ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แรกเริ่ม
“โจชัว”
“ครับ คุณหนู” ผมหันไปมองคุณหนูที่วางมือชั่วคราวจากการดัดแปลงปืน แล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าจริงจัง คุณหนูอ้าปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“คุณหนูมีอะไรรึเปล่าครับ?” ผมวางมือจากการทำความสะอาดชั่วคราว แล้วหันมามองคุณหนูที่ทำสีหน้าลำบากใจนิดๆแล้วเอ่ยปากถาม
“โจชัว.....แฟนคืออะไรเหรอ”
......คุณหนูครับ ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกันครับ ผมคิดในใจแต่ก็พูดออกไปว่า
“แฟนก็.....เป็นคนรักกันไงครับ”
“งั้นฉันกับพี่ชายเป็นแฟนกันเหรอ???” คุณหนูเอียงคอถาม เอ่อ....
“คุณหนูครับ คนเป็นแฟนกันเขาจะต้องผ่านการเรียนรู้กันมาสักระยะหนึ่งครับ แล้วก็เป็นผู้ชายกับผู้หญิงครับ คุณหนูกับนายท่านเป็น พี่น้อง กันครับ” ผมอธิบายตามที่เข้าใจ เพราะผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน ต่อให้เป็นซาดีนา...ก็ไม่เรียกว่าแฟนหรอกครับ
“ผ่านการเรียนรู้? อะไรเหรอ? หรือว่าพวกที่เป็นแฟนกันต้องเรียนวิชาเดียวกัน ห้องเดียวกัน สาขาเดียวกันงั้นเหรอ??” ....บางครั้งผมก็รู้สึกว่าความคิดคุณหนูนี่สุดแท้หยั่งถึงจริงๆนะครับ
ผมยิ้มนิดๆแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆคุณหนูแล้วคุกเข่าลงข้างหน้า
“แฟน คือการที่คนสองคนตกลงใจที่จะอยู่ด้วยกันในอนาคต ถึงแม้บางคนจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นานก็ต้องเลิกกันก็ตามครับ ส่วนการเรียนรูที่ผมพูดถึงนั้นไม่ใช่การเรียนหรอกนะครับ แต่หมายถึงการใช้เวลาเพื่อศึกษาดูนิสัยของคนที่เป็นแฟนกันต่างหากครับ”
“แบบนี้นี่เอง” คุณหนูพยักหน้าเหมือนเข้าใจแล้วหันไปดัดแปลงปืนต่อ ผมยิ้มแล้วลุกขึ้นไปทำความสะอาดชั้นหนังสือต่อ
“คุณหนูครับ ผมขอถามอะไรหน่อยนะครับ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบไปสักพัก
“อื้ม ถามมาสิ”
“ทำไมอยู่ๆถึงถามเรื่องนี้ล่ะครับ?” ผมแปลกใจนิดๆเพราะปกติแล้วคุณหนูแทบจะมาสนใจเรื่องพวกนี้มากเท่าไร กระทั่งเห็นคนจูบกันแล้วก็ไม่เคยถามเลยสักนิด
“เอ่อ....คือ....” คุณหนูพูดอึกอัก แถมยังหน้าแดงนิดๆ คุณหนูหยุดดัดแปลงปืน ผมเลยใจเสียเพราะดูท่าจะล้ำเส้นเกินไปเสียแล้ว
“ขออภัยครับ ดูท่าผมคงจะล้ำเส้นเกินไป ขอคุณหนูอย่าได้ถือสาเลยครับ” ผมหันไปแล้วโค้งลง
“ไม่ๆๆ โจชัวไม่ผิดหรอก ไม่ล้ำเส้นเลยนะ!” คุณหนูโบกไม้โบกมือพลันวัน “ฉันแค่....เอ่อ.....พูดไม่ถูกน่ะ” คุณหนูก้มหน้า ท่าทางกระวนกระวายนิดๆ ผมเห็นดังนั้นเลยยิ้มแล้วยืดตัวขึ้น
“คุณหนูจะรับนมอุ่นหน่อยไหมครับ จะได้ใจเย็นลงหน่อยแล้วก็ถือเป็นมื้อดึกนิดๆไงครับ” ผมเสนอ คุณหนูเงยหน้าแล้วยิ้มสดใส
“เอาสิ! โจชัว นายนี่รู้ใจฉันจริงๆเลยนะ ถ้าไม่มีนายต้องแย่แน่ๆเลย” ...ผมรู้สึกดีใจมากกับคำพูดนี้ ผมยิ้มแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก
“งั้นคุณหนูไปนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะทำนมร้อนให้ จะรับอะไรเพิ่มเติมไหมครับ?”
