คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #126 : บทที่122: ถ้ำที่ไร้ทางออก
บทที่122 ถ้ำที่ไร้ทางออก
“ต่อไปเป็นภารกิจแรกหลังจากที่เป็นไรเดอร์ล่ะนะ” ชายชราพูดออกมา
“เอ๋? มีภารกิจอะไรให้ทำด้วยเหรอครับ” บรันโด้สงสัย
“นำเข็มขัดออกไปจากถ้ำนี้ให้ได้” ชายชรากล่าวเสียงเรียบ
“หา?” บรันโด้ไม่เข้าใจ เขาจึงลองเดินไปที่ปากถ้ำทันที
ผึง!
แต่แล้วตัวของบรันโด้ก็กระเด้งกลับมาในถ้ำเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เขาพยายามถือเข็มขัดออกจากถ้ำเลย มันมีพลังบางอย่างที่ไม่ยอมให้เข็มขัดไรเดอร์ผ่านออกไป
“อะไรเนี่ย? ก็ผมทำภารกิจเข็มขัดไรเดอร์สำเร็จแล้วไม่ใช่เหรอ” บรันโด้เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่ แต่ข้าไม่ได้บอกนี่นา ว่าทำภารกิจสำเร็จแล้วจะสามารถออกจากถ้ำทางนั้นได้ ข้าบอกว่ามันมีทางออกเฉพาะของมันอยู่” ชายชรากล่าว
“...” บรันโด้ลองทบทวนสิ่งที่ชายชราเคยพูดกับเขาเมื่อครั้งที่เขานำเข็มขัดออกไปจากถ้ำไม่ได้ ซึ่งมันก็จริงอย่างที่ชายชราบอก เขาไม่ได้บอกว่าสำเร็จภารกิจแล้วจะเอาเข็มขัดออกไปได้จริง ๆ
“งั้นทางออกอยู่ไหนล่ะ” บรันโด้ถามชายชรา
“ทางนั้นไง” ชายชราชี้ไปทางโพรงถ้ำอีกด้านที่ดูเล็กกว่าทางเข้าหลักนี้
“อ๋อ พอมีเข็มขัดแล้วจะสามารถออกไปทางนั้นได้สินะครับ” บรันโด้หายสงสัยในที่สุด ที่แท้ก็มีทางออกเฉพาะของไรเดอร์นี่เอง
แต่มาตาร์เห็นท่าทางของชายชราแล้วก็ยังระแวงสงสัยอยู่
“บรันโด้ระวังนะ ทางออกนั้นต้องมีอะไรแน่” มาตาร์เตือนบรันโด้
“เจ้าอยากจะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ได้ ไม่จำกัดระยะเวลา ถ้าตายไป ข้าจะเก็บเข็มขัดเอาไว้ให้ มารับคืนได้ทุกเมื่อ” ชายชราพูดออกมาเหมือนกับว่าที่ทางออกนั้นมีสิ่งที่ทำให้ถึงตายอยู่
“...” บรันโด้ไม่พูดอะไร แต่ก็เหมือนจะรู้แล้วว่าที่ทางออกนั้นต้องมีศัตรูอยู่แน่นอน
“นายท่าน ให้แวมพ์ช่วยด้วยนะคะ” แวมไพร์สาวพูดแล้วก็เดินตามเจ้านายของเธอไปทันที
“แวมพ์ไปออกอีกทางนึงก็ได้นี่ ไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงกับผมเลย” บรันโด้กล่าว
“ไม่นะคะ ถ้าจะตายก็ตายด้วยกันสิคะ” แวมไพร์สาวกล่าว
“ไม่ดีหรอกแวมพ์ เรื่องอันตรายแบบนี้ให้ผมเสี่ยงคนเดียวก็พอแล้ว” บรันโด้พูดขึ้นมาเพราะเป็นห่วงแวมไพร์สาวของเขา
“อะไรของนายท่านน่ะ! ทำไมไม่เคยเข้าใจแวมพ์เลยล่ะ! เห็นแวมพ์เป็นแค่ตัวเกะกะหรือไง!!” แวมไพร์สาวขึ้นเสียงแล้วก็วิ่งเข้าไปที่ทางออกนั้นทันที
“เดี๋ยว! แวมพ์!!” บรันโด้เห็นว่าแวมไพร์สาวของเขาอาจได้รับอันตรายจากศัตรูในนั้นได้ จึงรีบวิ่งตามไปทันที
“โฮ่ ๆ ๆ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ศัตรูจะออกมาก็ต่อเมื่อผู้คาดเข็มขัดไรเดอร์เดินเข้าไปเท่านั้น” ชายชรากล่าว
แต่ถึงแม้ชายชราจะพูดอย่างนั้น แต่บรันโด้ก็ยังรีบวิ่งตามแวมไพร์สาวของเขาเข้าไปที่โพรงนั้นอยู่ดี
“นายท่านบ้าที่สุด!!” แวมพ์วิ่งเข้ามาในโพรงทางออกแบบไม่สนใจใคร ๆ ทั้งสิ้น
ตุบ!
