ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าหญิงเอาแต่ใจ vs เจ้าชายอสูร

    ลำดับตอนที่ #1 : พารากอล ความงามแห่งรุ่งอรุณ

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 48


    เจ้าหญิงเอาแต่ใจ   vs  เจ้าชายอสูร



    โดย   เจ้าหญิงสีฟ้า





                  เหมือนถูกฟ้ากลั่นแกล้ง   เพราะจู่ๆ เจ้าหญิงแสนซน  ก็เดินไปสะดุดกับ  พ่อมดน้อยเข้า   แถมยังถูกคำสาบอีกด้วยว่า   เมื่อเติบโตขึ้นจะต้องตกเป็นทาสความรักของเขา

                  เป็นฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนทุกค่ำคืน  นับสิบปี  ตั้งแต่เล็กจนโต   ดวงตาสีเขียวมรกตของพ่อมดสติไม่ดีคนนั้น   ยังชัดเจนอยู่ในใจ



                  และเหมือนฟ้าแกล้งอีกครั้ง   เมื่อเจ้าชายอสูรผู้โหดเหี้ยมและไม่เคยรักใคร   มาขอเจ้าหญิงแสนซนไปเป็นราชินี



                  คงต้องหนีไปให้ไกลสุดฟ้า   ……..  ให้รอดพ้นจากคำสาปและเจ้าชายอสูรชั่วร้าย





    ตอนที่   1   พารากอล  ความงามแห่งรุ่งอรุณ





    ความนำตอนที่  1  บท  1  

                  (  มนตราแห่งความมืดดำ    จะเดินทางมาถึง   ความรักจะชักพาให้หัวใจต้องแตกสลาย    ตกอยู่ในทะเลที่ร้อนดังเปลวเพลิง   หนาวเย็นยิ่งกว่าอยู่ท่ามกลางหิมะ  ไม่มีทางออก  ดวงจิตจะดับสลายและทุกทรมานไปชั่วกาล  )



      

                   *****************************************************

                

                   ณ   ดินแดนอันไกลโพ้น   เหนือทะเลสีคราม     สูงสุดยิ่งกว่าเหนือเส้นของฟ้า    บนดวงดาวดวงหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากโลกนับแสนล้านปีแสง     พารากอล  คือเมืองเล็กๆ  อยู่ภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรเบอร์มัสที่ยิ่งใหญ่

                  บัดนี้ดวงตะวันโผล่พ้นจากเส้นของฟ้า   ขุนเขาน้อยใหญ่ที่โอบคลุมไปด้วยไอหมอกสีขาวเริ่มคลี่ตัวออกจากกัน เมื่อความอบอุ่นสีทองแตะแต้มไปทั่วทุกอณูพื้นที่

                  ดอกไม้  ใบหญ้าที่เหน็บหนาวถูกระบายไว้ด้วยหยาดน้ำค้าง  คล้ายตื่นจากการหลับไหลอันยาวนานตลอดทั้งคืน   สีสันอ่อนบางสดใสชูช่อรับความอบอุ่นที่กำลังเดินทางมาเยือน







                  พารากอล  ดินแดนที่พระอาทิตย์สาดแสงลงมาเป็นแห่งแรก  คือความงดงามของรุ่งอรุณ  

                 การเริ่มต้นของชีวิตในเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นอีกครั้ง    ผู้คนอาศัยอยู่ร่วมอย่างสงบสุขร่มเย็นนานมา   ด้วยการปกครองของราชาแอสดีน  ซึ่งมีราชินีคลอรินผู้งดงามและโอบอ้อมอารีอยู่เคียงข้าง  

                  บ้านเรือนหลังน้อยใหญ่  ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด   ตั้งรายล้อมปราสาทพารากอลเอาไว้คล้ายกับหวงแหนสิ่งมีค่า



                  เบื้องหลังกำแพงสูง  คือ ปราสาทสีขาวอันยิ่งใหญ่  รูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นอ่อนช้อยงดงาม   มีพระราชวังและตำหนักหลายหลังสร้างจากหินอ่อนและตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น

                  อาคารยอดแหลมบนหอคอยสูงที่ตั้งอยู่โดดเด่น  ด้วยเนื้อปูนสีขาวและตัดด้วยขอบสีฟ้าอ่อนนั้นคือ  ห้องนอนของ ธิดาองค์เล็ก   นามว่า เดลิเดเนีย  เจ้าหญิงแสนซนผู้เอาแต่ใจอย่างยิ่งยวด







