คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : G A Z E ,, Chapter III [100%]
GAZE ,, Chapter III
“ไปเล่นกัน!!” เสียงของผู้ชายตัวสูงดังขึ้น... เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ชานยอล
“นายจะรีบไปไหนกัน ตอนนี้ยังเช้าอยู่นะ แล้วเราก็ยังอยู่ที่นี่อีกสองวันแหน่ะ” และแน่นอน... คนที่ขัดขึ้นมาก็เป็นใครไม่ได้นอกจาก แบคฮยอน
“เออน่า! เดี๋ยวจะค่ำก่อน ไม่ได้เล่นนะ อยากเล่นเรือกล้วยใจจะขาด” ชานยอลท่าทางสั่นระริกราวกับกลัวอะไร แต่ที่ไหนได้กลัวไม่ได้เล่น
“บานาน่าโบ็ทเถอะ.. เรือกล้วย เรียกซะ.....” คนตัวเล็กส่ายหน้าเอือมๆ
“ทำไมล่ะ? ก็อยากเรียกเรือกล้วย มีไรป่ะ!?”
“พวกนายนี่! ทะเลาะกันได้ตลอดเลยนะ นี่ตอนนอนเมื่อคือทะเลาะกันในฝันหรือเปล่าเนี่ย?” ลู่หานหนุ่มหน้าสวยที่เดินออกมาจากห้องครัวท้วงขึ้น
“ไม่ครับ... บนเตียงแบคฮยอน......เขาอ่อนระทวยเลยล่ะ” ชานยอลยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะโดนมือเล็กๆ ของแบคฮยอนฟาดเข้าเต็มๆ หลัง
“นี่นาย!!! ไอ้บ้าเอ้ยยยยยยย พูดอะไรออกไปน่ะ!”
“อ๋า.. ก็เรื่องแค่นี้เอง จะอายทำไมครับ?”
“บ้าจริง!” แบคฮยอนสบถเบาๆ แต่ไม่ได้ต่อความ อาจจะเป็นเพราะความอายก็ได้มั้ง... หรือเขินนะ?
“มาครับทุกคน มาทานอาหารเช้ากันก่อน” จุนมยอนยกถ้วยข้าวต้มมาวางไว้ที่โต๊ะ โดยคนที่เดินตามมาติดๆ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แม่บ้านของเรานั่นแหล่ะ คยองซูน้อย
“ไปเรียกเด็กสองคนนั้นลงมาซิชานยอล” คยองซูเอ่ย
“ทำไมต้องฉันอ่ะ?” ชานยอลแสดงสีหน้าไม่พอใจเมื่อคยองซูพูดขัดเขาในขณะที่กำลังจะนั่งลงบนโต๊ะอาหาร
“ไปเรียกเถอะน่า หรือนายจะให้ฉันไปเรียก? นี่อุตส่าห์ทำอาหารให้แล้วนะ”
“เออๆๆ ก็ได้” ร่างสูงแต่ทำตัวเหมือนเด็กเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านอย่างรวดเร็ว... จะว่าไป ชานยอลไม่ใช่เด็กหรอกนะ แค่ท่าทางเวลาที่เขาอยู่กับเพื่อนมันเป็นแบบนี้เฉยๆ
“แล้วอาเทาล่ะ?” ลู่หานหันไปถามจุนมยอน แต่ยังไม่ทันได้คำตอบก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาพอดี
“หาว... ตื่นกันหมดแล้วหรอครับ?” จื่อเทาที่เดินออกมาจากห้องชั้นล่างถามด้วยสีหน้าสงสัย เมื่อเห็นหลายๆ คนพร้อมกันที่โต๊ะอาหารแล้ว ก่อนจะนั่งลงข้างจุนมยอน
