ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จุดพบกันของหัวใจ...

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 56




    4

     


                   คิมเบอร์ลี่ตื่นนอนในช่วงเช้าของวันเพื่อไปรับดอกมะลิที่แม่จะนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยที่สวนเป็นปกติของทุกวันที่อยู่บ้าน  สายๆในขณะที่กำลังวุ่นอยู่กับการเลือกภาพให้ลูกค้าที่จ้างหญิงสาวไปถ่ายเมื่อประมาณสองวันก่อนเสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น  หญิงสาวมองชื่อแสดงปลายสายว่า  พี่ติ๊ก   รุ่นพี่ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็แปลกใจเล็กน้อยแต่ก็รีบกดรับ
     

                    สวัสค่ะพี่ติ๊ก
     

                    สวัสดีจ้ะน้องคิม  ไมได้โทรมานานเลย   ปลายสารพูดเสียงสดชื่น  หญิงสาวจึงได้แต่อมยิ้มในขณะที่กำลังถือสายอยู่  วันนี้ตอนค่ำๆ คิมว่างรึเปล่า ? ”
     

                    ว่างค่ะ  พี่ติ๊กมีอะไรรึเปล่าคะ   หญิงสาวถามออกไป
     

                    พอดีที่ร้านพี่กำลังจะปรับปรุงพวกป้ายรายชื่ออาหาร ป้ายโปรโมตใหม่หมด  พี่เลยกะว่าจะจ้างน้องคิมให้มาช่วยถ่ายรูปให้สักหน่อยนะจ้ะ  พอดีเดี๋ยวพรุ่งนี้จะส่งไปให้ร้านเค้าทำแล้ว
     

                    “ ได้ค่ะ  งั้นเดี๋ยวสักประมาณหกโมงเย็นคิมจะเข้าไปที่ร้านนะคะ

     

     

                    หญิงสาวบอกแค่นั้น  ฟังพี่ติ๊กพูดอีกนิดหน่อยก็วางสายลง  นึกดีใจที่มีงานให้ทำ  อย่างน้อยก็น่าจะพอมีรายได้และนำมาช่วยค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้บ้าง



                     คิมเบอร์ลี่มาตรงเวลาเป๊ะ  หกโมงเย็นหญิงสาวก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นบนชั้นสามของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง  คิมเบอร์ลี่มองป้ายชื่อหน้าร้านเมื่อมั่นใจว่าไม่ผิดแน่ก็เดินเข้าไป


                  

                      ภายในร้านค่อนข้างกว้างแต่ถูกจัดแต่งได้อย่างลงตัว  ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ที่เรียกว่าเป็นโซฟาถูกจัดแต่งกันดูเข้าชุดและแยกเป็นส่วนๆให้ความเป็นส่วนตัวได้อย่างชัดเจน  ที่ผนังของร้านถูกทาเป็นสีส้มอ่อนๆตัดกับแสงไฟสีขาวภายในร้านดูสบายตา  และยังมีภาพเมนูอาหารขนาดใหญ่ติดโชว์อยู่ที่ผนังอีกด้วย
     

                    คิมเบอร์ลี่เห็นพี่ติ๊กของเธอเดินจากเคาวเตอร์และยิ้มมาแต่ไกล  ยังไม่ทันที่พี่ติ๊กจะเข้าถึงตัวด้วยซ้ำสายตาหญิงสาวก็ไปสะดุดกับโต๊ะลูกค้าตัวหนึ่งที่อยู่ทางขวามือในขณะที่เธอกำลังจะเดินผ่าน
     

     

     