“โอ๊ย!”
แต่แล้วแม่แวมไพร์สาวก็เหมือนกับชนเข้ากับใครบางคนที่อยู่ในโพรงนั่นจนเธอล้มลงไปก้นจ้ำเบ้า
“นายท่าน!?” แล้วแวมพ์ก็ต้องตกใจเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นว่าบรันโด้มาอยู่ข้างหน้าเธอ
กึก!
แต่แล้ว เสียงขยับก็ดังแลบออกมาจากด้านหลังแวมไพร์สาวอีกเสียงหนึ่ง เธอจึงหันไปดูว่ามีใครหรือตัวอะไรอยู่ทางด้านหลัง แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจยิ่งขึ้น เมื่อต้นเสียงที่เธอได้ยินนั้น มันคือเสียงที่มาจาก...
“นายท่าน!!?” แวมพ์อุทานออกมาอย่างไม่เข้าใจ ทำไมบรันโด้ถึงแยกออกเป็นสองคน หรือว่ามีตัวจริงกับตัวปลอม เธอหันหน้าไปมองทั้งสองคนสลับไปสลับมา
“...” บรันโด้ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทั้งสองคนดูเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเลยทีเดียว
“แกเป็นตัวปลอมสินะ!” แวมไพร์สาวคาดว่าบรันโด้ที่เธอชนเป็นตัวปลอมแน่ ๆ เพราะไม่มีทางที่ชายหนุ่มผมดำจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วจนสามารถมาดักหน้าเธอได้หรอก
ปี๊บบ!!
ลำแสงสีดำถูกยิงออกจากมือของแวมไพร์สาว พุ่งเข้าใส่บรันโด้ที่อยู่ใกล้ ๆ กับเธอทันที
ฟุบบ!! ตูมมม!!
บรันโด้เคลื่อนตัวหลบลำแสงนั้นแล้วก็ซัดหมัดอัดพลังปราณเข้าใส่ร่างแวมไพร์สาวทันที
“อ๊ายยย!!”
แม่แวมไพร์สาวถูกหมัดของบรันโด้อัดเต็ม ๆ ตัวของเธอปลิวไปติดกับผนังโพรงถ้ำด้านหนึ่งทันที
ฟิ้วว!
แต่แล้วบรันโด้อีกคนก็พุ่งเข้ามาที่ร่างของแม่แวมไพร์สาว
“นา..ยท่า..น ช่วยแว...มพ์ด้วย” แม่แวมไพร์สาวครางออกมาอย่างอ่อนแรง
ตูมมม!!!
“อ๊ายย!!!”
แต่แล้วคาดไม่ถึง บรันโด้อีกคนก็ซัดหมัดอัดพลังปราณใส่แม่แวมไพร์สาวเต็ม ๆ เหมือนกัน จนในที่สุดร่างของเธอเริ่มสลายไปอย่างช้า ๆ
“ท... ทำไ..ม?” แม่แวมไพร์สาวไม่เข้าใจว่าทำไมบรันโด้ถึงได้ทำร้ายเธอ
“แวมพ์!!” แต่แล้วเสียงจากชายหนุ่มดังขึ้นมาจากด้านที่เป็นถ้ำไรเดอร์
แท้จริงแล้วบรันโด้เพิ่งจะตามแม่แวมไพร์สาวมาถึงเท่านั้นเอง
“น..” แม่แวมไพร์สาวเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาเมื่อเห็นบรันโด้ตัวจริงที่เพิ่งมาถึง แต่ก็สายไปเสียแล้ว ร่างของแม่แวมไพร์สาวกลายเป็นแสงแล้วหายไปจนหมด
“อะไรเนี่ย!?” บรันโด้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อเขามาถึงบริเวณนี้ก็เห็นแวมไพร์สาวของเขากลายเป็นแสงแล้วสลายไป ...ด้วยคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเขาที่มีถึงสองคน!
