กหญิงผมแดงตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้ามาผลักร่างของหญิงสาวผมขาวให้พ้นทางไปทันที

    ฉึกก!!

    “โอ๊ยย!!

    เขี้ยวของเจ้าสัตว์อสูรนั้นปักเข้าร่างของเด็กหญิงผมแดงอย่างจัง จนเธอต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

    “เลดี้!!” หญิงสาวผมขาวตะโกนออกมาอย่างตระหนก เธอไม่คาดว่าเด็กหญิงคนนี้จะยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อเธอ

    “โอย~ย” เด็กหญิงร้องครวญครางออกมา พร้อมกับแผลที่มีเลือดไหลออกมาเป็นสีดำ

    “พิษ!!” หญิงสาวเห็นสีเลือดแล้วก็ต้องอุทานออกมา เขี้ยวของเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้มีพิษด้วย

    “พี่สา..วบาดเจ็บ..มั้ย” เด็กหญิงผมแดงยังมีใจห่วงหญิงสาวผมขาว

    “ทำแบบนี้ทำไมยัยมดปลวก!!” หญิงสาวผมขาวตวาดใส่เด็กหญิงพร้อมกับตั้งท่าเตรียมต่อสู้กับเจ้าสัตว์อสูรตนนั้น

    “แอฟโร..บอกให้เลดี้ดู..แลพี่สาวนี่..นา” เด็กหญิงพูดออกมาเสียงแผ่ว

    “เธอมันงี่เง่า! ชั้นดูแลตัวเองได้ อย่ามาทำแบบนี้กับชั้นอีกนะ!” หญิงสาวตะคอกใส่เด็กหญิงก่อนหันไปเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรทันที พร้อมกับซ่อนน้ำตาที่เอ่อท่วมดวงตาของเธอ

     

    เลดี้น่ารัก เรย์น่าใจอ่อนแล้ว ...แล้วหายงงกับตอนที่แล้วรึยัง -_-?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×