ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JOQ Online คนจริงลวงโลก <มี E-Book>

    ลำดับตอนที่ #111 : บทที่107: ป่าทางเหนือของเมืองพอร์ตทาวน์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.92K
      94
      27 พ.ค. 55

    บทที่107 ป่าทางเหนือของเมืองพอร์ตทาวน์

     

    “เร่เข้ามาครับ เร่เข้ามา สาวสองคนกำลังจะต่อสู้กัน ขอเชิญทุกท่านเดิมพันกันได้เลย”

    ช่างสมกับตลาดที่เต็มไปด้วยพ่อค้า ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที การตั้งโต๊ะ และจำหน่ายใบแทง รวมทั้งอัตราการต่อรองก็พร้อมสำหรับการต่อสู้ของทั้งสองสาว

    “สาวผมสั้นผิวสีน้ำผึ้งนี่คือผู้เล่นราตรีครับ ส่วนสาวผมเปียสีแดงคือผู้เล่นไพน์ อัตราต่อรองเป็น 1.8 : 1.2 ครับ”

    เมโลดี้ที่อยู่ใกล้ ๆ กันรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที ทำไมคนที่ประกาศอยู่นั่นถึงรู้ชื่อของสาวทั้งสองคนได้ และยังมีอัตราต่อรองขึ้นมาอีกทั้ง ๆ ที่ยังไม่เห็นฝีมือของทั้งคู่เลย ใช้อะไรเป็นตัววัด แล้วทำไมไม่มีใครทักท้วงขึ้นมาเลย

    “พี่คะ ทำไมอัตราการาต่อรองถึงเป็นหนึ่งจุดแปดต่อหนึ่งจุดสองล่ะคะ ยังไม่ทันเห็นฝีมือของทั้งคู่เลย” เมโลดี้ทำตัวกลมกลืนเป็นนักพนันถามชายเจ้าของโต๊ะพนันทันที

    “น้องเป็นมือใหม่ล่ะสิ พี่เป็นนักประเมินนะน้อง ไม่ว่าของหรือคนพี่ก็ประเมินได้ อัตรานี่พี่คิดเอาจากค่าสถานะของผู้เล่นเท่านั้นเอง น้องไพน์เค้ามีสถานะสูงกว่าน้องราตรีน่ะสิ แต่ไม่ได้หมายความว่าน้องราตรีจะอ่อนกว่าหรอกนะ แล้วน้องว่าใครจะชนะล่ะ” นักประเมินเจ้าของโต๊ะให้ข้อมูลแล้วเสนอตั๋วพนันทันที

    เมโลดี้คาดเดาได้ว่าคงเป็นทักษะตรวจสอบหรือไม่ก็คือคำสั่งสำรวจที่อัพเกรดสูงขึ้นไปอีกขั้น ที่ทำให้รู้ได้ถึงค่าสถานะของผู้ที่โดนสำรวจ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นอย่างที่เมโลดี้คาดนั่นแหละ ทักษะสำรวจขั้นสูงขึ้นไปอีก ซึ่งแก๊งแม่สีก็เคยใช้มันสำรวจพวกสามสาวของมาตาร์ ถึงขั้นรู้ได้เลยว่าร่างจริงของพวกเธอเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในร่างมนุษย์

    “งั้นหนูเล่นข้างรัต ...เอ้อ ราตรี พัน ... หนึ่งแสนโกลด์ค่ะ” เมโลดี้มั่นใจในฝีมือเพื่อนสาวของตนเองมากว่าไม่มีทางแพ้แม่สาวเปียแดงนั่นแน่ ๆ ถึงค่าสถานะจะต่ำกว่าก็ตาม

    “โอ้โห น้องสาวนี่ใจป้ำนะเนี่ย ถ้าชนะน้องเอาไปเลย 180,000 G” นักประเมินเจ้าของโต๊ะพนันกล่าว พร้อมทั้งยื่นใบแทงมาให้เมโลดี้

    เคร้ง!!

