ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #124 : บทที่120: เข้าป่าแมลง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.31K
      86
      1 มิ.ย. 55

    บทที่120 เข้าป่าแมลง

     

    เซเรน่า อย่าคิดว่าเรื่องมันจะจบนะ ถึงชั้นจะทำอะไรเธอในเกมไม่ได้ แต่ชีวิตจริงมันก็เป็นอีกเรื่องนึง แล้วเจอกัน ฮ่า ๆ ๆ เสียงของชายคนหนึ่งดังออกมาจากโต๊ะใส ๆ ในร้านกาแฟที่บรรยากาศสบาย ๆ ในขณะที่หญิงสาวสองคนกำลังนั่งจิบกาแฟกันอยู่

    “เนี่ยแหละ ข้อความของเจ้าโลกอส” หญิงสาวผมดำขลับยาวสลวยพูดขึ้น

    “แค่เนี้ยเหรอ?” หญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวเป็นลอนถามขึ้นหลังจากได้ฟังข้อความนั้นแล้ว

    “อือ แค่นี้แหละ” หญิงสาวผมดำตอบกลับง่าย ๆ

    “ข้อความนี่มันใช้เป็นหลักฐานอะไรไม่ได้เลย เนื้อหาก็กำกวม” หญิงสาวผมสีน้ำตาลทำท่าหนักใจ

    “แกจะบอกว่าชั้นทำอะไรมันไม่ได้จากข้อความแค่นี้ใช่มั้ย” หญิงสาวผมดำถามขึ้นมาอีกพร้อมกับเติมน้ำตาลลงในกาแฟของเธอแล้วใช้ช้อนคนอย่างแรง

    “แหม คุณโลกอสก็ท่าทางจะเหลี่ยมจัดจริง ๆ แหละ สมแล้วที่เป็นผู้ที่โด่งดังในวงธุรกิจ” หญิงสาวผมสีน้ำตาลเอ่ยชม

    “งั้นเราไปสร้างหลักฐานกัน” หญิงสาวผมดำพูดชักชวนเพื่อนของเธอพร้อมทั้งซดกาแฟหวาน ๆ นั่นเข้าปาก

    “อ๊ะ ๆ ๆ สร้างหลักฐานเท็จมีความผิดนะยะ ติดคุกนะหล่อน” หญิงสาวผมสีน้ำตาลเตือนเพื่อนสาว

    “แล้วใครบอกว่าชั้นจะสร้างหลักฐานปลอมล่ะ ชั้นจะไปยั่วมันให้สติแตกจนต้องส่งคำขู่จริง ๆ มาให้ชั้นเลยล่ะ” หญิงสาวผมดำพูดขึ้นมาพร้อมกับส่งสายตาชั่วร้ายไปให้เพื่อนสาว

    “...แกนี่แสบจริง ๆ นะวี คุณโลกอสหลวมตัวคว้าแกมาเป็นแฟนได้ไงเนี่ย” หญิงสาวผมสีน้ำตาลตอบกลับอย่างละเหี่ยใจพร้อมกับยกกาแฟขึ้นมาจิบบ้าง

    “แกต้องมาช่วยชั้นด้วยเจน” วีนัสตอบกลับเพื่อนสาวพร้อมทั้งใช้มือจิ้มไปที่โต๊ะกาแฟ แล้วจอภาพสามมิติก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศเหนือโต๊ะใสนั่น

    “อะไรกันยะ มันไม่ใช่หน้าที่ชั้นซักหน่อย” เจนนิเฟอร์ร้องเรียนพร้อมกับวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ

    “ขอปฏิเสธ ในเมื่อแกไม่ได้ทำงานให้ชั้นฟรี ๆ ชั้นก็มีสิทธิ์สั่งแกสิ ฮิฮิฮิ” วีนัสพูดออกมาอย่างผู้ชนะพร้อมกับใช้มือจิ้มเข้าไปในจอภาพสามมิติแล้วเลือกอะไรบางอย่างที่เป็นรูปพร้อมคำอธิบายบนหน้าจอ

