คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด
ตอนที่ 1 เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด
"คุณวรรณแต่งตัวเสร็จหรือยัง เราจะไปรับเจ้าแฝดวันนี้นะไม่ใช่พรุ่งนี้" นั่นเป็นเสียงของเจ้าสัวธีรธรที่เร่งให้ภรรยาของตัวเองที่แต่งตัวอยู่ลงมาเร็วๆ เมื่อสิ้นเสียงเรียกหรือจะว่าเร่งเลยก็ได้คุณวีรวรรณก็เดินลงบันใดมาอย่างรวดเร็ว และถือโอกาสแซวสามีของตนเองที่รู้ว่าลูกแฝดชายหญิงจะกลับมาตามคำบัญชาของตน
"นี่คุณไม่ค่อยเห่อลูกเลยนะคะนั่น กว่าเครื่องจะลงอีกตั้งเป็นชั่วโมง" เมื่อสิ้นเสียงของภรรยาสามีก็สอนขึ้นทันควัน "ก็ผมไม่อยากให้ลูกต้องรอเรานี่นา ไปกันเถอะขืนเรายืยคุยกันอยู่อย่างนี้ลูกคงได้รอเราแน่ๆ" ว่าแล้วสองสามีภรรยาก็เดินตามกันไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทางไปยังสนามบิน
ระหว่างที่ทั้งสองนั่งรถไปด้วยกันนั้นก็ได้ปรึกษากันถึงเรื่องที่ให้กัณตภัทรและกัณญาภัทรแต่งงานกับภูริวัฒน์และภูริษา ลูกของสุทธินันท์และวิชุดาซึ่งเป็นเพื่อนกันมายาวนานเรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อนกินและเพื่อนตายกันมาตั้งแต่ทั้งสองเริ่มก่อร่างสร้างตัวในการทำธุรกิจของตนเอง เพราะทั้งสองก็ต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอดจนได้มาเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งคู่ เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้ทั้งสองตระกูลอยากให้ธุระกิจของตนอยู่ภายใต้การบริหารของทายาทรุ่นต่อไปซึ่งก็คือพวกเขาทั้งสี่คน
"เฮ้ยบัว ไปเข้าห้องน้ำหรือว่าไปลงสนามรบที่ไหนมาเนี่ย" กัณตภัทรเอ่ยถามน้องสาวฝาแฝดของตนซึ่งได้บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่เดินกลับมาในสภาพที่ข้อเท้าเจ็บ "ก็ตอนที่บัวเดินออกมาจากห้องน้ำน่ะสิ มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้เดินมาชนบัวที่หน้าห้องน้ำ ขอโทษซักคำก็ไม่มีแล้วยังมาว่าบัวซุ่มซ่ามเดินไปชนเขา บอนลองคิดดูสิผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย" ได้ทีกัณญาภัทรก็บ่นให้พี่ชายฟํงซะยาวยืด จนกัณตภัทรต้องเป็นฝ่ายพูดให้น้องของตนใจเย็นลง "เอาน่าถือซะว่าเป็นการฟ่ดเคราะห์ก่อนกลับเมืองไทยก็แล้วกัน เข้ามานั่งได้แล้วมาอีกไม่ถึงครึ่งชั่งโมงเครื่องก็ลงแล้ว" กัณตภัทรพูดปลอบใจน้องสาว
แต่เมื่อเข้ามานั่งแล้วน้องสาวของเค้าก็ยังบ่นไม่หยุดจนเขาต้องเบนความสนใจไปยังสาวสวยที่นั่งถัดจากเขาไปล็อกหนึ่งที่มีเพียงทางเดินกั้นไว้เท่านั้น แล้วชี้ให้น้องสาวเขาดูสาวสวยคนนั้น "นี่บัวเห็นผู้หญิงคนที่นั่งเก้าอี้ถัดตรงนั้นมั้ย" เขาเอ่ยถาม "อืม ทำไมหรอหรือว่าบอนเกิดไปปิ๊งผูหญิงคนนั้นเข้า นั่นแน่ไม่เบาเลยนะพี่ชายเราเนี่ย ว่าแต่ว่าบอนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามเขาหรือยัง" กัณตภัทรสั่นหัวดิกๆ กัณญาภัทรนึกขำพี่ชายของตนที่ดันไปปิ๊งสาวสวยที่ไหนก็ไม่รู้ แม้แต่ชื่ก็ยังไม่รู้จักเค้าด้วยซ้ำ
