ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #117 : บทที่113: แอฟโรกับเลดี้

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.55K
      95
      2 มี.ค. 67

    บทที่113 แอฟโรกับเลดี้

     

    พิ้ง! พิ้ง! พิ้ง! ปึก!

    “ได้แต้ม! หยุดได้” เสียงกรรมการหญิงขาน หลังจากที่นักกีฬาฟันดาบสองคนที่ถือดาบเรียวเล็กสวมชุดขาวทั้งตัวและมีหน้ากากคลุมใบหน้าประลองกันรู้ผลแล้ว

    นักกีฬาทั้งสองเก็บดาบแล้วโค้งให้กัน

    “เก่งมากเลยราตรี” นักกีฬาหนึ่งในสองคนถอดหน้ากากออกมาแล้วพูดอย่างยิ้มแย้ม เธอเป็นหญิงสาวคนหนึ่งไว้ผมสั้นสีดำ

    “ขอบคุณที่ชม” นักกีฬาอีกคนถอดหน้ากากออกมา เธอมีผมดำยาวสลวย ผิวสีน้ำผึ้งและดวงตาคมสวย ราตรีนั่นเอง

    “ตื่นเต้นมั้ย วันเสาร์นี้ก็จะประลองแล้ว” นักกีฬาสาวผมสั้นถาม

    “ก็ไม่นะ คงเพราะซ้อมเยอะจนมั่นใจล่ะมั้ง” ราตรีตอบกลับเพื่อนนักกีฬา

    “ราตรี วันนี้พอแค่นี้แหละนะ กลับไปพักผ่อนได้แล้ว ซ้อมมาทั้งวันแล้วนี่นะ” กรรมการที่เป็นหญิงวัยกลางคนกล่าว

    “ค่ะโค้ช” ราตรีรับคำพร้อมกับเดินไปบริเวณมุมห้อง ที่เพื่อนของเธอนั่งรออยู่

     

    “ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ” หญิงสาวผมยาวนัยน์ตาสีมรกตทักขึ้นเมื่อเห็นราตรีเดินเข้ามาใกล้

    “เรียบร้อยแล้วล่ะ กลับกันได้แล้ว” ราตรีตอบกลับเพื่อนสาวของตน

    “ก่อนกลับบ้านแวะกินอะไรกันซักมื้อนึงนะ ชั้นอยากจะเลี้ยงข้าวแกน่ะ” หญิงสาวนัยน์ตาสีมรกตยิ้มหน้าบาน

    “งั้นหาอะไรเบา ๆ กินละกันนะ มื้อเย็นแบบนี้กินมาก ๆ ไม่ดี ชั้นปวดท้องทุกทีเลยเวลากินเยอะ ๆ น่ะ” ราตรีบอกเพื่อนสาว

    “เบา ๆ เหรอ? งั้นไปกินอาหารเจกันดีกว่า กินเมื่อไหร่ก็ดีเมื่อนั้น” หญิงสาวนัยน์ตาสีมรกตเสนอ

    “เอาสิ แถวบ้านเราก็มีอยู่ร้านนึงนี่นะ เอาร้านนั้นก็ได้ จะได้รีบกลับบ้านด้วย” ราตรีเห็นด้วย

    “แหม อยากจะรีบกลับบ้านไปไหนจ๊ะ บ้านไม่หายไปไหนหรอกน่า” หญิงสาวนัยน์ตาสีมรกตพูดอย่างมีนัย

    “ชั้นจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แกรออยู่แถวนี้แหละนะเมล” ราตรีเฉไปคุยเรื่องอื่นพร้อมกับเดินไปที่ห้องอาบน้ำทันที

    “ฮิ ๆ รีบไปรีบมานะรัต เดี๋ยวบ้านหาย” เมโลดี้แซวเพื่อนสาวเข้าอีกดอก

    ราตรีหันมาค้อนทีหนึ่งก่อนจะเดินลับหายเข้าไป

    “หนูเมโลดี้นี่สนิทกับราตรีเสมอเลยนะคะ” โค้ชหญิงพูดขึ้นมาหลังจากที่ราตรีไปอาบน้ำแล้ว