“อืม... เรารอพวกนายอยู่ ชานยอลไม่ลงมาซักทีเนี่ย ให้ไปเรียกแค่สองคนนั้นทำไมนานขนาดนี้”
“มาแล้วโว้ย!!! หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย ไอ้พวกตื่นยากเอ้ย” เสียงบ่นของชานยอลดังมาแต่ไกล ก่อนจะเดินลงบันไดมานั่งที่โต๊ะ ตามด้วยจงอินที่ไม่รู้ว่าตื่นจริงๆ หรือละเมอ และเซฮุนที่ถ้าใครเห็นตอนนี้แทบจะรวมเข้าคอลเล็คชั่นหุ่นยนต์
“มากินข้าวเร็วๆ เซฮุนเดินเร็วๆ หน่อย จงอินด้วยน่ะ ลืมตาบ้างก็ได้นะ” จุนมยอนพูดติดขำ แต่ก็ไม่มีท่าทางว่าจะเดินเร็วขึ้นหรือตื่นจากเดิมแม้แต่น้อย
“เซฮุน! เร็วสิ พี่หิว!” ลู่หานพูดขึ้น เซฮุนเดินเร็วขึ้นอย่างประหลาด แต่ก็ไม่ทิ้งคราบหุ่นยนต์ตัวแข็งนั่น
“จงอิน... นายได้ยินใช่มั้ยว่าคนอื่นเขาหิวน่ะ ลงมาจากชั้นบนได้แล้ว ลืมตาด้วย! เดี๋ยวตก” คยองซูพูดขำๆ ก่อนที่จงอินจะขยี้ตาแล้วรีบวิ่งลงมา
“ผมแค่แกล้งเล่นดูว่าพี่จะเรียกผมมั้ย” ไม่นานนักจงอินที่ยิ้มหน้าระรื่น ก็วิ่งมานั่งข้างคยองซูก่อนทีทุกคนจะเริ่มกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
“วู้วววววววว~ ผมอยากเล่นเรือกล้วยยยยย” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเสียงของใคร... ปาร์คชานยอลเจ้าเก่าคนเดิมนี่แหล่ะนะ..
“บอกให้เรียกบานาน่าโบ็ท..” และคนที่แก้คำให้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน.. คนเดิมอีกนั่นแหล่ะ บยอนแบคฮยอน..
“เขาอยากเรียกอะไรก็ช่างเขาเถอะแบค..ความชอบส่วนตัวน่ะ” ลู่หานเอ่ยขึ้นขณะถือถังที่ใช้สำหรับก่อกองทรายผ่านมา
“พี่ลู่~ ผมเล่นด้วย” คยองซูวิ่งตามมาช้าๆ พร้อมกับพลั่วพลาสติกในมือ
“ไม่ชวนผมอ่ะ...” แบคฮยอนวิ่งตามไปอีกคน
“จื่อเทา!! ไปเล่นเรือกล้วยกัน!” ชานยอลซึ่งไม่มีพวกแล้วหันมาเรียกอีกคนที่อยู่ข้างหลัง
“ไปด้วย อยากเล่น” เซฮุนเสนอตัวอยากเล่นด้วยอีกคน
“พี่ชานยอลครับ แต่เราไม่มีคนขับเรือให้นะ คุณลุงที่เฝ้าเกาะนี้ก็ขับไม่เป็น” จื่อเทาพูดอึนๆ..ก่อนจะมองไปรอบๆ “ส่วนคนอื่นๆ ผมว่า.....ดูไม่มีใครที่น่าจะขับเป็นนะ”
“เออ...นั่นสิ!! ฮยองก็ลืมไป งั้นนายไปขับไป ได้ข่าวว่าขับเป็น”
“นั่นไง - -” ถึงกับหน้าถอดสีเลยทีเดียว...จื่อเทาคิดไว้แล้วว่าต้องโดนแน่ๆ เลย ทำไม? เขาก็อยากเล่นเหมือนกันนะ ทำไมต้องไปขับเรือ.....