                  บนเตียงนอนเนื้อดี  คลุมไว้ด้วยผ้าไหมลวดลายแปลกตา   ที่ถักทอขึ้นมาจากเส้นด้ายด้วยความประณีตบรรจงนั้น   ร่างเล็กในชุดสีขาวสะอาดตากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่   ใจจดจ่ออยู่ที่ข้าวของสำหรับเดินป่ามากมาย  ไม่ว่าจะเป็นตะเกียง   ธนูกับลูกดอกอันจิ๋ว  เชือกป่าน  กริชลงอาคม   ย่ามสำหรับบรรจุของ   ฯลฯ

    \" เดเนีย   ทำสิ่งใดอยู่หรือนั่น  \"  องค์หญิงฟีนน่า  ผู้ซึ่งเป็นพี่สาวและธิดาองค์โตแห่งพารากอน  เดินผ่านความมืดสลัวเข้ามาในห้องนอนของน้องสาวเงียบๆ  เอ่ยถามพลางชะโงกหน้ามองข้าวของที่วางกระจัดกระจาย

                  รุ่งเช้าท่านพ่อและท่านแม่จะพาไปเที่ยวค้างแรมในป่า   เพราะทนคำรบเร้าของเดเนียไม่ไหว   เธอจึงแวะเข้ามาดูน้องสาวเพียงคนเดียวเพราะรู้ดีว่าต้องมีแผนการอะไรไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งแน่นอน  

    แล้วก็เป็นจริงดังคาด   เดเนียยังไม่ยอมเข้านนอนและคงจะหาทางนำสิ่งของต้องห้ามเหล่านี้ออกนอกปราสาทติดตัวไปด้วยอีกตามเคย





               ความซุกซนของเดเนียมักจะมีเกินเด็กหญิงวัยเดียวกันเสมอ   แม้จะถูกห้ามปราม  แต่สุดท้ายก็ต้องหาทางออกไปเที่ยวเล่นตามใจนึก จนได้  ถึงแม้รู้ดีว่ากลับมาต้องถูกทำโทษ  ไม่มีวี่แววว่าเจ้าตัวจะเข็ดหลาบเลยแม้แต่นิดเดียว

                  ความสนุกสนานย่อมมาก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด

    \"  เตรียมการสำหรับเดินป่าอย่างไรล่ะค่ะท่านพี่  \"  คนถูกถามเงยหน้ามองพี่สาว   ยิ้มแล้วตอบคำถาม

    \"  นี่เจ้าจะลอบหนีออกไปเที่ยวอีกแล้วหรือ  คราวที่แล้วท่านพ่อจับแล้วก็ถูกกักบริเวณมาหนหนึ่งแล้วนะ   ถ้ายังดื้ออีก  รู้ใช่ไหมว่าต้องถูกเรียกเวทย์มนต์กลับคืน  \"  

                  เมื่อพูดถึงเรื่อง  ที่จะไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ได้อีก   เดเนียจึงเงียบงันครุ่นคิดทบทวนในใจ

                  ถ้ามีเวทย์มนต์แล้วไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์จะมีไปทำไมล่ะ   ถึงจะใช้ไปในทางที่ไม่ค่อยเข้าท่าก็ยังดีกว่าไม่ใช้เลย

    \"  เล่นกับพวกนั้น  น่าเบื่อจะตายไป  คอยห้ามปรามน้องทุกอย่าง  ไม่สนุกเลย  \"





    \"  เจ้าเลยจะใช้เวทย์มนต์  เพื่อหนีเที่ยว  \"  

    \"  ท่านพี่มีจิตใจที่งดงาม   ไม่ด้อยไปกว่ารูปกาย  น้องเชื่อเหลือเกินว่า  เรื่องนี้จะต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับอย่างแน่แท้  \"   ธิดาองค์น้อยประจบเอาใจผู้เป็นพี่  

            

                  แต่สิ่งที่เอ่ยออกมาก็ล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น  ดวงตากลมโตสดใสของเดเนียมองดูร่างเล็กในชุดขาวกระโปรงยาวปักลูกไม้ทั้งตัวอย่างชื่นชม  

                  ฟีนน่านั้นเป็นเด็กหญิงที่งดงามทั้งกายและใจ   มีดวงตาสีฟ้าสวย  เส้นผมน้ำตาลแสนนุ่มอ่อนหยักสลวยลงมาจนถึงกลางหลัง  ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูราวกลับกลีบกุหลาบอ่อนบาง  



                  หากเติบโตขึ้น   ฟีนน่าต้องเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่งกว่าเจ้าหญิงของเมืองใด อย่างแน่แท้    แม้จะเป็นเด็กหญิงเช่นนี้ก็ยังสวยงามยิ่งนัก

                  แตกต่างกันกับเธอที่เป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดา  ที่ไม่น่ารักอ่อนหวานเอาเสียเลย