    “รัตเค้าใจดีนี่คะ อย่างวันนี้เค้าก็อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนหนู” เมโลดี้ยิ้มตอบโค้ชหญิง

    “เอ๋? หนูเมโลดี้มาอยู่เป็นเพื่อนราตรีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงว่าราตรีอยู่เป็นเพื่อนหนูล่ะ” โค้ชหญิงไม่แน่ใจว่าเมโลดี้พูดผิดหรือเปล่า เพราะคนที่มานั่งรอราตรีทั้งวันคือหญิงสาวนัยน์ตาสีเขียวมรกตคนนี้

    “ฮิฮิ” เมโลดี้ยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เธอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าเท่านั้นเอง

     

    “พ่อ แม่ เมลอยากจะถอนหมั้นคุณมัลโก้” เมโลดี้พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยกับพ่อและแม่ของเธอซึ่งกำลังกินข้าวเช้ากันอยู่

    “...” ผู้เป็นพ่อเหล่ตามองมาที่เมโลดี้ครั้งหนึ่งก่อนจะพูด “ไม่ได้ เรื่องหมั้นหมายเราตกลงกับเค้าไว้แล้ว อยู่ ๆ จะไปขอถอนหมั้นกับเค้าได้ยังไง”

    “เมลไม่ได้รักคุณมัลโก้” เมโลดี้พูดขึ้นมาอีก

    “คุณมัลโก้เค้าเป็นคนดีนะลูก ฐานะทางบ้านก็มั่นคง ถ้าเมลแต่งกับเค้าได้พ่อกับแม่ก็จะได้สบายใจ” ผู้เป็นแม่กล่าวขึ้นมา

    “ที่ผ่านมาพ่อกับแม่เลือกทางเดินให้เมลมาตลอด ...ครั้งนี้ขอเมลเลือกเองได้มั้ย” เมโลดี้พูดออกมาด้วยใจที่หวั่นไหว เธอไม่เคยต่อล้อต่อเถียงกับพ่อแม่มาก่อนเลย

    “พ่อกับแม่เลือกให้ลูกเพราะเห็นว่ามันถูกต้องและดีที่สุดแล้ว พวกเรามีประสบการณ์ชีวิตมากกว่านะ” ผู้เป็นพ่อยกเหตุผลขึ้นมา

    “แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่เมลจะได้เลือกอะไรเองบ้างล่ะ!!” เมโลดี้ขึ้นเสียง เธอรู้สึกเหมือนถูกกดดันจนต้องออกแรงสู้

    “...” พ่อกับแม่เงียบไปทันที ปกติลูกสาวของพวกเขาจะไม่พูดจารุนแรงแบบนี้

    “เมลรู้นะว่าพ่อกับแม่หวังดี แต่ชีวิตเมลไม่ได้เป็นของพ่อกับแม่นะ!” เมโลดี้ขึ้นเสียงอีก

    “แม่คลอดแกออกมา พ่อก็เลี้ยงแกมา ชีวิตลูกก็ย่อมเป็นของพ่อแม่อยู่แล้ว!” คราวนี้ผู้เป็นพ่อขึ้นเสียงบ้าง ทำเอาลูกสาวหน้าเจื่อนไปทันทีเพราะไม่เคยโดนพ่อของตนขึ้นเสียงใส่มาก่อน

    “อะแฮ่ม!

