คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เข้าใจผิด...หรือเปล่า? (100%)
-------------------------------------------
….ทั้งๆที่ผมเคยบอกว่าจะปกป้องให้คุณมีรอยยิ้ม....
“อย่าเข้ามานะ!!!”
...แต่ใบหน้าของคุณในตอนกลับมีเพียงน้ำตาและความเคียดแค้น….
“คุณ...คุณหนู....”
....ทั้งๆที่ผมเคยบอกว่าจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป....
“ฉันบอกว่าอย่าเข้ามาไงล่ะ!!!”
….แต่ยามนี้คุณพลักไสผม...
“คุณหนู…”
...ทั้งๆที่คุณ...เคยบอกว่าจะไม่ให้ผมไปตาย....
“หายไปซะ!! หายไปจากโลกนี้ซะ!!!”
...แต่ตอนนี้คุณกำลังไล่ให้ผมไป....
“นี่เป็นคำสั่ง!!! หายไปซะ โจชัว เอนด์เลส!!!”
….หากมันเป็นคำสั่งของคุณแล้วล่ะก็.....
....ต่อให้ต้องไปตายผมก็จะไปตาย….
“....หากคุณหนูประสงค์เช่นนั้น....”
ผมก็จะหายไปจากโลกนี้ครับ....
เมื่อ 12 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
“เอ่อ ขอโทษนะแต่ว่าฉันมี...เอ่อ...คนพิเศษอยู่แล้วน่ะ….” คุณหนูพูดตะกุกตะกักเล็กน้อยแล้วค้อมหัวเด็กสาวคนหนึ่งที่แต่ตัวตามเทร์นแฟชั่นในสมัยนี้
เด็กคนนี้หน้าตาใช้ได้ ดวงตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย จัดว่าเป็นเด็กสาวแรกรุ่นที่หน้าตาสวยคนหนึ่ง
“....เข้าใจแล้วค่ะ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจนะคะ” เด็กคนนั้นยิ้มให้แล้วโค้งลงเล็กน้อย “...ขอตัวก่อนนะคะ...”
“อ๊า! ฉันรู้สึกไม่สบายใจจังเลยโจขัว”
“คุณหนำถูกต้องแล้วครับ หากเราไม่รีบให้คำตอบเธอเรื่องมันจะยิ่งบานปลายไปกันใหญ่” ผมยิ้มให้คุณหนูที่นั่งฟุบหน้ากับโต๊ะ ตอนนี้พวกผมอยู่ในร้านแมคโดนัลด์ หลังจากที่คุณหนูปฏิเสธเด็กสาวคนนั้นไป
“ก็จริงนะ แต่ว่าฉัน...เฮ้อ!” คุณหนูถอนหายใจแรงๆแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม “โจชัว ฉันทำอะไรดีล่ะตอนนี้ วันนี้ฉันว่างทั้งวันเลยอ่ะ”
“ถ้ายังไงคุณหนูจะกลับบ้านไหมครับ? หรือว่าจะไปเที่ยวต่อครับ?”
“ไปเที่ยวก็ดีนะ ไปกับโจชัว” รอยยิ้มสดใสของคุณหนูทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย เพราะวันนี้อากาศร้อนจัด และผมก็เป็นแวมไพร์จึงรู้สึกทรมานไม่น้อยกับสภาพอากาศวันนี้
“คุณหนูอยากไปที่ไหนล่ะครับ?” ผมถามด้วยเสียงนุ่มนวล
“....ร้าน X-Killer ก็แล้วกัน เมื่อวานก่อนพี่โลเรนกับพี่ออลก้าบอกว่ามีเสื้อผ้าเซ็ตใหม่เข้ามา ว่าจะไปดูแล้วแต่ตารางงานแน่นมากเลยไม่ได้ไปซะที”
“รับทราบครับ คุณหนู” ผมโค้งตัวลงแล้วเดินตามหลังคุณหนูไปยังร้าน X-killer
“เซียร์! เป็นไงบ้างไม่เจอกันตั้งนาน!” ทันทีที่เข้าร้านไปโลเรนก็โผล่มาทักทายคุณหนูเป็นคนแรก “สวัสดีครับ พี่โขชัว” แล้วค่อยหันมาทักทายผม
“สวัสดีครับ โลเรน”
“เซียร์!! นายมาแล้ว!” คนถัดมาที่มาทักคุณหนูคือออลก้า ในมือของเขามีเสื้อผ้าอยู่สองสามชุด สงสัยคงกำลังช่วยลูกค้าเลือกชุดอยู่ล่ะมั้ง “หวัดดีฮะพี่โขชัว เซียร์ๆ เสื้อผ้าชุดใหม่ของนายอยู่ททางนี้” ออลก้าพูดอย่างรวดเร็วและลากคุณหนูไปอีกทางหนึ่งของร้าน
วันนี้ร้านไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไร มีแค่สองสามคนเท่านั้น และแต่ละคนเมื่อเห็นคุณหนูก็หันไปซุบซิบกันใหญ่ว่า ‘เทวดามาร้าน’ ‘เทวดาตัวจริง’ อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
“พี่โจชัวอยากได้เสื้อใหม่มั๊ยฮะ เดี๋ยวผมช่วยหา” โลเรนหันมาถามผมที่ยังยืนอยูที่เดิม
ผมยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบด้วยเสียงเจื่อนๆว่า “ขอเป็นชุดที่ไม่แหว่งตรงนั้นเว้าตรงนี้มากเกินละกันนะ” เพราะชุดของ X-killer มันเว้าๆแหว่งๆอยู่เสมอเลย...
