คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #129 : บทที่125: ภารกิจตามหาแวมไพร์สาว
บทที่125 ภารกิจตามหาแวมไพร์สาว
“เมื่อคืนนี้เป็นจันทร์เต็มดวงคู่ พี่คิดว่ามันคงเกี่ยวกับการที่น้องกลายร่างด้วยล่ะมั้ง” มาตาร์วิเคราะห์เรื่องราวที่เกิดขึ้น
ทักษะมนุษย์หมาป่าทองคำนั้นจะเพิ่มค่าทักษะด้วยการถูกสิงร่างด้วยวิญญาณมนุษย์หมาป่าทองคำ แม้ตัวก็อปปี้จะมีทักษะมนุษย์หมาป่าทองคำเหมือนกัน แต่วิญญาณหมาป่าทองคำนั้นไม่ได้มีหลายตัว ดังนั้นเท่ากับว่าตัวก็อปปี้ไม่ได้รับผลจากทักษะเพราะไม่มีวิญญาณมนุษย์หมาป่ามาสิงร่าง ซึ่งตามปกติบรันโด้จะไม่ถูกครองร่างเมื่อจันทร์เต็มดวงตามปกติ แต่จันทร์เต็มดวงคู่นั้นส่งผลรุนแรงกว่าจันทร์เต็มดวงตามปกติ ทำให้บรันโด้ถูกครองร่างโดยมนุษย์หมาป่าทองคำไป ทำให้ขาดสติ และทำร้ายคนไปทั่ว
“โธ่เว่ย!! มันมีอะไรที่เรียกว่าโชคดีจริง ๆ บ้างเนี่ย ทำไมผมถึงได้เจออะไรแบบนี้เรื่อยเลยล่ะ นึกว่าจะโชคดีแล้ว แต่ดันกลายเป็นโชคร้าย” บรันโด้กล่าวอย่างท้อแท้
“อย่างน้อยมันก็ทำให้น้องสำเร็จภารกิจเข็มขัดไรเดอร์นั่นมาได้นะ” มาตาร์ให้กำลังใจ
แกร็ก!
บรันโด้ถอดเข็มขัดแล้วยื่นมันให้กับมาตาร์
“พี่มาตาร์ฆ่าผมที” บรันโด้กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“คิดอยู่แล้วล่ะว่านายต้องทำแบบนี้ เพราะน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด” มาตาร์รับเข็มขัดมาอย่างว่าง่าย
วูม! ปิ้ว!
แล้วชายหนุ่มผมแดงก็สร้างกระสุนพรากสังขารขึ้นมาหนึ่งลูกพร้อมกับยิงใส่ร่างของชายหนุ่มผมดำทันทีอย่างรวดเร็ว
วูมม!!
แล้วร่างของชายหนุ่มผมดำหายไปครึ่งร่างเหมือนทุกครั้งที่เขาโดนกระสุนพรากสังขาร ก่อนเศษซากที่เหลือจะสลายแล้วกลายเป็นแสงไป
“เจ้าคิดว่าจะนำตัวแม่หนูนั่นกลับมาด้วยวิธีนั้นรึ” เสียงชายชราเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
“ถ้าเป็นผม ผมก็จะทำแบบนี้ ใครก็มาพรากน้องสาวทั้งสามไปจากผมไม่ได้ ผมไม่ยอมหรอก ถึงแม้จะต้องตายก็ตาม ...เพราะมันก็แค่ตาย” มาตาร์กล่าวเรียบ ๆ
“แต่ข้าว่าเสียเวลาเปล่า แม่หนูนั่นกลับมาด้วยวิธีนี้ไม่ได้หรอก” ชายชรากล่าว
“ทำไมล่ะครับ ก็ถ้าผู้เล่นตาย ผู้ติดตามทั้งหมดก็จะตายตามไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าอยู่ไกลแค่ไหน แล้วทุกคนก็จะไปเจอกันในห้องสีขาวนั่น” มาตาร์กล่าว
“ตามปกติมันก็จะเป็นอย่างนั้นล่ะนะ” ชายชรากล่าว
“หมายความว่าไงครับ มันมีกรณีที่ไม่ปกติด้วยเหรอ” มาตาร์สงสัยในใจความที่ชายชราพูดออกมา
“เจ้าคิดว่าผู้เล่นกับผู้ติดตามมีความสัมพันธ์กันแบบไหนล่ะ” ชายชราถามความรู้ที่มาตาร์มี
“ผู้ติดตามก็ต้องอยู่ใกล้ ๆ กับผู้เล่นตลอดเวลา คอยช่วยเหลือผู้เล่น แล้วก็หารค่าประสบการณ์กันไงครับ” มาตาร์กล่าว