    เสียงกระแอมดังขึ้นมาทีหนึ่งจากหลังประตูห้องกินข้าว

    “ใครน่ะ!” พ่อถามขึ้นมาเสียงดัง

    “ขอโทษค่ะ หนูนัดกับเมลเอาไว้ ว่าจะออกไปซ้อมกันน่ะค่ะ” เสียงหญิงสาวพูดขึ้นมา

    “อ้อ หนูราตรีเองเหรอ กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนมั้ยล่ะ” พ่อพูดเสียงอ่อนลงทันที

    “ไม่เป็นไรค่ะ หนูกินมาจากบ้านแล้ว” ราตรีตอบ

    “ถ้าชีวิตเมลเป็นของพ่อกับแม่ แล้ววันที่พ่อกับแม่ตายไปเมลจะต้องตายตามไปด้วยรึเปล่า” เมโลดี้พูดออกมาด้วยน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตา

    “มาพูดเรื่องตายอะไรกันเมล” ผู้เป็นแม่พูดขึ้นมาบ้าง

    “เพราะตลอดชีวิตเมลไม่เคยเลือกอะไรเอง ถ้าถึงวันนั้นจริง ๆ เมลคงจะต้องตายไปจริง ๆ แน่ ๆ เลย เพราะไม่มีใครคอยช่วยเลือกอะไรให้อีกแล้ว” เมโลดี้พูดออกมาทั้งน้ำตา

    “คุณน้าคะ เรื่องที่เมลพูดออกมาก็ฟังดูมีเหตุผลนะคะ วันที่พ่อหนูตายไปหนูแทบจะตายตามท่านไปเลย ยังดีที่ยังมีแม่และน้องอยู่ ก็เลยยังตายไม่ได้ แต่ประสบการณ์ที่เลวร้ายก็ช่วยสอนให้หนูเข้มแข็งขึ้นได้จริง ๆ อย่าตัดโอกาสในการที่จะทำให้เมลเข้มแข็งขึ้นเลยนะคะ ให้โอกาสเมลได้เจอเรื่องที่ไม่คาดฝันบ้างเถอะ” ราตรีพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “...” ผู้เป็นพ่อเงียบไป พิจารณาสิ่งที่ราตรีพูด เขาพยายามจะเถียง แต่ก็เถียงไม่ออก ประสบการณ์ชีวิตอันเลวร้ายในชีวิตทำให้พ่อเป็นห่วงลูกสาว เขาไม่อยากจะให้ลูกสาวคนเดียวต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่กลับลืมไปว่าประสบการณ์พวกนั้นก็เป็นตัวสอนให้เขามีชีวิตเข้มแข็งขึ้นมาได้เหมือนกัน ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ก็พอจะช่วยเหลือลูกได้เสมอ แต่จะมีอะไรรับประกันว่าเขาจะไม่ตายไปก่อนลูก และมันควรจะเป็นเขาด้วยที่สมควรตายก่อน แล้วถ้าถึงวันนั้นจริง ๆ ลูกสาวที่ไม่เคยเผชิญกับอุปสรรคใด ๆ เลยจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร

    “อยากจะทำอะไรก็ทำ เรื่องคุณมัลโก้เดี๋ยวพ่อจัดการให้เอง” ผู้เป็นพ่อยอมรับในที่สุด

    “ขอบคุณมากค่ะพ่อ” เมโลดี้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

    ลูบ

    ส่วนผู้เป็นแม่เดินเข้ามาลูบหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู

    “ลูกสาวเราก็โตขนาดนี้แล้วนะเนี่ย ไม่ทันสังเกตเลย” ผู้เป็นแม่พูดขึ้นมา

    ในสายตาของพ่อแม่ ย่อมเห็นลูกเป็นเด็กเสมอ แต่ก็ไม่ควรจะปฏิบัติกับลูกเหมือนเป็นเด็กเล็ก ๆ ตลอดเวลา เด็กก็สมควรที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ในสักวันหนึ่ง

     

    “ฮิฮิ” เมโลดี้ยิ้มออกมาเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า ถ้าราตรีไม่อยู่ด้วยตอนนั้นไม่รู้ว่าเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร บางทีอาจจะจบอย่างเลวร้ายจนเข้าหน้าพ่อกับแม่ไม่ติดเลยก็ได้

    “ไปกันได้แล้วเมล” ราตรีพูดขึ้นมาหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