ฟุบบ! บึ้กก!
บรันโด้เบอร์หนึ่งพุ่งเข้าต่อยบรันโด้ตัวจริงทันที ชายหนุ่มยังใช้แขนกันเอาไว้ได้ แต่ความเจ็บปวดแล่นเข้าใส่แขนของเขาจนชาไปทันที
ตูมม!!
“โอ๊ยย!!”
แล้วในจังหวะต่อมา บรันโด้เบอร์สองก็ต่อยเข้าไปที่สีข้างของชายหนุ่มผมดำจนเขากระเด็นไปติดผนังถ้ำอีกด้านหนึ่งทันที
หมัดของทั้งสองบรันโด้ทั้งเร็วและแรง ดูเหมือนจะรุนแรงกว่าที่ตัวจริงทำได้ด้วยซ้ำ ชายหนุ่มผมดำเจ้าของร่างจริงรู้สึกว่ากระดูกซี่โครงของเขาหักไปหลายซี่อยู่จากการโจมตีเมื่อครู่
ฟุบ! ฟุบ!
แต่แล้วไม่ทันได้ตั้งตัว บรันโด้ทั้งสองร่างก็พุ่งเข้าหาเจ้าของร่างที่ยืนตัวแข็งติดผนังทันที
ตูมมม!!!
กำปั้นสองอันถูกตอกเข้าใส่บรันโด้ตัวจริงทันที หมัดเสริมปราณเต็มกำลังทำให้ร่างของชายหนุ่มผมดำไม่ไหวติงอีกต่อไป
แล้วบรันโด้ก็สลายร่างตามแม่แวมไพร์สาวไปในเวลาไม่ถึงสิบวินาที
“อะไรเนี่ย!?” มาตาร์อุทานออกมาเมื่อเห็นภาพที่ฉายขึ้นมาบนกำแพงถ้ำ เขาเห็นฉากการตายของบรันโด้และแม่แวมไพร์สาวโดยตลอด
“ไม่เคยได้ยินเหรอ ศัตรูที่เราต้องเอาชนะให้ได้ก็คือตัวเองยังไงล่ะ” ชายชราเอ่ยออกมาเรียบ ๆ
“หมายความว่าจะออกจากที่นี่ไปพร้อมเข็มขัดได้ ต้องสู้เอาชนะตัวก็อปปี้ของตัวเองให้ได้เหรอ แถมสองตัวด้วยเนี่ยนะ” มาตาร์เข้าใจดีว่ามันยากขนาดไหน เขาเคยสู้กับตัวก็อปปี้ของตัวเองมาแล้วตอนอยู่ในแมนชั่นแห่งความตาย แค่ตัวเดียวที่ปรับความยากเอาไว้ง่ายที่สุดเขายังทำอะไรมันไม่ได้เลย
“ก็เพราะเข็มขัดไรเดอร์นั่นอยู่ในขั้นสองไงล่ะ ก็เลยออกมาสองร่าง” ชายชรากล่าว
“ฮ้า!!” มาตาร์อุทานออกมา “นี่ถ้าเข็มขัดอยู่ขั้นที่สิบก็ต้องสู้กับตัวก็อปปี้สิบร่างเหรอ ปรับความยากเอาไว้ที่เท่าไหร่เนี่ย” มาตาร์อดถามออกมาไม่ได้ มันจะโหดเกินไปแล้ว
“โฮ่ รู้เรื่องระดับความยากของตัวก็อปปี้ด้วยเหรอเนี่ย เจ้านี่ก็ไม่ธรรมดานะเนี่ย ...ตัวก็อปปี้ที่ทางออกจากถ้ำนี้ถูกปรับเอาไว้สูงสุด” ชายชราเฉลย
“!!”