“เจ้าไม่เคยออกห่างจากแม่สามสาวนั่นเลยเรอะถึงพูดว่าผู้ติดตามต้องอยู่ใกล้ ๆ ผู้เล่นตลอดเวลาน่ะ” ชายชราเอ่ยถามอีก
“เอ่อ...” มาตาร์มาลองคิดดู เขาเคยสั่งให้สามสาวไปหางูเห่าให้เขา และยังเคยให้ออกไปหาของเปลี่ยนเผ่าเองด้วย ตอนนั้นทั้งสามสาวอยู่ห่างจากเขาเกินระยะหารค่าประสบการณ์ไปเสียอีก
“มันไม่ใช่ความจำเป็น ที่ผู้ติดตามจะต้องอยู่ใกล้ ๆ กับผู้เล่นหรอกนะ แต่มันเป็นความสมัครใจต่างหาก” ชายชรากล่าว
“อ้าว!? แล้วอย่างนี้ค่าความภักดีคืออะไรกันแน่ล่ะครับ” มาตาร์สงสัยขึ้นมา ในเมื่อผู้ติดตามมีค่าความภักดีเพิ่มขึ้นมา ไม่ได้แปลว่ายิ่งค่าความภักดีสูงจะยิ่งเชื่อฟังมากขึ้นหรือ
“ค่าความภักดีก็เป็นค่าสถานะชนิดหนึ่งน่ะสิ ไม่เกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึก หรือความสนิทสนมของผู้ติดตามเลย เรื่องอย่างนั้นมันเป็นนิสัยส่วนตัวของพวกเขา ส่วนค่าความภักดีมีไว้ทำอะไร ข้าคงบอกเจ้าไม่ได้หรอก” ชายชรากล่าว
“ถึงไม่บอกผมก็พอจะรู้ สามสาวของผมมีทักษะมากขึ้นเมื่อค่าความภักดีสูงขึ้น” มาตาร์มีผู้ติดตามที่มีค่าความภักดีสูงมากถ้าเทียบกับผู้เล่นที่เริ่มเล่นมาในระยะเวลาเท่ากัน ดังนั้นจึงเห็นความเปลี่ยนแปลงโดยตลอด ตั้งแต่กลายร่างเป็นมนุษย์ได้ มีทักษะเชื่อมวิญญาณ แล้วยังมีทักษะประสานวิญญาณเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งล้วนแต่เป็นทักษะที่ใช้ร่วมกับผู้เล่นทั้งนั้น
“ฮึ ๆ ๆ เจ้านี่ไม่ธรรมดานะรู้เยอะเหมือนกันนี่นา ซึ่งผู้ติดตามก็ย่อมมีสิทธิ์เลือกผู้ที่จะติดตามได้เหมือนกัน อย่างสัตว์เลี้ยงที่จับมาตามธรรมชาติบางตัว ถ้านิสัยเข้ากับเจ้าของไม่ได้มันก็หนีไปได้เหมือนกัน” ชายชรากล่าว
“มันจะหนีพ้นได้ยังไงล่ะครับ ถ้าตายครั้งนึงก็กลับมารวมกันแล้ว จะหนีไปไกลแค่ไหนก็ไม่รอดหรอก” มาตาร์กล่าว
“เจ้ายังไม่รู้เงื่อนไขการยกเลิกพันธสัญญาสินะ” ชายชรากล่าว
“อืม ...ไม่รู้ครับ” มาตาร์ไม่ได้แปลกใจอะไรที่มีการยกเลิกพันธสัญญาได้ เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการยกเลิกอยู่แล้ว
“วิธีที่ง่ายที่สุดคือการเอ่ยปากยกเลิกสัญญาเองโดยผู้เล่น” ชายชราให้ข้อมูล
“...” มาตาร์เงียบแล้วฟังอย่างตั้งใจ เพราะมันน่าจะเกี่ยวกับที่ชายชราบอกว่าแวมพ์ไม่สามารถกลับมาได้ด้วยความตายของบรันโด้
“วิธีที่สองคือผู้ติดตามสังหารผู้เล่นด้วยตัวเองหรือผู้เล่นสังหารผู้ติดตามด้วยตัวเอง ค่าความภักดีจะลดลงครั้งละหนึ่งร้อย” ชายชรากล่าวอีก
“...” มาตาร์ยังนิ่งเงียบไปอีก ถือว่าการทำอย่างนั้นก็สมเหตุสมผลอยู่ที่ไม่ให้พันธสัญญาสลายไปในการฆ่าเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะบางทีมันก็อาจจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ้าง การลดทีละหนึ่งร้อยถือว่ามีโอกาสให้แก้ตัว ถ้าไม่ได้จงใจจะฆ่าผู้ติดตามของตัวเอง