                    ปริญมากับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอไม่คุ้นหน้าและมั่นใจว่าไม่เคยเจอหรือรู้จักกันมาก่อน  หญิงสาวคนนั้นที่คิมเบอร์ลี่คาดว่าน่าจะเป็นแฟนของปริญเธอว่าจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยเลยทีเดียว  ใบหน้าคมอยู่ภายใต้เครื่องสำอางที่ถูกตกแต่งจัดจ้านเข้ากับบุคลิก  ไหนจะชุดที่หญิงสาวใส่ที่เป็นเดรสสีแดงสดและสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเกินสองคืบ ยังไม่รวมรองเท้าส้นสูงสีดำที่สูงจนคิมเบอร์ลี่คิดว่าถ้าเธอใส่คงเดินต่อไม่รอดตั้งแต่ก้าวสองก้าวเป็นแน่  และไหนจะผมยาวเลยบ่าลงมาเล็กน้อยที่หญิงสาวผู้นั้นย้อมให้เป็นสีทองทั้งหัวพร้อมกับดัดเป็นลอนใหญ่ๆอีก

                   คิมเบอร์ลี่มัวแต่พิจารณาการแต่งตัวของหญิงสาวตรงหน้าจนไม่ทันมองว่าสายตาของปริญหันมาเจอกับเธอเช่นกัน  ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นหญิงสาวที่นี่  แต่พอสายตาของคิมเบอร์ลี่เลื่อนมาสบเข้าก็รีบแสะยิ้มส่งๆอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนักใส่ทันที  คิมเบอร์ลี่จึงได้แต่ถอนหายใจและเดินเลี่ยงไป


     

     

                    ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะหมาก  เมื่อกี้มิ้งค์เห็นเค้ามองคุณแล้วคุณก็ยังทำหน้าไม่พอใจใส่เค้าอีก
     

                    ปริญชะงักมองตามร่างหญิงสาวที่ว่าจนเธอหายเข้าไปในห้องครัวที่อยู่หลังเคาวเตอร์ของร้าน  นึกขึ้นได้จึงรับหันมาตอบหญิงสาวตรงหน้า
     

                    เปล่า  ไม่มีอะไร...พอดีผู้หญิงคนนั้นผมไม่ค่อยชอบหน้านิดหน่อย   ปริญตอบราวกับว่าเป็นเรื่องไร้สาระก่อนจะหันไปสนใจกับอาหารของตนเองต่อ 
     

                    ให้มิ้งค์จัดการให้ไหมคะ ?  รับรองว่าน่าจะถูกใจคุณ  
     

                    มิ้งค์พูดพลางส่งยิ้มร้ายยืนยัน  ปริญเงยหน้าขึ้นมามองแล้วแสะยิ้ม  ไม่คิดจะห้าม พลางพยักหน้าน้อยๆ
     

                    ตามใจ...




     

                    ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าได้กว่าคิมเบอร์ลี่จะไล่ถ่ายรูปอาหารญี่ปุ่นนับสิบที่ทยอยส่งออกมาจากในครัวเสร็จ  หญิงสาวลาพร้อมกับรับเงินค่าจ้างที่พี่ติ๊กยืนยันว่าจะให้เสร็จสรรพก็บอกลาเตรียมเดินทางกลับสู่จุดมุ่งหมายคือบ้านของเธอ
     

                    คิมเบอร์ลี่เดินออกมาจากห้องครัวตรงสู่ทางออกของร้าน  แต่อยู่ดีๆเสียงแหลมแต่เฉียบขาดก็ดังขึ้นข้างตัวขณะที่เธอกำลังจะเดินผ่านโต๊ะของปริญเสียก่อน
     

                    เดี๋ยวก่อน !
     

                    เท้าของคิมเบอร์ลี่หยุดชะงักทันที  เธอไม่แม้แต่จะหันไปมองจึงได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆรอฟังธุระของคนที่เรียกเธอไว้
     

                    หมากเค้าบอกฉันว่าไม่ค่อยชอบหน้าเธอ   มิ้งค์  หญิงสาวที่คิมเบอร์ลี่คิดไว้ว่าเป็นแฟนของปริญพูดขึ้นพร้อมกับเดินมาหยุดยืนตรงหน้า 
     

                    ฉันเลยรู้สึกหมั่นไส้เธอแทนหมากขึ้นมา


                    หญิงสาวว่าพร้อมกับชำเลืองมองไปทางแฟนหนุ่มหวังจะพูดเอาใจซึ่งเธอคิดว่าชายหนุ่มก็เห็นดีเห็นงามด้วย  ซึ่งปริญก็ได้แต่นั่งมองนั่งจุดยิ้มขึ้นที่มุมปากไม่คิดจะห้ามแม้แต่น้อย
     

                    ซ่า !
     