มาตาร์ตกตะลึงจนค้าง แค่ตัวก็อปปี้ระดับสูงสุดร่างเดียวก็ไม่มีทางชนะแล้ว นี่แค่เข็มขัดระดับต่ำสุดยังต้องเจอตัวก็อปปี้ถึงสองร่าง แล้วอย่างนี้ใครมันจะเอาเข็มขัดออกไปจากที่นี่ได้บ้างเนี่ย
แวบบ!
แล้วเข็มขัดไรเดอร์ของบรันโด้ก็กลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าชายชราอีกครั้ง
“ตัวก็อปปี้จะก็อปปี้ร่างต้นที่ไม่ใช่ร่างไรเดอร์ด้วยนะ ดังนั้นถ้าอยากจะสู้ให้สูสีที่สุดก็คงจะต้องคืนร่างล่ะมั้ง” ชายชราแนะนำ เหมือนกับจะให้มาตาร์ที่ไม่มีเข็มขัดไรเดอร์ฟังเอาไว้เผื่อว่าจะอยากทำภารกิจขึ้นมา
“ลุง ผมถามจริง ๆ เหอะ ...เคยมีคนเอาเข็มขัดออกจากถ้ำนี้ได้กี่คนแล้ว” มาตาร์ถามออกมาอย่างหวั่นใจ จริง ๆ ตอนแรกที่เห็นว่าไรเดอร์สามารถคืนร่างได้เขาก็สนใจอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้เมื่อเห็นอุปสรรคที่ไม่มีทางผ่านไปได้แล้วก็เริ่มลังเล
“ที่ผ่านมามีคนทำภารกิจไรเดอร์สำเร็จถึงพันห้าร้อยคนแล้ว แต่ไม่มีซักคนที่เอาเข็มขัดออกจากเกาะนี้ได้เลย” ชายชราเอ่ยออกมาอย่างเศร้าสร้อย ดูเหมือนเขาจะผิดหวังอยู่พอสมควรที่ไรเดอร์ไม่สามารถประกาศตัวสู่สายตาชาวโลกได้
‘ก็ตั้งระดับความยากเอาไว้โหดหินแบบนี้ใครมันจะผ่านได้มั่งวะเนี่ย’ มาตาร์คิดขึ้นมาในใจ
“แล้วพวกเราเข้าไปช่วยได้มั้ยคะ” คลาร่าถามชายชรา
“คนที่สามารถผ่านเข้าไปในโพรงนั่นได้มีแค่ไรเดอร์และผู้ติดตามเท่านั้นแหละ ถ้าเจ้าหนุ่มนี่ยอมเป็นไรเดอร์พวกเจ้าก็เข้าไปช่วยได้นะ” ชายชรากล่าว
“แล้วตัวก็อปปี้ของผมก็จะออกมาด้วยสินะ” มาตาร์พูดเรียบ ๆ
เท่ากับว่าไม่มีประโยชน์เลย ร่างก็อปปี้ของมาตาร์เก่งมากเนื่องจากชายหนุ่มผมแดงนี้เป็นคนที่มีท่าปราณอันรวดเร็วและรุนแรง แค่ร่างจริงของเขา สามสาวรวมกันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย แล้วร่างก็อปปี้ที่เก่งกว่าตัวจริงจะขนาดไหน การที่เขาเปลี่ยนเป็นไรเดอร์แล้วเข้าไปช่วยสู้จะกลายเป็นทำให้การผ่านถ้ำนี้ยากขึ้นมากกว่า
แล้วหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง บรันโด้และแวมไพร์สาวของเขาก็กลับเข้ามาในถ้ำไรเดอร์
“มันอะไรกันน่ะครับลุง ไอ้ร่างเหมือนของผมเนี่ย” บรันโด้โพล่งออกมาทันทีที่เข้ามาในถ้ำ
“แวมพ์นึกว่าโดนนายท่านฆ่าตาย เกือบจะโกรธกันแล้วนะ!” ดูเหมือนแม่แวมไพร์สาวจะโกรธเรื่องอื่นมากกว่า
แล้วมาตาร์ก็อธิบายถึงศัตรูในถ้ำให้ฟัง ว่าแท้จริงแล้วเจ้าสองตัวนั่นคืออะไรกันแน่
“หมายความว่ามันจะลอกเลียนสถานะและความสามารถทั้งหมดของผมไปเหรอ” บรันโด้กล่าวหลังจากรับรู้ข้อมูลแล้ว
