ตอนที่ 4 : ตัวอย่างฟิค Stucky - Perfect
…'Cause we were just kids when we fell in love
Not knowing what it was
เพราะเรายังเด็กเหลือเกินในวันที่เราตกหลุมรัก
ยังเดียงสาเกินกว่าจะเรียนรู้ว่ามันคืออะไร…
อากาศร้อนของประเทศในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำให้ชายหนุ่มสัญชาติอเมริกันเลือกสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นเสมอเข่าอย่างที่คนต่างชาติส่วนใหญ่นิยมใส่กัน หลังจากพาตัวเองกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่สองใบลงจากรถโดยสารสีชมพูที่เรียกมาจากสนามบิน ดวงตาสีฟ้าปนเขียวคู่สวยก็มองซ้ายมองขวา อาคารทรงสูงขนาดใหญ่ดูเรียบหรูตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความพลุกพล่านของจราจรในเมืองหลวง ตัวอักษรภาษาอังกฤษบอกชื่อของโรงแรมประดับติดอยู่ด้านบนสุดเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าเขามาถูกที่แล้วหลังจากกังวลว่าจะเปิดแผนท่องเที่ยวมาด้วยการหลงทาง
ชายหนุ่มกระชับสายเป้ มืออีกข้างกดด้ามจับของกระเป๋าลากให้มันยืดขึ้นก่อนจะลากมันเดินเข้าตัวอาคารไป
หญิงสาวตรงเคาท์เตอร์ประนมมือสองข้างไว้ระหว่างอก เธอก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้ม ตามที่เขาได้หาข้อมูลมา มันเป็นวัฒนธรรมการทำความเคารพของคนที่นี่ ชายหนุ่มพยายามจะทำตาม เรียกรอยยิ้มของพนักงานได้เป็นอย่างดี
“อันนี้เป็นคีย์การ์ดนะคะ หลังจากแตะที่เซนเซอร์หน้าประตูจะมีสัญญาณดังหนึ่งครั้ง คุณถึงสามารถกดก้านโยกเข้าห้องได้ แล้วก็เอาการ์ดอันนี้เสียบเข้ากับช่องด้านข้างในห้องเป็นการเปิดใช้ไฟในห้องนะคะ” เธออธิบายทีละขั้นตอนอย่างใจเย็นพร้อมกับรอยยิ้ม
“ขอบคุณครับ”
“ถ้าหากมีปัญหาอะไร ให้ใช้โทรศัพท์ในห้อง กดหมายเลขศูนย์ ทางพนักงานของเราจะรีบช่วยเหลือทันทีค่ะ”
ชายหนุ่มนิ่งฟัง พยักหน้ารับ
“เอ่อ แล้วเรื่องอาหารเช้าล่ะครับ”
“อ๋อ เรามีบุฟเฟต์บริการค่ะ คุณลูกค้าสามารถลงมาใช้บริการได้ทางด้านนั้น” เธอผายมือไปทางซ้ายมือ ชายหนุ่มมองตาม ที่สิ้นสุดของมุมห้องโถงคือโต๊ะรับประทานอาหารจัดวางอย่างเป็นระเบียบ “ตั้งแต่เวลาเจ็ดโมงจนถึงเก้าโมงนะคะ”
“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มยื่นมือรับแผ่นการ์ดสกรีนหมายเลขห้อง พนักงานสาวแย้มยิ้ม
“ค่ะ เที่ยวเมืองไทยให้สนุกนะคะคุณเจมส์”
…
เจมส์เงอะงะอยู่หน้าประตูห้องของตัวเองอยู่นานสองนาน เขามองตัวเลขบนการ์ดสลับกับหมายเลขห้องอยู่หลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้มาผิดห้อง แต่ประตูมันก็ไม่ยอมเปิดเสียทีจนชายหนุ่มประหม่า
สภาพชาวต่างชาติหัวยุ่ง ๆ กับข้าวของพะรุงพะรังในโรงแรมต่างแดนคงไม่น่าชมเสียเท่าไหร่
หากดูเหมือนพระเจ้าไม่ฟังคำขอของเขาเลย
“ให้ผมช่วยมั้ยครับ ?” เสียงทุ้มของคนแปลกหน้าดังขึ้น สำเนียงอย่างเจ้าของภาษาทำให้เจมส์โล่งใจนิดหน่อยด้วยถ้าประตูห้องของเขามีปัญหา เขาก็ยัง(น่าจะ)มีเพื่อน
แค่เพียงหันไปตามต้นเสียง เจมส์ก็รู้สึกคล้ายกับพื้นด้านล่างหายไป หัวใจวูบโหวง ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลาย
“คะ ครับ” เขาส่งกุญแจห้องให้คนแปลกหน้า อีกฝ่ายรับมาแล้วยกมันส่องกับแสงไฟ หมุนกลับด้านอยู่สองสามก่อนจะทาบแปะมันกับเซนเซอร์ประตู
‘ติ๊ด’ ประตูห้องส่งเสียงดังชัด คนแปลกหน้ากดก้านโยกลูกบิดเปิดห้องให้ทันที เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มหันกลับมายิ้มให้
“ได้แล้วครับ ผมว่ามันน่าจะเป็นเพราะคุณแตะไม่ถูกจุดน่ะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” เจมส์ก้มหน้าก้มตารับการ์ดคืน ลนลานลากกระเป๋าเดินทางตามตัวเองเข้ามาในห้อง
“คุณเอาด้านซ้ายของตัวเลขเสียบกับไฟนะครับ” อีกฝ่ายตะโกนแทรกมาก่อนประตูจะปิดลง เจมส์รับคำเร็ว ๆ ปิดท้ายด้วยคำขอบคุณอีกครั้ง
ฝ่ามือชื้นเหงื่อจับการ์ดสั่น ๆ เสียบมันลงกับช่องไฟตามที่ได้ฟังมา ไฟนีออนสีขาวในห้องสว่างวาบ เจมส์พ่นลมหายใจยาวเหยียดอย่างหวั่นใจ
เขารู้อยู่ว่าโลกกลม แต่เขาไม่คิดว่ามันจะกลมได้เพียงนี้
ดวงตาคู่สวยฉายแววหวั่นไหว
สตีฟ โรเจอร์สมาทำอะไรที่นี่กัน แล้วทำไมถึงทำราวกับว่าจำเขาไม่ได้
เจมส์ลอบส่องตาแมว ดูเหมือนตัวปัญหาของเขาจะเดินไปไกลเสียแล้ว
---------------------------------------------------------------------------------
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