    “อะไรกัน!?” เจนนิเฟอร์รู้ตัวว่าเสียท่าให้เพื่อนสาวของตนซะแล้ว

    “เอ้าเรียบร้อย ชั้นสั่งชิปเกมจ็อคออนไลน์ให้แกแล้ว กลับบ้านไปแล้วก็เล่นซะนะ ชั้นจ้างแกเล่นวันละแปดชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ยังไงแกก็ไม่เสียอะไร เพราะมันเป็นเวลานอนของแกอยู่แล้วนี่นา จริงมั้ย” วีนัสพูดจบแล้วก็เคาะโต๊ะหนึ่งที จอสามมิติก็หายวับไป

    “อะไรเนี่ย!? ทำไมมันลงเอยแบบนี้ล่ะ” เจนนิเฟอร์บ่นออกมาทันทีพร้อมกับยกแก้วกาแฟขึ้นมากระดกลงไปพรวดเดียวเพื่อแก้กลุ้ม

    โลกในปัจจุบันนี้ คอมพิวเตอร์พกพาส่วนบุคคลไม่จำเป็นอีกต่อไป ทุกอย่างเป็นบริการสาธารณะซึ่งหาจากที่ไหนก็ได้ โดยเอไอส่วนบุคคลจะเป็นตัวเชื่อมต่อกับเครื่องสาธารณะนั้นให้เอง เมื่อเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา หน้าจอที่ปรากฏนั้นก็จะเป็นหน้าจอที่เจ้าของเอไอตั้งเอาไว้เสมอ จึงเหมือนกับมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลพกพาตลอดเวลาอยู่แล้ว

    การซื้อของและธุรกรรมทั้งหลาย สามารถทำได้โดยผ่านคอมพิวเตอร์สาธารณะหรือจะให้เอไอจัดการให้ก็ได้ ที่วีนัสทำลงไปเมื่อสักครู่ คือการซื้อของผ่านระบบออนไลน์จากเครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะนั่นเอง โดยของที่สั่งจะไปส่งให้ถึงที่โดยอัตโนมัติ และการจ่ายเงินก็ใช้ระบบหักบัญชี ไม่มีธนบัตรหรือเหรียญใช้กันแล้วในโลกยุคนี้ ทุกอย่างเป็นข้อมูลไฟฟ้าทั้งสิ้นเพื่อที่จะได้ไม่เปลืองทรัพยากร

    “ชั้นใช้ชื่อในเกมว่าซารีน่านะ พอไปถึงเอเชียก็ซื้อเครื่องมือสื่อสารซะ แล้วชั้นจะติดต่อไป รายละเอียดของเกมชั้นจะส่งให้แกหลังจากกลับบ้านแล้ว แค่นี้นะจ๊ะ” วีนัสพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านกาแฟทันที ไม่ปล่อยให้เพื่อนสาวตอบโต้อะไรออกมาได้อีก

    “เดี๋ยว!! แก! วีนัส! ...ยัยแม่มด!” เจนนิเฟอร์ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาเรียกเพื่อนสาวของเธอดี ช่างทำกับเพื่อนได้แสบนัก

     

    “เชิญสร้างตัวละครค่ะคุณเจนนิเฟอร์” บรรณารักษ์สาวผมสีเงินยาวถึงกลางหลังเอ่ยขึ้นหลังจากทักทายเจนนิเฟอร์ตามปกติแล้ว

    ทันใดนั้นหน้าจอสามมิติก็ปรากฏขึ้นมาบนโต๊ะหนังสือในห้องสมุดสีทึม ๆ นั่น

    “เอ้อ ...เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาใช่มั้ยคะ” เจนนิเฟอร์ถามบรรณารักษ์

    “ใช่ค่ะ หน้าตาปรับได้ไม่เกิน 10% รูปร่างปรับได้ตามใจชอบเลยค่ะ” บรรณารักษ์กล่าว

    “อืม ไม่เปลี่ยนค่ะ” เจนนิเฟอร์คิดถึงการติดต่อเพื่อนสาวของเธอ ถ้าหากเธอเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาไปแล้วเพื่อนของเธอจะหาเธอเจอได้อย่างไร ดังนั้นเธอจึงกดปุ่มยืนยันรูปร่างตามปกติของเธอ