    “ไปก่อนนะคะโค้ช สวัสดีค่ะ” เมโลดี้ยิ้มให้หญิงวัยกลางคนอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตามเพื่อนสาวของเธอออกจากสนามซ้อม

     

    “โอเค ออนไลน์ตอนสองทุ่มนะ” ราตรีพูดกับเพื่อนสาวก่อนจะแยกย้ายกันเข้าที่พักของตน ซึ่งก็อยู่ในคอนโดเดียวกันนั่นแหละ

    “อื้อ เดี๋ยวเจอกันนะรัต ชั้นรักแกที่สุดในโลกเลย” เมโลดี้หยอดคำหวานให้เพื่อนสาว

    “แหวะ ขนลุก” ราตรีตอบกลับเมโลดี้แล้วเดินเข้าบ้านของเธอไปทันที

    “ฮิฮิ” เมโลดี้ก็เดินเข้าบ้านของเธอไปเหมือนกัน

     

    เวลาสองทุ่ม

    หญิงสาวผมยาวผิวสีน้ำผึ้งหยิบเอาเครื่องดรีมแคชเชอร์หรือเครื่องนำฝันที่มีรูปร่างเหมือนที่คาดผมขึ้นมาสวม แล้วเธอก็นอนลงพร้อมกับหลับตาไปทันที

    ในโลกฝัน ผมดำยาวสลวยของเธอเปลี่ยนเป็นผมสั้นสีขาวสลับดำ รูปร่างและหน้าตายังคงเดิมเหมือนในโลกจริง

    “ยินดีต้อนรับผู้เล่นราตรีค่ะ”

     

    เวลาในเกมผ่านไปหนึ่งเดือนแล้วหลังจากการออนไลน์ครั้งสุดท้าย แต่สภาพเมืองพอร์ตทาวน์ก็ยังคงเหมือนเดิมกับเมื่อครั้งสุดท้ายที่ราตรีออนไลน์

    “รัต”

    เสียงหญิงสาวคนหนึ่งเรียกราตรี

    หญิงสาวผมสั้นหันไปทางต้นเสียงก็เห็นหญิงสาวผมทองนัยน์ตาสีฟ้า ใส่ชุดสีขาวสะอาด ที่คอมีสายรัดสีดำประดับด้วยลูกแก้วกลมใส

    “อ้าว แองเจล่ากับเทียร์เหรอ อย่าบอกว่าไม่ได้ไปไหนเลยตลอดเดือนนะ” ราตรีทักขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนที่ทักเธอก็คือเทียร์ที่อยู่ด้วยกันกับนางฟ้าผมทองนั่นเอง

    “เราคืนให้คุณราตรี” แองเจล่าถอดสายรัดแล้วส่งมันให้ราตรีทันที สายรัดนี้ก็คือสร้อยที่ใช้ผนึกเทียร์นั่นเอง

    แวบ!

    ขณะที่ราตรีกำลังใส่สายรัดคอนั้นเอง ร่างของหญิงสาวผมดำยาวก็ปรากฏขึ้นมาในเขตพิเศษ

    “อ้าว ท่านเมโลดี้มาแล้ว ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ” นางฟ้าผมทองทักทายเจ้านายของเธอทันที

    “อุ๊ย! สวัสดีจ้ะแองจี้” เมโลดี้คาดไม่ถึงว่าพอเข้าเกมมาก็เจอนางฟ้าของเธอเลยทันที

    “เมล เราไปอเมริกากันเถอะ” จู่ ๆ ราตรีก็พูดออกมา

    “เอ๋? ไปทวีปอเมริกาเหรอ ทำไมล่ะ?” เมโลดี้สงสัย

    “ชั้นคุยกับคริมซั่นแล้ว พวกนั้นกำลังผจญภัยอยู่ที่เอเชียนี่ เราก็ควรจะไปทางอื่น จะได้ไม่ซ้ำซ้อนกัน” ราตรีกล่าว ดูเหมือนตั้งแต่ออนไลน์มาเธอก็ส่งข้อความไปคุยกับพวกโซล่าร์ซิสฯ ทันที