    เสียงดาบปะทะกันดังออกมาจากทางที่ราตรีและไพน์สู้กัน

    ทั้งสองสาวไม่ได้สนว่าจะมีการพนันเกิดขึ้นเพราะพวกเธอหรือไม่ ตั้งแต่ราตรีรับคำท้าของไพน์ ทั้งคู่ก็จ้องกันพร้อมกับหาจังหวะโจมตีอยู่ตลอดเวลา

    ยัยนี่ฝีมือร้ายกว่าที่คิดนี่นา ราตรีคิดขึ้นหลังจากเธอพยายามตวัดดาบใส่คู่ต่อสู้แต่กลับโดนปัดด้วยดาบเล่มยาวนั่น

    ทั้งสองสาวรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณทันทีหลังจากที่ปะดาบกันเพียงครั้งเดียว ว่าคู่ต่อสู้ของตนนั้นเป็นผู้ที่มีฝีมือไม่ใช่กระจอก

    แล้วการต่อสู้ของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปทันที กลายเป็นการต่อสู้ทางความคิดแทน

    มือขวาของราตรีกำด้ามดาบเอาไว้หลวม ๆ ลูกแก้วที่อยู่ตรงกั่นดาบทอแสงวูบสาบออกมาน้อย ๆ ปลายดาบของหญิงสาวตาคมชี้ไปที่กึ่งกลางร่างของเป้าหมาย สมาธิของเธอคอยจดจ้องการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้เอาไว้ทุกลมหายใจ

    ส่วนหญิงสาวผู้ไว้ผมเปียสีแดงใช้มือซ้ายกระชับด้ามดาบของเธอเอาไว้แน่น ส่วนมือขวาจับไปที่ที่จับที่อยู่ด้านหลังของใบดาบอันใหญ่นั้น ปลายดาบชี้ไปด้านหลังทางด้านขวามือ พร้อมทุกเมื่อที่จะสะบัดดาบออกมาเพื่อตัดคู่ต่อสู้ของเธอออกเป็นสองส่วน สมาธิของเธอก็คอยจับจ้องคู่ต่อสู้ทุกลมหายใจเหมือนกัน

    ทั้งสองจ้องกัน บรรยากาศระหว่างทั้งคู่หนักอึ้ง การต่อสู้นี้คงจะจบลงที่การปะทะครั้งต่อไปเป็นแน่ ผู้ชมที่อยู่โดยรอบต่างยืนลุ้นกับการดวลที่อาจจะจบลงเพียงพริบตา แต่ละคนไม่กล้าหายใจแรงหรือกะพริบตา เพราะกลัวจะพลาดช่วงเวลาสำคัญ

    บรรยากาศอันหนักอึ้งเริ่มครอบคลุมไปทั่วตลาดมืด จากการต่อสู้ที่เป็นที่สนใจกันในจุดเล็ก ๆ เริ่มขยายวงกว้างออกไปจนทุกคนรู้สึกได้ถึงบรรยกาศแห่งความสงบนิ่ง

     

    “หืม? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” คริมซั่นสงสัยขึ้นมาเมื่อเสียงโดยรอบสงบลงอย่างน่าประหลาด

    “ไม่รู้เหมือนกัน แต่ท่าทางจะมาจากทางด้านโน้นนะ” อาเชอร์ชี้ไปยังทิศที่สองสาวกำลังประลองกันอยู่ พลังจิตของอาเชอร์สูงที่สุดในกลุ่มโซล่าร์ซิสฯ ย่อมรับรู้สัมผัสได้ไวกว่าคริมซั่นอยู่แล้ว

    “ไปดูกันมะ” คริมซั่นชวนเพื่อนสนิทของตน พร้อมกับเดินนำไป

    อาเชอร์ไม่ตอบคำแต่ก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย เพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

     

    วืด!!

    ในห้วงสมาธิ ไพน์เป็นฝ่ายที่เคลื่อนไหวก่อนในที่สุด ดาบของเธอถูกกวาดเข้ามาที่กลางลำตัวของราตรี พร้อมกับเปลวไฟที่แลบแปลบออกมาจากคมดาบ เห็นเป็นวงโค้งสีส้มอันสวยงาม

    ส่วนทางด้านราตรีก็สาวเท้าก้าวเข้ามา แต่ดู ๆ ไปแล้วคงจะโดนดาบเล่มยาวของไพน์พาดเข้าไปกลางลำตัวแน่นอน ถึงจะยกดาบขึ้นมากันเอาไว้ก่อน แต่ดาบเล่มบางของราตรีก็ไม่เหมาะกับการปะทะกัน

    แวบ!! เปรี๊ยะ!!

    แล้วจังหวะที่ดาบทั้งสองปะทะกัน กลับเกิดประกายแสงสว่างจ้าขึ้นพร้อมกับเสียงลั่นเปรี๊ยะเหมือนไฟฟ้าช็อต แล้วทิศทางดาบของไพน์ก็ถูกเบี่ยงเบนออกไปเล็กน้อย ขณะที่ราตรีสาวเท้าพร้อมก้มตัวหลบแล้วใช้ดาบของเธอชักนำดาบของคู่ต่อสู้ให้เฉไป ซึ่งคมดาบของไพน์ก็เฉี่ยวหัวเธอไปนิดเดียวเท่านั้น

    ฉึก! อ๊ายย!

