คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : หมวด ด
-ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่
สำนวนทำนองนี้ มีอยู่ด้วยกันหลายประโยค และมีความหมายไปในทำนองเดียวกัน เช่น “ ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ “ ” ดูข้างให้ดูหน้าหนาว ดูสาวให้ดูหน้าร้อน “ ดังที่ได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้ว แต่สำนวนที่ว่า ” ดูช้างให้ดูหาง “ นี้ มุ่งให้ดูหางช้าง ที่บอกลักษณะว่าเป็นช้างดีหรือช้างเผือก เพราะที่ปลายหางของมันยังเหลือให้เห็นสีขาวอยู่ตามเรื่องที่เล่าว่า เวลาช้างพังตกลูกเป็นช้างเผือกสีประหลาด พวกช้างพลายและช้างพังจะช่วยกัน ” ย้อม “ กลายลูกมันเสีย ด้วยการใช้ใบไม้หรือขี้โคนดำ ๆ พ่นทับ เพื่อมิให้คนรู้ว่าเป็นช้างเผือกแล้วมาจับไป หรืออย่างไรไม่แน่ชัด แต่การย้อมลูกของมันด้วยสีเผือกให้เป็นสีนิลนั้น ก็ยังเหลือร่องรอยอยู่อย่างหนึ่ง คือที่ปลายหางเป็นสีขาว เหตุนี้เขาจึงให้สังเกตลักษณะของช้างเผือกที่ตรงหางไว้เป็นหลักสำคัญ
-ได้แกง เทน้ำพริก
เป็นสำนวนที่มีความหมายอธิบายง่าย ๆ เปรียบเทียบว่า ได้ใหม่ลืมเก่านั่นเอง มักจะใช้เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่า ผู้ชายเราที่ได้ภรรยาใหม่ก็ทิ้งเก่าไปเลย คำว่า ” น้ำพริก “ หรือ ” น้ำพริกถ้วยเก่า “ เราจะหมายถึงภรรยาเก่าโดยเฉพาะ เพราะ ” น้ำพริก “ เป็นอาหารประจำวันของคนไทยเราที่ไม่มีการยักย้ายเปลี่ยนแปลงเหมือนแกงหรือผัด และมักจะมีประจำเกือบทุกมื้อก็ว่าได้
-ดอกกระดังงาไทย ไม่ลนไฟไม่หอม
ตามความหมายของสำนวนอย่างหนึ่งว่า สิ่งใดก็ตามถ้าปล่อยทิ้งไว้เปล่า ๆ หรือไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งธรรมดาไม่ดีหรือไม่เลว แต่ถ้าไปทำให้มีเรื่องขึ้น กลับดูเหมือนจะทำให้ดีกว่าเก่ายิ่งขึ้นกว่าเดิม ตามความหมายดังกล่าวนี้ เราจึงมักจะเอามาใช้เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่า หญิงสาวบางคนที่บริสุทธิ์นั้นดูเป็นสิ่งธรรมดาไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นหรือแปลก แต่ถ้าได้แต่งงานหรือมีสามีเสียครั้งหนึ่งแล้ว เลิกร้างกันกลับกลายเป็น ” แม่หม้ายเนื้อหอม “ ไปได้ เปรียบกับดอกกระดังงาไทย เมื่อเอามาลนไฟด้วยเทียนขี้ผึ้งจะมีกลิ่นหอมแรงขึ้น
-เด็ดบัวไม่ไว้ใย
หมายความว่า ตัดสัมพันธุไมตรี หรือ ความเป็นมิตรสนิท หรือเคยเป็นคนรักใคร่ชอบพอกันมาก่อน อย่างชนิดที่ไม่ยอมคืนดีกัน การที่เอาดอกบัวมาเปรียบก็เพราะเหตุที่ว่า ดอกบัวนั้นถ้าเราหักก้านดอกลง ตรงรอยหักมักจะมีเยื่อหรือใยก้านติดอยู่ ไม่ค่อยขาดจากกันง่าย สำนวนนี้บางทีก็พูดว่า ” เด็ดบัวอย่าเหลือใย “ หรือ อีกสำนวนหนึ่งว่า ” เด็ดปลีไม่มีใย “ ปลี หมายถึงดอกของกล้วยหรือหัวปลี
-เดินตามหลังราชสีห์ ดีกว่าเดินตามก้นสุนัข