    “โอ้โห รวดเร็วจริง ๆ นะเนี่ย นี่แกเข้ามาก่อนชั้นนานขนาดไหนเนี่ย” เมโลดี้สงสัย

    “ประมาณหนึ่งนาที ...ไปกันเถอะ” ราตรีไม่รอให้เพื่อนสาวเสนอความเห็นอื่นเพราะรู้ดีว่าคงจะคิดเหมือนกัน

    ว่าแล้วราตรีก็เดินนำขบวนไปที่ท่าเรือทันทีเพื่อไปสอบถามการเดินทางไปทวีปอเมริกา

     

    เจ็ดวันต่อมา ทั้งสองสาวก็มาขึ้นฝั่งที่ทวีปอเมริกา แถมชื่อเมืองยังเป็นพอร์ตทาวน์เหมือนกันอีกด้วย

    “คนที่คิดเกมมันขี้เกียจตั้งชื่อขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ราตรีเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นว่าชื่อเมืองมันซ้ำซ้อนกัน

    “สะดวกดีออก จะได้ไม่ต้องจำเยอะไง ที่นั่นก็พอร์ตทาวน์ ที่นี่ก็พอร์ตทาวน์” เมโลดี้เอ่ยเสียงใส

    “เราจะไปทำภารกิจกันหรือไม่เล่า ท่านเมโลดี้ คุณราตรี” แองเจล่าถามทั้งสองสาว

    “ชั้นว่าระดับพวกเรามันสูงกว่าค่าเฉลี่ยพื้นที่ของเมืองนี้ไปไกลแล้ว น่าจะเข้าไปให้ลึกกว่านี้ได้แล้วล่ะนะ ไปหาภารกิจทำที่เมืองอื่นดีกว่า ชั้นเบื่อเมืองพอร์ตทาวน์ ถึงมันจะไม่ใช่ที่เดียวกันก็เถอะ” ราตรีตอบ

    “งั้นเราไปดูแผนที่กันดีกว่านะ” เมโลดี้เสนอ

    ที่บริเวณพื้นที่พิเศษ จะมีแผนที่เมืองอยู่ และจะมีแผนที่บอกเส้นทางไปยังเมืองข้างเคียงด้วย หรือถ้าไปร้านหนังสือแล้วซื้อหนังสือแผนที่มาก็ใช้ได้เหมือนกัน

    “อืม ชั้นว่าเราไปทางใต้แล้วหาทางข้ามไปเกาะที่สองกันดีกว่านะ” ราตรีกางแผนที่ที่เพิ่งซื้อมาจากร้านหนังสือแล้วชี้ไปที่เป้าหมายที่เธอต้องการจะเดินทางไป

    ทวีปอเมริกามีลักษณะเป็นแผ่นดินขนาดใหญ่เจ็ดแผ่นเรียงกันอยู่ต่อ ๆ กัน เมืองพอร์ตทาวน์ที่พวกเธออยู่กันนี้อยู่บนเกาะที่หนึ่งซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของทวีป และเกาะที่สองจะอยู่ทางใต้ และถัดไปเรื่อย ๆ ก็จะเป็นเกาะที่สาม เกาะที่สี่ ฯลฯ

    ดังนั้น ทั้งสามสาวกับหนึ่งวิญญาณจึงรวบรวมเสบียงและจัดข้าวของเพื่อการเดินทาง แล้วออกเดินทางไปทางใต้ทันที สู่เกาะที่สองของทวีปอเมริกา

