ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จุดพบกันของหัวใจ...

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 56





    2

                   “ แกฟังไว้เลยนะไอบีม ”  ปริญบอกทั้งที่ไม่ได้มองหน้าเพื่อนหนุ่ม  แต่กลับก้าวเข้าไปยืนหน้าหญิงสาวแทนพร้อมกับพูดเสียงดังใส่หน้าของหญิงสาวให้ได้ยินชัดๆ

                    “ ให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีวันให้ยัยช่างภาพปากดีของแกคนนี้ทำงานให้ฉันแน่ๆ !

                    คิมเบอร์ลี่ฟังแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายราวกับไม่สนใจ  ยิ่งทำให้คนตรงหน้ายิ่งเดือดพล่านขึ้นอีก

                    “ ถึงคุณไม่ไล่ฉันก็ไม่ทำค่ะ ”  หญิงสาวบอกเสียงหนักแน่น  ก่อนหันไปพูดกับรุ่นพี่ของตนที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มที่ประกาศเป็นศัตรูกับเธอ  ขอโทษด้วยนะคะพี่บีม  คิมคงรับงานนี้ไม่ได้จริงๆ

                    คิมเบอร์ลี่บอกเสียงเรียบแล้วส่งยิ้มให้ก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางประตูทางออก  แต่ธีรนนท์ก็เรียกชื่อเธอไว้ก่อนทำให้หญิงสาวหยุดชะงัก  ยืนมองชายหนุ่มรุ่นพี่หันไปคุยกับเพื่อนของตนที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างๆ

                    “ แกผิดสัญญานี่หว่า

                    “ สัญญาอะไรของแก ? ”  ปริญถามกลับหันหน้าไปมองหญิงสาวที่ยังคงยืนอยู่ด้วยใบหน้าออกเบื่อหน่ายเธอเต็มทน

                    “ แกบอกว่าแกจะตัดสินใจจ้างหรือไม่จ้างก็ต่อเมื่อได้ดูรูปที่น้องฉันมาถ่ายสถานที่จริง



                    “ หึ !  สำหรับคนอื่นน่ะใช่ ”  ปริญบอกก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองคิมเบอร์ลี่ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง  “ แต่สำหรับยังช่างภาพอวดดีนี่  ไม่ใช่ ! ”

                    คิมเบอร์ลี่ได้แต่หันหน้าหนีอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้กับนิสัยของชายหนุ่ม  ยังคงได้ยินเสียงธีรนนท์พูดกับเพื่อนของตนต่อ

                    “ ไม่รู้ล่ะไอหมาก  ถ้าเกิดแกไม่รักษาสัญญาฉันก็ไม่รักษาสัญญาที่จะช่วยแกเหมือนกัน  ”    
          

                    “ นี่แกขู่ฉันรึไง

                    “ ฉันไม่ได้ขู่  เพราะฉันรู้ว่าให้ตายยังไงแกก็ไม่มีวันจะกลัวคำขู่ของฉันหรอกไอท่านรองประธานใหญ่  และถึงแม้ฉันไม่ช่วยแก  แกก็ไปหาคนอื่นมาช่วยได้...แต่ฉันแค่อยากจะบอกกับแกว่า  คราวหลังแกจะพูดอะไรออกมา  คิดดีๆด้วย  ไม่งั้นแกจะต้องเป็นคนผิดคำพูดเหมือนครั้งนี้อีก

                    ปริญมองใบหน้าเพื่อนที่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างเห็นได้ชัดอย่างชั่งใจ  ก่อจะถอนหายใจออกมาเบาๆ  ที่แอบรู้สึกว่าครั้งนี้เขาผิดคำพูดจริงๆ  แต่พอหันไปเห็นหน้าหญิงสาวที่อมยิ้มเหมือนสะใจนิดๆก็อดที่จะรู้สึกอารมณ์ไม่ดีมากยิ่งขึ้น

                    “ ก็ได้ !  ฉันยอมให้รุ่นน้องของแกคนนี้ถ่ายภาพมาให้ฉันดูก่อนก็ได้  แต่ถ้าไม่ถูกใจ  แกคงรู้นะว่าต้องทำยังไง

