ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จดหมายแทนใจแม่

    ลำดับตอนที่ #8 : ขายของไนท์บาซาร์

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 56


    สาวน้อยลูกแม่

                อาม่าของลูกช่างขยันมองหาทางทำมาหากินเสียจริง  ท่านไม่เคยหยุดที่จะหาลู่ทางทำมาหากินเลย   ในช่วงก่อนที่เราจะไปขายของที่โรงหนังนครเชียงใหม่  ที่ไนท์บาซาร์กำลังเริ่มต้นที่จะเปิดให้ขายของ  โดยในระยะเริ่มต้น  บริเวณที่ขายของเป็นเพียงลานซีเมนต์โล่งๆ ที่มีเสาไฟเป็นระยะๆ  การกำหนดพื้นที่ให้ค้าขาย ก็อาศัยหลักของบล็อกซีเมนต์และเสาไฟเป็นที่สังเกต  พ่อค้าแม่ค้าแต่ละร้านก็จะหาโต๊ะ เก้าอี้ หรืออุปกรณ์ที่จะวางสินค้าจำหน่ายไปเอง   คล้ายๆ กับตลาดนัดทั่วไปนั่นแหละจ๊ะ  อาม่าได้ไปเช่าที่ขายของที่ไนท์บาซาร์ในช่วงแรกนี้ด้วยเหมือนกัน   เราเอาสินค้าพวกของที่ระลึก  รวมทั้งพวกเครื่องปั้นดินเผาที่ขึ้นชื่อของเชียงใหม่ จำพวกคนโทน้ำ น้ำต้น (โอ่งน้ำเล็กๆ มีฝาปิด) กระบวยตักน้ำ และของที่ระลึกอื่นๆ ไปวางขายแก่นักท่องเที่ยวในเวลากลางคืน  หลังเลิกร้านขายขนมตอนกลางวันที่ตลาด  เราจะเอาข้าว กับข้าวใส่ปิ่นโตไปกินกันที่ข้างๆ แผงขายของนั่นแหละ  ข้างๆ ร้านที่เราขายของเป็นร้านขายผ้าบาติก  พวกเราก็ได้รู้จักสนิทสนมกับเจ้าของร้านไปโดยปริยาย  แม่ว่าลูกคงจำคุณยายเจ้าของร้านสมุดลานนา และลูกๆ ของท่านได้  นั่นแหละจ๊ะ  เจ้าของร้านผ้าบาติกในสมัยโน้น

                เวลาที่น่าตื่นเต้นของการขายของในที่โล่งแจ้ง ไม่ว่ายุคไหนๆ  ก็คือ ช่วงฤดูฝน  เราไม่รู้ว่าฝนจะตกวันไหนบ้าง  จึงต้องเตรียมร่มคันใหญ่ไว้กางกันฝนให้ของที่วางขาย  และแม่ค้าทั้งหลาย  ถ้าฝนตกหนักๆ  ก็เก็บของหนีฝนกันอย่างสนุกสนาน   เสาไฟที่อยู่หลังร้านก็เป็นสิ่งที่พวกเราต้องระมัดระวัง  เพราะถ้าเผลอไปแตะเข้าช่วงอากาศชื้น  เป็นโดนไฟดูดกันอย่างน่าหวาดเสียว   พวกเราไปขายของที่ไนท์บาซาร์ช่วงแรกได้ระยะใหญ่ๆ เชียวละ  ในช่วงนี้ อาเหล่ากู๋ทั้งสองคน  (น้าของแม่)  ก็มีงานอดิเรกเป็นรับจ้างเขียนลายผ้าบาติก  ขายให้ร้านผ้าที่ติดร้านเราไปย้อมขาย  แม่ชอบไปดูตอนที่เขียน  ซึ่งก็ต้องขึงผ้าให้ตึง   ต้มเทียนให้ร้อน   แล้วใช้พู่กันจุ่มเทียนร้อนๆ เขียนไปเป็นลวดลายที่สวยงามบนผืนผ้า  เป็นลายต่างๆ กันไป  ทั้งลายดอกไม้ต่างๆ  โดยเฉพาะดอกกุหลาบ  ลายสัตว์ ฯลฯ   แม่แอบเก็บเคล็ดการเขียนรูปบางอย่างมาจากที่ดูการเขียนลายผ้าบาติกนี่แหละจ๊ะ    