ในเวลาต่อมาหลังจากที่กัณญาภัทรเดินออกจากหน้าห้องน้ำมาได้สักหนึ่ง ภูรวัฒน์ซึ่งเป็นคู่กรณีของของเธอก็เดินมายังที่นั่งของตนแล้วทำหน้าเซ็งๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วนั่งลงข้างน้องสาวของตนจนน้องสาวของเขาต้องเอ่ยถาม
"นี่เฮียไปกินรังแตนที่ไหนมาเนี่ยถึงได้ทำหน้าซะ" ภูริษาเอ่ยถามพี่ชายของตนด้วยความอยากรู้ "ก็ยายซุ่มซ่ามที่ไหนก็ไม่รู้น่ะสิเดินมาชนเฮียที่หน้าห้องน้ำ แล้วยังมาโวยวายหาว่าเฮียเป็นคนเดินไปชนเค้า ทั้งๆ ที่เขานั่นแหละเป็นคนเดินมาชนเฮียก่อน พูดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย" เขาบ่นให้ผูที่เป็นน้องสาวฟังอย่างหัวเสีย
"อืม...แล้วเฮียจำหน้าผู้หญิงคนนั้นได้ไหม" หญิงสาวเอ่ยถาม "จำได้สิ แม่นเลยล่ะให้เจออีกกี่ครั้งก็ยังจำได้ไม่มีวันลืม"น้องสาวของเขาได้ยินดังนั้นแล้วได้แต่นั่งส่ายศีรษะไปมาแล้วก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
สนามบินสุวรรณภูมิ
"บัวตื่นเถอะเครื่องลงถึงสนามบินแล้ว" กัณตภัทรสกิดให้น้องสาวของตนตื่น "เป็นยังไงบ้างเดินไหวมั้ย" เขาเอ่ยถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วง "ไหวอยู่แล้ว บัวซะอย่าง" ว่าแล้วก็ลุกขึ้นทันทีหมายจะเดินออกจากเครื่อง แต่ก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บจี๊ดขึ้นมาที่ข้อเท้าแล้วก็เซถลามาหากัณตภัทร โดยที่ทั้งสองไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครบางคนลอบมองดูอยู่ข้างๆ
เมื่อเห็นดังนั้นภูริวัฒน์จึงสกิดน้องสาวของตนทันที "คนนั้นไงยายไหมคนที่เฮียเล่าให้ฟัง" เขาบอกกับน้องสาวของเขา
"ดูท่าทางแล้วผู้หญิงคนนั้นน่าจะเจ็บที่ข้อเท้าหนักเอาการอยู่นะเฮีย ไม่เข้าไปช่วยเขาหน่อยเหรอยังไงซะเฮียก็เป็นคนที่ทำให้เธอเจ็บตัวนะ ถึงแม้ว่าเธอคนนั้นจะเป็นตนเดินมาชนเฮียก็เถอะ" ภูริษาเอ่ยกับพี่ชายของตน แต่เขาก็ยังหน้าไม่รู้ไม่ชี้แถมยังพูดจาประชดประชันอีก
"ทำไมเฮียจะต้องเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้นด้วย ในเมื่อเขาก็มีบอดี้การ์ดส่วนตัวคอยช่วยอยู่แล้วนั่นไงไหมไม่เห็นหรือไง"
ภูริวัฒน์พูดออกมาอย่างหัวเสีย แต่ก็ต้องยอมทำตามที่น้องสาวเขาพูดอยู่ดีเพราะยังไงซะเขาก็เป็นคนที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัว
"เอ่อ...ให้ผมช่วยไหมครับ" เขาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เอื้อเฟื้อ แต่คำตอบที่เขาได้กลับมานั้นกลับเป็นคำพูดที่เอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจอย่างมากของคนที่ถูกเขากระทำมา "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีคนคอยช่วยอยู่แล้วโดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งน้ำใจจากคุณ"
หญิงสาวเอ่ยออกมา ก่อนที่กัณตภัทรจะถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
