ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โจชัว X เซียร์

    ลำดับตอนที่ #1 : แรกเริ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 55



    โจชัว
    ครับ คุณหนูผมหันไปมองคุณหนูที่วางมือชั่วคราวจากการดัดแปลงปืน แล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าจริงจัง คุณหนูอ้าปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
    คุณหนูมีอะไรรึเปล่าครับ?ผมวางมือจากการทำความสะอาดชั่วคราว แล้วหันมามองคุณหนูที่ทำสีหน้าลำบากใจนิดๆแล้วเอ่ยปากถาม
    โจชัว.....แฟนคืออะไรเหรอ
    ......คุณหนูครับ ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกันครับ ผมคิดในใจแต่ก็พูดออกไปว่า
    แฟนก็.....เป็นคนรักกันไงครับ
    งั้นฉันกับพี่ชายเป็นแฟนกันเหรอ???คุณหนูเอียงคอถาม เอ่อ....
    คุณหนูครับ คนเป็นแฟนกันเขาจะต้องผ่านการเรียนรู้กันมาสักระยะหนึ่งครับ แล้วก็เป็นผู้ชายกับผู้หญิงครับ คุณหนูกับนายท่านเป็น พี่น้อง กันครับผมอธิบายตามที่เข้าใจ เพราะผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน ต่อให้เป็นซาดีนา...ก็ไม่เรียกว่าแฟนหรอกครับ
    ผ่านการเรียนรู้? อะไรเหรอ? หรือว่าพวกที่เป็นแฟนกันต้องเรียนวิชาเดียวกัน ห้องเดียวกัน สาขาเดียวกันงั้นเหรอ??....บางครั้งผมก็รู้สึกว่าความคิดคุณหนูนี่สุดแท้หยั่งถึงจริงๆนะครับ
    ผมยิ้มนิดๆแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆคุณหนูแล้วคุกเข่าลงข้างหน้า
    แฟน คือการที่คนสองคนตกลงใจที่จะอยู่ด้วยกันในอนาคต ถึงแม้บางคนจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นานก็ต้องเลิกกันก็ตามครับ ส่วนการเรียนรูที่ผมพูดถึงนั้นไม่ใช่การเรียนหรอกนะครับ แต่หมายถึงการใช้เวลาเพื่อศึกษาดูนิสัยของคนที่เป็นแฟนกันต่างหากครับ
    แบบนี้นี่เองคุณหนูพยักหน้าเหมือนเข้าใจแล้วหันไปดัดแปลงปืนต่อ ผมยิ้มแล้วลุกขึ้นไปทำความสะอาดชั้นหนังสือต่อ
    คุณหนูครับ ผมขอถามอะไรหน่อยนะครับผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบไปสักพัก
    อื้ม ถามมาสิ
    ทำไมอยู่ๆถึงถามเรื่องนี้ล่ะครับ?ผมแปลกใจนิดๆเพราะปกติแล้วคุณหนูแทบจะมาสนใจเรื่องพวกนี้มากเท่าไร กระทั่งเห็นคนจูบกันแล้วก็ไม่เคยถามเลยสักนิด
    เอ่อ....คือ....คุณหนูพูดอึกอัก แถมยังหน้าแดงนิดๆ คุณหนูหยุดดัดแปลงปืน ผมเลยใจเสียเพราะดูท่าจะล้ำเส้นเกินไปเสียแล้ว
    ขออภัยครับ ดูท่าผมคงจะล้ำเส้นเกินไป ขอคุณหนูอย่าได้ถือสาเลยครับผมหันไปแล้วโค้งลง
    ไม่ๆๆ โจชัวไม่ผิดหรอก ไม่ล้ำเส้นเลยนะ!” คุณหนูโบกไม้โบกมือพลันวัน ฉันแค่....เอ่อ.....พูดไม่ถูกน่ะคุณหนูก้มหน้า ท่าทางกระวนกระวายนิดๆ ผมเห็นดังนั้นเลยยิ้มแล้วยืดตัวขึ้น
    คุณหนูจะรับนมอุ่นหน่อยไหมครับ จะได้ใจเย็นลงหน่อยแล้วก็ถือเป็นมื้อดึกนิดๆไงครับผมเสนอ คุณหนูเงยหน้าแล้วยิ้มสดใส
    เอาสิ! โจชัว นายนี่รู้ใจฉันจริงๆเลยนะ ถ้าไม่มีนายต้องแย่แน่ๆเลย...ผมรู้สึกดีใจมากกับคำพูดนี้ ผมยิ้มแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก
    งั้นคุณหนูไปนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะทำนมร้อนให้ จะรับอะไรเพิ่มเติมไหมครับ?
