ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    King of the King ศึกรักโค่นบังลังแค้น (ฟิต TXVQ,SJ)

    ลำดับตอนที่ #4 : งาน 100%

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 52


    ก้อก ก้อก ก้อก
          “พี่แจจุจุงครับ” เสียงเรียกทักจากน้องชายดังขึ้นเบาๆในห้องที่มืดสลัว ทำให้ใครอีกคนในห้องที่กำลังหลับตาพริ้มต้องลืมตาขึ้นอย่างไม่พอใจ
        
          “มีอะไรหรอจุนซู นี่เที่ยงเละน้ะ”ร่างบางบนเตียงเอ่ยถามเสียงเบา แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ทำให้ร่างบางบนเตียงนุ่นต้องสปิงตัวลุกขึ้นหันไปเปิดไฟที่หัวเตียง เพื่อมอบความสว่างให้แก่ห้อง 


         “อ่า...พี่อยู่นั่นเอง”จุนซูที่ปรับสายตาให้ชินกับแสงร้องขึ้นอย่างดีใจเมื่อมองเห็นพี่ชายตัวดีนั่งหน้านิ่วอยู่บนเตียง


         “หื่ม? นี่คงไม่ใช่อาการอ้อนพี่หรอกนะ”แจจุงทักเสียงเข้ม ก่อนจะแกะมือหมึกของน้องชายตัวดีที่โอบอยู่รอบเอวตัวเองออกอย่างยากลำบาก

         “เหะๆ เปล่าครับ แต่พ่อใช้ให้ผมมาเรียกพี่นะ” จุนซูพูดเสียงเศร้า “ผมจำได้...เวลาพ่อเรียกพี่กลางดึกแบบนี้ทีไร พี่มักจะหายไปเฉยๆตลอด แถมหายไปหลายเดือน บางทีปีนึ่งเลยด้วยซ้ำ ผมก็เลยอยากมากอดพี่ก่อนนะครับ ^ ^”คำพูดที่ระบายออกมาจากใจของจุนซูทำเอาแจจุงอมยิ้ม เขาเอื่มมือไปลูบหัวน้องชายตัวเองเล่นอย่างเอ็นดู การที่จุนซูซึ่งมีอุปนิสัยร่าเริงแต่มักชอบเก็บอะไรไว้ในใจจู่ๆมาละบายแบบนี้ ทำให้แจจุงรู้สึกใจหายวูบถึงความเหินห่างที่เขามอบให้กับน้องชายเพียงคนเดียวไปอย่างไม่รู้ตัว


         “อืม...อีกไม่นานหรอกจุนซู ทันทีที่พี่ตอบแทนพระคุณของพ่อบุญธรรมหมดแล้ว เราก็จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าตลอดไปเลยละ ^ ^” แจจุงกระซิบบอกข้างหูจุนซูพร้อมขยิบตาให้เป็นสัญญา


         “ครับ!”

     
         “ท่านไม่ควรใช้จุนซูมาตามผมแบบนั้นอีก”


         “หึ โทษทีละกัน คราวหน้าข้าจะไม่ใช้น้องอันเป็นที่รักของเจ้าไปตามเจ้าตอนแอบพยายามแยกจิตออกสำรวจห้องข้าละกัน” คำพูดที่ดูจะแสดงความเสียใจกลับแอบแฝงไปด้วยแรงอัดที่เสียดแทน ทำเอาแจจุงที่ยืนอยู่หน้าถอดสี


        “ผมแค่ทำหน้าที่เฝ้ายามตามหน้าที่”แจจุงรีบหาข้อกลบเกลื่อน


        “เจ้าเป็นคนที่มีพลังจิตแรงแจจุง ต่อให้เจ้าไปอยู่อีกซีกหนึ่งของโลก ข้าก็ยังรู้สึกถึงเจ้าได้ ดังนั้นอย่าพยายามทำอะไรที่ดูสิ้นคิด เพราะอายุขัยของน้องเจ้าเองก็จะถอยลดลงไป เจ้าเองก็รู้ดีกว่าใคร”


         “ผมแค่พยายามเฝ้ายามเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงอะไรทั้งสิ้น”แจจุงยกมือขวาแนบเข้าที่อกซ้ายเป็นการยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจ “ท่านโปรดกล่าวเข้าภาระกิจที่ข้าน้อยต้องรับผิดชอบเถอะครับ เพราะนี่ใกล้ถึงเวลาวันเกิดของจุนซูแล้ว”แจจุงเอ่ย ก่อนจะลงไปคุกเขากับพื้นรอรับคำสั่งภารกิจใหม่ ที่จะเป็นชิ้นสุดท้ายที่เขาจะตกอยู่ในเงื้อมมือปีศา?หน้าเทวดาของคนผู้นี้