“โจชัว เป็นไงบ้าง?” คุณหนูถามผมหลังจากเปลี่ยนชุดใหม่ เสื้อคอเต่าแขนยาวลายทางสับสีขาวดำ กรีดให้ขาดเพื่อให้ดูเถื่อนๆ (??) และกางเกงสามส่วนที่สั้นกว่าเข่าเล็กน้อยสีน้ำเงินเข้มขลิบสีขาว ตบท้ายด้วยรองเท้าบู๊ตยาวสีดำเกือบถึงเข่าแบบผูกเชือก
“....เหมาะมากครับ” ผมอึ้งไปเล็กน้อยก่อนพูด คำพูดนี้ออกมาจากใจจริงของผมเลยล่ะ
“….งั้นเหรอ งั้นเอาชุดนี้ด้วยละกัน” คุณหนูหันไปพูดกับโลเรนและออลก้าที่ชมคุณหนูไม่ขาดปาก พอคุณหนูเดินเข้าไปที่ห้องลองเสื้ออีกรอบผมก็เดินดูเสื้อไปรอบๆร้านต่อ
“อ่าว เซียร์ เป็นอะไรน่ะทำไมหน้าแดงแบบนี้” โลเรนเอ่ยปากถามเมื่อเห็นหน้าของอันเซียร์แดงจัด
“ปละ เปล่า ไม่มีอะไร” อันเซียร์โบกมือปัดๆ โดยที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาหน้าแดงเพราะคำพูดของโจชัว “อะ ไหนล่ะเสื้อตัวใหม่ หรือว่ามาใหม่แค่นี้?” อันเซียร์เปลี่ยนเรื่องอย่างเนียนๆ
“อ้อ เหลือสองตัวเท่านั้นแหละ แต่ว่าตัวนี้ไม่น่าจะเหมาะกับนายสักเท่าไหร่ จะลองมั๊ยล่ะ??” โลเรนยื่นเสื้อให้อีกตัว แต่ห้องลองเต็มอยู่ทั้งสามคนเลยยืนรอ
“ฉันเปลี่ยนตรงนี้ก็ได้นะ” เซียร์พูดแล้วถอดเสื้อออกทันที โลเรนและออลก้าอ้าปากค้างด้วยความนึกไม่ถึงว่าเซียร์จะใจกล้าขนาดนี้! ถึงแม้ตรงนี้จะอยู่ในส่วนลึกของร้านก็เถอะ แต่ใช่ว่าจะไม่มีคนเห็น!
“ซะ เซียร์นายจะเปลี่ยนตรงนี้ไม่ได้นะ!!” ออลก้าโวยวายแล้วพยายามกางมือบังร่างกายเซียร์ไว้
“ทำไมล่ะ?” เซียร์ถามซื่อๆแล้วหยิบเสื้อตัวใหม่มา แต่ยังไม่สวม
“เอ่อ...นายไม่อายพวกเราเลยเหรอ?” โลเรนถามแล้วเบือนหน้าหนี ตอนนี้หน้าของเขาน่าจะแดงไม่น้อยเลยทีเดียว
“ทำไมล่ะ พวกนายก็เป็นผู้ชายนี่??”
