คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3
3
คิมเบอร์ลี่นั่งอยู่ที่รับรองหน้าเคาเตอร์มาได้สักพัก มองผู้คนผ่านเข้าออกโรงแรมเป็นว่าเล่นสมกับชื่อเสียงเรียงนามของโรงแรมที่โด่งดังตามที่เคยได้ยินมา ในขณะที่กำลังมองเพลินไปเรื่อย ก็มีเสียงหวานใสเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัวเสียก่อน
“ คุณคิมเบอร์ลี่คะ คุณธีรนนท์เชิญที่ห้องทำงานด้านบนค่ะ ”
หญิงสาวพยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจก่อนจะเดินตามพนักงานคนเดิมไป ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากลิฟต์ชั้นบนสุดของตัวโรงแรม สายตาก็กวาดมองไปทั่วบริเวณ ในใจนึกแต่ตะลึงไม่น้อยที่บนชั้นผู้บริหารจะกว้างและตกแต่งได้สวยงามขนาดนี้ ห้องถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วน บวกกับการตกแต่งด้วยต้นไม้ดอกไม้เช่นบริเวณรอบๆของโรงแรมยิ่งทำให้ดูสวยงามและลงตัวมากขึ้น
“ อ้าว คิมมาพอดีเลย ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ต้องรอนาน ”
เสียงของธีรนนท์ทักขึ้นเมื่อหญิงสาวก้าวเข้าไปในห้อง
“ ไม่เป็นไรค่ะพี่บีม ” คิมเบอร์ลี่บอกพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับชายหนุ่มทันทีที่ธีรนนท์ผายมือเป็นเชิงบอก
“ พี่มีข่าวดีมาบอก ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มนิดๆที่มุมปาก คิมเบอร์ลี่เลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนจะต้องร้องอ๋อเมื่อชายหนุ่มพูดประโยคถัดมา
“ ยินดีด้วยกับตำแหน่งช่างภาพในงานต้อนรับคณะจากเชียงใหม่วันเสาร์นี้ ”
คิมเบอร์ลี่ยิ้มออกทันที พลางยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณชายหนุ่มด้วยความซาบซึ้งใจ
“ ไอหมากมันทำเป็นฟอร์มให้พี่มาบอกคิมเอง บอกไม่อยากเจอหน้าเรา แต่จริงๆพี่ว่ามันกลัวเสียหน้ามากกว่า เล่นดูถูกคิมเอาไว้เยอะไง ”
ธีรนนท์บอกพร้อมกับหัวเราะชอบใจในความคิดของตนเอง
“ คิมนึกว่าเค้าจะไม่ยอมให้คิมทำงานนี้เสียอีก ”
“ ไม่ยอมได้ไง ภาพที่คิมถ่ายออกมาดูดีจะตาย ไอหมากมันดูรูปที่ล้างมาก็ยังทำเฉยๆ พี่เลยเอาไปให้ท่านประธานช่วยดูด้วย ทางนั้นเค้าการันตีมาว่าดี ไอหมากมันก็เลยต้องยอม ”
คิมเบอร์ลี่พยักหน้าเข้าใจในส่วนที่ชายหนุ่มอธิบายมาแค่นั้น นึกในใจว่าถ้าหากท่านประธานที่ธีรนนท์ว่าไม่ช่วยยืนยันเธอคงต้องอดงานนี้เพราะความอคติจากปริญเป็นแน่
“ ยังไงคิมขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่บีมที่ช่วยหางานให้แล้วก็ยังเป็นธุระจะจัดการให้อีก ถ้ามีอะไรให้คิมช่วย...บอกได้นะคะ ”
“ งั้นช่วยยั่วโมโหไอหมากมันต่อไปที นานๆพี่จะเห็นมันหัวเสียอย่างนี้ เห็นแล้วขำ ”
ชายหนุ่มบอกพร้อมกับหัวเราะยืนยัน คิมเบอร์ลี่ยิ้มตามก่อนเอ่ยปากบอก
“ ป่านนี้เค้าคงบ่นแล้วก็ไม่ชอบหน้าคิมไปแล้วล่ะค่ะ ”
หญิงสาวบอกแค่นั้น ซึ่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามก็ได้แต่พยักหน้าแล้วอมยิ้มอย่างเห็นด้วย หญิงสาวนั่งคุยเรื่องจิปะถะกับชายหนุ่มพักใหญ่ก่อนจะขอตัวออกมาเพื่อตรงกลับบ้านหลังจากที่มาทำงานที่โรงแรมตั้งแต่เช้า
คิมเบอร์ลี่เดินออกมาจากตัวโรงแรมและตรงไปยังทางเดินที่ทอดยาวไปยังทางเข้าซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก และใกล้ๆมีป้ายรถเมล์สาธารณะซึ่งเป็นจุดให้รอรถที่หญิงสาวเล็งไว้ว่าจะให้พากลับไปยังบ้าน แต่อยู่ดีๆเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายก็ดังขึ้นเสียก่อน หญิงสาวชะงักก่อนจะก้มลงหาโทรศัพท์ในกระเป๋าจนไม่ทันได้มองว่าตนเองยืนอยู่ใกล้บริเวณที่พื้นถนนมีน้ำขังเนื่องจากฝนที่ตกเพิ่งหยุดไปได้ไม่นาน
ซ่า !
