คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2
2
“ แกฟังไว้เลยนะไอบีม ” ปริญบอกทั้งที่ไม่ได้มองหน้าเพื่อนหนุ่ม แต่กลับก้าวเข้าไปยืนหน้าหญิงสาวแทนพร้อมกับพูดเสียงดังใส่หน้าของหญิงสาวให้ได้ยินชัดๆ
“ ให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีวันให้ยัยช่างภาพปากดีของแกคนนี้ทำงานให้ฉันแน่ๆ ! ”
คิมเบอร์ลี่ฟังแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายราวกับไม่สนใจ ยิ่งทำให้คนตรงหน้ายิ่งเดือดพล่านขึ้นอีก
“ ถึงคุณไม่ไล่ฉันก็ไม่ทำค่ะ ” หญิงสาวบอกเสียงหนักแน่น ก่อนหันไปพูดกับรุ่นพี่ของตนที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มที่ประกาศเป็นศัตรูกับเธอ “ ขอโทษด้วยนะคะพี่บีม คิมคงรับงานนี้ไม่ได้จริงๆ ”
คิมเบอร์ลี่บอกเสียงเรียบแล้วส่งยิ้มให้ก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางประตูทางออก แต่ธีรนนท์ก็เรียกชื่อเธอไว้ก่อนทำให้หญิงสาวหยุดชะงัก ยืนมองชายหนุ่มรุ่นพี่หันไปคุยกับเพื่อนของตนที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างๆ
“ แกผิดสัญญานี่หว่า ”
“ สัญญาอะไรของแก ? ” ปริญถามกลับหันหน้าไปมองหญิงสาวที่ยังคงยืนอยู่ด้วยใบหน้าออกเบื่อหน่ายเธอเต็มทน
“ แกบอกว่าแกจะตัดสินใจจ้างหรือไม่จ้างก็ต่อเมื่อได้ดูรูปที่น้องฉันมาถ่ายสถานที่จริง ”
“ หึ ! สำหรับคนอื่นน่ะใช่ ” ปริญบอกก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองคิมเบอร์ลี่ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “ แต่สำหรับยังช่างภาพอวดดีนี่ ไม่ใช่ ! ”
คิมเบอร์ลี่ได้แต่หันหน้าหนีอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้กับนิสัยของชายหนุ่ม ยังคงได้ยินเสียงธีรนนท์พูดกับเพื่อนของตนต่อ
“ ไม่รู้ล่ะไอหมาก ถ้าเกิดแกไม่รักษาสัญญาฉันก็ไม่รักษาสัญญาที่จะช่วยแกเหมือนกัน ”
“ นี่แกขู่ฉันรึไง ”
“ ฉันไม่ได้ขู่ เพราะฉันรู้ว่าให้ตายยังไงแกก็ไม่มีวันจะกลัวคำขู่ของฉันหรอกไอท่านรองประธานใหญ่ และถึงแม้ฉันไม่ช่วยแก แกก็ไปหาคนอื่นมาช่วยได้...แต่ฉันแค่อยากจะบอกกับแกว่า คราวหลังแกจะพูดอะไรออกมา คิดดีๆด้วย ไม่งั้นแกจะต้องเป็นคนผิดคำพูดเหมือนครั้งนี้อีก ”
ปริญมองใบหน้าเพื่อนที่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างเห็นได้ชัดอย่างชั่งใจ ก่อจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ที่แอบรู้สึกว่าครั้งนี้เขาผิดคำพูดจริงๆ แต่พอหันไปเห็นหน้าหญิงสาวที่อมยิ้มเหมือนสะใจนิดๆก็อดที่จะรู้สึกอารมณ์ไม่ดีมากยิ่งขึ้น
“ ก็ได้ ! ฉันยอมให้รุ่นน้องของแกคนนี้ถ่ายภาพมาให้ฉันดูก่อนก็ได้ แต่ถ้าไม่ถูกใจ แกคงรู้นะว่าต้องทำยังไง ”