“เอ้อ...ก็จริงนะ แต่ว่า....” ทั้งคู่อึกอักๆ
“มีคน! ใครน่ะ!!” เซียร์ขัดแล้วหันหน้ามองรอบๆ และได้ยินเสียงสะบัดผ้าเบาๆ ก่อนที่สิ่งที่เขาเห็นก็กลายเป็นมืดมิด
“ไม่ทราบว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ครับ?” เสียงของโจชัวดังขึ้นใกล้ๆ เมื่อเซียร์โผล่หน้าออกมาจากสิ่งที่คลุมเขาไว้แล้วก็เห็นใบหน้าของโจชัวเป็นอย่างแรก ดวงตาสีมรกตฉายแววไม่พอใจตอนแรกเซียร์ก็นึกว่าโจชัวไม่พอใจตัวเอง แต่พอหันไปอีกทางก็เห็นว่ามีชายคนหนึ่งที่ในมือมีกล้องถ่ายรูป
“ห้ามถ่ายรูปโดยไม่ได้รับอนุญาติครับ!” โลเรนยึดกล้องมาแล้วครวจดูว่ามีภาพเซียร์หรือไม่ส่วนออลก้าจับแขนแล้วลากเขาออกไป ไม่แน่ว่าอาจจะเตะออกนอกร้านไปเลยก็ได้
“คุณหนูโอเคนะครับ?” ผมก้มลงไปถามคุณหนู ที่อยู่ในอ้อมแขนของผมและถูกพันด้วยผ้าม่านผืนใหญ่ที่ผมคว้ามาบังตัวคุณหนูไว้ ตอนแรกผมก็แค่จะคลุมคุณหนูไว้แต่กลับกลายเป็นว่าผมรวบตัวคุณหนูเข้ามากอดด้วยซะอย่างนั้น
“อะ อืม...” คุณหนูตอบเสียงแพ่วแถมยังก้มหน้างุดๆ ผมสังเกตเห็นว่าแก้มของคุณหนูขึ้นสีเรื่อๆ แต่ก่อนที่ผมจะได้อ้าปากถามอะไรเพิ่มโลเรนก็เรียกคุณหนูให้ไปใส่เสื้อ
“อืม ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ โจชัวปล่อย....หน่อยสิ”
“เอ๊ะ ขออภัยครับ” ผมรีบปลดอ้อมแขนของตัวเองทันที คุณหนูพละออกไปแล้วเงยหน้ามองผมแบบอายๆก่อนจะพูดว่า
“ขอบคุณนะ โจชัว”
“สรุปว่าเอาทั้งหมดเลยนะ เซียร์ ฉันคิดเงินล่ะนะ” ออลก้ายิ้มระรื่นเมื่อคุณหนูตัดสินใจที่จะซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ทั้งหมด ผมคงต้องสั่งตู้เสื้อผ้ามาเพิ่มแล้วล่ะเพราะเสื้อผ้าที่มีอยู่ก็แทบจะล่นตู้ของคุณหนูแล้ว เอ เอาสีขาวดีไหมนะ หรือจะเอาสีดำดี? แต่คุณหนูไม่น่าจะชอบสีดำนะ อืม ผมลองถามคุณหนูดูก่อนดีไหมเนี่ย?
“โจชัว”
“ครับ คุณหนู” ผมตอบรับคำเรียกนั้นทันที คุณหนูดูมีความสุขมากขึ้น รอยยิ้มประดับบนใบหน้างามตลอดเวลา นั่นทำให้ผมสบายใจขึ้นมาก
“ฉันหิวแล้วล่ะ มื้อเย็นนี้ขอเป็นไก่ทอดนะ เยอะๆเลย”
“รับทราบครับคุณหนู” ผมโค้งลงรับคำสั่งนั้น เอ๊ะ แย่ล่ะสิ ไก่เพิ่งจะหมดไปเมื่อวานนี้ ผมยังไม่ได้ซื้อเพิ่มเลย ถ้าจะออกไปซื้อตอนนี้มันก็.... ผมคิดหนัก และดูเหมือนจะแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไปคุณหนูเลยพูดขึ้นมาว่า
“โจชัว คิ้วนายขมวดมากขึ้น ศูนย์จุดศูนย์สองเซนติเมตรนะ มีอะไรเหรอ??”
“....ขออภัยครับคุณหนู แต่เนื้อไก่ผมยังไม่ได้ซื้อเพิ่มเลย หากคุณหนูอนุญาต...”