                    เสียงน้ำจากแก้วน้ำทรงสูงถูกสาดเข้าไปบนใบหน้าของคิมเบอร์ลี่อย่างเต็มแรงเหวี่ยงของแฟนสาวของปริญ   คิมเบอร์ลี่ยืนนิ่งไม่โต้ตอบ  ใช้มือไล่ปัดน้ำออกจากผมและใบหน้าอย่างใจเย็นไม่สนใจลูกค้าโต๊ะอื่นๆที่พากันตกใจและหันมามองเธอเป็นตาเดียว  ปริญทีเห็นเหตุการณ์ชะงักไปเล็กน้อยอย่างแอบตกใจและยิ่งเห็นถึงความใจเย็นและไม่มีแม้แต่คำพูดสักคำหลุดออกมาจากปากหญิงสาวก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก
     

                    น้องคิม ! เป็นอะไรมากไหม
     

                    พี่ติ๊ก  เจ้าของร้านผู้ที่จ้างเธอมาวันนี้  รีบถลาเข้ามาหาหญิงสาวพลางถามขึ้นอย่างร้อนรนและตกใจ  พลางมองไปที่มิ้งค์ซึ่งยืนถือแก้วน้ำท่าสะใจอยู่และเตรียมจะเข้าไปว่าเต็มที่
     

                    คิมไม่เป็นอะไร  อย่าให้เป็นเรื่องเลยค่ะ
     

                    คิมเบอร์ลี่บอกเสียงนิ่งพร้อมกับชำเลืองตามองไปที่ปริญซึ่งยืนนิ่งมองอยู่
     

                    คิมขอตัวนะคะพี่ติ๊ก
     

                    คิมเบอร์ลี่บอกพร้อมกับยกมือไหว้และเตรียมจะเดินออกไป  แต่มิ้งค์ก็ยังมิวายทำมาเป็นยืนขวางรวมถึงส่งสายตาที่มองยังไงก็เห็นถึงความดูถูก  คิมเบอร์ลี่จ้องมองใบหน้าสวยคมตรงหน้านิ่งอย่างไร้ความรู้สึกก่อนจะเดินเลี่ยงไป

                        มิ้งค์หันกลับมาเตรียมจะยิ้มให้ปริญแต่ก็เห็นชายหนุ่มยืนสบถอะไรบางอย่างกับตัวเองเบาๆและทำท่าจะเดินจากไป  หญิงสาวตกใจจึงรีบคว้าเข้าที่แขนไว้ก่อน

                    “ นี่หมากจะไปไหนคะ

                   “ จะกลับแล้ว   ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบติดรำคาญ

     

                    กลับได้ไงคะ  เราเพิ่งทานกันได้ไม่นานเองนะ   หญิงสาวถามเสียงหวาน  ปริญเงยหน้ามองเพดานกรอกตาไปมาอย่างเบื่อๆ  ก่อนจะก้มลงหยิบกระเป๋าสตางค์ที่พกอยู่ตลอด  หยิบเงินจำนวนหนึ่งขึ้นมามากพอสมควร


                    “ ถ้ามิ้งค์อยากจะกิน  มิ้งค์อยู่กินต่อแล้วหารถกลับเองแล้วกัน  ส่วนผมจะกลับแล้ว  ขอตัว
     

                    ปริญบอกแล้ววางเงินไว้บนโต๊ะพลางเดินเร็วเลี่ยงไป  ปล่อยให้มิ้งค์ได้แต่ยืนมองโวยวายเสียงดังตามหลัง  พอเห็นสายตาของคนที่มองมาโดยรอบจึงได้แต่ก้มหน้าอย่างอับอายและนั่งลงอย่างสงบแต่โดยดี

      
                                              .................................................................................

                                                                                                              นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการเท่านั้น  
                                                                                                                      ไม่ได้มีเจตนาทำให้ศิลปินเสียหาย

                                                                                                          หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ ^^

     



     

      



     

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×