ปริญบอกเสียงเรียบเก๊กฟอร์มก่อนเดินกลับไปในตัวโรงแรมโดยไม่ปรายตามองมายังหญิงสาวสักนิดเดียว คิมเบอร์ลี่ส่ายหน้าเบาๆอย่างอดไม่ได้ก่อนเดินเข้าไปหาธีรนนท์
“ คิมว่าอย่าให้คิมรับงานนี้เลยนะคะ เดี๋ยวพี่บีมทะเลาะกับเพื่อนเปล่าๆ ”
“ เอาน่า...คิม อย่ากังวลเลย ไอหมากมันก็ทำเก๊กไปงั้นแหละ มันงอนพี่ได้ไม่เกินสองชั่วโมงเดี๋ยวมันก็ทำลืมตัวกลับมาคุยกับพี่เอง ” คิมเบอร์ลี่อมยิ้มกับคำพูดและสีหน้าของธีรนนท์ที่ดูไม่ได้เคืองเพื่อนเลยแม้แต่น้อย
“ ไปเถอะคิม ไปถ่ายรูปที่ห้องที่จะจัดงานดีกว่า พี่ขอถ่ายแบบจัดเต็มเลยนะ หมั่นไส้ไอหมาก จะทำให้มันหน้าหงายดูสักที ”
คิมเบอร์ลี่หัวเราะกับคำพูดทีเล่นทีจริงของชายหนุ่มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เดินตามชายหนุ่มรุ่นพี่ไปยังห้องที่เธอเพิ่งเดินจากมาไม่นาน...
แชะ !
เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นหลายครั้งติดกัน ก่อนคิมเบอร์ลี่จะก้มลงมองภาพจากกล้องในมือแล้วยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะหันมาอีกทางหวังเปลี่ยนมุมเพื่อถ่ายรูป แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่ในเลนส์กล้องที่กำลังจับภาพหญิงสาวก็ชะงักไปเสียก่อน
ปริญนั่งหน้านิ่งติดบึ้งตึงอยู่ที่เก้าอี้ข้างประตูทางเข้าออกของห้อง สายตามองมาที่เธอด้วยแววตาแข็งบ่งบอกว่าเค้าไม่ค่อยพอใจท่าใดนัก หญิงสาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเบาๆ ไม่สนใจชายหนุ่มและหันไปทำหน้าที่โดยการถ่ายรูปของเธอต่อ แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่มองเธออยู่ตลอด ไม่ว่าเธอจะเคลื่อนตัวไปถ่ายรูปตรงมุมไหนของห้อง พอเธอเลื่อนสายตาหันไปสบ แววตานิ่งเฉยของเค้าก็ไม่ได้เลื่อนหนีไปไหน หญิงสาวที่เป็นคนถูกขนานนามจากเพื่อนๆว่านิ่งและเย็นชาเกินใคร จึงไม่ใส่ใจ และให้กลับไปถ่ายรูปของเธอตามเดิม
“ ฉันจะบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าที่ฉันมานั่งจ้องเธอนี่ไมได้หมายความว่าฉันพิศวาสเธอเลยแม้แต่น้อย ” ชายหนุ่มที่นั่งนิ่งๆอยู่ได้ไม่นานอยู่ดีๆก็พูดขึ้น คิมเบอร์ลี่ทำเป็นไม่ใส่ใจตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของเธอต่อ “ แต่ฉันไม่ไว้ใจ เพราะไม่รู้ว่าเธอจะหยิบของในห้องนี้แล้วเผ่นออกไปเมื่อไหร่ ”
คิมเบอร์ลี่ลดมือที่ถือกล้อของตนเองทันที ยังไม่หันหน้ากลับไปมองชายหนุ่มปากเสียแต่ก็ไม่วายตอบโต้ด้วยคำพูดไปก่อน
“ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะค่ะ เพราะฉันคิดว่าถ้าคุณมองฉันแบบอย่างแรกที่คุณว่านั้น ป่านนี้ฉันคงเขินและนั่งยิ้มไปแล้ว ” ปริญฟังแล้วยิ้มเยาะ ก่อนจะบอกออกมาด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือแม้แต่น้อย