    ไม่แล้วล่ะ ขอแค่นมร้อนก็พอคุณหนูยิ้มแล้วเดินมานั่งที่โซฟาที่ห้องรับแขก ผมเองก็เดินเข้าห้องครัวไป แล้วผมก็ได้ยินเสียงพลิกกระดาษดังขึ้นตามด้วยเสียงบ่นเบาๆของคุณหนู
    โจรปล้นธนาคารอีกแล้วเหรอ.....หมู่นี้ทุกคนเองก็ยุ่งๆเลยไม่ได้ออกไปตรวจซะด้วย อืม...พรุ่งนี้ออกไปหน่อยก็แฮะ....
    นมร้อนได้แล้วครับ คุณหนูผมเดินออกมาพร้อมกับนมร้อนในถาด เมื่อวางลงบนโต๊ะคุณหนูก็ยกดื่มรวดเดียวจนผมเตือนไม่ทันว่ามันร้อนอยู่
    ร้อน!!!”
    คุณหนู ดื่มน้ำก่อนครับผมรีบยื่นน้ำเย็นที่เทเตรียมไว้ส่งให้คุณหนู คุณหนูยกดื่มแล้วก็ถอนหายใจ
    แสบลิ้นไปหมดเลยอ่ะ....
    ขอโทษครับ ผมไม่ทันเตือนคุณหนู.....
    โจชัวนายจะจริงจังเกินไปแล้วนะ!” คุณหนูเอ็ดด้วยท่าทางไม่จริงจัง นายไม่ผิดซะหน่อย ฉันผิดเองแหละที่รีบร้อนดื่มเอง นายไม่ต้องเครียดหรอกนะ เรื่องแค่นี้เอง
    คุณหนูครับ เรื่องแค่นี้ ที่คุณหนูพูดถึงคือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในฐานะพ่อบ้านเลยนะครับผมพูดด้วยเสียงจริงจัง ก่อนจะรินนมถ้วยใหม่ให้คุณหนู
    งั้นคืนนี้นายอย่าเป็นพ่อบ้านเลยนะเอ๋?? คุณหนูหมายความว่าไงครับ ผมเงยหน้ามองคุณหนูด้วยความประหลาดใจ คุณหนูส่งยิ้มมาให้ผมแล้วจับบ่าผมที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ
    นายเป็น เพื่อน ฉันสักคืนสิ
    ......ผมคงทำไม่ได้หรอกครับผมอึ้งไปสักพักก่อนจะตอบ พอคุณหนูอ้าปากจะค้านผมก็ชิงพูดก่อนว่า แต่ถ้าให้ผม คุยเล่น ด้วยล่ะก็......ได้ครับผมยิ้มให้ คุณหนูทำท่าประหลาดใจก่อนจะตอบผมด้วยรอยยิ้ม
    นายนี่ประหลาดชะมัดเลยนะ โจชัว เอาสิ! มาคุยเล่นกันเถอะ


             “.....แล้วอยู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่าชอบฉัน แถมยังเป็นขอฉันเป็นแฟนอีกน่ะ! ฉันตกใจมากเลยวิ่งหนีมาก่อน.....โจชัว ฉันทำยังไงดีอ่า.....คุณหนูเล่าเรื่องโดยย่อให้ผมฟัง ซึ่งผมเองก็พอจะเข้าใจอาการลนลานของคุณหนูแล้วล่ะครับ คุณหนูเองก็ไม่ถนัดรับมือกับผู้หญิงอยู่แล้ว คุณหนูยังเคยพูดเลยว่า รับมือกับผู้ร้ายสามสิบคนยังง่ายกว่ารับมือผู้หญิงคนเดียวอีกน่ะ!’
    คุณหนูคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะครับผมถามแล้วเลื่อนจานคุกกี้ไปให้คุณหนู
    ก็ดีนะ พูดจาฉะฉาน กล้าพูดกล้าทำแถมยังแต่งตัวน่ากินอีกด้วย!” คุณหนูพูดแล้วหัวเราะ คุณหนูครับ.....ที่ว่าน่ากินนี่คงไม่ได้หมายถึงเฟรน์ฟรายกับซอสมะเขือเทศเหมือนอย่างเมโลดี้อีกหรอกนะครับ.....
    งั้นเหรอครับ แล้วทำไมคุณหนูถึงวิ่งหนีมาล่ะครับ?
    ก็พอเขาพูดเสร็จก็วิ่งเข้ามาจะกอดฉันเลยน่ะสิ! ฉันตกใจมากก็เลยวิ่งหนีมาอ่ะ....คุณหนูดูซึมนิดๆ เหมือนคุณหนูจะคิดมากเรื่องนี้น่าดูเลยนะครับ
    คุณหนูไม่ต้องคิดมกหรอกนะครับ เพราะคุณหนูตกใจมาก มันก็เป็นเหมือนปฏิกิริยาตอบสนองน่ะครับ ถ้าคุณหนูยังรู้สึกผิด เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลองไปขอโทษดูสิครับผมยิ้มให้คุณหนู เมื่อคุณหนูสบตาก็ผมก็ดูผ่อนคลายลงแล้วก็ยิ้มบางๆมาให้ผม
    อื้ม! เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปขอโทษเขา .....โจชัว นายไปด้วยได้มั๊ย?คุณหนูถามผม ท่าทางลังเล มันเป็นตอนกลางวัน ฉันกลัวว่านายจะทรมานเลยไม่กล้าชวน.....ถ้านายไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะ! ฉันไม่อยากให้นายต้อง.....
    คุณหนูครับผมพูดขัด ถ้าเป็นคำสั่งของคุณหนูล่ะก็ต่อให้ต้องไปตายผมก็จะไปตายครับผมยิ้มให้ แต่คุณหนูทำหน้าบูด
    ฉันไม่ได้สั่งให้นายไปตายซะหน่อย! ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ ฉันไม่อยากให้นายตายนะ!” คุณหนูพุ่งเข้ามาจับแขนผมที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วซุกหน้าลงกับอกของผม
    ถ้านาย....ถ้านายหายไปเหมือนคราวของเสี่ยวจี๋ล่ะก็.....ฮึก....เสียงสะอื้นของคุณหนูลอดออกมา ผมรู้สึกถึงน้ำที่เปียกแถวๆอก
    คุณหนูรักคุณเสี่ยวจี๋มาก เพราะงั้น ตอนที่คุณเสี่ยวจี๋ตายไป....คุณหนูถึงกับไม่เป็นผู้เป็นคน ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง กิจวัตรประจำวันผิดเพี้ยนไปหมด และตอนกลางคืน....คุณหนูก็จะกลายเป็นตะวันรัตติกาล คอยปราบเหล่าร้าย ต่อให้คนร้ายนั้นอยู่สุดเขตตะวันตกก็ตาม คุณหนูบินไปแล้วปราบคนเหล่านั้น พอเช้ามาก็จะกลับเป็นคุณหนูเหมือนเดิม แต่ท่าทีเปลี่ยนไป
    คุณหนูปิดใจตัวเอง ไม่พูดกับใคร กินข้าวน้อยลง ไม่ออกไปจ๊อกกิ้งตอนตีห้า ไม่เขียนรายงาน ไม่ดัดแปลงปืนหรือสิ่งของต่างๆ ทุกต่างกระวนกระวายใจมาก ราชาซอนเน่เองก็พยายามทุกอย่างเพื่อให้คุณหนูกลับมายิ้มเหมือนเดิม ผมเองก็ทำทุกอย่างจริงๆ แล้วโพไซดี้ก็เข้ามา ปลอบคุณหนูว่าเธอยังอยู่ตรงนี้ จะไม่ทิ้งคุณหนูไปไหน
    วันนั้นคุณหนูไม่ออกไปไหน ร้องไห้อยู่กับโพไซดี้ที่บ้านทั้งวัน และเป็นวันเดียวที่คุณหนูร้องไห้เพื่อคุณเสี่ยวจี๋ หลังจากที่เธอจากไป พอตื่นขึ้นมาในวันใหม่ คุณหนูก็เป็นเหมือนเดิม เป็นคุณหนูคนเดิมที่ร่างเริง ออกไปจ๊อกกิ้งตอนตีห้า ดัดแปลงปืนเหมือนอย่างเคย....