“ไปกันเถอะ” เซฮุนผู้ที่ดูไม่สนใจโลกแต่รู้สึกว่าอาการสนใจบานาน่าโบ็ทจะมีสูงเลยทีเดียว...นั่น ลากไปต่อกับเรือแล้วนั่น
“ป่ะๆ” ชานยอลสะกิดจื่อเทาก่อนจะวิ่งตามเซฮุนไป ส่วนจื่อเทาก็เดินตามไปเงียบๆ ก่อนะขึ้นเรือไปสตาร์ท
“จะไปแล้วนะ ขึ้นๆๆๆ ระวังตัวไว้ให้ดีๆ ผมขับไม่ปกตินะ....” เสียงเตือนสุดท้ายก่อนเรือจะเริ่มออกตัว...
“ไปเลย!!!” เสียงชายยอลดังขึ้นพร้อมกับชูมือ แต่ก็ต้องรีบเอามือไปจับที่บานาน่าโบ็ทไว้เพราะเสียหลักตอนเรือออกตัว
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะของแบคฮยอนดังขึ้นเมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นของชานยอล แต่คนถูกหัวเราะคงไม่ได้ยิน เพราะเสียงเครื่องยนต์ของเรือดังพอสมควรบวกกับเรือออกตัวไปไกลแล้ว
เรือที่แล่นวนไปมาบนท้องทะเลอย่างช้าๆ จนเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดเสียง......เสียงร้องด้วยความสนุกของชานยอล
“นี่...ฉันถามจริงๆเถอะ เพื่อนนายไม่มีปากหรอ?” จุนมยอนที่นอนอาบแดดข้างๆ กับจงอินเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปที่เรือ
“ผมก็ว่ามันเป็นแบบนี้นานแล้วนะ....มันจะมีความสุขหรือกลัวอะไรแค่ไหนก็ไม่เคยได้ยินเสียงมันดังกว่าสองเดซิเบล”
“จงอิน...จะบ้าหรอ? สองเดซิเบล แค่เสียหายใจก็ปาไปสิบเดซิเบลแล้ว”
“นั่นเป็นความหมายเชิงเปรียบเทียบครับ หมายความว่ามันแทบจะไม่หายใจเลยต่างหาก”
“คนนะเฮ้ย! ต้องมีเสียงบ้างสิ หรือว่าเซฮุนกล่องเสียงพัง?”
“พี่ก็เคยได้ยินเสียงมัน จะว่ามันกล่องเสียงพังได้ยังไง? มันก็แค่ขี้เกียจพูดล่ะมั้ง”
“แต่เล่นอะไรแบบนี้แล้วไม่ร้องนี่....เกินไปนะ”
“ช่างๆ มันบ้างก็ได้ครับ ชีวิตมันมีแต่พี่ลู่หานคนเดียวแหล่ะ”
“อะไรจงอิน! นายพาดพิงพี่หรอ?” ลู่หานที่เล่นกองทรายกับแบคฮยอนและคยองซูหันมาเอ็ดจงอินเบาๆ
“ผมเปล่านะครับ! แค่เอ่ยถึงเฉยๆ”
ในขณะที่ลู่หานกันจงอินคุยกันเสียงดังโวยวาย...ดวงตากลมโตของจุนมยอนได้เคลื่อนไปสะดุดกับอะไรบางอย่างบนเรือ...’จื่อเทา...ขับเรือคนเดียวไม่ใช่หรอ?’
“นี่! พวกนาย...ดูอะไรนั่นสิ ใครอยู่บนเรือกับอาเทา” มือเล็กชี้ไปบนเรือที่เคลื่อนที่วนไปมาตรงหน้า
“ไหน? ไม่เห็นจะมีเลยครับ พี่ตาฝาดแล้ว เงาหรือเปล่า?” จงอินมองไปยังเรือตามที่คนข้างๆ บอกแต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
“นั่นสิ..ผมก็ไม่เห็นนะครับ” คยองสมทบ
“แต่......”
