ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จุดพบกันของหัวใจ...

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ...

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 56





    บทนำ

     

                   “ คุณปริญคะ  มีพนักงานเดินมาบอกว่าท่านประธานให้มาตามไปที่ห้องค่ะ

                    เสียงของ  พิมพา  เลขาคนสนิทของปริญดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก  ปริญที่นั่งก้มดูเอกสารอยู่ในมือเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัยก่อนถาม

                    ตามไปทำไม

                    “ ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

                    ปริญพยักหน้าส่งๆแล้วก้มลงอ่านเอกสารในมือต่อราวกับไม่ได้ใส่ใจ  พิมพาที่เห็นจึงได้แต่ยิ้มเจื่อน  พยายามพูดเตือนขึ้นอีก

                    คุณ...

                    “ ออกไปได้แล้ว ถ้าฉันจะไปเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันไปเอง

                    “ ค่ะๆ ”  พิมพารีบตอบก่อนปิดประตูลงเดินกลับไปที่โต๊ะประจำตำแหน่ง  ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็น อานนท์  ผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเดินตรงมา  หญิงสาวได้แต่คิดว่า  ‘ ซวยแล้วฉัน ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นตอบเมื่อท่านประธานมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วถาม

                    ทำไมปริญมันยังไม่ไปที่ห้องทำงานฉัน

                    “ เอ่อ...คือ...

                    อานนท์ส่ายหน้าเบาๆ  ก่อนเดินเลี่ยงไปที่ห้องเป้าหมายทั้งที่ฟังหญิงสาวพูดไม่จบ  ทิ้งให้พิมพาได้แต่ยืนมองตามอย่างกังวลอยู่ภายหลัง  พร้อมกับบ่นขึ้นเบาๆกับตนเองว่า

                    เอาอีกแล้วพอลูกคู่นี้



                     
                    ปริญยังคงนั่งอ่านเอกสารในมืออย่างใจจดใจจ่อไม่ได้มีท่าทีจะลุกจากเก้าอี้ไปไหน  ไม่นานเสียงประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง  ชายหนุ่มทำหน้าเซ็งก่อนบอกออกไปทั้งที่ยังไม่เงยหน้า


                    นี่ ! พิมพา บอกไม่รู้เรื่องหรือไง  ฉันบอกว่าถ้าฉันจะไปเดี๋ยวฉันไปของฉันเอง

                    “ แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่แกจะไปน่ะ

                    ปริญเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือทันที สายตามีแววประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนมันจะแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากซึ่งใครมองผ่านๆคงเรียกว่าแกล้งยิ้มเท่านั้น

                    โอ้โห ! วันนี้ห้องผมคงเป็นบุญมาสิน่ะครับ  พ่อเดินมาหาผมถึงที่นี่

                    “ แกหุบปากเสียๆของแกไปไอหมาก

                    “ ก็มันจริง...ร้อยวันพันปีพ่อเคยมาห้องผมซะทีไหน  อ้อ !  ผมลืมไป  ไอผมมันไม่ใช่รองประธานบริษัทคนเก่งที่พ่อจะได้เรียกใช้ตลอดเวลา 

                    ปริญพูดพร้อมกับลุกจากเก้าอี้ไปหยุดอยู่ที่หน้าอานนท์  คนเป็นพ่อมองหน้าลูกด้วยแววตาไม่ค่อยพอใจ  แต่ปริญกลับมองนิ่งๆราวกับเคยเห็นมันบ่อยจนชินตา

                    นี่แกหาเรื่องใครไม่ได้ก็เลยหาเรื่องพี่ชายตัวเองสิน่ะ

                    “ หึ ! ”  ชายหนุ่มสบถเบาๆพร้อมพูดต่อ  พ่อก็น่าจะชินแล้วหนิครับ  ไอผมมันก็แค่รองประธานบริษัทอีกคนที่แทบไม่มีบทบาทอะไรเลย  ทำดีให้ตายยังไงก็คงสู้....