    \" ในป่าใหญ่ เต็มไปด้วยอันตรายและสัตว์ร้าย  ไม่กลัวบ้างหรือไร  \"  ผู้เป็นพี่  พยายามเกลี้ยกล่อมน้องสาวจอมซนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง    พลางขึ้นมานั่งบนเตียงนอนเคียงข้าง  มือเล็กหยิบกริชลงอาคมขึ้นมาดู    เป็นสิ่งที่เธอไม่ปรารถนาจะครอบครองเลย   เดเนียชื่นชอบอาวุธที่อันตรายอย่างนี้ได้อย่างไรกัน

    \" น้องมีทั้งธนู  กริชลงอาคม  และเรียนฟันดาบจนถึงขั้นสามแล้ว  ไม่ยอมถูกทำร้ายฝ่ายเดียวอย่างแน่นอน  \"  









                  ฟีนน่ามองดูน้องน้อย  ด้วยความรู้สึกหวั่นเกรง   ถึงแม้เดเนียจะเรียนวิชาการต่อสู้มาบ้างแต่ก็ยังเล็กเกินกว่าที่จะปกป้องดูแลตัวเองได้   ไม่นานมานี้   คำทำนายที่ได้ยินเข้าโดยบังเอิญซึ่งเป็นคำพูดของหมอดูประจำเมือง    ตอนที่เดินผ่านห้องสวมมนต์ใหญ่นั้น     ยังดังก้องอยู่ในหัวใจ    

                  \"    มนตราแห่งความมืดดำ    จะเดินทางมาถึง   ความรักจะชักพาให้หัวใจต้องแตกสลาย  ตกอยู่ในทะเลที่ร้อนดังเปลวเพลิง   หนาวเย็นยิ่งกว่าอยู่ท่ามกลางหิมะ  ไม่มีทางออก  ดวงจิตจะดับสลายและทุกทรมานไปชั่วกาล   \"  



                  ด้วยเหตุนี้  ท่านพ่อท่านแม่  จึงต้องคอยตามดูแลเดลิเดเนียอย่างใกล้ชิด  ไม่ปล่อยให้อยู่เพียงลำพัง  ด้วยเกรงว่าจะพบเจอกับมนต์ดำนั้นเข้า

                  น่าแปลกที่หลังจากวันที่ท่านหมอดดูทำนายดวงชะตาของเดเนียเพียงไม่กี่วัน  ก็หายตัวไปอย่างลึกลับคล้ายคนที่ตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น   เรื่องนี้สร้างความกังวลใจแก่ท่านพ่อและท่านแม่อย่างที่สุด  เพราะถึงแม้จะมีหมอดูที่เก่งกาจสักเพียงใดมารับอาสาแปรเปลี่ยนดวงชะตาแห่งความเลวร้ายนี้   ทุกคนก็มีจุดจบที่ไม่ต่างกัน



                  

                  พี่ได้แต่หวังและรอคอยว่า  ในวันหนึ่งข้างหน้าจะมีผู้วิเศษที่เก่งกาจหาญกล้า   นำพาให้ตัวน้องหลุดออกมาจากบ่วงกรรมนี้ได้  



                  พระผู้เป็นเจ้าโปรดคุ้มครองเดลิเดเนียด้วยเถิด         อย่าให้ต้องมีเรื่องเลวร้ายใด  เกิดขึ้นกับน้องของพี่เลย





                          ********************************************



                  ท่ามกลางไพรกว้าง   ความมือมิดปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่  แสงของพระจันทร์โรยตัวหม่นต้นไม้ใหญ่ถูกสายลมกลางคืนโบกพัดผ่านไปมาคล้ายมือของปีศาจ ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ผ่านมาได้ทุกเวลา

                  แต่ท่ามกลางความมิดมิดที่น่ากลัว   ก็ยังคงมีแสงสว่างที่สวยงามซ่อนอยู่

                  น้ำตกสายรุ้ง   คือปรากฏการที่งดงามอยู่เคียงคู่เมืองพารากอลมานานก่อนที่จะมีผู้คนอาศัยอยู่เสียด้วยซ้ำ    ความสูงไต่ระดับขึ้นไปเป็นชั้นๆ   กระแสน้ำที่รินไหลลงมาค่อนข้างแรงเมื่อกระทบเข้ากับก้อนหินสีเทาต่างระดับ  ทำให้น้ำแตกกระเซ็น   เมื่อต้องแสงจากพระจันทร์จึงเกิดประกายวับวาวราวกับรุ้งหลากสีขึ้นมา  

                  ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคู่หนึ่ง   ยืนอยู่ที่ชั้นล่างสุดของน้ำตกสายรุ้ง   ดวงตาแห่งความชั่วร้ายจ้องมองยังท้องน้ำที่ไหลเชี่ยวกราดรุนแรง