    ขอโทษครับคุณหนู ผมจะไม่หายไปไหนหรอกครับผมพูดด้วยความรู้สึกผิด ผมลูบหัวที่มีเส้นผมสีเงินของคุณหนู ซึ่งตอนนี้มันยาวจนถึงเอวแล้ว
    อย่าหายไปนะ....อย่าหายไป เหมือนอย่างเสี่ยวจี๋....
    ครับ ผมจะอยู่ตรงนี้ ข้างๆคุณหนู....ชั่วชีวิตของผมครับ
    อืม......คุณหนูเงียบไปสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นมา ขอโทษนะโจชัว เสื้อนายเปียกหมดแล้วคุณหนูยิ้มฝืดๆมาให้ผม ซึ่งผมมองแล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบไม่ได้ รอยยิ้มนี้ไม่สดใสอย่างที่เคย ผมไม่ชอบมันเลย.....
    ไม่เป็นไรหรอกครับคุณหนูผมเช็ดน้ำตาให้คุณหนูด้วยนิ้วชี้อย่างแพ่วเบา
    แหะๆ งั้นฉันไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้อยากกินแซนด์วิชเป็นอาหารเช้าแหละคุณหนูลุกขึ้นแล้วปาดน้ำตาที่เหลือออก
    ได้ครับคุณหนู ฝันดีนะครับผมโค้งให้คุณหนูที่กำลังเดินเข้าห้อง เมื่อคุณเข้าห้องไปแล้วผมก็หันไปหมายจะเก็บกวาดแก้วนมกับคุกกี้ที่เหลือ แต่เสียงฝีเท้าที่มาจากข้างหลังทำให้ผมหันกลับไปมอง
    คุณหนูมีอะไร....
    โจชัวคุณหนูขัดขึ้นก่อน แล้วส่งยิ้มให้ผม ฉันชอบโจชัวนะคำพูดที่คุณหนูพูดออกมาทำให้ผมอึ้งไปสักพักแล้วก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม กับคำพูดที่ว่า
    ผมก็ชอบคุณหนูครับ ฝันดีครับคุณหนู
    คุณหนูยิ้มให้ผมแล้วเดินเข้าห้องไป พอผมได้ยินเสียงปิดประตูเท่านั้นแหละ รอยยิ้มบนใบหน้าของผมก็เลือนหายไปเหลือเพียงสายตาที่ทอดมองประตูที่ปิดสนิทบานนั้นด้วยความอาลัย และโหยหา
    ...ชอบ....มากกว่าที่คุณหนูคิดซะด้วยนะครับเสียงที่แผ่วเบาราวสายลมนี้ไม่อาจส่งข้ามประตู ที่ขวางกั้นผมกับคุณหนูได้เลย ผมได้แต่ปล่อยให้มันเลือนหายไปพร้อมๆกับสายลมที่พัดผ่าน......

    ในขณะที่ผมกำลังเช็ดโซฟาที่ทำจากขนแกะชั้นดีอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากในห้องของคุณหนู เสียงเหมือนตู้ล้ม? ผมทิ้งผ้าขนหนูในมือแล้ววิ่งไปที่หน้าของคุณหนูอย่างรวดเร็ว
    คุณหนูครับ! คุณหนู! คุณยังโอเคไหมครับ!” ผมทุบประตูแล้วตะโกนถาม ผมพยายามเปิดประตูเข้าไปแต่เหมือนว่าประตูจะถูกล๊อกจากข้างใน
    โจ...ชัว.....เสียงอ่อนแรงของคุณหนูลอดออกมา ใจผมสั่นและร้อนกว่าเดิม
    คุณหนู คุณหนูครับ! เปิดประตูด้วยครับคุณหนู!!” ผมทุบประตูอย่างแรงโดยไม่กลัวว่าประตูจะหัก เพราะประตูนี้แข็งแรงมากจริงๆ น่ากลัวว่าต่อให้ผมใช้แรงทั้งหมดกระแทกมันก็ยังไม่เปิด
    ไม่...ไม่ได้ อย่าเข้ามานะ.....เสียงของคุณหนูขาดเป็นห้วงๆแถมยังเหมือนเสียงของคนไม่มีแรง ร้อนใจกว่าเดิมมาก จนสูญเสียความเยือกเย็นของพ่อบ้านไปจนหมดสิ้น
    คุณหนูครับ ผมเป็นพ่อบ้านของคุณนะครับ! ขอร้องล่ะครับ! เปิดประตูเถอะครับ!”