                    “ นี่ไอหมากแกหยุด  แล้วตามฉันไปคุยงานที่ห้องได้แล้ว

                    อานนท์บอกพร้อมกับหันหลังกลับเตรียมเดินออกจากห้องไป  แต่เสียงของลูกชายก็ดังมาสะดุดให้เท้าต้องจมอยู่กับที่เสียก่อน
     

                    “ ผมไม่ไป

                    “ นี่แกอย่ามาเรื่องมากได้ไหม  อานนท์หันมาดุ

                    “ ผมไม่ได้เรื่องมาก  แต่ไหนๆพ่อก็มาถึงห้องผมแล้วพูดตรงนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร  ”  ชายหนุ่มตอบหน้าตาเฉยพร้อมกับเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้  แต่ยังไม่วายกวนประสาทอานนท์ต่อ

                    อ้าว  ! พ่อ นั่งสิครับ... อ่อ หรือคิดดูอีกทางพ่อนี่มีมารยาทจริงๆ  ถ้าเจ้าของห้องไม่เชิญให้นั่งก็ไม่นั่ง

                    “ ฉันไม่นั่ง  เพราะฉันมีธุระมาคุยกับแกไม่นานเดี๋ยวก็กลับ  ”  อานนท์บอก  ปริญพยักหน้าเบาๆบ่งบอกว่าไม่เชื่อถือ  ทำเอาคนเป็นพ่ออดโมโหไม่ได้  แต่ก็รีบพูดต่อ

                    งานเลี้ยงต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหญ่จากเชียงใหม่ที่เค้าจะมาพักที่โรงแรมเสาร์ที่จะถึงนี้  ฉันมอบหมายให้แกเป็นคนจัดการเตรียมงานทุกอย่าง  แกอยากได้ตัวพนักงานฝ่ายไหนที่จำเป็นก็ดึงไป  ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวฉันจะให้พิมพาปริ้นท์รายละเอียดมาให้แกอ่านแล้วกัน

                    อานนท์พูดจบก็รีบเดินออกจากห้องไป  ปริญมองตามอานนท์เดินออกจากห้องผ่านกระจกใสหน้าประตูไปจนลับตา  ก่อนจะหันไปมองบรรยากาศยามสายภายนอกที่ดูวุ่นวาย  พลางคิดว่าจะในใจของเค้าก็วุ่นวายไม่ต่างกัน...


     

                    “ นี่ไอบีม งานเลี้ยงตอนรับคณะจากเชียงใหม่คราวนี้พ่อให้ฉันจัดการ  ยังไงแกย้ายมาช่วยงานฉันก่อนนะ

                    ธีรนนท์รีบหันทันทีเมื่อได้ยินเสียงดังข้างตัว  ก่อนจะร้องอ๋อในใจเมื่อเห็นว่าปริญ เพื่อนสนิทของตนเป็นฝ่ายพูดด้วยนั่นเอง

                    แหม ! ไอหมาก ครั้งนี้แกได้งานใหญ่

                    “ หึ ! เค้าคงอยากจะรู้ว่าฉันจะทำมันได้สำเร็จรึเปล่า  เรื่องนี้แกเป็นหนึ่งในคนทำงานบริษัทนี้...ก็น่าจะรู้

                    ปริญตอบพร้อมกับทำหน้าที่บ่งบอกว่าเซ็งอย่างเห็นได้ชัด  ธีรนนท์เห็นแล้วนิ่งรู้ว่าต้องปิดปากเงียบเรื่องนี้โดยเร็วก่อนจะรีบเฉไฉไปเรื่องอื่น

                    เออ ว่าแต่แกมีอะไรเร่งด่วนให้ฉันทำก่อนป่ะล่ะ  วันนี้ฉันว่าง เคลียงานเสร็จตั้งแต่เมื่อคืน

                    “ ก็มี...ฉันว่าฉันอยากได้ช่างถ่ายภาพที่แบบเก่งๆเลย  เอาแบบถ่ายภาพออกมาแล้วดูดีสุดๆ  แกก็รู้ว่างานนี้งานใหญ่  ถ้าฉันพลาด...เค้าคงได้เอาเรื่องนี้มาซ้ำเติมฉันอีกแน่  ว่าฉันมันเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง

                    “ เออๆ เอาน่าๆ แกนี่ชอบพูดเรื่องอะไรที่ทำให้ตัวเองหงุดหงิดอยู่เรื่อย ”  ธีรนนท์รีบค้านขึ้นพลางพูดต่อ แกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันติดต่อช่างภาพเจ๋งๆ  เก่งๆให้  น้องคนนี้ฉันรู้จักดี  ถ่ายภาพได้สุดยอดมาก

                    “ น้อง ? น้องคนไหนของแก

                    “ น้องที่ฉันรู้จัก  เค้าเป็นช่างภาพอิสระ  เป็นน้องรหัสของเพื่อนสนิทฉันตอนเรียนอยู่มหาลัย  เลยสนิทกัน  และฉันได้มีโอกาสเห็นผลงานภาพถ่ายเค้าแล้วชอบ  ถ่ายดี เข้าใจเลือกใช้แสงนู่น นี่ นั่น  อละภาพถ่ายมีสไตล์ของตัวเองดี

                    “ เฮ้ยๆ ไอบีม ! แกจะมาเอาช่างภาพฝึกหัดที่ไหนมาทำงานใหญ่อย่างนี้ไม่ได้นะ  ฉันไม่อยากให้งานฉันพังเพราะช่างภาพคนเก่งของแก  

                    ปริญพูดพร้อมกับชี้ไปที่ตัวเพื่อนหนุ่มอย่างยืนยัน  ธีรนนท์ไม่หวั่นแถมยังพูดต่อ

                    ฝึกหัดที่ไหน  น้องเค้าเป็นช่างภาพอิสระรับงานอยู่แล้วเว้ย  มีคนจ้างงานเค้าตลอด
     

     

     

     

                    “ ถ้าถ่ายภาพดีจริง  มีคนจ้างงานตลอด  ทำไมถึงไม่ไปสมัครเข้าบริษัทไหนสักที่ หรือว่ามีบริษัทไหนติดต่อไปทำงานด้วยเลยล่ะ  จะยังเป็นช่างภาพอิสระอย่างนี้อยู่ทำไม...อ้ะๆ แกไม่ต้องมาทำท่าจะขัดฉัน  ฉันพูดตามความคิดของฉันเอง  นี่ถ้าแกบิ้วฉันอีกนิดหนึ่งฉันจะคิดว่าแกได้เปอร์เซ็นต์ค่านายหน้าจากเค้า  ”   ปริญรีบบอกทันทีเมื่อธีรนนท์ทำท่าจะขัดขึ้น
     

                    ฉันไม่ได้ขัดไอหมาก  แต่ที่น้องเค้าไม่ทำงานประจำในบริษัทเป็นเพราะว่าน้องเค้าตัดสินใจไม่ทำเอง  แกคิดว่าจะไม่มีบริษัทติดต่อไปหาเค้าเลยรึไง ? น้องเค้าไม่ทำเองมากกว่า   

                    “ เออว่ะ ! ไอน้องช่างถ่ายภาพของแกคนนี้นี่ก็แปลก  หรือว่าเป็นบ้า ”  ปริญหยุดพูดพร้อมกับทำมือทำไม้ประกอบ   ว่างๆแกก็อย่าลืมลองถามบ้างนะ

                    “ ปากน่ะไอหมาก  ถ้าแกไม่เชื่อ เดี๋ยวฉันจะลองเอาภาพถ่ายที่น้องเค้าถ่ายมาให้ดู

                    “ ไม่ต้องๆ แกเอาน้องคนเก่งของแกมาลองถ่ายสถานที่จริงที่จะใช้ในวันงาน ก่อนวันศุกร์นี้  ถ้าฉันดูแล้วฉันถูกใจฉันจ้าง  แต่ถ้าฉันดูแล้วไม่ได้เรื่อง แกต้องพาน้องแกกลับไป  ตกลงตามนี้ "

                    ปริญสรุป พูดเองเออเองก่อนเดินจากไป  ปล่อยให้ธีรนนท์ได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจเพื่อนตัวเอง...