“คิดมากไปหรือเปล่า? ไม่มีอะไรหรอกน่า” ลู่หานเดินมานั่งข้างๆ ก่อนจะตบไหล่เพื่อนรักเบาๆ
“นั่นสิครับ” แบคฮยอนที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยคำพุดของลู่หาน
“นี่!! ช่างมันเถอะครับ” คยองซูโพล่งขึ้น “กัมจง! นายยังดำไม่พออีกหรอ? เลิกอาบแดดได้แล้วนะ”
“ผมแค่อาบแดดเอง ไม่ดำขึ้นมากกว่านี้หรอกน่า”
“พี่ว่านายควรเข้าไปหลบในร่มได้แล้วนะ.....นี่คือคำแนะนำ” ลู่หานพูดขำๆ ก่อนจงอินจะลุกขึ้นแล้วเดินส่ายก้นเข้าบ้านไป ตามด้วยคยองซูที่วิ่งตาม
“สองคนนี้น่ารักนะครับ ฮ่าๆๆๆๆ” แบคฮยอนพูดกับลู่หาน
ส่วนจุนมยอนที่นั่งเงียบมานาน.. ก็ยังจ้องไปที่เรือไม่วางสายตา จนกระทั่งเรือที่แล่นเข้ามาใกล้ฝั่งเรื่อยๆ เพราะชานยอลตกน้ำลงไป ส่วนเซฮุนก็เกาะแน่นเหนียวหนึบไม่ตกเสียที
‘พรึ่บ’ เสียงผ้าที่โยนลงมาจากด้านบนของบ้านตกลงมาอยู่ที่หัวของชานยอลที่กำลังยืนอยู่พอดี ทำให้เจ้าตัวดึงผ้าออกก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปหาที่มาของผ้าผืนนี้
“เช็ดซะ เดี๋ยวก็ไม่สบายเอา” พอพูดจบร่างเล็กของแบคฮยอนก็หันหลังและเดินจากไปโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบอะไรเลย
“ขอบคุณนะครับ” ชานยอลพึมพำกับตัวเองเบาๆโดยไม่รู้ว่าตัวเองหลุดยิ้มออกมา จนกระทั่งได้ยินเสียงล้อเลียนจากคนที่เดินตามเข้ามา
“แก้มฉีกแล้วครับ” คำพูดยังคงอยู่ในหัวของชานยอล.. แต่เจ้าของคำพูดได้เดินหายเข้าห้องไปอย่างรวดเร็วราวกับหายตัวได้
“ให้ตายเถอะ จื่อเทา!”
ทุกคนต่างรวมกันอยู่ที่ห้องรับแขก ขาดก็แต่จื่อเทาที่ขอตัวเข้าไปนอนพัก เนื่องจากเหตุผลที่ว่า ‘ผมขับเรือเหนื่อยแล้ว เล่นก็ไม่ได้เล่น’
“อยากร้องเพลง!!” แบคฮยอนตะโกนเสียงดังลั่น
“ผมด้วยๆๆๆ” คยองซูเห็นแบบนั้นจึงไหลตามไป
“โอเค งั้นเรามาร้องเพลงกัน” ลู่หานก็เห็นด้วยเช่นกัน
“ไม่เอาอ่ะ เล่นเกมส์ดีกว่า!!” ชานยอลแย้งขึ้น
“ใช่.. เล่นเกมส์สิ!” ฝ่ายสมทบที่สอง.. คิมจงอินพูดทั้งๆที่ตัวเองยังหาวอยู่
“ไม่!! ร้องเพลงงงงงงงง” แบคฮยอนโต้กลับทันที
“เล่นเกมส์!”
“ร้องเพลง!!!!!!!”
“เล่นเกมส์!!!!!!!!!”