“ใช่ มันจะใช้ความสามารถที่นายมีอยู่ทั้งหมดในการต่อสู้ และมันสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าที่นายทำได้ซะอีกนะ” มาตาร์กล่าว
“งั้นถ้าผมกระจอก มันก็จะกระจอกด้วยใช่มั้ยครับ” บรันโด้ถามขึ้นมาอีก
“เอ๋?” มาตาร์สงสัยขึ้นมาทันทีว่าบรันโด้คิดจะทำอะไร
“ผมคิดแผนการออกจากถ้ำได้แผนการนึง ยังเหลือเวลาอีก ...ไม่กี่ชั่วโมงแล้ว ดีนะที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ...ก่อนอื่นเลย แวมพ์ช่วยสอนผมยิงพลังคลื่นสีดำนั่นหน่อยได้มั้ย” บรันโด้ดูเวลาในเมนูแล้วพูดออกมาเหมือนคิดแผนอะไรขึ้นได้
“เอ๋? ...ก็ได้ค่ะนายท่าน แต่มันเป็นท่าปราณความมืดนะคะ นายท่านยังไม่มีปราณธาคุความมืดเลยไม่ใช่เหรอ” แวมพ์กล่าวอย่างงง ๆ เธอไม่รู้เลยว่าบรันโด้จะทำอะไร
“โฮ่ ๆ ๆ ถ้าอย่างนั้นก็เรียนรู้มันจากแมลงของเจ้าสิ” ชายชรากล่าวพร้อมกับยื่นเข็มขัดให้บรันโด้ ดูเหมือนเขาเองก็รอให้บรันโด้ทำอะไรบางอย่างออกมาเหมือนกัน
แกร็ก
“โซล่าร์ลูน่าร์ แปลงร่าง!” บรันโด้ไม่ยอมเสียเวลา เขาคาดเข็มขัดไรเดอร์แล้วแปลงร่างทันที
มันก็เหมือนกับที่แองเจล่าสอนการใช้ปราณแสงให้เมโลดี้ขณะประสานร่างกัน ตอนนี้บรันโด้แปลงร่างแล้วดึงความสามารถของแมลงทั้งสองออกมาใช้ แล้วจับจังหวะการใช้ปราณความมืด และเนื่องจากบรันโด้เป็นเผ่ามนุษย์ที่ยังไม่เลือกธาตุประจำตัว การฝึกธาตุความมืดด้วยตัวเองจนกลายเป็นธาตุประจำตัวจึงเป็นไปได้ เพราะหากเลือกธาตุประจำตัวแล้วแบบมาตาร์ ต่อให้ฝึกปราณความมืดแค่ไหนก็ใช้ออกมาไม่ได้ เพราะปราณธาตุลมกับความมืดมันไม่เสริมกันเลย
วูมม!
บรันโด้เรียกปราณความมืดออกมาขณะอยู่ในร่างของไรเดอร์
“คืนร่าง!!”
วูบ!
แต่แล้วเมื่อบรันโด้คืนร่าง ปราณความมืดกลับหายไป แต่ว่าเขาก็ยังไม่หยุดโคจรลมปราณและพยายามเปลี่ยนมันให้กลายเป็นความมืดเองให้ได้
สิ่งที่มาตาร์กะเอาไว้ว่าบรันโด้จะทำก็คือ การยิงพลังความมืดใส่ร่างก็อปปี้ทั้งสองนั่นให้มันตายลงไปในครั้งเดียว ที่บรันโด้บอกว่าถ้าตัวเขากระจอกตัวก็อปปี้ก็จะกระจอก มันหมายความว่าบรันโด้คงจะลดพลังชีวิตของตนเองจนต่ำที่สุดก่อน แล้วก็ค่อยเข้าไปสู้กับตัวก็อปปี้ เมื่อนั้นตัวก็อปปี้ก็จะมีพลังชีวิตอันน้อยนิดเหมือนกัน แล้วอาศัยลูกฟลุคที่อาจจะยิงไปโดน ถ้าโจมตีเข้าเป้าได้ เจ้าตัวก็อปปี้ก็อาจจะตายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แล้วก่อนยิงก็ต้องคืนร่างก่อนด้วยเพราะค่าสถานะร่างไรเดอร์ของบรันโด้ถูกหารสอง แต่ร่างหลักของบรันโด้ไม่มีปราณความมืด ดังนั้นจึงต้องฝึกให้ร่างหลักใช้ปราณความมืดได้เสียก่อน
วูม!