“ เธอกำลังจะบอกว่าเธอไม่ได้คิดอย่างนั้นงั้นสิ ” หญิงสาวแค่นยิ้มคาดไว้แล้วว่าชายหนุ่มต้องตอบออกมาแบบนี้ “ ให้ตายเหอะ...ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะด้านชาซะขนาดนั้น ”
ปริญเอ่ยเสียงเยาะ จนทำให้หญิงสาวหันมาเผชิญหน้าตรงๆ
“ นี่คุณกำลังทำให้ฉันคิดว่าคุณหลงตัวเอง ” หญิงสาวบอกหน้านิ่งตามบุคลิกของเธอ “ แต่เผอิญว่าไอสายตาที่คุณว่าเนี่ยมันใช้กับฉันไม่ได้ ”
ปริญฟังแล้วหัวเสียขึ้นทันที คำว่าหยิ่งทะนง จองหอง และอวดดีผุดขึ้นมาในสมองไปหมด แต่ก็ทำได้แค่เพียงยิ้มเยาะ เอ่ยน้ำเสียงดูถูกออกไป
“ แล้วแบบไหนล่ะมันถึงจะใช้กับเธอได้น่ะหะ ”
ปริญบอกพร้อมกับก้าวเข้าไปหาหญิงสาวช้าๆ คิมเบอร์ลี่มองนิ่งเฉย เริ่มก้าวถอยหลังเมื่อชายหนุ่มเริ่มใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานหลังของหญิงสาวก็ชนกำแพงพร้อมกับชายหนุ่มที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าเธอพอดี
ชายหนุ่มแสะยิ้มมองใบหน้านิ่งของหญิงสาวพร้อมกับพูดขึ้น
“ ไหนบอกใช้ไม่ได้กับเธอ แล้วทำไมต้องหน้าซีดขนาดนั้นด้วย ”
“ นี่คุณอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ฉันมีสติมากพอที่จะไม่ไปหลงกลคุณแน่ๆ ” หญิงสาวเถียงขาดใจจนทำให้ชายหนุ่มตรงหาอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะแกล้งทำเป็นใช้มือข้างหนึ่งไปยันกำแพงไว้ เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของหญิงสาวมากขึ้นลงไปทุกทีๆ คิมเบอร์ลี่ตกใจเตรียมจะเอ่ยปากขัดอย่างไม่พอใจแต่เสียงของเค้าก็เอ่ยขึ้นก่อน
“ ขอเมมเมอร์รี่กล้อง...ถ่ายเสร็จแล้วไม่ใช่รึไง ? ”
คิมเบอร์ลี่แถบจะพ่นลมหายใจออกมา แววตามองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นเค้าหัวเราะเยาะพร้อมกับใบหน้าที่เลื่อนออกห่างและมือที่กลับไปล้วงกระเป๋าดังเดิม ได้สติรีบหยิบกล้องที่คล้องอยู่ในคอมาเปิดเอาการ์ดกล้องออก เค้ารับไปโดยดี ตั้งท่าเตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ยังไม่วายหันมาพูดกับเธอก่อนด้วยใบหน้าที่ส่อแววว่าเค้ามั่นใจว่าชนะเธอ
“ ทำเป็นปากดี... ”
คิมเบอร์ลี่ยืนนิ่งมองตามร่างของชายหนุ่มที่เดินจากไปจนพ้นประตู้ห้อง หันกลับมาคิดกับตัวเองอย่างหัวเสียอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งสุดท้ายผุดขึ้นมาในหัวจนทำให้คิ้วบางขมวดขึ้นอย่างขัดใจตนเอง...เหอะ...หลงกลเค้าเสียจนได้...
...................................................................
นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการเท่านั้น
ไม่ได้มีเจตนาทำให้ศิลปินหรือนักแสดงเสียหาย
ถ้าผิดพลาดประกานใดขออภัยด้วยค่ะ
ความคิดเห็น