เสียงน้ำจากการเบียดของล้อรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงกับพื้นถนนที่มีน้ำขังสาดเข้าที่ตัวของคิมเบอร์ลี่ที่กำลังหาโทรศัพท์ในกระเป๋าอยู่ หญิงสาวร้องตกใจเสียงดัง หน้าเสียเมื่อเห็นน้ำที่บริเวณขากางเกงยีนส์ข้างหนึ่งที่เปียกไปทั่วบริเวณ ไหนจะเสื้อที่มีน้ำกระเด็นอยู่เช่นกัน
“ เปียกหมดเลย ”
หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบาๆก่อนเงยหน้ามองรถที่เคลื่อนจากไปด้วยความเร็ว แต่ก็ยังไม่เร็วเกินสายตาของหญิงสาวที่ทันเห็นหน้าคนขับในขณะที่รถคันที่ว่ากำลังเลี้ยวที่จะเตรียมออกจากโรงแรม
ปริญ !
ไม่ผิดแน่ๆ หญิงสาวคิดในใจพลางหันหน้ามองไปทางตัวตึกอย่างกลัดกลุ้ม นี่เค้าแค้นอะไรเธอนักหนาถึงได้หาเรื่องแกล้งกันนัก ลมหายใจผ่อนออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่ แต่แล้วก็ต้องรีบเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงดังราวกับเกิดอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้นที่ทางเข้าของโรงแรม
คิมเบอร์ลี่จึงเดินตามถนนที่ทอดยาวไปเรื่อยจนไปหยุดอยู่ที่หน้าโรงแรมพอดี เมื่อเห็นถึงที่มาของเสียงก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่ารถที่เกิดอุบัติเหตุคันหนึ่งที่จอดนิ่งอยู่ด้านหน้าคือรถของคนที่เพิ่งแกล้งขับรถเร็วๆพาน้ำขึ้นมาสาดใส่ตัวเธอเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้เอง
“ ยิ้มบ้าอะไร ”
ปริญบ่นกับตัวเองเมื่อมองตรงไปยังหญิงสาว พลางคิดว่าก่อนจะเสียหน้าไปมากกว่านี้เค้าก็ควรไปจากที่นี่โดยเร็ว ที่สุด จึงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามากดเบอร์ไปยังปลายสาย
“ ไอบีม แกบอกให้คนรับของพ่อฉันมาพารถของฉันไปเข้าอู่ที แล้วให้มันขับรถบริษัทออกมาด้วยฉันจะไปก่อน...เออ โดนไอรถบ้าที่ไหนไม่รู้ชน...ประกัน ไม่เอาฉันขี้เกียจรอ บอกมันด้วยว่าเดี๋ยวนี้ ”
ปริญบอกปลายสายก่อนจะกดปิดโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด พลางหันหน้าไปมองยังป้ายรถเมล์ที่ตอนนี้มีรถเมล์คันหนึ่งมาจอดเทียบพอดี หญิงสาวเดินไปยังที่ประตูรถที่คนกำลังกรู่กันขึ้น แต่ก็ยังไม่วายหันมามองหน้าชายหนุ่มที่ยืนหัวเสียอยู่ด้านหน้าของรถ แล้วก็อดยกยิ้มมุมปากขึ้นเสียไม่ได้ คนมองเผินๆอ่านจะดูเหมือนว่าเป็นมิตร แต่สำหรับชายหนุ่มที่เห็นและเข้าใจความหมายแล้วได้แต่หน้าบึ้งตึงเพิ่มขึ้นไปอีก พลางคิดประโยคหนึ่งกับตนเองในใจ
ฝากไว้ก่อนเถอะ...!
นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการเท่านั้น
ไม่ได้มีเจตนาทำให้ศิลปินหรือนักแสดงเสียหาย
หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ ^^
ความคิดเห็น