ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : โคมแห่งชีวิต 2
ลูกแม่
แม่มาคิดต่อเรื่องโคมลอยที่ว่ากันไปแล้วในอีกแง่มุมหนึ่ง
โคมลอยมันเหมือนชีวิตคนที่ออกไปโลดแล่นในท้องฟ้ากว้างใหญ่ ร่วมกันโคมอีกพันๆ ดวง
....ชีวิตที่ต้องแข่งขันกัน ประกอบด้วยความทะยานอยาก อยากให้ตนเองลอยพุ่งขึ้นสูงกว่าคนอื่น
....จุดเริ่มต้นที่แตกต่างกัน บางคนมีอุปกรณ์เสริมมากมาย ครอบครัวฐานะดี ร่ำรวย ก็เริ่มต้นด้วยความพร้อม หน้าที่การงานในตำแหน่งที่ดี ดังโคมลอยที่ลอยขึ้นไปพร้อมกับจุดประทัด ดอกไม้ไฟสวยงาม ส่งให้ลอยสูงขึ้นไป
....ในขณะที่คนบางคนก็เป็นเพียงคนยากจน หาเช้ากินค่ำ ออกสู่โลกกว้างอย่างยากลำบาก ดังโคมลอยที่ไม่มีดอกไม้ไฟ ประทัดเสริมบารมี ทั้งยังลูกเล็กกว่าใคร
....แต่ลูกอย่าลืมนะคะ ว่าถึงอย่างไร ในที่สุด โคมลอยทั้งปวง ก็มีความหมายเช่นเดียวกัน คือบูชาคุณพระพุทธเจ้าต่างมีความหมายในการประดับประดาให้ฟ้างดงามยามค่ำคืน แล้วในที่สุด โคมทุกดวงก็ต้องตกลงมาสู่พื้น
....นั่นแหละลูก การศึกษา การมีปริญญาบัตรในชื่อใด วิชาชีพใด ก็เป็นเพียงหนทางที่จะทำมาหาเลี้ยงชีพเราเท่านั้น ไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่า เราดีหรือเลวเพียงใด ตราบใดที่เรามีหนทางทำมาหาเลี้ยงชีพตนเองได้อย่างมีความสุข มีชีวิตรอดปลอดภัย มีคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมแล้ว มีปริญญาบัตรหรือไม่มี ก็มีคุณค่าเท่าเทียมกัน
....จิตใจคนเราที่ดีงาม ทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ ซื่อสัตย์สุจริต ยังเป็นสิ่งที่ดีต่อทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่ในยุคสมัยนี้ ลูกต้องรู้เท่าทันคนในสังคมด้วย ทุกสังคมย่อมมีทั้งคนดีและคนเลว ลูกแม่ หากเราเป็นคนดี ยืนหยัดความเป็นคนดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมให้คนเลวกลั่นแกล้ง ข่มเหงรังแก เรายังปกป้องตนเองได้เสมอ
....ลูกเอ๋ย ในสังคมปัจจุบัน เราไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคนเรียบร้อย สวยใส ไร้มารยาเป็นนางเอกหรอกลูก แต่ลูกควรเรียนรู้ให้รู้จักคน รู้จักชีวิต ความดีความเลวของคน การรู้เท่าทันคน รู้ว่าเมื่อไรควรอ่อน เมื่อไรควรแข็ง รู้ว่าทำอย่างไรที่เราจะสามารถอยู่กับโลก กับสังคมที่เลวร้ายนี้ได้ โดยยังคงคุณความดีอยู่เช่นเดิม
....ลูกเห็นแล้วใช่ไหม โคมลอยแม้จะใหญ่ หรือจะเล็ก สวยงามเพียงไรก็ตาม สุดท้ายก็จบลงที่จุดเดียวกัน นั่นคือในที่สุด ก็ตกลงมา เสื่อมสูญที่ตามกาลเวลา ดังคนเราที่ต้องตายนั่นแล
....แม่จึงตั้งใจเขียนเรื่องราวนี้ขึ้นมา เอาไว้เป็นอนุสรณ์ ก่อนที่เวลาจะผลาญชีวิตแม่ไป โลกเราไม่มีอะไรแน่นอน แม่อาจตายไปเมื่อไรก็ได้ แม่ก็อยากฝากเอาไว้สอนใจลูก เอาไว้เป็นที่ระลึกถึงยามเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
....ตอนต่อไป แม่ว่าแม่จะเล่าเรื่องราวของชีวิตแม่ให้ลูกได้รับรู้ ได้เข้าใจว่า กว่าจะถึงวันนี้ แม่ได้ฟันฝ่ามาเพียงใด ทุกข์ยากเพียงไหน