“เอางี้ๆ.. เรามีกัน....” จุนมยอนพูดแทรกขึ้นมา และนับจำนวนคนในห้อง “ห้า.. หก อ่า! เรามีกัน 7 คนก็เปิดโหวตเลยสิ”
“ผมโหวตเล่นเกมส์!” แน่นอน.. แกนนำก็ต้องโหวตหัวข้อที่ตัวเองเสนอ
“ร้องเพลง!” คนตัวเล็กยกมือขึ้นเหนือหัวเพื่อแสดงออกว่าตนเองโหวต
“ร้องเพลงด้วย พี่ลู่ก็ร้องเพลง” คยองซูว่า
“เล่นเกมส์ครับ.. ห๊าววว” จงอินโหวต.. ทำไมถึงเป็นบุคคลที่ยังไม่เลิกหาวซักทีนะ
“ตอนนี้ผลโหวตร้องเพลงกับเล่นเกมส์คือสองต่อสาม ร้องเพลงนำ” จุนมยอนพูดขึ้นและหันไปมองคนตัวสูงบางที่นั่งอยู่มุมห้องแถมยังหลับตาใส่หูฟังอันโปรด “เซฮุนล่ะ?”
“...” เซฮุนลืมตามองนิ่งๆ ราวกลับรู้ว่าตอนหลับอยู่ทุกคนกำลังมองมาที่ตนเอง
“นายอยากร้องเพลงหรือเล่นเกมส์”
“ผมไม่ออกความเห็น” ร่างบางเดินออกจากห้องไปพร้อมกับแผ่นหลังกว้าง... และน่าหมั่นไส้
“ให้ตาย พี่!!! เล่นเกมส์นะ” ชานยอลมองจุนมยอนอย่างอ้อนวอน
“ถ้าตอนนี้มันเป็นจำนวนคู่แล้ว ถึงฮยองออกความเห็นไปก็ไม่ได้ผลแล้วล่ะ งั้นฮยองงดออกความเห็นนะ” จุนมยอนยิ้มแหยๆ เพราะไม่สามารถช่วยอะไรได้
“หึ” แบคฮยอนยิ้มกวนก่อนที่จะหยิบเอาไมโครโฟน ออกมาต่อกับทีวีจอยักษ์แล้วเปิดเข้าโปรแกรมคาราโอโกะอย่างสมใจ
“ฮยองขอไปเอาของว่างมาให้นะ สนุกกันไปก่อนเลย” จุนมยอนเห็นว่าชานยอลกลับไปนั่งหลบที่มุมห้องแทนที่เดิมของเซฮุน เลยพูดติดตลกก่อนจะเดินออกไป
“จงอินนา~ มาร้องเพลงกัน” คยองซูชวนคนที่นั่งหาววอดๆข้างชานยอลให้มาร้องเพลงด้วยกัน... ซึ่งได้ผล จงอินยิ้มกว้างแล้วลุกขึ้นไปเต้นอยู่ข้างๆคนตัวเล็กที่กำลังจะร้องเพลง โดยลืมความง่วงตัวเองไปเลย
“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ชานยอลพึมพำกับตัวเองเบาๆในมุมห้อง
... โถ น่าสงสาร
เซฮุนเดินไปเรื่อยๆจากห้องรับแขกที่อยู่อีกฝั่งของบ้าน... บ้านกว้างพอที่ทำให้เซฮุนเดินไปเรื่อยๆได้นานพอสมควร ร่างบางเดินไปเรื่อยจนสุดทางของบ้าน และเดินกลับมา.. อยู่ดีๆเขาก็หยุดเดิน หยุดอยู่ตรงหน้าประตูบานหนึ่ง ยืนมองอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป
จื่อเทานอนหลับอยู่ในห้องคนเดียว ในขณะที่คนอื่นๆกำลังสนุกสนานกันต่อที่ห้องรับแขกของบ้าน เสียงประตูดังขึ้นเบาเกินกว่าที่จะทำให้คนที่หลับใหลอยู่ระแคะระคายหูแม้แต่น้อย ร่างๆหนึ่งนั่งลงที่ข้างเตียงอีกฝั่งของคนที่นอนหลับ เปล่งเสียงออกมาเบาๆ แต่ละคำพูดเบาราวกับกระซิบทำให้ฟังไม่ได้ศัพท์ ไม่มีคำใดที่เป็นภาษาคนซักนิด ทุกๆคำร่ายยาวไปเรื่อยจนจบประโยคสุดท้าย.. มันคือบทสวดมนต์