"บัวรู้กเขาด้วยหรอ" ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยถาม "ก็อีตาคนนี้นี่แหละที่เป็นคนเดินมาชนบัวที่หน้าห้องน้ำน่ะ คำขอโทษซักคำก็ยังไม่มี" กํณญาภัทรพูดขึ้นมาด้วยความโมโห ได้ยินดังทั้งภูริษาและกัณตภัทรก็รีบห้ามทัพของทั้งสองคนก่อนที่เรื่องมันจะลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้
"เอ่อ...แนต้องขอโทษแฟนของคุณแทน....." ยังไม่ทันที่ภูริษาจะพูดจบกัณตภัทรก็เอ่ยขึ้นซะก่อน "ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุณกับแฟนของคุณมีน้ำมาช่วยผมกับบัวก็ขอบคุณมากแล้วครับ" "แตว่า...." เมื่อภูริษากำลังจะบอกว่าภูริวัฒน์เป็นพี่ชายของตนไม่ใช่เป็นแฟนอย่างที่เขาเข้าใจ กัณตภัทรก็เอ่ยขอตัวออกมาซะก่อน "ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวพาบัวออกไปก่อนนะครับป่านนี้ป๊ากับม๊าคงจะมารอรับพวกเรากันแล้วไม่อยากให้ท่านต้องรอนาน ต้องขอตัวก่อนนะครับ" ว่าแล้วทั้งสองก็ประคองกันออกไปจากเครื่อง
เมื่อคุณวีรวรรณเห็นลูกชายหญิงของตนเดินออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้าก็ร้องบอกสามีด้วยความดีใจ "นั่นไงคะคุณเจ้าแฝดเดินมานั่นแล้ว แต่เอะทำไมยายบัวของเราถึงได้เดินขากะเผลกมาอย่างนั้นล่ะคุณ" วีรวรรณเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจที่ได้เห็นภาพดังกล่าว เธอจึงไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาลูกของตนทันทีด้วยความเป็นห่วง "ตายแล้วยายบัวไปทำอะไรมาลูกถึงได้เจ็บเนื้อเจ็บตัวมาขนาดนี้" นางเอ่ยถามทันทีที่เดินมาถึงตัวลูกสาว แค่กัณตภัทรก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
"เอาไว้คุยกันที่บ้านนะครับม้า แต่ตอนนี้ผมว่าพาน้องไปที่รถก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวผมเอากระเป๋าตามไปที่รถนะครับ" เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งสองก็พากณญาภัทรออกไปที่รถทันที
และอีกทางหนึ่งสองพี่น้องซึ่งเดินตามคู่ของกัณตภัทรออกมา ซึ่งท่าทางสนิทสนมกันของพี่น้องคู่นั้นก็ได้ทำให้กัณตภัทรรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาไม่น้อย เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนแอบหลงรักบนเครื่องบินเดินเคียงคู่กระหนุงกระหนิงมากับชายหนู่มรูปหล่อคนนั้น
เมื่อเขากำลังจะเดินออกไปจากที่ตรงนั้นเพราะไม่อยากเห็นภาพที่มันบาดตาบาดใจมากไปกว่านี้ แต่ก็ยังช้ากว่าคู่ของสองพี่น้องนั้นอยู่ดี แล้วทั้งสองก็เดินเข้ามาทักกัณตภัทรทันทีโดยที่ภูรษาเป็นฝ่ายเอ่ยทักขึ้นก่อน
"อ้าวคุณ..." "ผมกัณตภัทรครับ" เขาเอ่ยแนะนำตนเองกับหญิงสาว แต่ก็ยังที่จะถามไถ่ชื่อของหญิงสาวที่ตนแอบหลงรัก
"แล้วคุณ..." "ดิฉันภูริษาค่ะ" หญิงสาวแนะนำตัวบ้าง
"แล้วแฟนของคุณไปไหนซะล่ะคะ ตั้งแต่ออกมายังไม่เห็นเลย" หญิงสาวเอ่ยถาม "ผมให้ป๊ากับม้าพาไปรอที่รถแล้วล่ะครับ
ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ" เขาตอบและถือโอกาสเดินออกไปจากตรงนั้นทันที หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งจนภูริวัฒน์ต้องสกิดให้น้องสาวของตนเดินไปหาบิดาและมารดาของตนที่มารอรับอยู่เช่นกัน "ไหม ไปเถอะป่านนี้ป๊ากับแม่คงมารอนานแล้ว" เขาบอกกับน้องสาวของตน