“ไม่แล้วล่ะ ขอแค่นมร้อนก็พอ” คุณหนูยิ้มแล้วเดินมานั่งที่โซฟาที่ห้องรับแขก ผมเองก็เดินเข้าห้องครัวไป แล้วผมก็ได้ยินเสียงพลิกกระดาษดังขึ้นตามด้วยเสียงบ่นเบาๆของคุณหนู
“โจรปล้นธนาคารอีกแล้วเหรอ.....หมู่นี้ทุกคนเองก็ยุ่งๆเลยไม่ได้ออกไปตรวจซะด้วย อืม...พรุ่งนี้ออกไปหน่อยก็แฮะ....”
“นมร้อนได้แล้วครับ คุณหนู” ผมเดินออกมาพร้อมกับนมร้อนในถาด เมื่อวางลงบนโต๊ะคุณหนูก็ยกดื่มรวดเดียวจนผมเตือนไม่ทันว่ามันร้อนอยู่
“ร้อน!!!”
“คุณหนู ดื่มน้ำก่อนครับ” ผมรีบยื่นน้ำเย็นที่เทเตรียมไว้ส่งให้คุณหนู คุณหนูยกดื่มแล้วก็ถอนหายใจ
“แสบลิ้นไปหมดเลยอ่ะ....”
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันเตือนคุณหนู.....”
“โจชัวนายจะจริงจังเกินไปแล้วนะ!” คุณหนูเอ็ดด้วยท่าทางไม่จริงจัง “นายไม่ผิดซะหน่อย ฉันผิดเองแหละที่รีบร้อนดื่มเอง นายไม่ต้องเครียดหรอกนะ เรื่องแค่นี้เอง”
“คุณหนูครับ เรื่องแค่นี้ ที่คุณหนูพูดถึงคือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในฐานะพ่อบ้านเลยนะครับ” ผมพูดด้วยเสียงจริงจัง ก่อนจะรินนมถ้วยใหม่ให้คุณหนู
“งั้นคืนนี้นายอย่าเป็นพ่อบ้านเลยนะ” เอ๋?? คุณหนูหมายความว่าไงครับ ผมเงยหน้ามองคุณหนูด้วยความประหลาดใจ คุณหนูส่งยิ้มมาให้ผมแล้วจับบ่าผมที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ
“นายเป็น เพื่อน ฉันสักคืนสิ”
“......ผมคงทำไม่ได้หรอกครับ” ผมอึ้งไปสักพักก่อนจะตอบ พอคุณหนูอ้าปากจะค้านผมก็ชิงพูดก่อนว่า “แต่ถ้าให้ผม คุยเล่น ด้วยล่ะก็......ได้ครับ” ผมยิ้มให้ คุณหนูทำท่าประหลาดใจก่อนจะตอบผมด้วยรอยยิ้ม
“นายนี่ประหลาดชะมัดเลยนะ โจชัว เอาสิ! มาคุยเล่นกันเถอะ”
“.....แล้วอยู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่าชอบฉัน แถมยังเป็นขอฉันเป็นแฟนอีกน่ะ! ฉันตกใจมากเลยวิ่งหนีมาก่อน.....โจชัว ฉันทำยังไงดีอ่า.....” คุณหนูเล่าเรื่องโดยย่อให้ผมฟัง ซึ่งผมเองก็พอจะเข้าใจอาการลนลานของคุณหนูแล้วล่ะครับ คุณหนูเองก็ไม่ถนัดรับมือกับผู้หญิงอยู่แล้ว คุณหนูยังเคยพูดเลยว่า ‘รับมือกับผู้ร้ายสามสิบคนยังง่ายกว่ารับมือผู้หญิงคนเดียวอีกน่ะ!’
“คุณหนูคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะครับ” ผมถามแล้วเลื่อนจานคุกกี้ไปให้คุณหนู
“ก็ดีนะ พูดจาฉะฉาน กล้าพูดกล้าทำแถมยังแต่งตัวน่ากินอีกด้วย!” คุณหนูพูดแล้วหัวเราะ คุณหนูครับ.....ที่ว่าน่ากินนี่คงไม่ได้หมายถึงเฟรน์ฟรายกับซอสมะเขือเทศเหมือนอย่างเมโลดี้อีกหรอกนะครับ.....
“งั้นเหรอครับ แล้วทำไมคุณหนูถึงวิ่งหนีมาล่ะครับ?”
“ก็พอเขาพูดเสร็จก็วิ่งเข้ามาจะกอดฉันเลยน่ะสิ! ฉันตกใจมากก็เลยวิ่งหนีมาอ่ะ....” คุณหนูดูซึมนิดๆ เหมือนคุณหนูจะคิดมากเรื่องนี้น่าดูเลยนะครับ
“คุณหนูไม่ต้องคิดมกหรอกนะครับ เพราะคุณหนูตกใจมาก มันก็เป็นเหมือนปฏิกิริยาตอบสนองน่ะครับ ถ้าคุณหนูยังรู้สึกผิด เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลองไปขอโทษดูสิครับ” ผมยิ้มให้คุณหนู เมื่อคุณหนูสบตาก็ผมก็ดูผ่อนคลายลงแล้วก็ยิ้มบางๆมาให้ผม
“อื้ม! เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปขอโทษเขา .....โจชัว นายไปด้วยได้มั๊ย?” คุณหนูถามผม ท่าทางลังเล “มันเป็นตอนกลางวัน ฉันกลัวว่านายจะทรมานเลยไม่กล้าชวน.....ถ้านายไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะ! ฉันไม่อยากให้นายต้อง.....”
“คุณหนูครับ” ผมพูดขัด “ถ้าเป็นคำสั่งของคุณหนูล่ะก็ต่อให้ต้องไปตายผมก็จะไปตายครับ” ผมยิ้มให้ แต่คุณหนูทำหน้าบูด
“ฉันไม่ได้สั่งให้นายไปตายซะหน่อย! ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ ฉันไม่อยากให้นายตายนะ!” คุณหนูพุ่งเข้ามาจับแขนผมที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วซุกหน้าลงกับอกของผม
“ถ้านาย....ถ้านายหายไปเหมือนคราวของเสี่ยวจี๋ล่ะก็.....ฮึก....” เสียงสะอื้นของคุณหนูลอดออกมา ผมรู้สึกถึงน้ำที่เปียกแถวๆอก
คุณหนูรักคุณเสี่ยวจี๋มาก เพราะงั้น ตอนที่คุณเสี่ยวจี๋ตายไป....คุณหนูถึงกับไม่เป็นผู้เป็นคน ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง กิจวัตรประจำวันผิดเพี้ยนไปหมด และตอนกลางคืน....คุณหนูก็จะกลายเป็นตะวันรัตติกาล คอยปราบเหล่าร้าย ต่อให้คนร้ายนั้นอยู่สุดเขตตะวันตกก็ตาม คุณหนูบินไปแล้วปราบคนเหล่านั้น พอเช้ามาก็จะกลับเป็นคุณหนูเหมือนเดิม แต่ท่าทีเปลี่ยนไป
คุณหนูปิดใจตัวเอง ไม่พูดกับใคร กินข้าวน้อยลง ไม่ออกไปจ๊อกกิ้งตอนตีห้า ไม่เขียนรายงาน ไม่ดัดแปลงปืนหรือสิ่งของต่างๆ ทุกต่างกระวนกระวายใจมาก ราชาซอนเน่เองก็พยายามทุกอย่างเพื่อให้คุณหนูกลับมายิ้มเหมือนเดิม ผมเองก็ทำทุกอย่างจริงๆ แล้วโพไซดี้ก็เข้ามา ปลอบคุณหนูว่าเธอยังอยู่ตรงนี้ จะไม่ทิ้งคุณหนูไปไหน
วันนั้นคุณหนูไม่ออกไปไหน ร้องไห้อยู่กับโพไซดี้ที่บ้านทั้งวัน และเป็นวันเดียวที่คุณหนูร้องไห้เพื่อคุณเสี่ยวจี๋ หลังจากที่เธอจากไป พอตื่นขึ้นมาในวันใหม่ คุณหนูก็เป็นเหมือนเดิม เป็นคุณหนูคนเดิมที่ร่างเริง ออกไปจ๊อกกิ้งตอนตีห้า ดัดแปลงปืนเหมือนอย่างเคย....