“ต่อมาคือการอยู่ห่างจากระยะทำการนานเกินเวลาที่กำหนด ค่าความภักดีก็จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ” ชายชรากล่าว
“อืม ...แต่ถ้ากลับเข้ามาในระยะ ค่าความภักดีก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเหมือนเดิมสินะครับ” มาตาร์ถาม ซึ่งชายชราก็พยักหน้ารับเฉย ๆ
“เจ้าคงสังเกตได้ว่า การเพิ่มค่าความภักดีคือเป้าหมายของการมีผู้ติดตาม ...เจ้าว่าสำหรับเกมนี้ ผู้ติดตามมีลักษณะเหมือนอะไรล่ะ” ชายชราถามอีก
“...เหมือนอาวุธ ที่มีชีวิต” มาตาร์ไม่อยากจะยอมรับ ว่าสามสาวของเขาเป็นอาวุธ เพราะรู้สึกว่าพวกเธอเหมือนน้องสาวมากกว่า แต่จากการพัฒนาตัวเองได้ของพวกเธอแล้วก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ ไม่รู้ว่าถ้าในอนาคตถ้าค่าความภักดีสูงขึ้นอีก พวกเธอจะทำอะไรได้เพิ่มขึ้นอีกบ้าง
“แล้วเจ้าคิดว่าการแย่งผู้ติดตามสามารถทำได้มั้ยล่ะ? ...เหมือนกับการแย่งของหรือแย่งอาวุธในเกมนี้น่ะ” ชายชราถามคำถามที่เหมือนจะกระตุกความคิดของมาตาร์ทันที
“หา? ...อย่าบอกนะครับ ว่าทำได้น่ะ” มาตาร์เริ่มตระหนักในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบรันโด้ทันที
“มีสิ แต่วิธีการไม่ได้ง่ายดายเหมือนการแย่งอาวุธหรอกนะ” ชายชรากล่าว
“นั่นน่ะสิ ลุงบอกผมเองว่าค่าความภักดีไม่ใช่ความสนิทสนมของผู้ติดตาม ถึงจะแย่งตัวไปได้ แต่ถ้าเจ้าตัวไม่ยอม ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” มาตาร์พยายามแย้งเรื่องการแย่งผู้ติดตาม เพราะถ้ามีวิธีจริง ๆ เขาก็มีสิทธิ์โดนแย่งสามสาวไปเหมือนกัน
“ก็รีเซ็ตมันซะสิ ทั้งความทรงจำ ทั้งความรู้สึก” ชายชรากล่าวเรียบ ๆ
“อะไรนะ!!” มาตาร์ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ อารมณ์ในน้ำเสียงดูพลุ่งพล่านจนผิดปกติเลยทีเดียว
“หืม?” แม้แต่ชายชราก็สังเกตในความผิดปกตินี้ของมาตาร์ ที่เห็นทุกทีจะดูนิ่ง ๆ
“ความทรงจำ จะให้มันลบไปง่าย ๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ!!” มาตาร์พูดเสียงดังจนเหมือนตะโกน ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังโกรธอยู่
“มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก มันก็มีวิธีการของมันอยู่” ชายชรากล่าวเรียบ ๆ ดูท่าเขาจะใจเย็นพอที่จะอธิบายเรื่องนี้กับมาตาร์ที่กำลังโกรธ
“ยังไง” มาตาร์พูดเสียงแข็ง เขาต้องการจะรู้รายละเอียดของการรีเซ็ตความทรงจำนี้
“ทักษะพิเศษบางอย่างทำได้” ชายชรากล่าว