แล้วทั้งสองก็เดินออกไปหาบิดาและมารดาของตนซึ่งมารอรับทั้งสองอยู่แล้ว และพอเจอหน้ากันเท่านั้นภูริษาก็แทบจะกระโจนเข้าไปกอดมารดาของตนอย่างดีใจจนทำให้ผูเป็นบิดาพูดแซวออกมาแทบไม่ได้ "คิดถึงแต่แม่นะเราน่ะ ทีป๊าล่ะก็ไม่เห็นลูกสาวคนสวยจะมากอดเหมือนแม่บ้างเล้ย" พูดไม่พูดเปล่าแถมยังทำท่าน้อยอกน้อยใจ จนภูริวัฒน์พูดแซวขึ้นมาบ้าง "แหมป๊า ถ้าลูกสาวเขาไม่กอดเดี๋ยวลูกชายคนนี้กอดแทนก็ได้เอ้า" ด้วยคำพูดที่ทีเล่นทีจริงของภูริวัฒน์นั้นก็ทำเอาทั้งหมดหัวเราะออกมาครืนใหญ่ ด้วยความสุขใจที่ได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาและหวังไว้ในใจว่าลูกทั้งสองคนของพวกเขาจะไม่กลับไปอยู่ต่างประเทศอีก
เมื่อกลับมาถึงที่บ้านแล้วผูเป็นมารดาก็เอ่ยถามที่เกิดขึ้นทันที "แล้วนี่บัวไปทำอิท่าไหนเข้าล่ะลูกถึงได้เจ็บกลับมาแบบนี้ เจ้าบอนก็ตัวโตซะเปล่าไม่รู้จักดูแลน้องให้ดี" นางเอ่ยพร้อมกับหันมาต่อว่าลูกชายของตนเล็กน้อยที่ไม่ดูแลกันกันให้ดีๆ "โถ่ม๊าก็ ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะเกิดขึ้น ถ้าผมรู้ผมคงไม่ให้มันเกิดหรอกครับ" ชายหนุม่เอ่ยกับมารดา "อย่าไปว่าเจ้าบอนมันเลยคุณไหนๆ เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว ต่อไปก็ดูแลกันให้ดีๆ ก็แล้วกัน" เจ้าสัวธีรธรเอ่ยขึ้นมาบ้าง แล้วก็ถามต่อถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
กัณญาภัทรจึงเป็นคนเล่าให้ฟัง "ก็ตอนที่บัวเดินออกมาจากห้องน้ำน่ะสิคะ ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้เดินมาชนบัวแล้วยังมาว่าบัวซุ่มซ่ามเดินไปชนเขาก่อน ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ขอโทษซักคำก็ไม่มี พูดแล้สยังเจ็บใจไอ้บ้านั่นไม่หาย"
เมื่อน้องสาวพูดจบพี่ชายก็เอ่ยแซวกลับทันที "อย่าให้บัวเขาเล่าอีกเลยครับ เวลาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรของขึ้นทุกที" ก็มันจริงนี่นาจะไม่ให้โกรธได้ยังไง นึกแล้วก็เสียดายผู้หญิงคนนั้นเนอะที่มีแฟนทั้งทีก็ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเล้ย" เมื่อเอ่ยถึงเรื่องของหญิงสาวคนนั้นขึ้นมาก็ถึงกับทำให้กัณตภัทรทำหน้าสลดลงมาทันที และไม่วายทำให้ถูกน้องสาวแซวขึ้นมา
"แหมพูดมาแค่นี้ถึงกับทำหน้าเศร้าไปเลยเหรอพี่ชายเรา นี่แหละน้าดันไปปิ๊งคนที่เขามีคู่อยู่แล้ว มันก็เป็นอย่างนี้แหละพี่ชาย" พูดแล้วก็ตบบ่าเป็นการให้กำลังใจกันเบาๆ
"เจ้าบอนมันไปปิ๊งใครที่ไหนเข้าล่ะ" ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามขึ้นบ้างหลังจากที่ฟังการสนทนาของบุตรทั้งสองมานาน "เธอชื่อภูรษาครับม้า" กัณตภัทรบอก "แล้วนี่บอนไปรู้จักชื่อเขาได้ยังไง ก็ไหนบอกว่าไม่รู้จักไง" หญิงสาวเอ่ยถาม