     

                     
                    คิมเบอร์ลี่นั่งดูรูปในกล้องดิจิตอลของตนเองอยู่ที่ม้านั่งหน้าบ้าน  ไม่นาน ทัตธน  น้องชายของตนเองก็เดินออกมาจากภายในบ้าน  พอเห็นพี่สาวนั่งอยู่ก็รีบทักขึ้นทันที


                    อ้าว พี่คิม กลับมาแล้วเหรอ

                    “ สักพักแล้วล่ะ  เอ้อโซ่  พี่ซื้อขนมปังสังขยาของโปรดเรามา  วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวนะ  แล้วนี่เดินลงมาจากข้างบนเหรอ  เห็นแม่บ้างไหม

                    “ แม่เอากับข้าวที่ทำแบ่งไปให้ที่บ้านป้าดา  สงสัยอยู่คุยกันมั้ง  ไม่งั้นบ้านติดกันแค่นี้คงไม่ไปนาน

                    คิมเบอร์ลี่พยักหน้าเข้าใจ   พลามอมยิ้มส่งให้น้องชาย  และก้มลงมองรูปภาพภายในกล้องของตนเองต่อ

                    พี่คิม  ถามหน่อยสิ ”  ทัตธนพูดขึ้น  คนที่เป็นพี่สาวจึงหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอย่างสงสัย

                    ทำไมพี่ถึงชอบถ่ายรูปล่ะ ”  คนพี่ฟังแล้วยิ้มนิดๆก่อนตอบ

                      อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบกว่าปี  ทำไมไม่เห็นเคยถาม ”  ธัตธนยังคงฟังนิ่ง  มีนาจึงพูดต่อ พี่รู้สึกมีความสุกเมื่อได้มองอะไรผ่านเลนส์กล้อง  แล้วพอได้ดูถ่ายที่เราล้างมาและรู้ว่ามันเป็นรูปที่ถ่ายจากมือเราจริงๆ  มันก็อดรู้สึกดีไม่ได้

                    “ แล้วพี่คิมจะเป็นช่างภาพอิสระอย่างนี้ไปเรื่อยๆเลยเหรอ

                    “ ก็คงงั้น  พี่ชอบถ่ายไปเรื่อยๆอะไรอย่างนี้มากกว่า ทำในบริษัทกดดัน ถเ้าเรารับงานเดี่ยวๆ คนที่จะมาจ้างเค้าคงต้องเชื่อมือเราจริงๆถึงมาจ้าง มันทำให้พี่สบายใจกว่า  และตอนนี้รายรับที่พี่ได้มันก็พอจะให้ครอบครัวเราพออยู่ได้  อีกอย่างแม่ร้อยพวงมาลัยไปส่งทุกวันๆ  พี่ว่างพี่ก็เอาไปส่งให้ที่ร้านได้  แม่จะได้ไม่ต้องลำบาก  แค่นี้แม่ก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว

                    ทัตธนพยักหน้าเข้าใจ  ไม่ซักถามอะไรต่อ  ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้จึงรีบพูดขึ้น

                    เอ้อ พี่คิม เมื่อกี้พี่บีมโทรเข้าโทรศัพท์พี่ที่วางไว้หน้าทีวี   บอกว่าจะคุยเรื่องงาน  จะจ้างพี่ไปถ่ายรูปที่งานอะไรสักอย่าง  แต่โซ่เป็นคนรับบอกว่าพี่ออกไปซื้อของข้างนอก

                    “ อ๋อ  ไว้เดี๋ยวพี่ติดต่อกลับไปหาพี่บีมเองแล้วกัน  สงสัยจะให้พี่ไปช่วยงานหรือจ้างพี่ไปทำงานมั้ง

                    คิมเบอร์ลี่หันไปบอกกับน้องชายพร้อมกับยกยิ้มมุมปากกับข่าวดีที่ได้รับ...
     

    ...........................................................................



    นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการ   
    ไม่ได้มีเจตนาทำให้ศิลปินหรือนักแสดงเสียหายนะคะ 
    อ่านแล้วเป็นยังไง แนะนำหรือติชมได้ค่ะ  ^^

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×