    ระหว่างทางสามสาวเจอแต่พวกสัตว์อสูรที่มีระดับตั้งแต่สามสิบจนถึงหกสิบ ซึ่งไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางเลย ผ่านเมืองเล็ก ๆ หมู่บ้านเล็ก ๆ แต่พวกเธอก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก เดินฝ่าทางเรียบ ฝ่าป่า นอนโรงแรมในเมือง ในหมู่บ้าน นอนในเต็นท์ สัตว์อสูรบุกโจมตีกลางดึก จนกระทั่งผ่านไปห้าวันหลังจากออกจากเมืองพอร์ตทาวน์ พวกเธอก็เดินทางมาจนถึงทะเลที่กั้นระหว่างเกาะที่หนึ่งและเกาะที่สองจนได้ ที่นี่มีเรือข้ามฟากซึ่งใช้เวลาเดินทางหนึ่งวัน แล้วพวกเธอก็เดินทางต่อไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาอีกห้าวันจนถึงปลายสุดของเกาะที่สองอีกครั้ง และเรือข้ามฟากอีกครั้ง

    ในที่สุดเราก็มาถึงริมทะเลอีกด้านซะที” ราตรีเอ่ยออกมาอย่างโล่งใจ

    ไปถามหาเรือที่ท่าเรือกันเถอะ” เมโลดี้ชวนเพื่อนสาว

               

    เรือด่วนข้ามฟากนะครับ ค่าโดยสารคนละหมื่นโกลด์ ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งวันครับ” พนักงานประจำท่าเรือให้ข้อมูล

    โห ด่วนแน่เหรอ ใช้เวลาตั้งหนึ่งวัน” ราตรีตั้งแง่คราวที่แล้วก็หนึ่งวัน แล้วยังเรียกว่าด่วนอีกหรือ

    ด่วนกว่านี้ก็คงต้องใช้เครื่องบินแล้วล่ะครับ เกาะสองกับเกาะสามดูในแผนที่แล้วเหมือนมันจะอยู่ใกล้กัน แต่มันก็ห่างกันหลายร้อยกิโลนะครับ” พนักงานหนุ่มกล่าว

    ราตรีกางแผนที่แล้วเทียบสเกลดูก็เห็นว่าจริง ๆ แล้วมันห่างกันเยอะมาก เพราะโลกเกมนี้มันใหญ่มากนั่นเอง เวลาดูแผนที่เลยมักจะเข้าใจผิดว่ามันเล็กเหมือนดูแผนที่ดวงจันทร์หรือแผนที่คาลิสโต (ดาวบริวารของดาวพฤหัส)

    “ตกลงเอาตั๋วสองใบ” ราตรียื่นเงินให้พนักงาน

    “เรือกำลังจะออกในอีกสิบนาทีครับ เชิญขึ้นเรือได้เลย” พนักงานเชิญสองสาวขึ้นเรือทันที

     

    วูดด!!

    เสียงหวูดเรือดังขึ้นก่อนที่เรือจะเคลื่อนออกจากท่า ซึ่งเรือโดยสารข้ามฟากนี้ไม่ใหญ่มาก จุคนได้สูงสุดเพียงแค่ห้าร้อยคนเท่านั้น แต่เรือข้ามฟากจะออกจากท่าทุกชั่วโมง ทำให้มีเพียงพอกับความต้องการของผู้ที่ต้องการจะข้ามฟาก

    ราตรีกับเมโลดี้ขึ้นมาเดินเล่นบนดาดฟ้าเรือเพื่อชมทิวทัศน์และรับลม ส่วนแองเจล่าขอตัวไปเดินเล่นในเรือ

     

    “แอฟโรมาดูนี่สิ มีปลาว่ายตามเรือมาด้วย” เสียงเด็กสาวดังขึ้นเรียกความสนใจจากเมโลดี้และราตรี

    สองสาวหันไปดูเห็นเด็กสาวที่หน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็น ผมยาวสีแดงมัดสูงกับดวงตาคมโตสีเงิน ใส่ชุดเซเลอร์สีแดง รองเท้าและถุงมือก็มีสีแดง

    “โห แดงโร่มาเลยแฮะ” ราตรีกระซิบบอกเพื่อนสาว

    “หน้าตาน้องเค้าคุ้น ๆ นะ” เมโลดี้กระซิบตอบ

    “คิดอย่างนั้นเหมือนกันเหรอ” ราตรีพยักหน้าเห็นด้วย

    เลดี้

    ระดับ 200

     