“ไปเถอะ” คุณหนูพูดขึ้นก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค “เดี๋ยวฉันตามไปที่บ้านก็แล้วกัน ฉันจะชวนออลก้ากับโลเรนไปด้วยนะ นายต้องทอดไว้เยอะๆล่ะ แล้วก็ของหวานด้วย ฉันชอบของหวานที่นายทำมากๆเลย”
รอยยิ้มที่คุณหนูส่งมาให้ทำให้ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่ยังดีที่ผมพอจะเก็บอาการไว้ได้เลยโค้งลงเพื่อซ่อนสีหน้าของตนเอง
“ถ้าเช่นนั้น พบกันที่บ้านนะครับ คุณหนู”
ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรเป็นของหวานให้คุณหนูดี ผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากตรอกมืดข้างหน้า เสียงกรีดร้องที่คุ้นเคย...คุ้นหูจนผมหวั่นใจ
ผมใช้แม็กซ์สปีดไปที่ตรอกนั้นอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นในตรอกมันทำให้หัวผมหยุดทำงานไปเสี้ยวินาที โพไซดี้ ผู้หญิงที่เป็นคู่หมั้นของคุณหนู เส้นผมของเธอยังคงส่องประกาย ใบหน้ายังคงงดงามน่าหลงใหล....แต่ไม่ใช่ในตอนนี้
ร่างบางปรากฏรอยช้ำและคราบเลือด ใบหน้ามีรอยแดงและคราบน้ำตาแห่งความกลัว เส้นผมถูกกระชากอย่างรุนแรงจนเสียทรง และเสื้อผ้าราคาแพงที่ถูกฉีกจนขาดเป็นริ้วๆ ข้อเท้าบวมเบ่งแสดงถึงอาการบาดเจ็บ และร่างกายที่สั่นเทาด้วยความกลัว....
ไม่ต้องบอกก็รู้....ไม่ต้องพูดก็รู้...ว่าเกิดอะไรขึ้น
“พวกแก!!!” ผมคำรามลั่น พุ่งเข้าไปหาเจ้าพวกสันดานต่ำๆด้วยความโกธรแค้น ถึงแม้ผมกับโพไซดี้จะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่เธอก็เป็นคนที่คุณหนูรัก!! ผมไม่สนใจว่าหมัดของผมจะบดกระดูกของพวกมันหรือไม่ ไม่สนใจว่าเลือดของพวกมันจะหลั่งรินแค่ไหน ไม่สนใจ...ว่าพวกมันจะตายหรือไม่!! หากเลือดของ โพไซดี้หลั่งไหลแล้ว พวกมันก็ต้องหลั่งเลือดชดใช้ให้สาสม!!!
เสียงกรีดร้องดังกว่าเดิมหลายสิบเท่า เลือดสาดกระเด็นไปทั่วตรอกมืด เสียงกระดูกหักดังติดต่อกันหลายต่อหลายที ในหัวขาวโพลน ร่างกายเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ โสตการฟังเลือนหาย เหลือเพียงความโกธรแค้นที่สุมในอกและระบายมันออกมา
....ราวกับเริงระบำ เสียงกรีดร้องคือเสียงดนตรี เลือดที่สาดกระเซ็นคือคริตัสประดับงาน และเสียงหัวเราะของผม คือ เสียงปรบมือ.... เมื่อผมหยุดอาละวาดก็มีเสียงๆหนึ่งแทรกเข้ามาในโสตทันที
“เจ้าปีศาจ!!!”
“....ไปซะ” ผมพูดเสียงเบา เหลือบมองผู้รอดชีวิตทั้งสามคน นับว่าผมปราณีมากที่ปล่อยให้พวกมันรอดชีวิตกันทั้งสามคน เมื่อเห็นว่าแต่ละคนยังไม่ขยับผมจึงหันไปตวาดใส่อย่างเกรี้ยวกราดด้วยน้ำเสียงของแวมไพร์ “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!!!”
“เหวอ!!” ทั้งสามกรีดร้องและวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต แม้จะขาหักแต่ความกลัวก็เป็นพลังขับเคลื่อนชั้นดี ผมถอนหายใจและหันไปมองอีกคนที่ยังนั่งอยู่ โพไซดี้ยังคงหวาดกลัว ผมเดินเข้าไปหาช้าและเรียกชื่อของเธอ
“โพไซดี้....”
“....” เธอไม่ตอบผม แต่ขยับตัวและน้อยและเงยหน้ามองผม ใบหน้าหวานไม่มีน้ำตาแล้วแต่ยังคงมีคราบอยู่ ผมยิ้มให้นิดๆแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เก็บไว้ใต้เสื้อสูทออกมา ดีนะเนี่ยที่มันไม่เปื้อนเลือด...