ไม่ทราบที่มาของสำนวนนี้แน่ชัดนัก แต่เข้าใจว่า เป็นสำนวนที่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคปัจจุบันนี้ หรือไม่มีนานมานี้นัก จำได้ว่าอดีตนักศิลปินผู้หนึ่งซึ่งล่วงลับไปแล้ว คือคุณเสน่ห์ โกมรชุนนำมาใช้เป็นมติของเขาครั้งหนึ่ง สมันที่ร่วมวงกับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งเรืองอำนาจในสมัยนั้น โดยถือคติยอมเป็นสมัคพรรคพวกของผู้มีอำนาจราชศักดิ์ดีกว่ายอมร่วมวงกับผู้ที่ปราศจากอำนาจราชศักดิ์หรือทรัพย์สิน
-ได้กำจะเอากอบ
เป็นสำนวนพังเพยธรรมดาที่เมื่อพูดก็รู้ความหมาย ซึ่งจะเหมือนกับสำนวนที่ว่า ได้คืบจะเอาศอก หรือได้ศอกจะเอาวา ความหมายในสำนวนเหมือนกัน ต่างกันคือ กำและกอบ เป็นคำบอกปริมาณ ส่วนคืบ ศอก หรือวา นั้นเป็นระยะ แต่มีสำนวนที่ตรงข้ามกันคือ “เสียกำช้ำกอบ” ทั้งนี้หมายความได้ทั้งสิ่งที่เป็นรูปธรรม เช่น เงินทอง ของใช้ หรือนามธรรม เช่น ชื่อเสียงเกียรติยศ ลาภสักการะต่างๆ
-ดินพอกหางหมู
สำนวนนี้โบราณเอาอาชีวะอย่างหนึ่งของผู้คนมาร้อยเรียงเป็นสำนวนเรื่องราวเพื่อบอกเป็นนัยหนทางชีวิตไว้ อาชีพอย่างนี้คืออาชีพเลี้ยงหมูขาย หรือแม้แต่มิได้เป็นอาชีพ บ้านเรือนก็มีหมูเลี้ยงไว้กินเศษอาหารบ้านละตัวสองตัว หมูนั้นชอบเย็น ชอบนอนโคลน ชาวบ้านก็มีปลัก (หล่ม) โคลนเอาไว้ให้หมูนอนเล่น หมูชอบแกว่งหาง หางหมูแกว่งไปโดนโคลนๆ ก็จับติดครั้งละเล็กละน้อย จนกลายเป็นก้อนโต บางตัวจับเป็นก้อนใหญ่ขนาดแกว่งหางไม่ได้เลยก็มี โบราณจึงอุปมาโคลนที่ติดหางหมูนี้เปรียบเทียบกับการทำงานของคน ที่ชอบสะสมทอดทิ้งงานคั่งค้างเอาไว้ไม่ยอมทำ จนมากมาย และในที่สุดก็ทำไม่ทันเกิดโทษต่อตนเอง
-เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด
สำนวนคำพังเพยนี้เป็นนามธรรม การเดินตามหลังผู้ใหญ่โบราณหมายถึง ผู้ที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ เคยทำการอย่างนั้นประสบความสำเร็จมาแล้ว ถ้าเอาตัวอย่างมาปฏิบัติตามก็จะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย หมาไม่กัด ซึ่งหมายถึง จะไม่มีความล้มเหลวและปลอดภัย (สำนวนนี้มีผู้แก้ความหมายเป็นเชิงหยอกเอินว่า เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัดผู้ใหญ่ แต่จะกัดคนที่เดินตาม
-ได้ทีขี่แพะไล่
คำพังเพยสำนวนนี้เป็นคำโบราณสร้างขึ้นเพื่อเอาไว้เตือนใจคนที่จิตใจเหี้ยมโหด ไม่มีความรู้สึกสงสารคนที่เพลี่ยงพล้ำคอยจ้องซ้ำเติม โดยไม่มีจิตเวทนา คำพังเพยสำนวนนี้เขียนขึ้นจากเรื่องนิทานสุภาษิต เมื่อลิงขี่หลังแพะแสดงตัวเป็นปิศาจไล่เสือที่มาซุ่มจะกินวัวชาวบ้าน เสือตกใจวิ่งหนี ลิงก็ขี่หลังแพะวิ่งไล่ตาม
-ได้คืบจะเอาศอก
โบราณนำมาตราวัดความยาวมาผูกเป็นพังเพยเตือนใจคน ที่ว่าได้มาแล้วก็ยังไม่พอหวังจะเอาอีก เพราะมีความโลภเป็นทุนหนุนจิตใจ เรียกว่าได้ไม่พอ สูตรความยาวโบราณกล่าวถึงวิธีวัดไว้ว่า 12 นิ้ว เป็น 1 คืบ 2 คืบเป็น 1ศอก และ 4 ศอกเป็น 1 วา 20 วาเป็น 1 เส้น 400 เส้นเป็น 1 โยชน์ ดังนี้