    “ตั้งชื่อตัวละครด้วยค่ะ” บรรณารักษ์ถามขึ้นมาอีก

    “ชื่อเจนนิเฟอร์ค่ะ” หญิงสาวคิดถึงการติดต่อเพื่อนสาวอีกเหมือนกัน เพราะเธอไม่รู้จักรูปร่างหน้าตาของเพื่อนเธอในโลกเกมนี้ รู้จักแต่ชื่ออย่างเดียว ข้อมูลที่เพื่อนสาวส่งมาให้บอกว่าเกมนี้ตั้งชื่อตัวละครซ้ำได้ ถ้าเกิดเธอหาชื่อซารีน่าด้วยเครื่องมือสื่อสารแล้วเกิดขึ้นมาร้อยรายชื่อ เธอก็ไม่รู้แล้วว่าจะติดต่อคนไหน ในกรณีเดียวกัน ถ้าเพื่อนของเธอหาชื่อเจนนิเฟอร์ด้วยเครื่องมือสื่อสารเหมือนกัน มันต้องมีหน้าผู้เล่นขึ้นมาเป็นร้อยเหมือนกัน ถ้าเธอเปลี่ยนชื่อหรือหน้าตาตอนสร้างตัวละคร รับรองว่าหากันไม่เจอแน่ ๆ ดังนั้นเธอจึงต้องคงชื่อและหน้าตาเอาไว้ให้เหมือนในโลกจริง

     

    “เรียบร้อยแล้วค่ะ มีคำถามอะไรเพิ่มเติมมั้ยคะ” บรรณารักษ์กล่าวหลังจากจัดการเรื่องชื่อ หน้าตา และชุดให้ผู้เล่นใหม่ผิวสีน้ำผึ้งเรียบร้อยแล้ว

    “ไม่มีค่ะ” เจนนิเฟอร์พอจะรู้ข้อมูลในเกมคร่าว ๆ จากข้อมูลที่เพื่อนสาวส่งมาให้เธอแล้ว ซึ่งมันก็เยอะพอสมควรแหละ แต่ด้วยหน้าที่ เธอจึงศึกษาอย่างละเอียดก่อนจะเข้าเกมมานี่

    “ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณเจนนิเฟอร์เดินออกทางประตูด้านหลังได้เลยค่ะ” บรรณารักษ์กล่าวพร้อมกับผายมือไปทางด้านหลังผู้เล่นสาว

    แล้วเจนนิเฟอร์ก็เปิดประตูเข้าสู่โลกฝันที่ชื่อจ็อคออนไลน์ ...อีกคน

     

    “หา? พี่มาตาร์แกนอนเล่นไปเฉย ๆ สามวันเลยเหรอ” คริมซั่นรู้สึกแปลกใจที่ได้ฟังเรื่องราวที่กราไฟต์เล่าให้ฟัง

    “ครับ ถ้านับวันที่ไปถึงเกาะอีกวันก็เท่ากับนอนไปสี่วันเลยล่ะครับ” กราไฟต์กล่าว

    พวกโซล่าร์ซิสฯ แต่ละคนมองหน้ากันด้วยอารมณ์สนเท่ห์ เพราะเท่าที่พวกเขาเคยประสบมากับตัวเอง ชายหนุ่มผมแดงคนนั้นแทบจะไม่เคยอยู่เฉยเลย เล่นเอาพวกเขาโทรมเพราะฝึกซ้อมการต่อสู้กันทั้งวัน

    “แต่แล้วเย็นวันนั้น หลังจากที่ผมตายกลับมาจากภารกิจอีกครั้ง” กราไฟต์เริ่มเล่าเรื่องบนเกาะไรเดอร์ต่อ

     

    “บรันโด้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะไปช่วยเราทำภารกิจนะ ถ้าเห็นพี่ไม่ตื่นก็ช่วยปลุกด้วยล่ะ อย่าเพิ่งไปคนเดียว” ชายหนุ่มผมแดงกล่าวกับชายหนุ่มผมดำที่เดินเข้าถ้ำมาด้วยชุดกางเกงในสีขาวตัวเดียว พร้อม ๆ กับแวมไพร์สาวที่ใส่ชุดชั้นในสีดำสุดเซ็กซี่