“ขอโทษครับคุณหนู ผมจะไม่หายไปไหนหรอกครับ” ผมพูดด้วยความรู้สึกผิด ผมลูบหัวที่มีเส้นผมสีเงินของคุณหนู ซึ่งตอนนี้มันยาวจนถึงเอวแล้ว
“อย่าหายไปนะ....อย่าหายไป เหมือนอย่างเสี่ยวจี๋....”
“ครับ ผมจะอยู่ตรงนี้ ข้างๆคุณหนู....ชั่วชีวิตของผมครับ”
“อืม......” คุณหนูเงียบไปสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นมา “ขอโทษนะโจชัว เสื้อนายเปียกหมดแล้ว” คุณหนูยิ้มฝืดๆมาให้ผม ซึ่งผมมองแล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบไม่ได้ รอยยิ้มนี้ไม่สดใสอย่างที่เคย ผมไม่ชอบมันเลย.....
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณหนู” ผมเช็ดน้ำตาให้คุณหนูด้วยนิ้วชี้อย่างแพ่วเบา
“แหะๆ งั้นฉันไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้อยากกินแซนด์วิชเป็นอาหารเช้าแหละ” คุณหนูลุกขึ้นแล้วปาดน้ำตาที่เหลือออก
“ได้ครับคุณหนู ฝันดีนะครับ” ผมโค้งให้คุณหนูที่กำลังเดินเข้าห้อง เมื่อคุณเข้าห้องไปแล้วผมก็หันไปหมายจะเก็บกวาดแก้วนมกับคุกกี้ที่เหลือ แต่เสียงฝีเท้าที่มาจากข้างหลังทำให้ผมหันกลับไปมอง
“คุณหนูมีอะไร....”
“โจชัว” คุณหนูขัดขึ้นก่อน แล้วส่งยิ้มให้ผม “ฉันชอบโจชัวนะ” คำพูดที่คุณหนูพูดออกมาทำให้ผมอึ้งไปสักพักแล้วก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม กับคำพูดที่ว่า
“ผมก็ชอบคุณหนูครับ ฝันดีครับคุณหนู”
คุณหนูยิ้มให้ผมแล้วเดินเข้าห้องไป พอผมได้ยินเสียงปิดประตูเท่านั้นแหละ รอยยิ้มบนใบหน้าของผมก็เลือนหายไปเหลือเพียงสายตาที่ทอดมองประตูที่ปิดสนิทบานนั้นด้วยความอาลัย และโหยหา
“...ชอบ....มากกว่าที่คุณหนูคิดซะด้วยนะครับ” เสียงที่แผ่วเบาราวสายลมนี้ไม่อาจส่งข้ามประตู ที่ขวางกั้นผมกับคุณหนูได้เลย ผมได้แต่ปล่อยให้มันเลือนหายไปพร้อมๆกับสายลมที่พัดผ่าน......
ในขณะที่ผมกำลังเช็ดโซฟาที่ทำจากขนแกะชั้นดีอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากในห้องของคุณหนู เสียงเหมือนตู้ล้ม? ผมทิ้งผ้าขนหนูในมือแล้ววิ่งไปที่หน้าของคุณหนูอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูครับ! คุณหนู! คุณยังโอเคไหมครับ!” ผมทุบประตูแล้วตะโกนถาม ผมพยายามเปิดประตูเข้าไปแต่เหมือนว่าประตูจะถูกล๊อกจากข้างใน
“โจ...ชัว.....” เสียงอ่อนแรงของคุณหนูลอดออกมา ใจผมสั่นและร้อนกว่าเดิม
“คุณหนู คุณหนูครับ! เปิดประตูด้วยครับคุณหนู!!” ผมทุบประตูอย่างแรงโดยไม่กลัวว่าประตูจะหัก เพราะประตูนี้แข็งแรงมากจริงๆ น่ากลัวว่าต่อให้ผมใช้แรงทั้งหมดกระแทกมันก็ยังไม่เปิด
“ไม่...ไม่ได้ อย่าเข้ามานะ.....” เสียงของคุณหนูขาดเป็นห้วงๆแถมยังเหมือนเสียงของคนไม่มีแรง ร้อนใจกว่าเดิมมาก จนสูญเสียความเยือกเย็นของพ่อบ้านไปจนหมดสิ้น
“คุณหนูครับ ผมเป็นพ่อบ้านของคุณนะครับ! ขอร้องล่ะครับ! เปิดประตูเถอะครับ!”