    แล้วปลายดาบของราตรีก็ปักเข้าไปที่ไหล่ของคู่ต่อสู้ทันที

    เปรี๊ยะ!! กรี๊ดด! เคล้ง!

    สายฟ้าไหลจากร่างของราตรีผ่านลูกแก้วที่ดาบและตัวดาบเข้าช็อตร่างของหญิงสาวผมแดงจนเธอชักกระตุกพร้อมกับดาบที่ร่วงลงพื้น

    พรืด!

    “โอเค ตายแล้วก็อย่ามาแค้นกันนะ” ราตรีดึงดาบของเธอออกมาพร้อมกับเตรียมปิดบัญชีทันที

    ฟิ้ว! เคร้ง!!

    ในขณะที่ดาบของหญิงสาวตาคมกำลังจะพาดผ่านลำคอของหญิงสาวเปียแดงนั้น กลับมีคนเข้ามาขัดขวางไว้ได้อย่างทันท่วงที แต่ด้วยปฏิกิริยาโต้ตอบที่รวดเร็วของราตรี ดาบที่ถูกป้องกันได้แล้วกลับตวัดเข้าจู่โจมคนที่มาขัดขวางนั้นจนได้

    ฉัวะ! โอ๊ยย!

     “คริมซั่น! ทำอะไรน่ะ!?” ราตรีอุทานออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาขวางดาบของเธอก็คือนายโซล่าร์ซิสฯ ชุดแดงนั่นเอง

    “ขอโทษครับพี่ราตรี แต่พี่ชนะแล้วไม่ต้องเอาถึงตายก็ได้มั้งครับ” คริมซั่นตอบกลับมาพร้อมกับเอามือกุมแขนที่โดนราตรีฟันเอาไว้

    วูม!

    “เฮ่อ” ราตรีเก็บดาบ ถอนหายใจออกมาทีหนึ่งแล้วใช้ปราณลมช่วยสมานแผลให้คริมซั่นทันที

    “เข้าใจอะไรง่ายดีเหมือนกันนี่รัต” ลูกแก้วที่กั่นดาบของราตรีส่งเสียงออกมาทันทีที่เห็นท่าทางของราตรีอ่อนลง

    ที่แท้เทียร์ก็ทำหน้าที่ช่วยเสริมปราณให้กับราตรีเวลาสู้นั่นเอง โดยดาบของราตรีออกแบบมาให้เทียร์มีที่อยู่ในดาบได้อย่างสะดวก ไม่ต้องลอยไปลอยมาตลอดเวลาขณะใช้งาน แถมยังช่วยพรางการเสริมปราณของราตรีได้ด้วย

    “ชั้นไม่ได้เป็นยักษ์เป็นมารอะไรนะยะ จะได้เอาแต่ฆ่ากันลูกเดียว” ราตรีเถียงกลับวิญญาณน้ำตาของเธอ

    “ขอบคุณพี่ราตรีมากนะครับ” คริมซั่นยิ้มให้เมื่อเห็นว่าราตรียอมตามใจเขา แถมยังช่วยรักษาแขนให้ด้วย

    “แล้วเป็นอะไรกับยัยนั่นล่ะ รู้จักกันเหรอไง” ราตรีถามคริมซั่นขึ้นมา เพราะจู่ ๆ คริมซั่นกระโดดออกมาขวางการต่อสู้ของเธอมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ปกติเท่าไหร่

    “เปล่าครับ ไม่รู้จักกันหรอก” คริมซั่นส่ายหน้า

    “แต่อยากจะรู้จักเค้าล่ะสิ” เสียงหญิงสาวดังขึ้นมาจากทิศทางใกล้ ๆ

    คริมซั่นหันกลับไปดู ที่แท้ก็เป็นหญิงสาวสีชมพูของกลุ่มนั่นเอง

    “ตาคม ๆ แบบนี้ แถมผมสีแดงอีก สเป๊กเลยล่ะสินะฮ้า” กะเทยสีบานเย็นที่อยู่ข้าง ๆ กันเอ่ยขึ้นมา