    “อ้อ ได้ครับ” บรันโด้ตอบกลับชายหนุ่มผมแดงด้วยท่าทางงง ๆ

    แล้วชายหนุ่มผมดำก็เดินเข้าไปในกระท่อม เพื่อหาเสื้อผ้าใส่ ซึ่งในกระท่อมก็มีเสื้อผ้าแบบเรียบ ๆ คอยให้บริการผู้เล่นอยู่แล้ว

     

    คืนนั้น เรย์น่าก็ยังลากมาตาร์ออกไปทรมานเหมือนเดิม ซึ่งมาตาร์ก็ยอมให้เรย์น่าทรมานโดยไม่ทำตัวผิดไปจากปกติเลย เขายังคงทรมานเพราะสายฟ้าและแส้ที่รัดคออยู่เหมือนเดิม จนสลบไป

     

    และแล้วเมื่อถึงเช้าวันต่อมา

    “พี่มาตาร์ครับ ...พี่มาตาร์” บรันโด้เรียกชายหนุ่มผมแดงที่หลับเป็นตายพร้อมกับเขย่าตัวเขาเบา ๆ

    “อืม~ม” มาตาร์ครางออกมาเหมือนไม่อยากจะตื่น

    “มาตาร์ตื่นเถอะค่ะ” คลาร่าเข้ามาเขย่าตัวชายหนุ่มผมแดงบ้าง พร้อมกับปล่อยปราณไฟออกมาบาง ๆ

    “อื้ม~ม” มาตาร์ครางพร้อมกับเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาตามร่างกายและใบหน้า

    “มาตาร์” บราวนี่ก็เรียกบ้างพร้อมกับใช้พลังจิตยกหัวของชายหนุ่มขึ้นมาช้า ๆ จนร่างของเขาเริ่มตั้งตรงขึ้นเรื่อย ๆ

    “อ... เอ๋อ?” มาตาร์ลืมตาพรึบขึ้นมาเมื่อหัวก็ตั้งตรงอยู่และรู้สึกร้อนอบอ้าว

    “พี่มาตาร์กินอะไรก่อนมั้ยครับ” บรันโด้ถามเมื่อเห็นว่ามาตาร์ตื่นแล้ว ถึงท่าลุกจะดูแปลก ๆ ก็เถอะ

    “เอ่อ ...เอาสิ” มาตาร์รวบรวมสติที่กำลังกระจัดกระจายอยู่ เขาทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง แล้วก็หันไปทางแม่หมาป่าสาวกับแม่เหยี่ยวสาวของเขา

    “ไปทำภารกิจกันนะคะ” คลาร่ายิ้มให้ชายหนุ่มทันทีที่เห็นเขาหันมาหาเธอ

    “เก่งนะเดี๋ยวนี้น่ะ” มาตาร์แซวคลาร่าเมื่อเห็นว่าเธอสามารถควบคุมปราณไฟแบบเบาบางได้ด้วย

    “ฮิฮิ” คลาร่ายิ้มรับอย่างอารมณ์ดี

    หมับ!

    แม่เหยี่ยวสาวก็เข้ามาเกาะแขนชายหนุ่มบ้างเพราะเห็นเขาชมแต่แม่หมาป่าสาว

    “บราวนี่ก็เจ๋งไปเลย พี่ยังไม่ทันสอนพลังจิตให้เลย ใช้เป็นได้ยังไงเนี่ย” มาตาร์เอ่ยชม

    คนอื่นอาจจะเห็นว่าบราวนี่เอาแต่นอนเฉย ๆ มาสามวันแต่จริง ๆ แล้วแม่เหยี่ยวสาวนอนไปก็ฝึกการใช้พลังจิตไปด้วยต่างหาก เธอจินตนาการถึงการยกหินให้ลอยมาตลอดสามวันโดยแทบจะไม่ยอมขยับตัวเลย (นอนกอดมาตาร์นิ่ง ๆ) แล้วพอสุดท้ายเมื่อเธอผ่านภารกิจของเผ่าเทพ พลังจิตจึงพุ่งสูงขึ้นจนใช้งานได้