                    ปริญบอกเสียงเรียบเก๊กฟอร์มก่อนเดินกลับไปในตัวโรงแรมโดยไม่ปรายตามองมายังหญิงสาวสักนิดเดียว  คิมเบอร์ลี่ส่ายหน้าเบาๆอย่างอดไม่ได้ก่อนเดินเข้าไปหาธีรนนท์



                     “ คิมว่าอย่าให้คิมรับงานนี้เลยนะคะ  เดี๋ยวพี่บีมทะเลาะกับเพื่อนเปล่าๆ

                    “ เอาน่า...คิม  อย่ากังวลเลย  ไอหมากมันก็ทำเก๊กไปงั้นแหละ  มันงอนพี่ได้ไม่เกินสองชั่วโมงเดี๋ยวมันก็ทำลืมตัวกลับมาคุยกับพี่เอง ”  คิมเบอร์ลี่อมยิ้มกับคำพูดและสีหน้าของธีรนนท์ที่ดูไม่ได้เคืองเพื่อนเลยแม้แต่น้อย

                    “ ไปเถอะคิม  ไปถ่ายรูปที่ห้องที่จะจัดงานดีกว่า  พี่ขอถ่ายแบบจัดเต็มเลยนะ  หมั่นไส้ไอหมาก  จะทำให้มันหน้าหงายดูสักที

                    คิมเบอร์ลี่หัวเราะกับคำพูดทีเล่นทีจริงของชายหนุ่มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ  เดินตามชายหนุ่มรุ่นพี่ไปยังห้องที่เธอเพิ่งเดินจากมาไม่นาน...





                    แชะ !

                    เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นหลายครั้งติดกัน  ก่อนคิมเบอร์ลี่จะก้มลงมองภาพจากกล้องในมือแล้วยิ้มพึงพอใจ  ก่อนจะหันมาอีกทางหวังเปลี่ยนมุมเพื่อถ่ายรูป  แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่ในเลนส์กล้องที่กำลังจับภาพหญิงสาวก็ชะงักไปเสียก่อน

                    ปริญนั่งหน้านิ่งติดบึ้งตึงอยู่ที่เก้าอี้ข้างประตูทางเข้าออกของห้อง  สายตามองมาที่เธอด้วยแววตาแข็งบ่งบอกว่าเค้าไม่ค่อยพอใจท่าใดนัก  หญิงสาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเบาๆ  ไม่สนใจชายหนุ่มและหันไปทำหน้าที่โดยการถ่ายรูปของเธอต่อ  แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่มองเธออยู่ตลอด  ไม่ว่าเธอจะเคลื่อนตัวไปถ่ายรูปตรงมุมไหนของห้อง  พอเธอเลื่อนสายตาหันไปสบ  แววตานิ่งเฉยของเค้าก็ไม่ได้เลื่อนหนีไปไหน  หญิงสาวที่เป็นคนถูกขนานนามจากเพื่อนๆว่านิ่งและเย็นชาเกินใคร  จึงไม่ใส่ใจ และให้กลับไปถ่ายรูปของเธอตามเดิม

                    “ ฉันจะบอกไว้ก่อนเลยนะ  ว่าที่ฉันมานั่งจ้องเธอนี่ไมได้หมายความว่าฉันพิศวาสเธอเลยแม้แต่น้อย ”  ชายหนุ่มที่นั่งนิ่งๆอยู่ได้ไม่นานอยู่ดีๆก็พูดขึ้น  คิมเบอร์ลี่ทำเป็นไม่ใส่ใจตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของเธอต่อ  แต่ฉันไม่ไว้ใจ  เพราะไม่รู้ว่าเธอจะหยิบของในห้องนี้แล้วเผ่นออกไปเมื่อไหร่

                    คิมเบอร์ลี่ลดมือที่ถือกล้อของตนเองทันที  ยังไม่หันหน้ากลับไปมองชายหนุ่มปากเสียแต่ก็ไม่วายตอบโต้ด้วยคำพูดไปก่อน



                    “ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะค่ะ  เพราะฉันคิดว่าถ้าคุณมองฉันแบบอย่างแรกที่คุณว่านั้น  ป่านนี้ฉันคงเขินและนั่งยิ้มไปแล้ว ”  ปริญฟังแล้วยิ้มเยาะ  ก่อนจะบอกออกมาด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือแม้แต่น้อย