ผมเอื้อมมือไปหาโพไซดี้ช้าๆและแตะแก้มเธอเบาๆ ผมไม่อยากให้เธอสะดุ้งและกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เพราะงั้น...ค่อยๆเป็นค่อยไปดีที่สุด เมื่อไม่มีอาการต่อต้ายเผยออกมาผมจึงค่อยๆเช็ดคราบน้ำตาให้เธอ โพ”วดี้ยิ้มน้อยๆแล้วคว้าผ้าเช็กหน้าไป
“นายนี่...น่าจะเก่งแบบนั้นให้ตลอดนะ...” เธอกล่าวติดตลก
“ผมแค่เลือดขึ้นหน้าน่ะครับ” เหมือนโดนยาชาเมื่อนานมาแล้ว มันทำให้ผมขาดสติและการยับยั้งชั่งใจไปเกือบหมดเลยล่ะครับ... “คุณดีขึ้นแล้วนะครับ?”
“อืม...” โพไซดี้ตอบรับและพยายามยืนขึ้น แต่ข้อเท้าที่บวมเบ่งของเธอก็ไม่เอื้ออำนวยทำให้ล้มลงไปอีกรอบ ผมยื่นมือไปหาและเอ่ย
“ให้ผมช่วยนะครับ”
“หมดมาดเลยฉัน...ช่วยหน่อยละกันนะคุณพ่อบ้าน” สาวเงือกเอ่ยและจับมือของผม ผมยิ้มและดึงเธอขึ้นมาประคอง ร่างกายของเธอบอบช้ำมากทำให้ผมกะแรงไม่ถูก บางครั้งที่ผมออกแรงมากไปมันทำให้เธอร้องออกมาเบาๆ เมื่อเดินมาเจอม้านั่งที่ริมตึกผมก็ตัดสินใจให้โพไซดี้นั่งพักก่อน เพราะข้อเท้าเธอดูไม่ไหวแล้ว
“นั่งก่อนนะครับ ผมจะไปหาน้ำแข็งมาประคบให้” ผมถอดเสื้อคลุมที่เปื้อนเลือดนิดๆออกและคลุมให้เธอ มันคงดูไม่ดีเป็นแน่ถ้ามีผู้หญิงสวยๆมานั่งคนเดียวในที่แบบนี้และยังใส่เสื้อขาดๆอีกตังหาก
“เสื้อนายเหม๊นเลือดจัง....” เธอบ่นเบาๆแต่ก็กระชับเสื้อคลุม
ผมยิ้มให้ นั่งลงและจับข้อเท้าของเธอเบาๆ “เคล็ดเยอะน่าดูเลยนะครับ ผมว่าน่าจะสักสัปดาห์กว่าจะหาย”
“...นายออกมาทำอะไรกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ล่ะ?”
“ตอนนี้ยังหกโมงเย็นอยู่ครับ ถึงแม้ฟ้าจะมืดแล้วก็เถอะครับ” ผมแก้ “ผมจะไปซื้อไก่ให้คุณหนูน่ะครับ อ่ะ ลืมไปเลย แย่ล่ะสิ...” แล้วผมก็นึกขึ้นได้ ตายล่ะ คุณหนูต้องถึงบ้านแล้วแน่ๆเลย
“คิก เดี๋ยวฉันช่วยพูดให้เซียร์ก็แล้วกัน นายจะได้ไม่โดนหักเงินเดือน” โพไซดี้พูดแล้วหัวเราะ ผมดีใจมากที่เธอยิ้มออกเสียที “ไปเถอะ ฉันยังเดินไหว” พูดจบก็ลุกพรวด ท่าทางจะลืมไปว่าข้อเท้าเคล็ดอยู่
“ระวัง!” ผมร้อง แต่ไม่ทันร่างที่ล้มลงไป แถมยังดึงเสื้อผมไว้ซึ่งผมที่ไม่ทันตั้งตัวก็ล้มลงไปด้วยกัน
โครม!
“โอ๊ย...”
“โพไซดี้ ผมขอโทษ คุณโอเค.....ไหม....ครับ.....” ผมพูดตะกุกตะกักเมื่อใบหน้าของโพไซดี้อยู่ใกล้มากกว่าหนึ่งคืบ น้ำตาไหลออกมาอีกเมื่อร่างบางกระแทกพื้นอย่างแรง
“เจ็บน่ะสิ...ถามมาได้....” เธอตอบและพยายามลุกขึ้น ผมเองก็ถอยออกมาเพื่อให้เธอได้ลุก แต่ดูเหมือว่าแผลตามตัวเธอจะเจ็บแปลบทำให้นิ่วหน้าและร้องออกมา “เจ็บ....”
“....โจชัว....”
เฮือก!!
ทั้งผมและโพไซดี้ต่างสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างหลัง เมื่อหันไปดูก็เจอกับคนที่ไม่อยากให้มาเห็นสถานการ์ณแบบนี้ที่สุด...
“ซะ เซียร์...”
ความคิดเห็น