    หน้าของคริมซั่นแดงขึ้นมาทันทีเหมือนกับยอมรับว่า ถูกต้องแล้วคร้าบ

    “น้ำเน่าเหมือนกันนะนายนี่” ราตรีเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเดินเข้าไปหาพ่อค้าขายต้นบัวฟ้า

    ในที่สุดราตรีก็ได้ต้นบัวฟ้ามาสมใจ ส่วนเมโลดี้ก็ได้รับเงินที่ชนะพนันมาได้

    อีกด้านหนึ่งคริมซั่นก็ให้โรสและมาเจนต้าช่วยกันถ่ายปราณลมบรรเทาอาการช็อคให้ไพน์ พร้อมกับช่วยรักษาแผลที่ถูกราตรีแทงด้วย

    จนกระทั่งในที่สุด หญิงสาวผมเปียก็เริ่มขยับตัวได้

    “เป็นไงบ้างครับ” คริมซั่นเอ่ยถามหญิงสาวผมแดง

    “ฮือ~อ” ไพน์ร้องไห้ออกมาทันที ทำเอาคริมซั่นและพวกโซล่าร์ซิสฯ คนอื่น ๆ ทำตัวไม่ถูก

    “เอ่อ การต่อสู้มันก็มีแพ้มีชนะนะฮ้า แพ้ครั้งนึงก็ลุกขึ้นสู้อีกครั้งนึง ยิ่งลุกขึ้นเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งก้าวหน้าเร็วเท่านั้นนะฮ้า” มาเจนต้าปลอบใจหญิงสาวผมแดง โดยใช้คำคมจากหนังสือที่เธอเคยอ่านมาเป็นตัวช่วย

    “ไม่ใช่ ชั้นอยากจะได้ดอกบัวฟ้าต่างหากล่ะ เพื่อนของชั้นโดนยาพิษเข้าไป กำลังจะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่มีดอกบัว เพื่อนชั้นก็ตายน่ะสิ ฮือ~อ” ไพน์บอกถึงสาเหตุที่เธอร้องไห้ออกมา

    “โธ่เอ๊ย แค่ตาย เดี๋ยวก็ฟื้นย่ะ นี่มันเกมนะ” ราตรีแทรกขึ้นมา

    “ชั้นรู้! แต่ชั้นไม่อยากให้เพื่อนตายนี่!” ไพน์เถียงกลับราตรีทันทีพร้อมกับส่งสายตาอาฆาตไปให้

    ฉัวะ! ตุบ!

    “ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอหรอกนะ” ราตรีพูดออกมาพร้อมกับตัดดอกบัวออกจากต้นแล้วโยนมันให้ไพน์

    หญิงสาวผมแดงรู้สึกฉงนขึ้นมาทันที เพราะราตรีส่งของรางวัลของผู้ชนะมาให้เธอ ซึ่งมันไม่สมควรเพราะราตรีได้มันมาอย่างถูกต้อง อย่างนี้เท่ากับสมเพชเธอชัด ๆ

    “จะดูถูกกันหรือไง!” ไพน์พูดออกมาอย่างไม่พอใจ

    “หนึ่งหมื่นโกลด์ พอดีชั้นอยากได้แต่รากซะด้วย ไม่ได้อยากได้ดอก จะซื้อต่อมั้ยล่ะ เพราะชั้นโขกกำไรเต็มที่เลย” ราตรีเข้าใจดีว่าไพน์มีนิสัยอย่างไร หญิงสาวคนนี้ก็คล้าย ๆ กับเธอนั่นแหละ เป็นคนที่ไม่ชอบโดนดูถูก

    ไพน์มีสีหน้าอ่อนลงทันที พร้อมกับควักเงินหมื่นโกลด์ส่งให้ราตรีทันที

    เมื่อราตรีรับเงินเอาไว้ หญิงสาวผมแดงก็หันตัวออกแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

    “อ๊ะ!” คริมซั่นส่งเสียงเหมือนอยากจะห้ามเธอเอาไว้ แต่ก็รู้ดีว่าเธอกำลังรีบเอาดอกไม้ไปรักษาพิษให้เพื่อนของเธอ จึงชะงักไป

    พวกโซล่าร์ซิสฯ แต่ละคนมองกริยาของคริมซั่นแล้วก็ต้องส่ายหน้า แห้วอีกตามเคย คือสิ่งที่พวกโซล่าร์ซิสฯ ทั้งสามคิดขึ้นมา

    “คริมซั่นคะ เราได้วัตถุดิบมาหนึ่งอย่างแล้วนะ” เมโลดี้เปลี่ยนเรื่องให้คริมซั่นทันที