“ไม่....ไม่เอา....ฉันไม่อยากให้โจชัวเห็น.....”
“คุณหนู....ขอร้องล่ะครับ เปิดประตูเถอะ.....” ผมทรุดลงที่หน้าประตูแต่มือก็ยังคงกำลูกบิดประตูไว้ “ผมขอร้อง...เปิดประตูเถอะครับ”
“
.” เสียงขอคุณหนูเงียบไป แล้วประตูก็ค่อยๆเปิดออก ผมเงยหน้าทันทีแล้วก็มองเห็นใบหน้าของคุณหูที่มีน้ำตาไหลอาบแก้ม
ผมที่เห็นดังนั้นก็ผุดลุกขึ้นแล้วดึงตัวคุณหนูเข้ามาในอ้อมแขนทันที ตัวคุณหนูสั่นราวกับลูกนกตกจากรัง ยิ่งพอผมกระชับอ้อมแขนมากขึ้นคุณหนูก็ดูหวาดกลัวบางอย่างมากกว่าเดิม คุณหนูจับเสื้อผมแน่นและซุกหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ผมเลยถือโอกาสนี้มองรอบๆห้องคุณหนูทันที
ชั้นวางของล้มลงมา ข้าวของภายในห้องกระจัดกระจาย ราวกับมีคนร้ายบุกเข้ามาในห้อง แน่นอนว่าถ้ามีคนบุกเข้ามาคุณหนูจะเข้าสู่โหมดตะวันรัตติกาลและต่อสู้อย่างไม่ลังเล แต่มันไม่มีร่องรอยของเลือดแม้แต่หยดเดียว ลูบหัวของคุณหนูแล้วเชยคางเขาขึ้นมา
“คุณหนูครับ....เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่....ไม่มีอะไร ฮึก ฉันแค่... ฝะ ฝันร้าย” น้ำตาไหลอาบแก้ม ตัวสั่นเทาราวกกับลูกนกตกจากรัง นิ้วเรียวขยำเสื้อผมจนยับยู่ยี่ ผมโน้มตัวลงไปแล้วกอดคุณหนูไว้ให้หน้าของเขาซุกที่ไหล่ผม
“ไม่เป็นไรนะครับ ผมอยู่ที่นี่ ผมอยู่ตรงนี้ครับ” ผมพูดปลอบพร้อมๆกับลูบหัวไปด้วย คุณหนูสะอึกสะอื้นอยู่ประมาณสิบนาทีแล้วเสียงค่อยๆเบาลง พร้อมๆกับอาการสั่นที่หายไป ผมค่อยๆดันตัวคุณหนูออกแล้วก็เห็นว่าเปลือกตานั้นปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอซึ่งบอกได้อย่างดีว่าเขานั้นเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ผมอมยิ้มกับนิสัยเด็กๆนี้นิดๆ แล้วค่อยอุ้มร่างบางๆนี้ขึ้นมา แต่ว่าน้ำหนักของคุณหนูทำให้ผมค่อนข้างใช้เวลาในการพาเขามานอนบนเตียง
“เดี๋ยวผมมานะครับ” ผมกระซิบแล้วปลดมือบางที่กำเสื้อผมอยู่ออก ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วออกมาพร้อมกะลังและผ้าขนหนู ผมวางมันไว้ข้างเตียงๆคุณหนูแล้วบิดผ้าขนหนูพอหมาดๆ
“ขออณุญาตินะครับคุณหนู” ผมกระซิบแล้วปัดเส้นผมที่บังหน้าคุณหนูออกแล้วค่อยๆเช็ดผ้าขนหนูตามใบหน้าขาวนวล โครงหน้ารูปไข่ดูราวเด็กสาว ดวงตากลมโตสีเทาหม่นดูสดใสที่ซ่อนอยู่ใต้เปลือกตาทำให้ผมหลงใหลเขามากขึ้นเป็นเท่าตัว
ผมค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของคุณหนูออก ร่างกายขาวผ่องปรากฏแก่สายตา กล้ามเนื้อที่แข็งแรงไม่มีไขมันส่วนเกิน ผมไล้ผ้าขนหนูไปตามแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ เมื่อใส่เสื้อให้เรียบร้อยผมก็เอากะละมังไปเก็บ เมื่อเดินออกมาอีกรอบผมก็จ้องมองร่างที่นอนหลับนั้นอยู่ชั่วครู่และตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้
“......ฝันดีครับ คุณหนู” ผมกระซิบที่ข้างหูแล้วประทับริมฝีปากที่หน้าผากของเขา ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ร่างบางแล้วยิ้มน้อยๆ ผมหันไปมองสภาพห้องแล้วตัดสินใจลงมือเก็บกวาดด้วยความรวดเร็วและไร้เสียง....