หลังจากนั้นเมื่อบรันโด้ฝึกจนปราณหมด และเหนื่อยอ่อนเต็มที่
“พี่มาตาร์ช่วยฆ่าผมหน่อยสิครับ” บรันโด้พูดขึ้นมาพร้อมกับส่งคำท้าไปให้ชายหนุ่มผมแดงทันที
“เอ๋!?” แม่แวมไพร์สาวอุทานออกมาทันที เพราะเธอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาฆ่ากันตอนนี้ด้วย
“นึกแล้วเชียว วิธีนี้จริง ๆ ด้วยสินะ นี่อาจจะเป็นทางที่ง่ายที่สุดแล้วล่ะนะ” มาตาร์เหมือนรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้แน่ เพราะการลดค่าพลังชีวิตมันมีอยู่วิธีเดียวคือตาย แถมถ้าตายแล้วฟื้นขึ้นมายังฝึกต่อได้ทันทีเลยด้วย
“ครับ ช่วยหน่อยนะครับ” บรันโด้กล่าวเรียบ ๆ พร้อมกับหลับตา
“อะไรกันคะ อธิบายให้แวมพ์เข้าใจด้วยสิ” แวมไพร์สาวยังไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวตายแล้วผมอธิบายให้แวมพ์รู้เรื่องเอง ตอนนี้อย่าเสียเวลาเลย รีบฆ่าผมก่อนเลยครับพี่มาตาร์” บรันโด้ไม่สนใจคำร้องเรียนของแม่แวมไพร์สาว เขากะว่าจะอธิบายให้เธอรู้ตอนที่อยู่ในห้องสีขาวนั้น
วูมม!
“วางใจได้เลยบรันโด้ นายจะไม่รู้สึกแม้กระทั่งเจ็บ” มาตาร์เรียกกระสุนพรากสังขารใส่มือทันที
“ช่วยหน่อยนะครับ” บรันโด้กล่าวแล้วหลับตาลงเหมือนเดิม
ปิ้ว! วูมม!!
กระสุนพรากสังขารขนาดสามเซนติเมตรพุ่งเข้าใส่หัวของบรันโด้จัง ๆ แล้วร่างท่อนบนของชายหนุ่มผมดำก็หายไปทั้งยวงเหมือนหลุดเข้าไปในต่างมิติแบบไม่ทันกะพริบตา ก่อนร่างกายท่อนล่างจะกลายเป็นแสงแล้วสลายไป
“โฮ่ ๆ ๆ วิชาของเจ้านี่มันร้ายกาจจริง ๆ ถึงขั้นสลายสสารได้เลยเหรอเนี่ย” ชายชราเอ่ยขึ้นมาหลังจากเห็นกระสุนพรากสังขารของมาตาร์
ชายหนุ่มผมแดงยิ้มรับคำชมนั้นก่อนจะหันไปหาสาว ๆ ของเขา
“สาว ๆ ระหว่างนี้เดี๋ยวพี่สอนการใช้ปราณให้ละกันนะ เริ่มจากบราวนี่ก่อนละกัน” มาตาร์ที่ว่างงานอยู่กะจะใช้เวลาช่วงนี้เต็มที่เพื่อสอนการใช้พลังให้สาว ๆ และฝึกการต่อสู้ที่เหมาะกับพื้นฐานการเคลื่อนไหวของสามสาวด้วย เพราะหลังจากนี้เมื่อเขาประสานวิญญาณกับสามสาวอีกจะได้เคลื่อนไหวได้สะดวกและเป็นธรรมชาติ
ที่มาตาร์เลือกฝึกกับบราวนี่ก่อนเพราะแม่เหยี่ยวสาวเป็นคนเดียวในกลุ่มตอนนี้ที่ไม่มีกิจกรรมยามว่างทำนั่นเอง คลาร่าสามารถฝึกปราณมังกรด้วยตัวเองได้ โมเรน่าก็ดูเหมือนจะติดใจการฮัมเพลงแล้วเขียนกำแพงเหลือเกิน
ดังนั้น ชั่วโมงนั้นขณะที่รอบรันโด้ฟื้นขึ้นมา มาตาร์จึงประสานวิญญาณกับบราวนี่แล้วหัดใช้ปราณแสงที่เขาไม่เคยใช้มาก่อนเลย
วูมม!