    ไม่....ไม่เอา....ฉันไม่อยากให้โจชัวเห็น.....
    คุณหนู....ขอร้องล่ะครับ เปิดประตูเถอะ.....ผมทรุดลงที่หน้าประตูแต่มือก็ยังคงกำลูกบิดประตูไว้ ผมขอร้อง...เปิดประตูเถอะครับ
    “……….” เสียงขอคุณหนูเงียบไป แล้วประตูก็ค่อยๆเปิดออก ผมเงยหน้าทันทีแล้วก็มองเห็นใบหน้าของคุณหูที่มีน้ำตาไหลอาบแก้ม
    ผมที่เห็นดังนั้นก็ผุดลุกขึ้นแล้วดึงตัวคุณหนูเข้ามาในอ้อมแขนทันที ตัวคุณหนูสั่นราวกับลูกนกตกจากรัง ยิ่งพอผมกระชับอ้อมแขนมากขึ้นคุณหนูก็ดูหวาดกลัวบางอย่างมากกว่าเดิม คุณหนูจับเสื้อผมแน่นและซุกหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ผมเลยถือโอกาสนี้มองรอบๆห้องคุณหนูทันที
    ชั้นวางของล้มลงมา ข้าวของภายในห้องกระจัดกระจาย ราวกับมีคนร้ายบุกเข้ามาในห้อง แน่นอนว่าถ้ามีคนบุกเข้ามาคุณหนูจะเข้าสู่โหมดตะวันรัตติกาลและต่อสู้อย่างไม่ลังเล แต่มันไม่มีร่องรอยของเลือดแม้แต่หยดเดียว ลูบหัวของคุณหนูแล้วเชยคางเขาขึ้นมา
    คุณหนูครับ....เกิดอะไรขึ้น?
    ไม่....ไม่มีอะไร ฮึก ฉันแค่... ฝะ ฝันร้ายน้ำตาไหลอาบแก้ม ตัวสั่นเทาราวกกับลูกนกตกจากรัง นิ้วเรียวขยำเสื้อผมจนยับยู่ยี่ ผมโน้มตัวลงไปแล้วกอดคุณหนูไว้ให้หน้าของเขาซุกที่ไหล่ผม
    ไม่เป็นไรนะครับ ผมอยู่ที่นี่ ผมอยู่ตรงนี้ครับผมพูดปลอบพร้อมๆกับลูบหัวไปด้วย คุณหนูสะอึกสะอื้นอยู่ประมาณสิบนาทีแล้วเสียงค่อยๆเบาลง พร้อมๆกับอาการสั่นที่หายไป ผมค่อยๆดันตัวคุณหนูออกแล้วก็เห็นว่าเปลือกตานั้นปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอซึ่งบอกได้อย่างดีว่าเขานั้นเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ผมอมยิ้มกับนิสัยเด็กๆนี้นิดๆ แล้วค่อยอุ้มร่างบางๆนี้ขึ้นมา แต่ว่าน้ำหนักของคุณหนูทำให้ผมค่อนข้างใช้เวลาในการพาเขามานอนบนเตียง
    เดี๋ยวผมมานะครับผมกระซิบแล้วปลดมือบางที่กำเสื้อผมอยู่ออก ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วออกมาพร้อมกะลังและผ้าขนหนู ผมวางมันไว้ข้างเตียงๆคุณหนูแล้วบิดผ้าขนหนูพอหมาดๆ
    ขออณุญาตินะครับคุณหนูผมกระซิบแล้วปัดเส้นผมที่บังหน้าคุณหนูออกแล้วค่อยๆเช็ดผ้าขนหนูตามใบหน้าขาวนวล โครงหน้ารูปไข่ดูราวเด็กสาว ดวงตากลมโตสีเทาหม่นดูสดใสที่ซ่อนอยู่ใต้เปลือกตาทำให้ผมหลงใหลเขามากขึ้นเป็นเท่าตัว
    ผมค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของคุณหนูออก ร่างกายขาวผ่องปรากฏแก่สายตา กล้ามเนื้อที่แข็งแรงไม่มีไขมันส่วนเกิน ผมไล้ผ้าขนหนูไปตามแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ เมื่อใส่เสื้อให้เรียบร้อยผมก็เอากะละมังไปเก็บ เมื่อเดินออกมาอีกรอบผมก็จ้องมองร่างที่นอนหลับนั้นอยู่ชั่วครู่และตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้
    ......ฝันดีครับ คุณหนูผมกระซิบที่ข้างหูแล้วประทับริมฝีปากที่หน้าผากของเขา ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ร่างบางแล้วยิ้มน้อยๆ ผมหันไปมองสภาพห้องแล้วตัดสินใจลงมือเก็บกวาดด้วยความรวดเร็วและไร้เสียง....