“ทักษะล้างพันธสัญญาอย่างนั้นน่ะเหรอ?” มาตาร์เคยได้ยินชายชราพูดถึงเข็มขัดไรเดอร์ที่ไม่สามารถใช้ทักษะล้างพันธสัญญาได้ จึงเอ่ยถึงทักษะนี้ขึ้นมา
“ไม่ใช่หรอก ทักษะล้างพันธสัญญานั้นใช้ได้กับสิ่งไม่มีชีวิตเท่านั้น อย่างอาวุธ อุปกรณ์ หรือไข่สัตว์อสูรที่ยังไม่ได้ฟัก ซึ่งถือว่าเป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง แต่ที่ข้าหมายถึงคือ ทักษะที่เหนือกว่านั้นมาก” ชายชรากล่าว
“มันมีคนที่มีทักษะอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ” มาตาร์ยังคงเสียงแข็งอยู่
“ข้าก็บอกเจ้าไม่ได้ เพราะเรื่องพวกนี้ถือว่าเป็นความลับของเกม แค่บอกว่ามีความสามารถแบบนี้ให้เจ้ารู้ก็ถือว่ามากไปแล้ว” ชายชรากล่าว
“... แล้วยังมีวิธีอื่นอีกมั้ยครับ นอกจากใช้ทักษะน่ะ” มาตาร์เริ่มอ่อนลงมาหลังจากที่ได้ยินว่าข้อมูลที่เขารู้เป็นข้อมูลลับ
“มีสิ ...มันคือพื้นที่พิเศษประจำเผ่าไงล่ะ” ชายชรากล่าว
“หืม? อะไรครับนั่นน่ะ?” มาตาร์สงสัยขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อใหม่ ๆ หลุดออกมาจากปากของชายชรา อารมณ์ของเขากลับเป็นปกติในที่สุด
“แวมไพร์ก็มีพื้นที่พิเศษของเผ่าแวมไพร์ เมื่อแวมไพร์เข้าไปอยู่ในพื้นที่นั้น จะเหมือนกับความรู้สึกทางโลกที่ผ่านมาค่อย ๆ ลดน้อยลง แล้วก็จะกลายเป็นแวมไพร์ท้องถิ่นในที่สุดน่ะสิ” ชายชรายกตัวอย่างทันที
“หมายความว่า ถ้าแวมพ์เข้าไปอยู่ในพื้นที่พิเศษประจำเผ่านั้น ความทรงจำของบรันโด้ก็จะค่อย ๆ จางลงไป จนในที่สุดแวมพ์ก็จะกลายเป็นแวมไพร์อิสระเหมือนก่อนที่จะเจอบรันโด้อย่างนั้นน่ะเหรอครับ” มาตาร์ถามขึ้นมาอย่างตระหนก
“ใช่แล้ว และพื้นที่พิเศษประจำเผ่านั้น จะตัดการเชื่อมต่อจากผู้เล่นที่เป็นเจ้าของโดยสิ้นเชิงด้วย” ชายชรากล่าวอีก
“หมายความว่าไงครับ? ...หรือว่าถึงแม้เจ้าของตายผู้ติดตามก็จะไม่ตายตามอย่างนั้นเหรอ” มาตาร์คาดเดา
“ใช่แล้ว ...แต่ก็ยังมีโอกาสได้ตัวคืน ถ้าผู้เล่นที่เป็นเจ้าของเข้าถึงตัวผู้ติดตามนั้นได้ก่อนที่ค่าความภักดีจะหมดลงไป ผู้ติดตามนั้นก็จะกลับมาเป็นผู้ติดตามเหมือนเดิม” ชายชรากล่าว
“เท่ากับว่าต้องแข่งกับเวลาสินะ ถ้าถูกแย่งตัวไปได้น่ะ” มาตาร์วิเคราะห์ มันยังไม่หมดหนทางเสียทีเดียวในการที่จะตามผู้ติดตามหรือสัตว์เลี้ยงของตนเองกลับมาถ้าถูกแย่งไปได้
“แต่การตามหาคนหนึ่งคนในโลกที่กว้างใหญ่แบบนี้ มันจะเป็นไปได้หรือ” ชายชราพูดพร้อมกับแหงนหน้ามองออกไปในทะเลอันกว้างใหญ่
“นั่นขึ้นอยู่กับบรันโด้เค้าล่ะ ว่าอยากจะได้ตัวแวมพ์กลับคืนมาขนาดไหน” มาตาร์กล่าวเรียบ ๆ พร้อมกับสะท้อนในใจ เขาเองก็หนีจากพวกซารีน่ามา ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเธอจะออกตามหาเขาหรือไม่ แต่ถ้าออกตามหาจริง ๆ มันก็คงจะยากมาก เพราะเขาจงใจหนีพวกเธอ