    “ไม่ใช่หรอกค่ะพี่เมโลดี้ ตอนนี้สองอย่างแล้วต่างหาก ส่วนวัตถุดิบอย่างสุดท้ายเหลือแค่รอเวลาเท่านั้นเอง” โรสให้ข้อมูลกับเมโลดี้ว่า ไม่ใช่แค่รากบัวดอกฟ้าเท่านั้นที่หาเจอแล้ว

    “เหรอ แล้วทำไมต้องรอด้วยล่ะจ๊ะ” เมโลดี้หันมาถามโรส

    “ก็รอประมูลของได้ตอนเที่ยงคืนไงล่ะคะ” โรสบอก

    “งั้นถ้าเรามีเงินเยอะพอก็ไม่ต้องรอใช่มั้ยจ๊ะ” เมโลดี้ยิ้มขึ้นมา เพราะเธอได้กำไรจากการแทงข้างราตรีมาถึงแปดหมื่นโกลด์ แถมต้นบัวที่ราตรีซื้อมาก็แค่ห้าพันเท่านั้น แต่ตัดดอกไปขายซะหนึ่งหมื่น จะจ่ายค่าวัตถุดิบสักแสนโกลด์ก็ไม่เสียดายอะไร

    แล้วราตรี เมโลดี้ และพวกโซล่าร์ซิสฯ ก็ยกขบวนไปซื้อกระดูกมังกรมาด้วยเงินแสนโกลด์ โดยไม่ต้องรอให้สิ้นสุดการประมูล เพราะพ่อค้ายอมขายให้เลยนั่นเอง

     

    หลังจากนั้นทั้งหกคนก็เริ่มปรุงยานอนหลับตามสูตรในหนังสือทันที โดยราตรีมีอุปกรณ์สำหรับปรุงยาอยู่ ตั้งแต่ตอนที่เมโลดี้ถูกพิษของงูเห่าแล้ว ทำให้ไม่ต้องไปหาซื้ออุปกรณ์ใด ๆ มาเพิ่มอีก

    “ในหนังสือเขียนเอาไว้ว่า ยานอนหลับห้ามิลลิลิตร ทำให้สัตว์ที่หนักห้าสิบกิโลกรัม หลับได้นานสิบนาที ถ้าอยากให้หลับนานขึ้น ก็เพิ่มปริมาณยาเข้าไปได้” อาเชอร์อ่านข้อมูลจากหนังสือให้ทุกคนฟัง

    “แล้วเราปรุงยาได้ขนาดไหนล่ะ” โรสถามอาเชอร์ขึ้นมา

    “อืม เพราะรากบัวมีน้อยไปหน่อย ก็เลยได้แค่นี้แหละ” อาเชอร์พูดขึ้นพร้อมกับชูขวดของเหลวใสขวดเล็ก ๆ ให้โรสดู

    “ก็แล้วมันกี่มิลลิลิตรล่ะนั่น” โรสยังไม่ได้คำตอบที่เธอต้องการ เพราะเธอไม่รู้ว่าในขวดนั่นมันมียาอยู่กี่มิลลิลิตร

    “ประมาณห้าสิบมิลลิลิตรล่ะมั้ง” อาเชอร์กะปริมาณ

    “เจ้าเสือตัวใหญ่นั่นน่าจะหนักไม่ต่ำกว่าห้าร้อยกิโลเลยมั้ง” ราตรีลองเดาจากขนาดของเจ้าเสือตัวสูงสองเมตรนั่น

    “ถ้าอย่างนั้นเราก็มียาที่ทำให้เจ้าเสือนั่นหลับได้แค่สิบนาทีสินะ แล้วป่าทางเหนือมันไกลมั้ยเนี่ย” โรสเริ่มคิดถึงปัญหาที่จะตามมาในการวางยาเจ้าเสือแล้วขนกลับมาส่งให้คุณนายฟลิตวิก ซึ่งคิดยังไงก็มีเวลาไม่พอ

    “ก็ถ้ามันหลับแล้วเราจะมัดมันเอาไว้ก็ได้นี่นา” อาเชอร์ทักขึ้นมา

    “อ๊ะ! จริงด้วย โรสลืมไป มัดมันเอาไว้ก็ได้นี่นา แล้วค่อยแบกมันกลับมา” โรสคิดถึงการมัดด้วยฝีมือของมาเจนต้า ถ้ามาเจนต้าเป็นคนมัดเสือ รับรองว่าเจ้าเสือต้องดิ้นไม่หลุดแน่เลย