    โจชัว อรุณสวัสดิ์
    โอ๊ะ อรุณสวัสดิ์คุณหนู อาหารเช้าพร้อมแล้วครับ จะรับประทานเลยหรือจะออกไปจ๊อกกิ้งก่อนครับ?ผมเอ่ยทักคุณหนูด้วยรอยยิ้ม ที่ผมถามแบบนี้เพราะผมเห็นคุณหนูใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นเดินออกมา แถมผมก็ดูยุ่งๆเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน คุณหนูยกมือขึ้นขยี้ตาแล้วเดินมานั่งโต๊ะ
    ไม่ล่ะ ทานเลยละกัน
    รับทราบครับผมค่อยๆยกแซนด์วิชมาวางช้าๆ ตามด้วยนมอุ่นๆเหยือกหนึ่ง ผมบรรจลรินมันใส่แก้วแล้ววางไว้ข้างๆจานอาหารของคุณหนู
    โจชัว เดี๋ยววันนี้ออกไปกับฉันด้วยนะ...เรื่อง...เอ่อ....
    รับทราบครับ งั้นผมไปเตรียมชุดให้คุณหนูก่อนนะครับผมโค้งตัวลงแล้วเดินเข้าห้องคุณหนูมา แล้วเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อที่มันไม่แหว่งตรงนู้นเว้าตรงนี้มากเกินไปมาตัวหนึ่ง และกางเกงขาสามส่วนที่ดูอินเทรนด์สีดำตัวหนึ่งมา
    พักนี้คุณหนูมีชื่อเสียงมาก ไม่ว่าจะในฐานะนายแบบหรือในฐานะนักร้อง โปสเตอร์ของคุณหนูมีแปะตามร้านทั่วไป ทุกคนในเมืองเซ็ตติ้งซันรู้จักคุณหนูกันหมด ผมมองโปสเตอร์ของคุณหนูที่เจ้าตัวซื้อมาเองและแปะไว้ที่พนังห้อง น้ำตาเทวดาที่ยังคงโด่งดังไม่เคยเรตตกนั่นเอง ผมมองภาพนั้นแล้วก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าเรียวสวยและดวงตาสีเงินแสนเศร้า น้ำตาที่เปล่งประกายยิ่งกว่าเพชรในมือ....
    โจชัว ฉันกินเสร็จแล้วนะ?