    ซึ่งถ้าเทียบกับความเหนื่อยยากแล้วยังถึงว่าไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบถึงระยะเวลาที่พยายามแล้ว ยังใช้เวลานานกว่ามาตาร์เสียอีก จึงไม่แปลกอะไรที่พลังจิตของบราวนี่จะมาตื่นเอาตอนนี้

    หลังจากนั้นมาตาร์ก็กินข้าวเช้าอย่างง่าย ๆ แล้วก็สำรวจร่างกายตัวเองว่ายังมีความเหนื่อยล้าจากการโดนทรมานหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่

    ยัยงูพิษนี่ทำซะเนียนเลยแฮะ แทบไม่เห็นร่องรอยการโดนทรมานเลย มาตาร์คิดขึ้นมาพร้อมกับบิดตัวไปมาเหมือนบิดขี้เกียจ

    “โอเคบรันโด้ พร้อมแล้ว ไปกันเถอะ” มาตาร์หันมาบอกชายหนุ่มผมดำที่เตรียมตัวเสร็จนานแล้ว กำลังรออยู่หน้ากระท่อม

    “ทางเข้าไปจับแมลงอยู่หลังกระท่อมนี่ครับ” บรันโด้กล่าว

    “และผู้ที่เป็นไรเดอร์เท่านั้นที่สามารถผนึกแมลงได้ ดังนั้นจึงต้องใส่เข็มขัดเข้าไปทำภารกิจด้วย” ชายชราเสริม

     

    แกร็ก

    แล้วบรันโด้ก็คาดเข็มขัดไรเดอร์ของเขาทันที

    ทันใดนั้นทรงผมสีดำและสั้นของเขาก็เปลี่ยนไปเป็น ...สีดำ สั้น และชี้ขึ้นเล็กน้อย

    กราไฟต์

    ระดับ 90

     

    หืม? ชื่อเปลี่ยนไปด้วยเหรอเนี่ย มาตาร์แอบสำรวจบรันโด้หลังจากคาดเข็มขัดแล้ว

    “ไปกันเถอะครับ” บรันโด้พูดขึ้นแล้วก็เดินนำเข้าไปที่โพรงหลังกระท่อมทันที

    แวมไพร์สาวกับมาตาร์และสามสาวก็เดินตามเข้าไป

    แล้วมาตาร์ก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาเดินทะลุออกมาอีกด้านของถ้ำแล้วเห็นว่ามันเป็นป่าที่มีพื้นที่กว้างขวางพอ ๆ กับป่าที่อยู่ข้างนอกถ้ำนั่นเลย แต่มันถูกล้อมไว้ด้วยภูเขาหินทุกด้าน ทางที่พอจะเข้ามาในป่ากลางหุบเขานี้ได้ก็คือจากหลังกระท่อมนั่นหรือไม่ก็บินเข้ามา

    แต่ความจริงแล้วแม้แต่บินก็เข้ามาไม่ได้ เพราะกลางอากาศก็มีโล่พลังที่มองไม่เห็นคลุมอยู่  เพราะพื้นนี้นี้สงวนไว้สำหรับผู้ที่มาทำภารกิจเข็มขัดไรเดอร์เท่านั้น

    “ป่าเหรอเนี่ย” มาตาร์อุทานออกมาเบา ๆ เพราะรู้สึกคาดไม่ถึง

    “ครับ เราต้องหาแมลงในป่านี้ แล้วก็จับมันให้ได้” บรันโด้กล่าว

    “แล้วจับยังไงล่ะ ตาแก่นั่นบอกวิธีมารึเปล่า” มาตาร์ถาม

    “เห็นว่าใช้วิธีเหมือนจับสัตว์อสูรทั่วไป คือต้องกำราบมันให้ได้ หรือไม่ก็ทำให้มันยอมรับ” บรันโด้กล่าว