    “โห! ระดับตั้งสองร้อยแน่ะแก” ราตรีสำรวจแม่สาวชุดแดงนั้นก่อนจะหันไปบอกเมโลดี้

    “สงสัยเคยไปลุยที่อื่นมาแล้วล่ะมั้ง” สาวนัยน์ตาสีมรกตกล่าว

    เมโลดี้กับราตรีที่ลุยด้วยกันมาสิบวันระดับยังขึ้นมาถึงแค่ร้อยสามสิบเท่านั้นเอง เพราะระดับสัตว์อสูรของเกาะที่หนึ่งมันไม่สูงมาก ระดับจึงขึ้นมานิดเดียวเท่านั้น การเก็บระดับให้ถึงสองร้อยตั้งแต่เกาะที่หนึ่งนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะสัตว์อสูรระดับร้อยมันไม่มี หรือไม่ก็ต้องบังเอิญไปเจออสูรระดับหัวหน้ามา แบบฝูงนกแร้งในป่าฝูงนกที่เกาะเริ่มต้นที่สี่นั่นแหละ

     

    “ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้นะเลดี้ ตอนที่เราฝ่าทะเลด้วยกันตอนโน้นก็มีมากกว่านี้ตั้งเยอะ” เสียงชายคนหนึ่งพูดกลับมา ทำเอาเมโลดี้และราตรีต้องหันไปมอง เพราะเสียงมันคุ้นมาก

    “ตอนนั้นเอาแต่สู้นี่นา ไม่ได้มองสบาย ๆ แบบนี้ เอามาเทียบกันได้ยังไงเล่า” สาวน้อยชุดแดงเถียงคู่สนทนา

    แอฟโร

    ระดับ 200

     

    ราตรีและเมโลดี้สำรวจชายคนนั้นทันที เขาเป็นชายที่ร่างกายกำยำคนหนึ่ง ใส่ชุดสีดำทั้งตัว มีแว่นบังตาสีฟ้าทำให้มองเห็นไม่ชัดว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นผมฟูฟ่องทรงแอฟโรสีดำนั้น

    “โห เด่นซะไม่มีล่ะ” ราตรีหันไปพูดกับเพื่อนสาว

    “ระดับสองร้อยเหมือนกันด้วยแฮะ สงสัยลุยมาด้วยกันกับน้องผมแดงนั่นแหงเลย” เมโลดี้กระซิบกลับ

    “ทั้งความเด่นทั้งน้ำเสียง ...ทำให้นึกถึงตานั่นขึ้นมาเลยแฮะ” ราตรีพูดขึ้นมาก่อน

    “แต่ชื่อไม่ใช่นะราตรี” เมโลดี้รู้ดีว่าราตรีหมายถึงใคร

     

    “เฮ่! น้องสาว ว่างไปดื่มน้ำชากับพวกพี่มั้ยจ๊ะ”

    จู่ ๆ กลุ่มชายที่มีประมาณสิบคนท่าทางเหมือนนักเลงเดินเข้ามาหาเมโลดี้กับราตรี พร้อมกับเอ่ยทัก

    “ไม่ว่าง” ราตรีตอบกลับห้วน ๆ พร้อมกับทำหน้าเซ็ง ๆ เฮ่อ พวกผู้ร้ายกระจอก ๆ นี่น่าเบื่อจริง

    “โหน้อง เหลือเวลาบนเรืออีกตั้งเกือบวัน เห็น ๆ อยู่ว่าน้องว่าง ไปกับพวกพี่ซะดี ๆ ดีกว่านะน้อง เดี๋ยวจะหาว่าพวกพี่ไม่เตือน” กลุ่มชายพวกนั้นยังไม่ละความพยายาม

    “เอ้อ ขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ คือพวกหนูสองคนไม่ชอบอยู่รวมกลุ่มกับคนเยอะ ๆ น่ะค่ะ ชอบอยู่กันแค่สองคน” เมโลดี้พยายามตอบกลับให้สุภาพที่สุด

    หมับ!