“ไม่มีอันตรายแล้วนะ...” ภายในความเงียบชั่วขณะหนึ่งก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นภาษาคนที่ฟังรู้เรื่องไม่เหมือนกับคราวก่อน เสียงเดิมเอ่ยขึ้น ก่อนจะปล่อยให้ห้องกลับมาเงียบงันอีกครั้ง
จุนมยอนเดินมาอีกฝั่งของบ้านซึ่งเป็นห้องครัว ที่ๆเขาจะเข้ามาเอาของว่างให้กับเด็กพวกนั้นที่กำลังสนุกสนานกันในห้องรับแขก ให้ตาย.. ห้องรับแขกถ้าจะไกลกันกับห้องครัวขนาดนี้ ใครสร้างบ้านนี้กันนะ! เดี๋ยวจะฟ้องซะให้เข็ด เรื่องสร้างห้องรับแขกกับห้องครัวไกลกันคนละโยชน์ คนตัวเล็กคิดติดตลกตามประสาคนอารมณ์ดี ไม่ได้คิดจริงจังอย่างที่คิดไว้หรอก
“อ่าว เซฮุน? มาทำอะไรในห้องครัวล่ะ?” ทันทีที่เลี้ยวเข้าห้องครัว ก็พบเข้ากับเซฮุนเข้า จึงเอ่ยปากถาม
“อ่อ ผมหิวๆน่ะครับ”
“อยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวทำให้” จุนมยอนพูดยิ้มๆด้วยความใจดี
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” เซฮุนพูดเรียบๆก่อนเดินออกไปจากห้องครัว
“เด็กคนนี้นี่ยังไงนะ” คนตัวเล็กมองตามอย่างงงๆ
“ไม่..”
“…”
“อันตราย..”
“…”
“ไม่มี..”
“…”
“ไม่มีอะไรอันตรายแล้วนะ..”
“แฮ่ก.. แฮ่ก.. แฮ่กๆๆ!!” จื่อเทาสะดุ้งตื่นขึ้นจากเตียงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มร่างกาย เขาฝัน! ฝันอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ต่างออกไป.. ทุกครั้งดูโหยหา แต่ครั้งนี้ดูแปลกไป ความรู้สึกต่างไม่โหยหาเขา แต่กลับเป็นความรู้สึกที่ให้ความช่วยเหลือ ให้ความรัก ให้บางอย่างที่ทำให้เขาอยู่ได้ด้วยตนเอง ให้ความรู้สึกปราศจากอันตราย ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ที่เหมือนมีใครอยากจะได้ตัวเขา ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ที่เหมือนมีใครอยากจะเจอกับเขา
‘ราวกับว่าความฝันครั้งนี้... เป็นคนละคนกับครั้งที่แล้วๆมา’
อัพจบตอนที่3แล้วนะคะ. ขออภัยทุกท่านที่หายไปนาน ตอนนี้กำลังรีไรท์เรื่องใหม่นะคะ
เรื่องเดิมตอนที่แล้วๆมาอาจจะถูกแก้นิดหน่อย ใครที่อ่านไปแล้วไม่ต้องอ่านก็ได้ (แต่ถ้าอยากอ่านอีกก็ไม่ว่า)
คู่ที่คิดไว้ตอนแรกจะถูดเปลี่ยนะคะ สับสนแน่ๆ.. ขนาดไรท์ยังสบสนอ่ะนะ
ใครที่อ่านแล้วแปลกๆ หรือเจอคำผิดก็บอกด้วยเน้อออ จะได้แก้ไข ขอบคุณค่า.
ปล.ร่างๆนึงที่ว่านี่ไปเดาเอาเองว่าใคร อาจจะเป็นคนที่เผยตัวแล้วหรือยังไม่เผยตัวก็ได้นะคะ อิอิ -..-
ความคิดเห็น