    “เหรอ” มาตาร์นึกถึงตอนที่เมโลดี้ได้แองเจล่าเป็นผู้ติดตาม ตอนนั้นเมโลดี้แค่ตั้งชื่อให้แม่นางฟ้าผมทองเท่านั้นเอง ดูเหมือนมันจะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้สัตว์อสูรยอมรับแบบหนึ่ง

    “แล้วมันยากตรงไหนล่ะคะ” คลาร่าถามขึ้นมาบ้าง

    “มันก็ยากตรงที่ หนึ่ง ต้องหาแมลงให้เจอ สอง ห้ามฆ่ามัน และสาม แมลงที่นี่โหดมากน่ะสิ” แวมไพร์สาวหันมาตอบแทนเจ้านายของเธอ

    “อ้าว บรันโด้ก็มีฝีมืออยู่พอสมควรไม่ใช่เหรอ แล้วครั้งแรกปล่อยให้ตายได้ยังไงล่ะ” มาตาร์ถาม

    “ตอนที่ผมเข้ามาครั้งแรก แจ๊คพ็อตไปเจอแมงมุมพิษครับ ตัวมันใหญ่เท่าฝ่ามือผมเลย พอไปติดใยมันเข้าเท่านั้นเอง หลังจากนั้นก็ ...” บรันโด้เล่าถึงตรงนี้ก็เงียบไปทันที สามสาวพอได้ฟังแล้วก็ทำตาลุกวาวขึ้นมาเหมือนกับกำลังฟังเรื่องตื่นเต้น

    “อา ...นอกจากติดใยแล้วก็โดนพิษด้วยสินะ” มาตาร์รู้ดีว่าสิ่งที่ทำร้ายผู้เล่นระดับสูงได้ง่าย ๆ ก็คือพิษนั่นเอง หลังจากนั้นก็ไม่ต้องเดาเลย บรันโด้ที่สูญเสียทักษะหนึ่งชีวิตไปหลังจากตายครั้งแรกคงกระจอกลงทันตาเห็น จนในที่สุดก็ตายต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

    “อ้าว? ไม่เล่าต่อล่ะคะ” แม่หมาป่าสาวทวงถามเรื่องเล่าที่ค้างอยู่โดยไม่รู้เลยว่าเรื่องเล่านั่นมันก็จบลงตรงที่หยุดค้างไปนั่นแหละ

    ถ้างั้นภารกิจนี้มันอาจจะไม่ยากอย่างที่คิดก็ได้ มาตาร์คิดขึ้นมาหลังจากรับรู้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ความยากจริง ๆ อาจจะอยู่ที่ผู้เล่นคนเดียวที่โดนลดสถานะลงครึ่งหนึ่งทันทีคงจะเคลื่อนไหวไม่เหมือนเดิม แต่ถ้ามีผู้ช่วยหรือผู้ติดตามที่ไม่โดนลดค่าสถานะ ภารกิจก็คงง่ายขึ้นเยอะเลยทีเดียว

    แซก! แซก! แซก!

    เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาตรงหน้ากลุ่มของพวกมาตาร์

    ชายหนุ่มผมแดงมองไปที่พื้นแล้วก็เห็นฝูงแมลงตัวเล็ก ๆ เดินกันอยู่เป็นพัน ๆ หมื่น ๆ ตัว

    มดคันไฟ

    ระดับ 1

     

    มาตาร์สำรวจทันทีแล้วก็พบว่ามันเป็นสัตว์อสูรระดับหนึ่งเท่านั้นเอง

    “มดพวกนี้ดูเหมือนจะไม่อันตรายอะไรแต่ก็อย่าประมาทนะครับ” บรันโด้กล่าว

    มาตาร์ส่งปราณดินลงพื้นรวบรวมน้ำเข้าที่เท้าของเขาทันที

    เชี้ยะ!!