                    “ เธอกำลังจะบอกว่าเธอไม่ได้คิดอย่างนั้นงั้นสิ ”  หญิงสาวแค่นยิ้มคาดไว้แล้วว่าชายหนุ่มต้องตอบออกมาแบบนี้  ให้ตายเหอะ...ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะด้านชาซะขนาดนั้น

                    ปริญเอ่ยเสียงเยาะ  จนทำให้หญิงสาวหันมาเผชิญหน้าตรงๆ

                    “ นี่คุณกำลังทำให้ฉันคิดว่าคุณหลงตัวเอง ”  หญิงสาวบอกหน้านิ่งตามบุคลิกของเธอ แต่เผอิญว่าไอสายตาที่คุณว่าเนี่ยมันใช้กับฉันไม่ได้

                    ปริญฟังแล้วหัวเสียขึ้นทันที  คำว่าหยิ่งทะนง  จองหอง  และอวดดีผุดขึ้นมาในสมองไปหมด  แต่ก็ทำได้แค่เพียงยิ้มเยาะ  เอ่ยน้ำเสียงดูถูกออกไป

                    “ แล้วแบบไหนล่ะมันถึงจะใช้กับเธอได้น่ะหะ ” 

                    ปริญบอกพร้อมกับก้าวเข้าไปหาหญิงสาวช้าๆ  คิมเบอร์ลี่มองนิ่งเฉย  เริ่มก้าวถอยหลังเมื่อชายหนุ่มเริ่มใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ  ไม่นานหลังของหญิงสาวก็ชนกำแพงพร้อมกับชายหนุ่มที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าเธอพอดี

                    ชายหนุ่มแสะยิ้มมองใบหน้านิ่งของหญิงสาวพร้อมกับพูดขึ้น

                    “ ไหนบอกใช้ไม่ได้กับเธอ  แล้วทำไมต้องหน้าซีดขนาดนั้นด้วย

                    “ นี่คุณอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย  ฉันมีสติมากพอที่จะไม่ไปหลงกลคุณแน่ๆ ”  หญิงสาวเถียงขาดใจจนทำให้ชายหนุ่มตรงหาอดอมยิ้มออกมาไม่ได้  ก่อนจะแกล้งทำเป็นใช้มือข้างหนึ่งไปยันกำแพงไว้  เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของหญิงสาวมากขึ้นลงไปทุกทีๆ  คิมเบอร์ลี่ตกใจเตรียมจะเอ่ยปากขัดอย่างไม่พอใจแต่เสียงของเค้าก็เอ่ยขึ้นก่อน

                    “ ขอเมมเมอร์รี่กล้อง...ถ่ายเสร็จแล้วไม่ใช่รึไง ? ” 

                    คิมเบอร์ลี่แถบจะพ่นลมหายใจออกมา  แววตามองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นเค้าหัวเราะเยาะพร้อมกับใบหน้าที่เลื่อนออกห่างและมือที่กลับไปล้วงกระเป๋าดังเดิม  ได้สติรีบหยิบกล้องที่คล้องอยู่ในคอมาเปิดเอาการ์ดกล้องออก  เค้ารับไปโดยดี  ตั้งท่าเตรียมจะเดินออกจากห้อง  แต่ก็ยังไม่วายหันมาพูดกับเธอก่อนด้วยใบหน้าที่ส่อแววว่าเค้ามั่นใจว่าชนะเธอ

                    “ ทำเป็นปากดี... ” 

                    คิมเบอร์ลี่ยืนนิ่งมองตามร่างของชายหนุ่มที่เดินจากไปจนพ้นประตู้ห้อง  หันกลับมาคิดกับตัวเองอย่างหัวเสียอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  สิ่งสุดท้ายผุดขึ้นมาในหัวจนทำให้คิ้วบางขมวดขึ้นอย่างขัดใจตนเอง...เหอะ...หลงกลเค้าเสียจนได้...
     

    ...................................................................
     

    นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการเท่านั้น
    ไม่ได้มีเจตนาทำให้ศิลปินหรือนักแสดงเสียหาย
    ถ้าผิดพลาดประกานใดขออภัยด้วยค่ะ

     

     

     

     

                  


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×