“โจชัว อรุณสวัสดิ์”
“โอ๊ะ อรุณสวัสดิ์คุณหนู อาหารเช้าพร้อมแล้วครับ จะรับประทานเลยหรือจะออกไปจ๊อกกิ้งก่อนครับ?” ผมเอ่ยทักคุณหนูด้วยรอยยิ้ม ที่ผมถามแบบนี้เพราะผมเห็นคุณหนูใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นเดินออกมา แถมผมก็ดูยุ่งๆเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน คุณหนูยกมือขึ้นขยี้ตาแล้วเดินมานั่งโต๊ะ
“ไม่ล่ะ ทานเลยละกัน”
“รับทราบครับ” ผมค่อยๆยกแซนด์วิชมาวางช้าๆ ตามด้วยนมอุ่นๆเหยือกหนึ่ง ผมบรรจลรินมันใส่แก้วแล้ววางไว้ข้างๆจานอาหารของคุณหนู
“โจชัว เดี๋ยววันนี้ออกไปกับฉันด้วยนะ...เรื่อง...เอ่อ....”
“รับทราบครับ งั้นผมไปเตรียมชุดให้คุณหนูก่อนนะครับ” ผมโค้งตัวลงแล้วเดินเข้าห้องคุณหนูมา แล้วเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อที่มันไม่แหว่งตรงนู้นเว้าตรงนี้มากเกินไปมาตัวหนึ่ง และกางเกงขาสามส่วนที่ดูอินเทรนด์สีดำตัวหนึ่งมา
พักนี้คุณหนูมีชื่อเสียงมาก ไม่ว่าจะในฐานะนายแบบหรือในฐานะนักร้อง โปสเตอร์ของคุณหนูมีแปะตามร้านทั่วไป ทุกคนในเมืองเซ็ตติ้งซันรู้จักคุณหนูกันหมด ผมมองโปสเตอร์ของคุณหนูที่เจ้าตัวซื้อมาเองและแปะไว้ที่พนังห้อง ‘น้ำตาเทวดา’ ที่ยังคงโด่งดังไม่เคยเรตตกนั่นเอง ผมมองภาพนั้นแล้วก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าเรียวสวยและดวงตาสีเงินแสนเศร้า น้ำตาที่เปล่งประกายยิ่งกว่าเพชรในมือ....
“โจชัว ฉันกินเสร็จแล้วนะ?”