    คลื่นน้ำแผ่เป็นวงกว้างออก ตัดผ่านฝูงมดพวกนั้นจนมันตายไปนับพัน ๆ ตัว

    “เห็นมะ กระจอกจะตาย” มาตาร์รู้สึกว่าป่าแมลงนี่มันก็สวรรค์ดี ๆ นี่เอง สัตว์อสูรกระจอกแถมยังมีเป็นหมื่นตัว ออกท่าแค่ครั้งเดียวระระดับก็ขึ้นได้แล้ว ถึงตอนนี้จะตันอยู่ที่หนึ่งร้อยก็ตาม

    “เอ้อ พี่มาตาร์อย่าฆ่าเยอะดีกว่านะครับ เดี๋ยวตัวหัวหน้ามันจะออกมาแล้วจะตายหมู่” บรันโด้เตือน

    “ถ้ามันออกมาก็สู้มันสิ จะยากอะไร จะได้จับไปทำสัตว์เลี้ยงซะเลยไง ฮ่า ๆ ๆ ๆ มาตาร์เคยมีประสบการณ์การสู้กับสัตว์อสูรระดับสี่ร้อยมาแล้วด้วยซ้ำ เป็นแค่หัวหน้าแมลงยังไงก็ไม่กลัว

    เชี้ย~ยะ

    มาตาร์ยังไม่หยุด เขาฆ่าฝูงมดคันไฟด้วยความเมามันเพราะไม่เคยบี้มดให้ตายเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ซากมดตายทับถมกันเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าพวกมันจะลดน้อยลงไปเลย ยิ่งฆ่ามันก็เหมือนกับว่ามันยิ่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แถมตัวยังใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่มาตาร์ไม่ทันสังเกตด้วย

    “ฮ่า ๆ ๆ ๆ มาตาร์หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ เป็นเวลาหลายวันแล้วที่เขาไม่ได้ฆ่าตัวอะไรสักอย่าง พอเริ่มฆ่าแล้วอารมณ์ฆาตกรโรคจิตก็กำเริบขึ้นมาอย่างยั้งไม่อยู่

    บรันโด้กับแวมพ์ก็มองดูด้วยความรู้สึกหวั่นใจ เพราะเกรงว่ามาตาร์จะไปปลุกเจ้าหัวหน้ามดขึ้นมาจริง ๆ ซึ่งมันก็ไม่โผล่ออกมาสักที เพราะเงื่อนไขการที่สัตว์อสูรระดับหัวหน้าจะปรากฏยังไม่สมบูรณ์นั่นเอง เนื่องจากตอนนี้มีผู้เล่นอยู่สองคน ถือว่ามีเยอะเกินไปที่จะทำให้หัวหน้ามดเกิดขึ้นมา ดังนั้นมาตาร์จึงฆ่ามดอย่างสะใจโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ซึ่งความคึกคะนองของมาตาร์ในครั้งนี้ทำให้เขาได้บทเรียนอันแสนซึ้งในตอนหลัง

    ครืนน! ซ่า!

    มาตาร์เริ่มคึกมากขึ้นอีก เขารวบรวมน้ำให้เยอะขึ้นโดยให้คลาร่าช่วยด้วย เพราะคลาร่าก็ฝึกปราณดินมาแล้วเหมือนกันตอนทำความสะอาดถ้ำ

    น้ำปริมาณมหาศาลกวาดเข้าใส่ฝูงมดแล้วพาร่างเล็ก ๆ ของพวกมันม้วนรวมกัน จากน้ำที่ดูเป็นสีฟ้าใสกลายเป็นสีแดงอิฐเพราะร่างของเจ้าพวกมดคันไฟนั้น

    แล้วมาตาร์ก็เพิ่มพลังลมเกิดเป็นพายุน้ำปั่นเอาเจ้าพวกมดกลายเป็นเศษ ๆ ร่วงกระจายอยู่เต็มพื้น ไม่ว่าชายหนุ่มผมแดงจะเดินไปทางไหน ซากศพเหล่ามดก็จะนอนตายจนเกลื่อนพื้น

    “ฮ่า ๆ ๆ ๆ มาตาร์ยิ่งฆ่าก็ยิ่งมัน เขาเดินนำขบวนแล้วก็ฆ่าฝูงมดไปด้วย พร้อมกับเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ในป่าแมลงนั่นเอง

     

    ในที่สุดก็ได้โชว์ความโรคจิตของมาตาร์ซะที
    Rewrite tag: แก้บทบรรยาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×