    เอ๊ะ! คะ ครับผมหลุดอกจาภวังค์แล้วหันไปทางประตูที่มีคุณหนูตัวจริงยืนทำหน้างุนงงอยู่ ขะ ขออภัยครับ เชิญคุณหนูเปลี่ยนชุดเถอะครับผมยื่นเสื้อและกางเกงที่เลือกไว้ให้คุณหนู
    เอ๊ะ โจชัว เสื้อตัวนี้พี่โลชูเขาบอกว่ามันที่ริบบิ้นที่ใช้คู่กับเสื้อด้วยน่ะ นายลองไปหาดูที่แถวๆตู้ลิ้นชักข้างนอกให้ทีสิ มันจะยาวๆแล้วก็เป็นสีแดงน่ะ
    ได้ครับผมโค้งลงแล้วส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาแล้วปิดประตูให้คุณหนูได้เปลี่ยนชุด ผมเดินมาที่ตู้ลิ้นชักข้างนอกแล้วเริ่มค้นหาริบบิ้นสีแดงยาวๆที่คุณหนูว่า
    ผ่านไปสักสามนาทีผมจึงพบริบบิ้นเส้นที่ว่า มันมีความยาวประมาณสองเมตรได้ ผมมองริบบิ้นในมือด้วยความไม่เข้าใจว่ามันจะใช้ทำอะไรได้ ผมเคาะประตูห้องคุณหนูแล้วถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่ได้ขอ
    คุณหนูครับ ใช่ริบบิ้นเส้น.....ผมพูดไม่ทันจบก็ตาค้างเพราะเบื้องหน้าผมคือคุณหนูในสภาพเปลือยท่อนบน แสงแดดยามเช้าที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบกับร่างคุณหนูทำให้ดูสวยงามยิ่งกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า เส้นผมสีเงินปลิวไสวไปตามการเคลื่อนไหวของร่างบาง เอวที่คอดกิ่ว ผิวที่ขาวเนียน บอบบางน่าทะนุถนอมราวกับประติมากรรมแก้ว ผมมองคุณหนูตาค้างและไม่รู้ด้วยว่าตัวเองหน้าแดงหรือเปล่า
    โจชัว ตกใจหมดเลยเสียงของคุณหนูดึงสติของผมกลับมาก่อนที่มันจะเตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านี้ หน้าของผมร้อนฉ่าขึ้นมาแทบจะทันทีที่ได้สติ
    ขะ ขออภัยครับผมก้มหน้างุด ไม่สบตากับคุณหนูแล้วผมก็ได้ยินเสียงฝึ่บพั่บเบาๆ เหมือนว่าคุณหนูจะใส่เสื้อเสร็จแล้วผมเลยเงยหน้าขึ้น
    นายเจอริบบิ้นแล้วนี่ พี่โลชูบอกว่าใช้ผูกรอบๆคอน่ะ ผูกยังไงกันนะ?คุณหนูดึงริบบิ้นไปจากมือผมแล้วเริ่มลงมือผูกซึ่งดูแล้วยังๆมันก็เหมือนคนกำลังจะผูกคอตาย
    คิก เดี๋ยวผมผูกให้ครับผมกลั้นหัวเราะแล้วแก้ปมเชือกที่คุณหนูมัดไว้ก่อนจะคลยริบบิ้นออกนิดหน่อยแล้วเริ่มผูกมันใหม่ให้ดูเก๋ขึ้นอีกนิด
    หวา โจขัวนี่เก่งจริงๆนะคุณหนูขึ้นเมือผมใช้ริบบิ้นพันรอบคอคุณหนูและผูกเป็นโบว์สามชั้น
    เรื่องเล็กน้อยครับผมยิ้ม
    ไม่หรอก ฉันยังนึกไม่ถึงเลย....เสียงของคุณหนูเหมือนจะไม่เข้าหัวผมอีกแล้วเมือผมเห็นรอยยิ้มที่สดใสของร่างบางตรงหน้า รอยยิ้มที่สดใส จิตใจที่เข้มแข็ง ใบหน้าที่สวยหวานมันทำให้ผมหลงใหล
    เหมือนร่างกายของผมจะไร้การควบคุม แขนของผมตวัดโอบร่างบางตรงหน้าเข้ามาแล้วฝังจมูกลงเรือนผมสีเงินตรงหน้า
    จะไม่ยกให้ใครอีก....
    จะ โจชัว??เสียงของคุณหนูทำให้ผมได้สติ(อะเกน) เมือ่พบว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ผมจึงรีบดันร่างบางให้ห่างจากตัวทันที!!
    ขะ ขออภัยอย่างสูงครับ!!” ผมไม่ฟังเสียงเรียกของคุณหนูแล้วิ่งออกมาจากห้องอย่างรวดเร็วด้วยหน้าที่ร้อนผ่าวๆและใจที่เต้นแรงไม่เป็นส่ำ
    โดยที่ไม่รู้เลยว่าฝ่ายที่โดนกอดนั้นก็หน้าแดงไม่แพ้กัน!!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×