    “ไปกับพวกพี่ซะดี ๆ !!” ชายคนหนึ่งยื่นมือมาจับแขนเมโลดี้ทันที

    ราตรีทำท่าจะชักดาบ แต่เมโลดี้ส่งสายตาห้ามเอาไว้เพราะไม่อยากให้มีเรื่องบนเรือ แถมชายพวกนี้ไม่มีใครมีค่าหัวสักคน ฆ่าไปก็ไม่คุ้ม

    “ก็คนเค้าบอกว่าไม่ชอบยังไม่รู้ตัวอีกเหรอไง ไอ้พวกงี่เง่านี่หนิ” เสียงเด็กสาวดังขึ้นมาจากนอกวงทันที

    ทุกคนหันไปดูทางต้นเสียงก็เห็นว่าเป็นเด็กสาวผมสีแดงดวงตาสีเงินใส่ชุดเซเลอร์คนนั้นนั่นเอง

    “อ๊ะ! ขอโทษครับ ๆ น้องสาวผมเสียมารยาทไปหน่อย เชิญพวกพี่ตามสบายครับ” ชายผมแอฟโรรีบเข้ามาห้ามน้องสาวของตนเองทันทีพร้อมกับฉุดเธอไปอีกทาง

    หมับ!

    “เดี๋ยวสิพี่ชาย น้องสาวของพี่ชายก็โอเหมือนกันนี่นา ขอเชิญไปร่วมดื่มชาด้วยกันจะดีมั้ย” ชายคนหนึ่งคว้าไหล่ของชายผมแอฟโรเอาไว้ได้ก่อนที่เขาจะเดินไป

    “เอ้อ เอาอย่างนั้นเหรอครับ ก็ดีเหมือนกันนะครับ ผมกำลังคอแห้งอยู่พอดี” ชายผมแอฟโรหันมาตอบกลับแบบยิ้ม ๆ

    “แต่พวกเราไม่นิยมผู้ชายนะ คงต้องขอให้พี่ชายรอน้องสาวอยู่แถวนี้ละกันนะ” ชายคนที่จับไหล่แอฟโรพูดขึ้นมาอีก

    “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอปฏิเสธครับ น้องผมอยู่ไหน ผมก็ต้องอยู่ที่นั่นด้วย” แอฟโรเปลี่ยนเสียงเป็นจริงจังทันที

    “ถ้าอย่างนั้นก็ไปรอที่จุดเกิดเลยละกันนะ!!” ชายที่จับไหล่ลงมือทันที

    ตูมม!!

    ร่างของชายคนที่เอามือจับไหล่แอฟโรกระเด็นไปชนกับราวเหล็กบนดาดฟ้าเรือทันที พร้อมกับไอสีแดงดำที่แผ่ออกมาจากท้องเหมือนมีเชื้อไฟอยู่ตรงนั้น

    “อ๊ากก! นี่มัน ...พิษ!!” ชายคนนั้นตะโกนโวยวายออกมาทันที แล้วดิ้นอย่างทุรนทุรายก่อนที่ร่างของมันจะสลายไป

     

    เหล่าผู้คนต่างหันไปดูทางชายผมฟูคนนั้น ก็เห็นว่าผู้ที่ลงมือคือเด็กสาวผมแดงคนนั้น เพราะกำปั้นของเธอยังกำค้างอยู่ในท่าโจมตีพร้อมกับมีไอสีแดงดำแผ่ออกมาจากหมัดด้วย

    “คิดจะทำอะไรแอฟโรน่ะ ฮื้ม?” เด็กสาวผมแดงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความโกรธ

    ใครบังอาจมาทำร้ายพี่ชายของเธอ มันต้องตาย ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้วเจ้าพี่ชายผมฟูจะยังไม่ทันโดนทำอะไรก็ตามเถอะ

     

    เปิดตัวอย่างสวยงาม
    Rewrite tag:
    แก้คำผิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×