คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : GNC12>เหวี่ยงทิ้งไปซะก็หมดเรื่องง!!
เหวี่ยงทิ้งไปซะก็หมดเรื่อง!!
ใช่ เหวี่ยงทิ้งไปซะก็หมดเรื่อง~~~~~
รองเท้าคู่นั้นฉันจำได้ดี …. ฉันเดินออกจากหอด้วยอารมณ์ที่แสนจะเบิกบานแต่ก็ต้องมาสะดุด
เมื่อเห็นคนใส่รองเท้าแบบเดียวกับฉัน~~ ฉันตัดปัญหาด้วยการทิ้งรองเท้าคู่นั้นแล้วซื้อคู่ใหม่ที่คิดว่าไม่ซ้ำใครแน่นอน
ใช่ค่ะ เป็นวิธีที่โง่อย่างไม่ต้องสงสัย รองเท้าที่ไหนเค้าจะผลิตออกมาแค่คู่เดียวถ้าไม่ใช่สั่งผลิตพิเศษหรือเป็นรุ่น
limited edition ฉันก็ไม่ได้มาจากตระกูลร่ำรวยอะไรหรอกจ้ะ แต่ทว่าดีกรีความเว่อร์มันสูงไปหน่อย
ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าตัวเองเว่อร์เลยจริงๆแต่คิดว่าเป็นคนที่ค่อนข้างมีแฟชั่นเป็นของตัวเอง ก็แค่ไม่อยากใส่ซ้ำกับใครเท่านั้น
ใช่ค่ะก็เท่านั้นเอง!ก็เลยเป็นที่มาของการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยและ บ้าบิ่น จำได้ว่ามีอยู่อาทิตย์นึงใช้เงินไป20,000แต่ ได้รองเท้าแตะหูหนีบมาคู่เดียว หลายคนอาจจะมีประสบการณ์ใช้เงินวันละมากๆกว่าฉันก็ได้ แต่เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอย่างฉัน การใช้เงินไปอาทิตย์เดียว20,000 บาทแล้วไม่ได้อะไรกลับมาเลยนี่มันสิ้นคิดมากๆ นะคะ พฤติกรรมเว่อร์วนของฉันยังไม่จบเท่านี้ เวลาออกไปกินอะไรแล้วไม่ถูกใจ พอกินไปคำเดียวก็จะทิ้งแล้วสั่งใหม่ทันที แบบว่าไม่ได้เป็นคนเยอะนะคะ แค่ไม่ถูกปากเท่านั้นเอง ( อยากย้อนอดีตไปถีบตัวเองให้ตกโต๊ะ ) อันเนื่องมาจากเกรงว่าคนอื่นจะใส่รองเท้าซ้ำกับฉัน ฉันก็เลยตัดปัญหาด้วยการบินไปมาเลเซียทุกวันหยุดปิดเทอมกับครอบครัว แล้วหิ้วรองเท้ายี่ห้อที่ฉนันชอบกลับมาด้วย ครั้งละหลายๆคู่ จนที่หอเต็มไปด้วยกล่องรองเท้าและกองเพนินของกระเป๋า ถึงแม้จะมีกระเป๋าเป็นเข่งแต่กลับรู้สึกว่าตัวเองไม่มีกระเป๋าเลยสักใบ ตอนนี้ปัญหาคือ มีเยอะเกินไปแต่กลับรู้สึกว่าไม่มี อันนี้เชื่อว่าหลายคนก็คงจะประสบปัญหาแบบเดียวกับฉันนะคะ ก็อยากได้อีกง่ะ ทุกอาทิตย์เปลี่ยนกระเป๋า ประหยัดก็ไม่เป็นด้วย เวลาออกไปซื้อของนอกหอ ก็ซื้อมาอย่างองค์ลง คือแบบ ไม่มีอั้น อยากกินไรซื้อๆๆๆ ซื้อจนกินไม่หมด ประสบปัญหาอีก ㅠ ㅠ เหมือนกับว่าฉันเป็นคนทำให้ชีวิตของตัวเองวุ่นวายนะคะเนี่ย ทำอะไรไม่คิดเลย ไม่มีการเบรกตัวเอง จนบางครั้งฉันเอาแต่ใจจนทำให้เพื่อนและคนรอบข้างเอือมระอา เลยทีเดียว ช่วงนั้นแม้จะหิ้วหลุยส์ แต่กลับไม่มีเพื่อนสนิท และใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข มันรู้สึกจริงๆนะว่า เพื่อนๆก็คือไม่ได้รักฉัน เพื่อนๆคือหาผลประโยชน์จากฉัน รู้สึกว่าไม่อยากอยู่ใกล้ใคร ตอนนั้นก็เลยเริ่มตีตัวออกห่างเพื่อนๆ ทำไมรู้สึกว่า