    “ถ้าจะให้สะดวกกว่านั้น เราก็ล่อมันออกมาจากป่า ให้เข้ามาใกล้เมืองมากที่สุด จะได้ไม่ต้องเหนื่อยแบกมันไกล ๆ ราตรีเสนอขึ้นมาอีก

    ตลอดเวลาที่ประชุมกันนั้น ต่างคนต่างเสนอความเห็นในการจับเสือให้ได้ง่ายดายและสะดวกที่สุด มีเพียงคริมซั่นเท่านั้นที่นั่งเงียบแล้วถอนหายใจอยู่คนเดียวเหมือนคิดถึงใครอยู่ ซึ่งพวกโซล่าร์ซิสฯ ก็สังเกตเห็นและรู้ดีว่าคริมซั่นคงจะเพ้อรักไปตามเรื่อง

    หลังจากประชุมกันเสร็จแล้ว ทั้งหกก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เตรียมจะออกไปล่าเสือในวันพรุ่งนี้

     

    วันรุ่งขึ้น ราตรี เมโลดี้ แองเจล่า และพวกโซล่าร์ซิสฯ ก็รวมพลกันที่ด้านตะวันออกของเมือง เนื่องจากประตูเมืองมีอยู่แค่สองด้าน ทิศตะวันออกและทิศใต้ ทางด้านตะวันตกนั้นเป็นท่าเรือ ส่วนทางทิศเหนือนั้นเป็นกำแพงทั้งหมด เพื่อกันสัตว์ร้ายจากป่าทางเหนือเข้ามาในเมืองพอร์ตทาวน์

    “กินข้าวกันเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ” เมโลดี้ถามพวกโซล่าร์ซิสฯ

    “เรียบร้อยแล้วครับ” อาเชอร์ตอบกลับเมโลดี้พร้อมกับเหล่ไปทางคริมซั่นซึ่งยังไม่หายจากอาการเพ้อรัก

    “คริมซั่นพร้อมมั้ยจ๊ะ” เมโลดี้หันมาถามคริมซั่นที่ดูเหม่อ ๆ

    ตุบ!

    โรสต้องใช้หมัดต่อยหลังคริมซั่นเบา ๆ เพื่อเรียกสติ

    “เอ๋อ? ...เอ้อ พร้อมครับ” คริมซั่นได้สติพร้อมตอบกลับเมโลดี้

    “ป่าทางเหนือนี่เป็นป่าที่คนที่เพิ่งมาถึงพอร์ตทาวน์มักจะเลี่ยงกัน เพราะระดับของสัตว์อสูรในป่านี้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่แปดสิบ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยสี่สิบถึงเท่าตัว แต่สำหรับพวกเราแล้วคงจะไม่มีปัญหานะ” ราตรีบอกข้อมูลให้ทุกคนฟังอีกครั้ง เพราะระดับของทีมอยู่ที่หนึ่งร้อยกันทุกคน ถ้าไม่ได้ประมาทหรือเหม่ออยู่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

    แล้วคนทั้งหกคนกับนางฟ้าอีกหนึ่งก็เคลื่อนขบวนจากประตูตะวันออก สู่ป่าทางเหนือ

     

    เวลาเดินทางจากประตูตะวันออกถึงป่าทางเหนือคือสามสิบนาที และเมื่อทั้งเจ็ดเข้าสู่พื้นที่ป่าทางเหนือ บรรยากาศในป่าก็เปลี่ยนแปลงไป สัตว์อสูรทั้งหลายตื่นตัวกันมากขึ้น

    นี่เป็นระบบภารกิจของเกม เมื่อผู้รับภารกิจเข้าสู่พื้นที่ภารกิจ สัตว์อสูรที่อยู่ในภารกิจก็จะปรากฏตัวขึ้นมา ดังนั้น ไม่ว่าใครจะเข้ามาในป่าทางเหนือนี้ ถ้าไม่ได้รับภารกิจตามหาแมว ก็จะไม่มีทางได้เจอกับเจ้าปุกปุยในป่าเลย และสัตว์อสูรอื่น ๆ ก็จะพุ่งเป้าไปที่ผู้ทำภารกิจมากกว่าเดิมด้วย

    ฉัวะ! ฉัวะ!