ปราณสีขาวนวลซึ่งเป็นปราณธรรมชาติแผ่ออกมาจากร่างของแม่เหยี่ยวสาว แล้วก็ค่อย ๆ เปล่งแสงออกมาทีละน้อย
“อืม ปราณแสงนี่คล้าย ๆ ตอนใช้ปราณสายฟ้านิดหน่อยแฮะ วิธีเร่งพลังเหมือนกันเลย” มาตาร์ในร่างบราวนี่เอ่ยออกมา
สำหรับปราณแสงของเผ่าเทพนั้น ไม่ได้มีความแตกต่างกับปราณแสงของเผ่ามนุษย์เลย เพียงแต่ว่าเผ่าเทพจะไม่สามารถใช้ปราณธาตุข้างเคียงได้เท่านั้นเอง โดยแลกกับความสามารถทางด้านพลังจิตที่สูงขึ้น และความสามารถเทพจำแลงที่เพิ่มค่าสถานะสมาธิ จิตใจ และโชคให้สูงขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งค่าสถานะและพลังพิเศษของเผ่าเทพนี้เหมาะแก่การใช้อาวุธยิงอย่างแท้จริง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถใช้อาวุธอื่นหรือการต่อสู้รูปแบบอื่นได้ มันเป็นเพียงแค่ความเหมาะสมหรือความชอบเท่านั้นเอง
และแล้วเมื่อบรันโด้ฟื้นกลับขึ้นมา เขาก็ฝึกปราณความมืดต่อ ในขณะที่มาตาร์ก็เลิกฝึกแล้วหันมานั่งดูเฉย ๆ เพราะไม่อยากแสดงทักษะประสานวิญญาณให้ใครเห็นนั่นเอง
หลังจากฝึกตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ผ่านการตายไปอีกสามครั้ง บรันโด้ก็ใช้ปราณความมืดได้พร้อมทั้งยิงพลังคลื่นสีดำออกมาได้ด้วย
เปรี้ยง!
คลื่นสีดำถูกยิงออกมาใส่ผนังถ้ำ แต่ไม่เห็นร่องรอยความเสียหายที่ปรากฏขึ้นมาเลย
“คลื่นความมืดนี้ไม่ได้เน้นที่การทำลายนะคะนายท่าน แต่มันจะทำให้เป้าหมายเชื่องช้าและอ่อนแอลงพักหนึ่ง” แวมไพร์สาวกล่าว
“อืม ไม่เหมือนที่คิดเท่าไหร่ แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” บรันโด้เอ่ยออกมาพร้อมคิดถึงวิธีใช้พลังไปด้วย
“พร้อมรึยังล่ะบรันโด้” มาตาร์ถามขึ้นมา
“ยังครับ ต้องรอเวลาก่อน รอให้ใกล้มืดมากที่สุด” บรันโด้เอ่ย
“เอ๋!?” มาตาร์สงสัย ทำไมถึงต้องรอให้มืดด้วย บรันโด้จะทำอะไรกันแน่
แต่ผู้อ่านคงรู้ล่ะมั้ง ว่าจะฝ่าถ้ำออกไปได้ยังไง ...ฮึ ๆ ๆ
Rewrite tag: แก้คำผิด ปรับบทสนทนา
ความคิดเห็น