-เด็กเมื่อวานซืน
โบราณผูกคำพังเพยนี้สอนคนที่รู้น้อยแต่ชอบอวดรู้ ว่าเป็นเด็กเมื่อวานซืน ประสบการณ์มีน้อย แต่ชอบเบ่งคุยโตโม้ว่าเรียนรู้ชั้นสูงรอบรู้ทุกอย่าง แต่เวลาตอบคำถามก็อึกอักตอบไม่ได้สักอย่าง
-ดูข้าเมื่อใช้งาน ดูวงศ์วานเมื่อตกยาก
โบราณสร้างคำพังเพยนี้เพื่อใช้ประกอบในการสังเกตดูคน ผู้ที่ทำหน้าที่คนรับใช้ (ข้า หรือขี้ข้า)ต้องดูที่การทำงานตามที่สั่งว่ามีความขยันขันแข็ง และงานออกมาเรียบร้อยเพียงใด เช่นกัน เมื่อจะดูว่าวงศาคณาญาติพี่น้องจะช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่ ก็ให้ดูตอนที่ตัวเรามีความเดือดร้อน หรือตกยากต้องไปขอความช่วยเหลือเมื่อใด ก็จะเห็นธาตุแท้ของพวกเขาเมื่อนั้น
-ดีดลูกคิดรางแก้ว
โบราณนำเครื่องมือในการคิดเลขของคนจีน คือลูกคิดมาเป็นเครื่องเปรียบเปรยถึงความคิดของคน ลูกคิดรางแก้วนั้นก็คือการคิดที่จะได้อย่างเดียว ซึ่งถือเป็นความคิดที่มุ่งจะได้ประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรมใดๆ ทั้งสิ้น
-ดักลอบต้องหมั่นกู้ เป็นเจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยว
เมื่อเห็นคำพังเพยสำนวนนี้ก็ทายได้ว่า โบราณต้องการจำแนกให้เห็นความมานะพยายามของคนที่เมื่อประสงค์จะทำสิ่งใดก็ตาม โดยยกเอาเครื่องมือจับปลาที่เรียกว่า “ลอบ” มาเปรียบเทียบว่า การดักลอบ ถ้าไม่หมั่นกู้ ก็อาจจะไม่ได้ปลา เพราะจะมีคนมายกลอบปลาเอาไปเสียก่อน เพราะเห็นว่าไม่มีเจ้าของลอบสนใจ เฉกเช่นนักเลงเจ้าชู้ เมื่อประสงค์จะเกี้ยวสาวคนใดก็ต้องใช้ความพยายามในการที่จะไป “เทียวไล้เทียวขื่อ” ประเภท “ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกได้” เช้าเสนอหน้า เย็นเสนอหน้า รับรองว่าใจสาวเจ้าต้องมีวันอ่อน ส่วนเจ้าชู้คนนั้นจะรักจริงหวังแต่งหรือไม่นั้นเป็นไปแล้วแต่บุญกรรม
-ดอกพิกุลร่วง
เรียกอาการที่นิ่งไม่พูดว่า กลัวดอกพิกุลจะร่วง
-ดาบสองคม
มีทั้งคุณและโทษ, อาจดีอาจเสียก็ได้
-ดาวล้อมเดือน
มีบริวารแวดล้อมมาก
-ดำดิน
หลบหายไป, หายไปไหนไม่รู้ร่องรอย
-ดีดลูกคิด
คำนวณผลได้ผลเสียหรือกำไรขาดทุนอย่างละเอียด
-ดูตาม้าตาเรือ
พิจารณาให้รอบคอบ (มักใช้ในความปฏิเสธ) เช่น ไม่ดูตาม้าตาเรือ
-เด็กอมมือ
ผู้ไม่รู้ประสีประสา
-เด็ดดอกไม่ไว้ขั้ว
ตัดขาด, ตัดญาติขาดมิตรกันเด็ดขาด, มักใช้เข้าคู่กับเด็ดบัวไม่ไว้ใย ว่า เด็ดดอกไม่ไว้ขั้ว เด็ดบัวไม่ไว้ใย
-เด็ดดอกไม้ร่วมต้น
เคยทำบุญกุศลร่วมกันมาแต่ชาติก่อน จึงมาอยู่ร่วมกันในชาตินี้, เก็บดอกไม้ร่วมต้นก็ว่า
- เด็ดปลีไม่มีใย
ตัดขาด, ตัดญาติขาดมิตรกันเด็ดขาด, เด็ดบัวไม่ไว้ใย ก็ว่า
-ได้หน้าได้ตา
ขอบคุณที่มาข้อความ
st.ac.th
siamtower.com
9bkk.com
ขอบคุณที่มารูปภาพ
siamtower.com
ความคิดเห็น