    แล้วฝูงหมาป่าก็เข้าล้อมคณะของพวกโซล่าร์ซิสฯ เอาไว้ทันที ทั้งเจ็ดคนชักอาวุธขึ้นมาแล้วเข้าตะลุมบอนกับพวกหมาป่าจรจัดทันที ระดับของพวกหมาป่าอยู่ที่ตัวละประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบ มีประมาณสองร้อยตัว

    ย้าก! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉึก! ผัวะ! ตูมม!

    เป็นประสบการณ์ใหม่ของพวกโซล่าร์ซิสฯ เหมือนกัน เพราะปกติหมาป่าในป่าหมาหมู่จะอยู่ที่ระดับยี่สิบถึงสามสิบ และมาไม่เคยเกินสิบตัว ระดับที่สูงและปริมาณเยอะขนาดนี้ทำให้พวกโซล่าร์ซิสฯ ทั้งสี่มือเป็นระวิง ไม่ว่าจะเหวี่ยงอาวุธไปทางไหนก็จะเจอร่างของหมาป่าเสมอ

    ฉับ! ฉับ! ฉับ!

    ส่วนทางด้านราตรี เน้นการเคลื่อนไหวโดยฉับพลัน โดยเธอใช้เจ้าพวกหมาป่านี้ฝึกซ้อมการโจมตีเข้าจุดตาย โดยใช้การสะบัดดาบครั้งเดียวก็ตัดหัวเหล่าหมาป่าออกจากลำตัวได้อย่างหมดจด โดยมีแองเจล่าระวังหลังให้ ซึ่งนางฟ้าผมทองก็ไม่ค่อยจะโจมตีเท่าไหร่ แต่มักจะแอบใช้พลังจิตดึงร่างหมาป่าเข้ามาแล้วใช้มีดที่ติดอยู่ที่แขนจิ้มบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง

    ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

    ส่วนทางด้านเมโลดี้ดูแปลกไปจากเดิมมากที่สุด เมื่ออาวุธของเธอเปลี่ยนเป็นดาบโค้งวงพระจันทร์คู่ที่ทั้งหนาและใหญ่ หญิงสาวนัยน์ตาสีมรกตเหมือนกำลังเต้นระบำอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า มือและคมมีดก็ปัดป่ายไปมา ไม่ว่าจะลากมือผ่านที่ตรงไหน บริเวณนั้นก็จะมีแต่เลือดและซากหมาป่านอนกองทับถมกัน ช่างดูเป็นระบำแห่งความตายที่สวยงามและโชกเลือดยิ่งนัก

    “หึ ในที่สุดก็ได้อาวุธที่เหมาะกับตัวเองซักทีนะ” ราตรีมองพร้อมกับเปรยออกมาเบา ๆ

    “ไม่ใช่หรอกคุณราตรี อาวุธของท่านเมโลดี้ยังคงเป็นธนูอยู่นั่นเอง” แองเจล่าได้ยินเสียงราตรีก็เลยพูดแย้งออกมา

    “ไอ้ดาบวงพระจันทร์คู่นั่นน่ะเหรอ?” ราตรีสงสัย

    “ตอนที่ท่านเมโลดี้สั่งทำอาวุธคุณราตรีมัวทำอะไรอยู่เล่า นั่นเป็นธนูวงพระจันทร์แบบแยกส่วนได้ต่างหาก ตรงปลายของด้ามดาบมีกลไกที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งเมื่อดาบทั้งคู่เชื่อมต่อกันแล้วมันจะกลายเป็นธนูคันใหญ่” นางฟ้าผมทองอธิบายให้ราตรีฟัง

    “...เหรอ” ราตรีฟังนางฟ้าผมทองพูด ก็รู้สึกทึ่ง ๆ นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมาก เธอนึกว่าเมโลดี้อาจจะเปลี่ยนอาวุธเป็นอาวุธระยะใกล้ตามที่เธอแนะนำ เมื่อเห็นเมโลดี้ทำตามจริง ๆ จึงรู้สึกแปลก ๆ เพราะเมโลดี้เป็นคนประเภทดื้อตาใส แต่พอรู้ว่าอาวุธที่เมโลดี้ใช้นั้นยังเป็นธนูเหมือนเดิมก็ค่อยรู้สึกเบาใจลงบ้าง เพราะรู้ว่าเพื่อนสาวของเธอยังดื้ออยู่เหมือนเดิม

    และแล้วในเวลาเพียงสิบห้านาที ฝูงหมาป่าทั้งสองร้อยตัวก็นอนจมกองเลือดกันหมด

    ฟุบ! กริ๊ง!