"ก็ตอนที่ป๊ากับม้าพาบัวไปที่รถแล้วนั่นแหละ เขาสองคนเดินออกมาพอดีก็เลยได้คุยกัน" "ว่าแต่บอนรู้จักชื่อผู้ชายคนนั้นไหม" หญิงสาวเอ่ยถาม "บอนไม่ทันได้ถามชื่อเขาหรอก พอดีเดินออกมาซะก่อนน่ะ" "นึกว่ารู้ชื่อหมอนั่นซะอีก เวลาเจอจะได้ด่าได้ถูกตัว แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะบัวจำหน้านายนั่นได้เป๊ะอยู่เหมือนกัน"
เมื่อสองสามีภรรยาเห็นว่าถ้ายังขืนพูดเรื่องนี้กันอยู่ก็จะทำให้ไม่จบไม่สิ้นกันซักที ก็เลยบอกให้ทั้งสองของตนขึ้นไปพักผ่อนห้องใครห้องนัม เพราะทั้งสองต่างก็เหน็ดเหนื่อจากการเดินทางมาตลอดหลายชั่วโมง แถมยังจะต้องมาเจ็บตัวกันอีกและคงจะต้องปรับตัวเรื่องของเวลากันอีกหลายวัน
บ้านเจริญกิจวานิชย์
ทันทีที่เห็นรถยนต์หรูคันหนึ่งแล่นผ่านประตูหน้าบ้านเข้ามา คนงานภายในบ้านต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันใหญ่ โดยเฉพาะป้านิ่มที่เป็นทั้งพี่เลี้ยงและแม่นมของเจ้านายทั้งสองที่เพิ่งจะเดินทางกลับมา และทันทีที่ทั้งสองเดินลงมาจากรถป้านนิ่มก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปหาสองพี่น้องทันที
"เป็นยังไงบ้างคะคุณหนูของป้า เดินทางมาเหนื่อยๆ เข้าบ้านก่อนนะคะ" ว่าแล้วป้านิ่มก็พาทั้งสองเข้าบ้านไปทันทีและรัวคำถามใส่สองพี่น้องเป็นชุดจนไม่รู้ว่าจะตอบคำถามไหนก่อนดี จนคุณวิชุดาต้องเอ่ยแซว "แหมป้านิ่มเล่นถามเจ้าสองคนนั้นเป็นชุดขนาดนั้นเดี๋ยวก็ได้เวียนหัวตายกันพอดี" "โถ่คุณชุล่ะก็ ป้าเลี้ยงของป้ามาตั้งแต่เล็กแต่น้อยนี่คะ นี่ก็พากันไปอยู่เมืองนอกเมืองนาเป็นเกือบ 10 ปี ไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านกันเลยสักครั้งจะไม่ให้ป้าคิดถึงกันได้ยังไงล่ะคะ" นางเอ่ยออกมาด้วยความน้อยอกน้อยใจ
ตั้งแต่สองคนพี่น้องไปเรียนต่อต่างประเทศจนถึงบัดนี้ก็เป็นเวลาที่นานมากเลยทีเดียวแถมยังไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านเลยซักครั้ง นี่ถ้าผู้เป็นบิดาและมารดาไม่ตามตัวกลับมาล่ะก็มีหวังได้ใช้ชีวิตกันอยู่ที่นั้นตลอดไปแน่นอน
จนสองพี่น้องต้องเข้ามาปลอบอกปลอบใจกันยกใหญ่ "โอ๋ๆ อย่าน้อยใจไปเลยนะคะ ต่อไปนี้ไหมกับเฮียสัญญาว่าจะไม่ไปอยู่ที่ไหนนานๆ ให้ป้านิ่มคิดถึงอีกแล้วค่ะ" เมื่อได้ยินเช่นนั้นป้านิ่มก็มีสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาทันที พร้อมกับบอกให้วาสใช้ในครัวยกอาหารที่เตรียมเอาไว้มาต้อนรับสองพี่น้องทันที
และเมื่อดห็นอาหารที่สาวใช้ยกมาที่มีแต่ของโปรดของทั้งสองคนด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้ทั้งสองพี่น้องนั่งปรบมือด้วยความดีใจเหมือนเด็กๆ ที่กำลังจะได้กินของโปรดของตัวเองที่ต่อให้ไปสั่งมาจากโรงแรมห้าดาวก็สู้ฝีมือการทำของป้านิ่มไม่ได้
"โอ้โห! รสชาติยังเลยนะคะป้านิ่ม"ภูรษาเอ่ยชม ทำให้ป้านิ่มยิ้มแทบไม่หุบเลยทีเดียว "จริงด้วยครับป้า ให้เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม" ภูริวัฒน์เอ่ยขึ้นบ้าง และมันก็ทำให้นางรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจที่ได้เห็นครอบครัวนี้กลับมาอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง
ความคิดเห็น