                หลังจากเราไปขายของหน้าโรงหนัง  เราก็หยุดขายที่ไนท์บาซาร์ไปนานเลยทีเดียว   จนเมื่อแม่เรียนมัธยมปลาย  ไนท์บาซาร์ปรับปรุงใหม่  สร้างเป็นอาคารให้จำหน่ายสินค้า  กั้นเป็นห้องๆ อย่างในปัจจุบัน   อาม่าก็ได้ไปเซ้งห้องหนึ่งที่ชั้นสองของอาคารให้แม่ไปขายของที่นั่น   โดยครั้งนี้  เราก็ขายของที่ระลึกอีกเช่นกัน  แต่เป็นพวกชิ้นเล็กๆ ลง  มีทั้งเครื่องเขิน  กระเป๋าใบเล็กๆ  หรือเครื่องไม้อื่นๆ  ทั้งจำพวกช้างไม้  ไม้แกะสลัก ฯลฯ  ซึ่งเรามีการทำบัญชีต้นทุนกำไรไว้ทุกวัน  ในระยะแรกๆ อาม่าก็เป็นคนพาไปเปิดร้าน  ระยะหลังๆ  อาม่าก็ปล่อยให้แม่ดูแลร้านคนเดียว  มาส่งและมารับกลับบ้านเท่านั้น   แม่ทั้งทำการบ้าน  อ่านหนังสือที่ในร้านนั้นแหละ  หลังเลิกเรียนก็ไปเปิดร้านทั้งอยู่ในชุดนักเรียน   เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ได้ฝึกดูแลกิจการด้วยตนเองจ๊ะ

                แม่ไปขายของที่ไนท์บาซาร์ได้สักระยะหนึ่งเท่านั้น  เพราะเราก็มีงานขายของหน้าโรงหนังที่เมื่อหนังดีๆ เข้าฉายละก็  เราก็ต้องระดมคนทั้งหมดบ้านมาช่วยกันขาย  ช่วยกันดูแล   หลังจากทำไปได้ระยะหนึ่ง  เราก็ต้องปิดกิจการที่ไนท์บาซาร์ไป  เงินที่ได้จากการขายของ  ที่แม่เก็บแยกเอาไว้และลงบัญชีไว้ทุกรายการ  มาวันหนึ่งแม่เปิดดูถุงเงินแล้วปรากฏว่า  เงินหายไป  แม่ร้องไห้แทบตาย  เสียใจมาก  เพราะเป็นแรงงานที่เราลงไปเกือบทั้งหมด       เห็นไหมลูก  อะไรก็ไม่แน่นอน  ไปขายของมา ขนาดลงบัญชีไว้ทุกรายการเงินยังหายไปได้   แต่รู้ไหม  อะไรที่ได้มาแล้วติดตัวเราไม่รู้ลืม  ประสบการณ์เป็นสิ่งที่หาค่าไม่ได้  ใครจะขโมยไปก็ไม่ได้  การอดทน สู้งาน สู้ชีวิต  ก็ยังเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวเราอยู่จนตาย  ใช่ไหมลูก  แม่หวังว่า  ลูกแม่คงรู้จักที่จะอดทนในสิ่งที่ควรอดทน  ต่อสู้ ยืนหยัดให้ได้แม้ว่าสถานการณ์รอบด้านจะเป็นอย่างไรก็ตาม  เพื่อความสุขในชีวิตของลูกนะจ๊ะ

     

                                                                            รักเสมอจ๊ะ    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×