    เงินที่กระจัดกระจายจากร่างหมาป่าถูกดูดเข้ามาหาพวกเขาทั้งเจ็ดจนหมด เพราะเข็มขัดแบบดูดเงินได้ที่พวกเขามี เนื่องจากเพราะความสะดวกของมันนี่แหละที่ทำให้ทุกคนซื้อเอาไว้ จะให้ไปนั่งเก็บเหรียญทีละเหรียญจากซากหมาป่าคงเสียเวลาแย่

    “อืม ได้เงินเยอะเหมือนกันนะ ตกเฉลี่ยให้เงินตัวละร้อยโกลด์แน่ะ แค่สิบกว่านาทีได้รวม ๆ กันเป็นหมื่นเลย สมแล้วที่อยู่บนทวีปใหญ่” โรสพูดขึ้นมาอย่างยินดี

    “แล้วซากหมาป่าใช้ทำอะไรได้บ้างมั้ยเนี่ย นอกจากเอามากินเนี่ย” คริมซั่นเริ่มคิดหาทางใช้งานจากซากหมาป่าที่มีมากมาย

    “ทำภารกิจหลักของพวกเราก่อนดีกว่านะฮ้า” มาเจนต้าพูดขึ้นมา เพราะเธอไม่อยากจะเสียเวลานั่งเก็บซากหมาป่าตอนนี้

    โฮกก!!

    แล้วทันใดนั้นเสียงคำรามของสัตว์อสูรก็ดังขึ้นมา

    ฉัวะ!!! โอ๊ย!

    ทันใดนั้นเงาร่างของสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่ก็พุ่งเข้าโจมตีคริมซั่นจนตัวสะบัด และเลือดกระเซ็นออกมาทันที

    “คริมซั่น! เป็นยังไงบ้าง!!” อาเชอร์ร้องขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงแล้ววิ่งไปดูเพื่อนของตนทันที

    ที่ไหล่ซ้ายของคริมซั่นเป็นแผลเหวะหวะซึ่งเกิดจากการโดนกัด เนื้อที่ไหล่ของเขาดูเหมือนจะหายไปส่วนหนึ่งเลยทีเดียว

    โฮกก!! ฮูมม!!

    แล้วเสียงคำรามก็ดังขึ้นทั่วบริเวณ อาเชอร์ใช้สัมผัสจับได้ว่าพวกเข้าทั้งเจ็ดโดนล้อมด้วยสัตว์อสูรขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัว

    ปุกปุย

    ระดับ 200

    ลูกเสือ

    ระดับ 150

    ลูกเสือ

    ระดับ 150

     

    “ไหนว่าภารกิจระดับเอสมันสำหรับผู้เล่นระดับแปดสิบถึงร้อยยี่สิบไง” โรสบ่นขึ้นมาหลังจากเห็นระดับของพวกเสือตัวใหญ่ที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับชื่อ ลูกเสือ เลยพร้อมกับระดับที่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบสักตัวเดียว

    “แล้วไหนคุณนายฟลิตวิกบอกว่ากลัวเจ้าปุกปุยมันจะเป็นอันตรายไง ทำไมมันมาปกครองเสือในป่าล่ะเนี่ย” ราตรีบ่นขึ้นมาเหมือนกันหลังจากเห็นพฤติกรรมจ่าฝูงของเจ้าเสือขนาดสองเมตรที่ชื่อว่าปุกปุย ซึ่งดูยังไงก็ไม่มีทางได้รับอันตรายจากป่านี้

     

    จะสู้ได้มั้ยน้า
    เขียนเอาไว้ตรงนี้ เพราะคงมีเสียงบ่นอีกเยอะ เรื่องที่มาตาร์ไม่โผล่ออกมาสักที
    ช่วงนี้คือการวางระบบโดยใช้กลุ่มพวกโซล่าร์ซิสฯ เล่าเรื่องครับ เพราะเนื้อเรื่องของมาตาร์มันจะผิดแผกไปจากการเล่นเกมของคนอื่นเยอะเลย แล้วเดี๋ยวจะมีเรื่องโลกจริงของคนอื่นเข้ามาอีกด้วย จากที่ผมประมาณเอาไว้นะ อีกประมาณห้าตอนเป็นอย่างน้อยครับกว่าจะถึงเรื่องของมาตาร์ แล้วหลังจากตัดเข้าเรื่องของมาตาร์แล้ว ตัวละครเก่าแทบจะหายไปหมดเลย ถ้าอยากอ่านเรื่องของมาตาร์ก็รออีกสักสัปดาห์ล่ะมั้งครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×