         “หึหึหึ ดูถ้านี้จะเป็นครั้งแรกที่น้องเจ้าจะมีความสุขพร้อมกับการใด้อยู่ใกล้ๆเจ้าเลยละ คิม  แจจุง”



     
     
         “นี้พี่ครับ เราต้องย้ายโรงเรียนอีกแล้วหรือครับ”เสียงใสๆของน้องชายสุดที่รักดังเข้ามาในสติของแจจุงเป็นครั้งที่ร้อยของวันนี้ ตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงปัจจุบันนี้ เขารู้สึกชาไปทั้งตัวหัวสมองก็ตื้อไปหมด แม้ดวงตาจะมองเห็นภาพ เสียงจะได้ยิน และสัมผัสได้ถึงการเครื่อนไหวของสิ่งรอบข้าง แต่เขาไม่อาจจะตอบสนองสิ่งเหล่านั้นได้ เขาทำได้เพียงเครื่อนไหวไปตามเสต็บและคิวที่เขาทำอยู่ทุกวัน


         “พี่ครับพี่ นี่หรอที่เขาเรียกว่าสะพานนะ”เสียงใสๆที่ดูจะตื่นเต้นมากของจุนซูดังขึ้นเป็นระยะ แจจุงทำได้เพียงหันมองและส่งยิ้มให้ได้เท่านั้น ก่อนจะกลับมานั่งหน้าขรึมเช่นเดิม หัวสมองที่เขามักใช้งานอยู่เป็นประจำวันนี้กลับดูล้าเป็นพิเศษจนเขาคิดอะไรไม่ออก


         จุนซู...พี่จะผิดไหมที่ปกปิดความจริงของครอบครัวเรามาตลอด 17 ปี ไม่ให้น้องรู้ น้องจะเกียจพี่ไหม...หากวันนี้จะเป็นวันที่น้องจะต้องรู้ถึงความอัปยศของตระกูลเรา... แจจุงคิดในใจ ทบทวนสิ่งที่จะพูดแล้วทบทวนเล่า ก็ยังหาคำตอบที่มั่นใจได้สักที
         “งานนี้ง่ายมาก...แค่ต้องฆ่าคนๆเดียว คนเดียวเท่านั้น ทันทีที่เจ้าไปถึงโรงเรียน


         เจ้าจะรู้ว่าเป็นใคร อ้อใช่...น้องของเจ้าต้องออกโรงด้วยนะงานนี้”






         “ทะ...ท่าน!!!


         “ใช่ นี่คืองานสุดท้ายที่เจ้าจะหลุดจากพันธสัญญาข้า และงานนี้ก็สำคัญยิ่ง เพราะมันเดิมพันด้วยชีวิตน้องเจ้า และก็...งานนี้จะไปด้วยดีถ้ามีน้องเจ้าด้วยเช่นกัน”


         “อ้อ ข้าลืมบอกไป จบภารกิจนี้...ข้าไม่รับประกันชีวิตของเจ้านะ ว่าจะรอดหรือไม่ ฮ่าๆๆๆ”





    เอี๊ยดดดด!!!
         “เกิดไรขึ้น!”จุนซูเอ่ยถามเสียงดัง ทำให้ผมที่ตกอยุ่ในผวังตื่น กระจกรถสีดำที่กั่นระหว่างคนขับกับที่นั่งก็เลื่อนออกช้าๆ เผยให้เห็นลุงชินคนขับรถของผมหันมาขอโทษขอโพย
          ผมจึงส่งยิ้มให้เป็นการไม่ถือสา ก่อนจะกวาดสายตาออกไปนอกรถทางหน้าต่างที่ผมพิงอยู่...และผมก็ได้เจอคนๆหนึ่ง ที่ไม่คิดว่าชีวิตจะได้พบเจออีก ผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีสนิมที่อ่อนโยน ริมฝีปากที่คุ้นเคย รูปหน้าที่สะดุดตา ส่วนสูงที่เด่นตระตา และกำไลหินที่ข้อมือขวาสีฟ้าอ่อน...

         “รัชทายาท!!!

         หรือนี่...คือเป้าหมาย!!!


        
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×