“เอ๊ะ! คะ ครับ” ผมหลุดอกจาภวังค์แล้วหันไปทางประตูที่มีคุณหนูตัวจริงยืนทำหน้างุนงงอยู่ “ขะ ขออภัยครับ เชิญคุณหนูเปลี่ยนชุดเถอะครับ” ผมยื่นเสื้อและกางเกงที่เลือกไว้ให้คุณหนู
“เอ๊ะ โจชัว เสื้อตัวนี้พี่โลชูเขาบอกว่ามันที่ริบบิ้นที่ใช้คู่กับเสื้อด้วยน่ะ นายลองไปหาดูที่แถวๆตู้ลิ้นชักข้างนอกให้ทีสิ มันจะยาวๆแล้วก็เป็นสีแดงน่ะ”
“ได้ครับ” ผมโค้งลงแล้วส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาแล้วปิดประตูให้คุณหนูได้เปลี่ยนชุด ผมเดินมาที่ตู้ลิ้นชักข้างนอกแล้วเริ่มค้นหาริบบิ้นสีแดงยาวๆที่คุณหนูว่า
ผ่านไปสักสามนาทีผมจึงพบริบบิ้นเส้นที่ว่า มันมีความยาวประมาณสองเมตรได้ ผมมองริบบิ้นในมือด้วยความไม่เข้าใจว่ามันจะใช้ทำอะไรได้ ผมเคาะประตูห้องคุณหนูแล้วถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่ได้ขอ
“คุณหนูครับ ใช่ริบบิ้นเส้น.....” ผมพูดไม่ทันจบก็ตาค้างเพราะเบื้องหน้าผมคือคุณหนูในสภาพเปลือยท่อนบน แสงแดดยามเช้าที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบกับร่างคุณหนูทำให้ดูสวยงามยิ่งกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า เส้นผมสีเงินปลิวไสวไปตามการเคลื่อนไหวของร่างบาง เอวที่คอดกิ่ว ผิวที่ขาวเนียน บอบบางน่าทะนุถนอมราวกับประติมากรรมแก้ว ผมมองคุณหนูตาค้างและไม่รู้ด้วยว่าตัวเองหน้าแดงหรือเปล่า
“โจชัว ตกใจหมดเลย” เสียงของคุณหนูดึงสติของผมกลับมาก่อนที่มันจะเตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านี้ หน้าของผมร้อนฉ่าขึ้นมาแทบจะทันทีที่ได้สติ
“ขะ ขออภัยครับ” ผมก้มหน้างุด ไม่สบตากับคุณหนูแล้วผมก็ได้ยินเสียงฝึ่บพั่บเบาๆ เหมือนว่าคุณหนูจะใส่เสื้อเสร็จแล้วผมเลยเงยหน้าขึ้น
“นายเจอริบบิ้นแล้วนี่ พี่โลชูบอกว่าใช้ผูกรอบๆคอน่ะ ผูกยังไงกันนะ?” คุณหนูดึงริบบิ้นไปจากมือผมแล้วเริ่มลงมือผูกซึ่งดูแล้วยังๆมันก็เหมือนคนกำลังจะผูกคอตาย
“คิก เดี๋ยวผมผูกให้ครับ” ผมกลั้นหัวเราะแล้วแก้ปมเชือกที่คุณหนูมัดไว้ก่อนจะคลยริบบิ้นออกนิดหน่อยแล้วเริ่มผูกมันใหม่ให้ดูเก๋ขึ้นอีกนิด
“หวา โจขัวนี่เก่งจริงๆนะ” คุณหนูขึ้นเมือผมใช้ริบบิ้นพันรอบคอคุณหนูและผูกเป็นโบว์สามชั้น
“เรื่องเล็กน้อยครับ” ผมยิ้ม
“ไม่หรอก ฉันยังนึกไม่ถึงเลย....” เสียงของคุณหนูเหมือนจะไม่เข้าหัวผมอีกแล้วเมือผมเห็นรอยยิ้มที่สดใสของร่างบางตรงหน้า รอยยิ้มที่สดใส จิตใจที่เข้มแข็ง ใบหน้าที่สวยหวานมันทำให้ผมหลงใหล
เหมือนร่างกายของผมจะไร้การควบคุม แขนของผมตวัดโอบร่างบางตรงหน้าเข้ามาแล้วฝังจมูกลงเรือนผมสีเงินตรงหน้า
“จะไม่ยกให้ใครอีก....”
“จะ โจชัว??” เสียงของคุณหนูทำให้ผมได้สติ(อะเกน) เมือ่พบว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ผมจึงรีบดันร่างบางให้ห่างจากตัวทันที!!
“ขะ ขออภัยอย่างสูงครับ!!” ผมไม่ฟังเสียงเรียกของคุณหนูแล้วิ่งออกมาจากห้องอย่างรวดเร็วด้วยหน้าที่ร้อนผ่าวๆและใจที่เต้นแรงไม่เป็นส่ำ
โดยที่ไม่รู้เลยว่าฝ่ายที่โดนกอดนั้นก็หน้าแดงไม่แพ้กัน!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น