หลังจากครบเวลาหนึ่งชั่วโมง บรันโด้ก็ฟื้นกลับขึ้นมาในพื้นที่พิเศษบนเกาะไรเดอร์นั้น พร้อม ๆ กับด้วงเขาดาบเพียงสองตัว ไม่มีร่องรอยของแวมไพร์สาวเลย
“พี่มาตาร์! ผมไม่เจอแวมพ์ที่ห้องสีขาวนั่นเลย นั่งรอทั้งชั่วโมงก็ไม่ออกมา ทั้ง ๆ ที่ผมยังเปิดดูค่าสถานะของแวมพ์ได้อยู่เลย!” บรันโด้พูดขึ้นมาอย่างร้อนใจ
มาตาร์จึงบอกข้อมูลที่เขารู้มาให้บรันโด้ฟัง ถึงความเป็นไปได้ที่จะตามตัวแวมไพร์สาวกลับมา
“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ ว่าแวมพ์ถูกจับไปที่ไหน มันไม่มีร่องรอยอะไรให้ติดตามเลย” บรันโด้พูดออกมาด้วยสีหน้ากลุ้มใจ
“ข้าจะบอกข้อมูลดี ๆ ให้เจ้าอีกอย่างหนึ่งนะเพราะถือว่าเจ้าเป็นคนแรกที่นำเข็มขัดไรเดอร์ออกมาจากถ้ำได้” ชายชราพูดขึ้นมา
“ครับ” บรันโด้ขานรับพร้อมกับตั้งใจฟังสิ่งที่ชายชราจะพูดให้ฟังทันที
“ในโลกนี้ ยังมีทักษะและเวทมนตร์ที่ทำให้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้เล่นได้ ทั้งชื่อ ค่าสถานะ ทักษะที่มี และผู้ติดตามของผู้เล่นที่โดนทักษะนั้นเข้าไป” ชายชรากล่าว
“ถ้ารู้ข้อมูลแล้วยังไงเหรอครับ” บรันโด้ยังไม่เข้าใจ
“แม้แต่สถานที่ที่ผู้ติดตามนั้นอยู่ที่ไหนก็รู้ได้น่ะสิ” ชายชรากล่าวอีก
“ฮ้า! ถ้าอย่างนั้นผมก็แค่ตามหาคนที่มีความสามารถสำรวจชั้นสูงหรือคนที่มีเวทสำรวจชั้นสูง แล้วให้เค้าสำรวจผม ผมก็จะรู้ได้ว่าแวมพ์อยู่ที่ไหนใช่มั้ยครับ” บรันโด้พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นที่เขาพอจะมองเห็นทางออกแล้ว
“ใช่ ก่อนที่ความภักดีหรือพันธสัญญาของเจ้ากับแม่หนูนั่นจะหมดไป เจ้าต้องหาตัวเธอให้เจอ ถ้าเจ้าอยากจะได้ตัวแม่หนูนั่นกลับมาจริง ๆ” ชายชรากล่าว
บรันโด้เปิดดูค่าความภักดีของแวมพ์ ก็เห็นว่าค่าความภักดีปัจจุบันลดลงไปบ้างแล้ว
“งานนี้แข่งกับเวลาสินะ งั้นผมจะออกจากเกาะนี้ได้ยังไงครับ ใช้พื้นที่พิเศษนั่นเหมือนตอนมารึเปล่า” บรันโด้กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใช่แล้ว มาทางไหน ก็ไปทางนั้น เจ้ามาทางพื้นที่พิเศษ ก็กลับไปด้วยพื้นที่พิเศษ ผู้ที่ทำภารกิจสำเร็จสามารถวาร์ปกลับไปอยู่ในเรือที่ออกจากเกาะเริ่มต้นที่จากมาได้เลย” ชายชรากล่าว
“ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ” บรันโด้ได้ยินดังนั้นก็รีบร้อนเดินไปที่พื้นที่พิเศษทันที
“เดี๋ยวก่อน ไม่ต้องรีบหรอก เพราะเจ้าจะวาร์ปกลับเข้าไปอยู่ในเรือทันที ถึงรีบไป เรือมันก็เดินทางตามเวลาอยู่แล้ว ไม่ได้ทำให้เร็วขึ้นหรอก ข้ามีบางอย่างอยากจะให้เจ้าอีก” ชายชรากล่าวพร้อมกับยื่นสายรัดข้อมือสีดำสองอันมาให้บรันโด้
บรันโด้รับสายรัดข้อมือสองเส้นนั้นมาแล้วถามชายชรา “อะไรน่ะครับ?”