ฉันไม่เคยทำอะไรให้เขาเลยนะ ทำไมต้องนินทาฉันด้วย ทำไมต้องเหน็บแนม ตอนนั้นเหมือนถูกรังแก และจุดที่ พีคสุดๆที่ทำให้ฉันอยากหนีไปให้ไกลๆ คือ ฉันหิ้วกระเป๋า ยี่ห้อหนึ่งไปเรียน แล้วได้ยินเสียงเพื่อนคนนั้น(อีกแล้ว) พูดขึ้นมาลอยๆว่า “ของปลอมมีสีนี้ด้วยหรอ?” ตอนนั้นฉันโมโหจนใจสั่น คืออารมณ์นั้นมันอยากจะเดินเข้าไปถีบยอดหน้าของเธอคนนั้นสักทีแล้วตีเข่าให้นางกระอักเลือดไปเลย แต่ ณ จุดนั้นทำได้แค่เพียงให้ไปตอบเพื่อนคนนั้น(อีกแล้ว)ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆว่า “ไม่มีตาหรอ?หรือว่าในชีวิตไม่เคยเห็นของจริงก็เลยแยกไม่ถูกว่าอันไหนของจริงอันไหนของปลอม” ฉันรู้สึกแย่มาก มันจะจริงมันจะปลอมสำหรับฉันแล้วไม่สำคัญเท่าไรนะ แต่ฉันเสียใจว่าทำไมเพื่อนต้องพูดแบบนั้นกับฉันด้วยทั้งๆที่ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนนะ ตอนนั้นเลยคิดว่าไม่รงไม่เรียนมันแล้ว อยากจะหนีไปไหนไกลๆสักแห่ง แล้วก็เข้าคอนเซ็ปเดิมเมื่อ ฉันไปเดินเว่อร์ๆอยู่ที่โรงอาหารของมหาลัยแล้วก็ได้รับใบปลิว …………
ช่วงเป็นอาสาสมัครฉันยังเว่อร์เหมือนเดิมค่ะ หัวจรดเท้า แบรนเนมทั้งวรกาย แม้แต่รองเท้าแตะเรียบๆจากRipcurl โรออนทาเต่าจาก Gucci น้ำหอมจากVictoria Secret กางเกงยีนส์จาก BurBerry เสื้อยืดจากTopshop และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งตัวนี้สภาพไม่เหมือนมาเป็นอาสาสมัคร แต่เหมือนคนบ้าที่ไหนสักคนนึง ที่มันคิดว่าตัวเองก็คือ มีดีกว่าคนอื่น ไม่หลอกตัวเองเท่านั้นยังหลอกคนรอบข้างด้วย จริงๆแล้วอาสาสมัครคือ ไม่สามารถพกเงินได้ ต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ในฤดูที่หนาวขึ้นกว่าเก่าทำให้เสื้อผ้าที่ฉันมีมันใช้ไม่ได้เลย แต่ฉันก็ยังหัวสูงยึดติดกับของราคาแพง เวลาที่สมาชิกเอาเสื้อผ้ามาให้ นั้นมันทำให้ฉันขอบคุณพวกเขาจากใจจริงๆไม่ได้เลย ฉันมองเห็นจิตใจของตัวเองว่า จริงๆแล้วมัน เย่อหยิ่ง และ หลอกลวงมาก ไม่ได้หลอกใครเลยค่ะ หลอกตัวเองทั้งสิ้น จริงๆฉันไม่ได้เป็นคนรวยนะคะ แต่กลับใช้ของราคาแพง(ที่ไม่ได้ซื้อเอง) พี่ชายของฉันซื้อของพวกนี้ให้ฉันทั้งหมด และฉันเองก็ยังเป็นนักศึกษาหาเงินใช้เองก็ยังไม่ได้ แต่กลับเว่อร์จนบางทีก็ทำให้ตัวฉันเองปวดหัวเหมือนกันนะ เหนื่อยจริงๆกับการที่ต้องสร้างภาพให้คนอื่นมองว่า ตัวเองรวย เหนื่อยจริงๆเวลาต้อง พยายามแต่งตัวให้ดูดี เหนื่อยจริงๆที่จะต้องฟังคนอื่นนินทา จริงๆที่เหนื่อยทั้งหมดนั้นมันมากจากตัวฉันเองล้วนๆค่ะไม่ได้มาจากใครเลย และมันแย่ที่สุดตรงที่แก้ไม่ได้เสียด้วย แต่มันพอจะเบาๆเพราะตอนที่อยู่เกาหลี เราต้องได้รับจากคนอื่นทั้งหมด เพราะงั้นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าที่ป้าๆนำมาให้ฉันนั้นฉันรู้สึกขอบคุณมากๆ มันลืมไปสนิทเลยว่าต้องแบรนนั้นแบรนนี้นะ ที่คิดได้เพราะมีเหตุการณ์นึงค่ะ ฉันไม่มีวันลืม คือตอนนั้นฉันต้องไปต่อวีซ่าที่ฮ่องกง และกระเป๋าเป้ของฉันที่เตรียมมาจากไทยก็ดันขาดซะนี่ ทำให้เครียดอยู่นานว่าจะเอากระเป๋าใหม่ที่ไหนดี ในใจก็อยากจะออกไปกดเงินแล้วซื้อกระเป๋าเก๋ๆสักใบ ตอนนั้นคิดได้แค่นี้จริงๆ ฉันคิดหาโอกาสจะออกไปช้อปปิ้งอยู่หลายวันแต่เพราะงานอาสาทำให้ฉันไม่มีเวลาไปห้างก็เลยอดซื้อจนวันที่จะต้องบินไปฮ่องกงก็เข้าใกล้มาทุกที ฉันกลุ้มใจ จนเผลอพูดเรื่องกระเป๋าออกมากลางโต๊ะอาหารว่า ฉันไม่มีกระเป๋าเป้นะ แค่นั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่พอหัวค่ำก็มีป้ามาเคาะประตูห้องนอน แล้วก็เอาเป้มาให้ สาบานได้ว่าตอนนั้นฉันไม่รู้สึกดีใจหรือขอบคุณเลยสักนิดเดียว
ทำไมล่ะ ไม่มีแบรนด์ ?? ฉันรับกระเป๋านั้นมาอย่างหน้านิ่งๆๆแล้วมองดูมันด้วยสายตาว่างเปล่า แต่ก็ต้องมารู้สึกตัวเมื่อเพื่อนถามขึ้นมาว่า “จะไม่ขอบคุณป้า หรือทำหน้าดีใจหน่อยหรอ?” ตอนนั้นฉันถึงจะรู้สึกตัวเองตัวเองนี่มันเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ทั้งๆที่ตอนที่ป้าเอากระเป๋ามาให้นั้น ป้ายิ้มและทำหน้าดีใจมาก แต่ฉันกลับทำหน้านิ่งๆใส่ เพียงเพราะมันไม่ถูกใจ จริงๆพอนึกย้อนกลับไปก็หมั่นไส้ตัวเองอยู่เหมือนกัน (แหะๆ) หลังจากนั้นฉันเลิกคิดเลยว่า จะต้องแบรนด์อะไร ไม่เอาแล้วแบรนด์เนม ฉันอยากจะได้รับจิตใจจากคนที่นี่มากกว่า พอคิดได้แบบนี้มันรู้สึกขอบคุณกับทุกอย่างที่ป้าๆเอามาให้ได้จริงๆนะ กระเป๋าอะไรของให้มาฉันใช้ได้หมด ถุงกระดาษสภาพดีดีที่เจอในถึงขยะฉันก็ใช้ได้ เสื้อที่เจอในห้องขยะพอหยิบมาซักแล้วใส่ก็ดีใจมาก ของใช้ของฉันส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น สมุดจดศัพท์ ปากกา บลาๆๆ ก็ล้วนแต่ได้มาจากถังขยะทั้งนั้น จะต้องบอกก่อนว่า ที่เกาหลีจะแยกขยะและขยะจะสะอาดจนเหมือนกับว่าไม่ใช่ขยะ บางทีสิ่งที่เขาทิ้งก็ทำให้ฉันแปลกใจเหมือนกัน ฉันเคยเจอรองเท้าNikeสภาพเป๊ะ ในถังขยะด้วยนะเออ อย่าทำเป็นเล่นไป! สุดท้ายแล้วฉันก็ได้คำตอบว่าทำไมฉันถึงทุกข์จนต้องหนีมาถึงเกาหลี ง่ายๆเลยทีเดียวคือ ฉันไม่ได้ทุกข์เพราะฉันเป็นคนที่ขาดแคลนแต่ฉันทุกข์เพราะมีมากเกินไป และแย่ไปกว่านั้นคือ ฉันไม่เคยขอบคุณกับสิ่งที่ตัวเองมีเลย จนถึงตอนนี้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากได้กระเป๋าหรือรองเท้าใหม่นะ ความอยากยังเหมือนเดิมค่ะ แต่ฉันเรียนรู้ที่จะปฏิเสธมัน ใช่ค่ะแค่ปฏิเสธเท่านั้น คนเราอยากได้ค่ะไม่ผิด แต่เราไม่จำเป็นต้องตามความอยากไปซะหมดนี่คะ จริงไหม? ล่าสุดที่ทำเอาแม่เปิดใจเลยก็คือ ช่วงที่กลับจากเกาหลี รองเท้าของฉันหายไปทั้งหมดเนื่องจากแม่โล๊ะทิ้งเพราะรกบ้านมากกกกกกกก ทำให้ฉันไม่มีรองเท้าใส่ ฉันเลยไปเดินตลาดนัดแถวมหาลัย ตั้งใจว่าจะมาซื้อรองเท้าแต่ตั้งใจไว้ว่า ห้ามเกินคู่ละ100 ไม่ง้นไม่ใส่ สุดท้ายได้รองเท้าคู่ละ100มาจริงๆ แล้วก็ใส่มันทั้งเทอมนั้นแหละ พอปิดเทอมก็กลับบ้านตามปกติ และแล้วแม่ก็ชวนฉันออกไปซื้อรองเท้าใหม่ทั้งๆที่ฉันก็ไม่ได้เอ่ยปากขอนะ แต่แม่เห็นรองเท้าของฉันที่มันเป็นรูใหญ่มาก (สาบาน ) แม่ถามด้วยความงุน งง ว่า “ใส่เข้าไปได้ยังไง ?? ตั้งแต่กลับมาจากเกาหลีนี่ หนู งกเกินไปหรือเปล่า?” จริงๆฉันไม่ได้มีจิตสมถะ สิ้นกิเลส อะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่ตอนที่มันอยากได้อะไร ฉันแค่ไม่สนองมันก็เท่านั้นเอง ปล่อยไปสุดท้ายก็ลืมไปแล้วว่าอยาก นี่คือ การปฏิเสธตัวเอง หรือเรียกง่ายๆว่า หักห้ามใจ หรือเรียกง่ายๆว่า ขัดใจตัวเอง นั่นแหละค่ะ ลองทำดูสิคะ หัดขัดใจตัวเองวันละนิด แล้วคนรอบข้างจะรู้สึกได้ว่าคุณเปลี่ยนไป แม่ฉันสัมผัสมาแล้วค่ะ ท่านรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างในตัวฉัน ( = =”) จริงๆเพิ่งมาคิดได้เพราะเจอIYFนี่แหละค่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกโมโหที่เพื่อนนินทาฉันแล้วนะ เพราะบทสนทนาสั้นๆที่อาจารย์คิม ฮัก ชอล อาจารย์ในIYF ถามฉันว่า “ถ้าเพื่อนไม่พูดว่าหนิงอ้วน แล้วหนิงจะอ้วนไหม?”
หนิง: “ก็อ้วนค่ะ”
แค่นี้เองฉันก็เลิกเครียดเวลาที่มีคนบอกว่าไม่ชอบฉัน หรือ ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเพื่อนที่นินทาฉันแล้ว เพราะอะไร
ถึงแม้ว่าเพื่อนคนนั้นไม่พูดว่าฉันเป็นอย่างนั้น ฉันก็เป็นอย่างที่เขาพูดอยู่ดี หมายความว่า
ถึงเพื่อนจะไม่พูด ฉันก็เป็นคนแบบนั้นอยู่ดี ,,
ก็แค่ยอมรับแค่นั้น โดยไม่ต้องแก้ตัวว่า ฉันถูกยังไง หรือจะตามแก้ตัวว่า
เฮ้ย มันไม่ใช่อย่างที่แกพูดนะ อะไรทำนองนั้น ถ้าไม่มีกระจก คุณจะมองเห็นหน้าตัวเองหรอคะ ??
ถ้าไม่มีคนรอบข้าง คุณจะเห็นนิสัยของตัวเองหรอคะ?
ที่เมื่อก่อนถูกนินทาแล้วทุกข์ก็เพราะว่าไม่ได้คิดว่าตัวเองผิดค่ะ แต่ทุกข์เพราะคิดว่าตัวเองไม่ผิด“
ถ้าฉันไม่ทำตัวเว่อร์ เพื่อนจะเอาไปนินทาได้หรอคะ ?
ขอบคุณ IYF ที่ทำให้ฉันได้แต่ยอมรับว่า
ตัวเองมีข้อเสีย
และ สอนให้รู้ว่าคนเราไม่สามารถมองเห็นของเสียของเราได้ด้วยตัวเอง
Line: summerlyng
เพื่อนๆรู้ไหมว่า การที่เดินไปบนถนนแบบไม่มีเงินแล้วเจอ
นมกล่องนึงตกอยู่ข้างทางมันดีใจยิ่งกว่าถูกรางวัลที่1ยังไง?
รสชาติของนมกล่องนี้ก็เหมือนนมกล่องอื่นทั่วไป
แต่การได้มาแบบไม่ได้เเลกด้วยเงินมันทำให้การดื่มนมกล่องนี้
มันช่างน่าขอบคุณมากมายจริงๆ
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะกลายเป็นคนที่เก็บของข้างทางกินก็ได้
เพื่อนๆจะไม่เข้าใจจนกว่าจะได้ลองไปสัมผัสเอง
รสชาติแห่งความขาดแคลนที่เเสนจะขอบคุณ
ความคิดเห็น