รักลูกไม่เสื่อมคลาย
แม่มาคิดต่อเรื่องโคมลอยที่ว่ากันไปแล้วในอีกแง่มุมหนึ่ง
โคมลอยมันเหมือนชีวิตคนที่ออกไปโลดแล่นในท้องฟ้ากว้างใหญ่ ร่วมกันโคมอีกพันๆ ดวง
....ชีวิตที่ต้องแข่งขันกัน ประกอบด้วยความทะยานอยาก อยากให้ตนเองลอยพุ่งขึ้นสูงกว่าคนอื่น
....จุดเริ่มต้นที่แตกต่างกัน บางคนมีอุปกรณ์เสริมมากมาย ครอบครัวฐานะดี ร่ำรวย ก็เริ่มต้นด้วยความพร้อม หน้าที่การงานในตำแหน่งที่ดี ดังโคมลอยที่ลอยขึ้นไปพร้อมกับจุดประทัด ดอกไม้ไฟสวยงาม ส่งให้ลอยสูงขึ้นไป
....ในขณะที่คนบางคนก็เป็นเพียงคนยากจน หาเช้ากินค่ำ ออกสู่โลกกว้างอย่างยากลำบาก ดังโคมลอยที่ไม่มีดอกไม้ไฟ ประทัดเสริมบารมี ทั้งยังลูกเล็กกว่าใคร
....แต่ลูกอย่าลืมนะคะ ว่าถึงอย่างไร ในที่สุด โคมลอยทั้งปวง ก็มีความหมายเช่นเดียวกัน คือบูชาคุณพระพุทธเจ้าต่างมีความหมายในการประดับประดาให้ฟ้างดงามยามค่ำคืน แล้วในที่สุด โคมทุกดวงก็ต้องตกลงมาสู่พื้น
....นั่นแหละลูก การศึกษา การมีปริญญาบัตรในชื่อใด วิชาชีพใด ก็เป็นเพียงหนทางที่จะทำมาหาเลี้ยงชีพเราเท่านั้น ไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่า เราดีหรือเลวเพียงใด ตราบใดที่เรามีหนทางทำมาหาเลี้ยงชีพตนเองได้อย่างมีความสุข มีชีวิตรอดปลอดภัย มีคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมแล้ว มีปริญญาบัตรหรือไม่มี ก็มีคุณค่าเท่าเทียมกัน
....จิตใจคนเราที่ดีงาม ทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ ซื่อสัตย์สุจริต ยังเป็นสิ่งที่ดีต่อทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่ในยุคสมัยนี้ ลูกต้องรู้เท่าทันคนในสังคมด้วย ทุกสังคมย่อมมีทั้งคนดีและคนเลว ลูกแม่ หากเราเป็นคนดี ยืนหยัดความเป็นคนดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมให้คนเลวกลั่นแกล้ง ข่มเหงรังแก เรายังปกป้องตนเองได้เสมอ
....ลูกเอ๋ย ในสังคมปัจจุบัน เราไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคนเรียบร้อย สวยใส ไร้มารยาเป็นนางเอกหรอกลูก แต่ลูกควรเรียนรู้ให้รู้จักคน รู้จักชีวิต ความดีความเลวของคน การรู้เท่าทันคน รู้ว่าเมื่อไรควรอ่อน เมื่อไรควรแข็ง รู้ว่าทำอย่างไรที่เราจะสามารถอยู่กับโลก กับสังคมที่เลวร้ายนี้ได้ โดยยังคงคุณความดีอยู่เช่นเดิม
....ลูกเห็นแล้วใช่ไหม โคมลอยแม้จะใหญ่ หรือจะเล็ก สวยงามเพียงไรก็ตาม สุดท้ายก็จบลงที่จุดเดียวกัน นั่นคือในที่สุด ก็ตกลงมา เสื่อมสูญที่ตามกาลเวลา ดังคนเราที่ต้องตายนั่นแล
....แม่จึงตั้งใจเขียนเรื่องราวนี้ขึ้นมา เอาไว้เป็นอนุสรณ์ ก่อนที่เวลาจะผลาญชีวิตแม่ไป โลกเราไม่มีอะไรแน่นอน แม่อาจตายไปเมื่อไรก็ได้ แม่ก็อยากฝากเอาไว้สอนใจลูก เอาไว้เป็นที่ระลึกถึงยามเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
....ตอนต่อไป แม่ว่าแม่จะเล่าเรื่องราวของชีวิตแม่ให้ลูกได้รับรู้ ได้เข้าใจว่า กว่าจะถึงวันนี้ แม่ได้ฟันฝ่ามาเพียงใด ทุกข์ยากเพียงไหน
รักลูกไม่เสื่อมคลาย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น