“ผนึกของเจ้าแมลงสองตัวนั่นไงล่ะ ปกติเข็มขัดก็เป็นผนึกของแมลงได้ แต่ถ้าผนึกไว้ที่แขนจะทำให้เจ้าใช้เขาของมันเหมือนอาวุธได้ด้วยนะ มันก็เหมือนกับอ๊อปชั่นเสริมของเข็มขัดนั่นแหละ” ชายชราให้ข้อมูล
“อืม ขอบคุณมากครับ” บรันโด้กล่าวพร้อมกับใส่สายรัดนั้นเข้ากับข้อมือ
“เอ้า! นายจะไปทั้ง ๆ ที่ไม่ใส่เสื้อผ้าเลยหรือไง” มาตาร์ยื่นเสื้อผ้าและเข็มขัดไรเดอร์ให้บรันโด้ ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผมดำจะร้อนใจมากจนลืมอะไรไปหลาย ๆ อย่าง
“อุ้ย! แฮะ ๆ” บรันโด้รับมาด้วยอาการเขิน ๆ พร้อมกับแต่งตัวทันที และเมื่อคาดเข็มขัดไรเดอร์เข้าไป รูปร่างหน้าตาของบรันโดก็เปลี่ยนเป็นกราไฟต์ทันที
“จำเอาไว้นะไอ้หนุ่ม ตอนนี้เจ้าเป็นไรเดอร์แล้ว ศัตรูของเจ้าจะมีอยู่ทุกที่ โดยเฉพาะผู้เล่นที่เคยพลาดเข็มขัดไรเดอร์มาก่อน” ชายชราเตือน
“หา? ทำไมพวกนั้นถึงเป็นศัตรูล่ะครับ” บรันโด้สงสัย
“เพราะพวกมันอิจฉาน่ะสิ” มาตาร์พูดออกมาอย่างรู้ทัน
“ใช่แล้ว ถ้าเจ้ารู้ว่าเข็มขัดไรเดอร์ทำอะไรได้บ้างแต่ไม่มีโอกาสได้มันมาครอบครอง ถ้าเกิดเจ้าเห็นคนที่ครอบครองมันอยู่ เจ้าจะทำอย่างไรล่ะ” ชายชราเอ่ยถาม
“ผมก็เฉย ๆ นะ” บรันโด้ตอบกลับมาเรียบ ๆ ทำเอาชายชรากับมาตาร์หน้านิ่งไป เพราะคาดไม่ถึงว่าเจ้าบรันโด้จะเป็นคนดีแบบนี้
“แต่คนอื่นมันไม่คิดแบบนั้นหรอกบรันโด้ ทุกคนจะพยายามแย่งเข็มขัดนี้มา ถึงคนอื่นจะใช้ไม่ได้ แต่ก็ทำให้น้องไม่มีเข็มขัดเหมือนพวกมัน แค่นี้ก็สมใจพวกมันแล้ว” มาตาร์กล่าว
“อ๋อ ...เหรอครับ” บรันโด้ตอบกลับเรียบ ๆ เหมือนกับว่ายังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น
“เอาเป็นว่าเจ้าระวังตัวเอาไว้ละกัน อย่าให้ใครรู้ง่าย ๆ ล่ะ ว่าเจ้าคือไรเดอร์น่ะ” ชายชรากล่าว
“อืม ...ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับลุง พี่มาตาร์ ลาก่อนนะครับ” บรันโด้กล่าวลาเมื่อเห็นว่าหมดธุระแล้ว
“ไปเถอะ โชคดีล่ะไอ้หนุ่ม” ชายชราอวยพรก่อนลา
“ขอให้หาแวมพ์เจอนะบรันโด้” มาตาร์ก็อวยพรให้บรันโด้เหมือนกัน
“ขอบคุณมากครับ” บรันโด้กล่าวแล้วก็เดินเข้าไปสู่พื้นที่พิเศษทันที
แวบ!
แล้วร่างของชายหนุ่มผมดำก็หายไปจากเกาะไรเดอร์
“หลังจากนั้นผมก็ขึ้นมาอยู่บนเรือที่กำลังแล่นมาเอเชียนี่แหละ ใช้เวลาอีกตั้งห้าวันแน่ะกว่าจะมาถึงนี่” ชายหนุ่มผมดำกล่าว
“แล้วก็มาเจอโรสหลังจากเดินอยู่ในเมืองพอร์ตทาวน์สินะ” หญิงสาวสีชมพูต่อเนื้อเรื่องที่ชายหนุ่มผมดำเล่า
“ใช่ครับ ก่อนหน้านั้นก็มีเรื่องกับคนบ้างประปราย แต่เจ้าโซล่าร์กับลูน่าร์ก็เก่งมากเลย ระดับก็เลยขึ้นมาถึงร้อยแถมมีเงินใช้ด้วย หลังจากนั้นถึงได้มาเจอคุณโรสกำลังถูกล้อมอยู่ในเมืองพอร์ตทาวน์นั่นแหละครับ” ชายหนุ่มผมดำกล่าว
ซึ่งพวกโซล่าร์ซิสฯ แค่ละคนก็พอจะเดาเรื่องออก ว่าทำไมชื่อของกราไฟต์ถึงไม่เป็นสีแดงแม้จะฆ่าคนที่ไม่มีค่าหัว เนื่องจากตัวละครกราไฟต์นี้มันไม่ใช่ร่างจริงนั่นเอง ไม่ว่ากราไฟต์จะฆ่าคนเท่าไหร่ แต่ชื่อที่มีค่าหัวกลับเป็นบรันโด้ต่างหาก ซึ่งทักษะสำรวจแบบธรรมดาก็จะเห็นแต่ชื่อของกราไฟต์เท่านั้นเอง
“ถ้าอย่างนั้นภารกิจของนายก็คือการตามหาคนที่มีความสามารถในการสำรวจนั่นสินะ” ชายหนุ่มสีฟ้ากล่าว
“ใช่แล้วครับ นั่นเป็นภารกิจที่ผมเคยพูดถึง” ชายหนุ่มผมดำตอบ
“ไม่มีปัญหากราไฟต์ พวกเราเป็นทีมเดียวกันอยู่แล้ว เราจะช่วยนายตามหาคนผู้นั้นเอง” ชายหนุ่มชุดแดงพูดออกมาอย่างกระตือรือร้น
“ขอบคุณมากครับ แต่พวกคุณไม่ได้ตามหาพี่มาตาร์อยู่เหรอครับ” กราไฟต์ถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“ฮ่า ๆ ๆ มันตั้งเกือบสองเดือนมาแล้วใช่มั้ยล่ะ อย่างพี่มาตาร์น่ะคงไม่อยู่ที่เกาะนั่นแล้วล่ะ แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่าเกาะนั่นมันอยู่ที่ไหน เอาเวลามาช่วยนายก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มชุดแดงตอบกลับ
“ขอบคุณมากครับ” กราไฟต์เอ่ยออกมาอย่างซึ้งใจ พวกโซล่าร์ซิสฯ ช่างมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทีมจริง ๆ
เมี้ยว!
เสียงแมวร้องขึ้นมานอกวงสนทนา ทำให้ทุกคนหันไปมอง
“อ๊า! เนโมฟื้นแล้วเหรอ มานี่ ๆ” ชายชุดแดงพูดอย่างตื่นเต้นที่เห็นสิงห์ที่มีแผงคอเป็นไฟส่งเสียงขึ้นมา พร้อมกับเดินไปอุ้มมันทันที
“งั้นเราจะทำอะไรต่อไปดีล่ะฮ้า” กะเทยบานเย็นพูดขึ้นหลังจากที่เรื่องราวทั้งหมดกระจ่างแล้ว
“ก่อนอื่นเราก็ไปรับของรางวัล หุ่นยนต์ยักษ์ของพวกเราก่อนสิ” หญิงสาวสีชมพูพูดขึ้นมาอย่างคึกคัก
“โอเค!!” โซล่าร์ซิสฯ ทั้งหลายตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
จบไปอีกหนึ่งเรื่อง
Rewrite tag: แก้คำผิด
ความคิดเห็น