    \"   ท่านฮีนเตอร์   ….  ข้าว่ามันคงไม่รอดแล้ว  ตกจากหน้าผาที่สูงชันเช่นนี้   ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ที่ร่างกายใหญ่โตและแข็งแรงก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น  สายน้ำลึกรุนแรงเชี่ยวกราด  อีกทั้งก้อนหินสวยงามก็แหลมคม  อาจไม่เหลือซากเลยด้วยซ้ำ  \"   ชัฟฟ์ชายหนุ่มร่างใหญ่โตในชุดเกราะของอัศวิน   ผู้ซึ่งเป็นองค์รักษ์    เอ่ยบอกผู้เป็นนาย





    \"  อย่าชะล่าใจไป   ถึงมันจะเป็นเด็กแต่ก็มีสายเลือดของปีศาจที่ดุร้ายและเข้มแข็ง   เจ้าไม่เห็นหรือไงตอนที่มันต่อสู้กับเรา   พลังในแววตาของมันไม่เคยอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย  ถึงแม้ร่างกายจะบอบช้ำสักเพียงใดก็ตาม  \"  

    \"  แต่ท่านก็ฟาดฟันมันด้วย ดาบชีต้าแล้ว  \"

    \"  หากไม่เห็นว่ามันตายไปต่อหน้า  ข้าก็ไม่อาจวางใจได้   …..  \"   ราชฮีมเตอร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง   หวนคิดถึงคำทำนาย    สิ่งที่ต้องการก็คือการครอบครองทุกราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่   มีพลังแกร่งกล้ายิ่งกว่าผู้ใด   ผู้คนต่างก้มหัวให้อย่างจำนน  และสิ่งที่สำคัญอย่างที่สุดก็คือ  ความเป็นอัมตะอยู่เป็นนิรันดร์    ถึงแม้ผู้คนต้องเดือดร้อนล้มตายเพราะสงครามสักเท่าไรก็ตาม    เพื่อให้ได้ทุกอย่างมาชีวิตของมนุษย์ก็ไร้ค่ายิ่งนัก  



                  แต่ในค่ำคืนหนึ่งเขาก็พบเจอ เด็กชายผู้ซึ่งมีดวงตาสีเขียวมรกตคนหนึ่งในความฝัน    เด็กคนนั้นจ้องมองมาด้วยแววตาคมกล้า   ก่อนที่จะฟาดดาบมรกตมาบนร่างของเขา   เมื่อได้ทันได้หลบเลี่ยงจึงยกแขนซ้ายขึ้นมาปกป้อง  ปลาบดายนั้นกรีดลงมาบนท่อนแขน   ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่ทุกเนื้ออณูของร่างกาย  …….  ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส  

                  แล้วรุ่งอรุณก็ปลุกขึ้นมาเสียก่อน  ที่ความฝันนั้นจะจบลง



                  เขารู้สึกเจ็บแปลบที่ท่อนแขน  และเมื่อก้มลงมองดูนั้น   หัวใจก็กระตุกวูบ

                  ลำแสงสีเขียวมรกตขีดเป็นเส้นตรงอยู่คล้ายถูกฟาดฟัน   แต่เพียงครู่เดียวลำแสงนั้นก็จางหายไป    ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมาดังเดิม   ไม่มีรอยแผลจากดาบมรกตเล่มนั้นอีก

                  

                  เมื่อให้อสูรผู้เป็นบริวาร   ทำนายความฝัน    มันทำให้เขาเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา



    \"   ผู้ซึ่งมีดวงตาสีเขียวมรกต   จะกระชากดวงวิญญาณของท่านไปสู่ห้วงนรก  ชั่วกัปล์ชั่วกาล  \"  



                  ด้วยเหตุนี้    จึงต้องตามล่าและฆ่ามันให้ตายเสียก่อน   ที่จะเป็นฝ่ายถูกฆ่าเสียเอง



    \"  ข้าไม่ต้องการให้มันได้เติบโตขึ้น   เพื่อมาโค่นล้มข้าในวันหน้า  มันมีทั้งเชื้อสายของเทพ  มนุษย์ และ ปีศาจร้ายผสมอยู่ด้วยกัน    ซึ่งโหดเหี้ยมและชาชินกับการเข่นฆ่าและคาวเลือดไม่ต่างกับเรา   แม้เป็นเด็กก็ยังร้ายกาจเพียงนี้  เมื่อมันเติบโตขึ้น   ….  ห้วงจักรวาล  อาจถูกมันครอบครอง    ..ข้าเลยต้องข้ามันเสีย  \"   ราชาฮีมเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

    \"  แล้วท่านจะทำเช่นไรต่อไป   บางทีศพของเด็กนั่นอาจถูกกระแสน้ำพัดพาไปแล้วก็ได้   มันบาดเจ็บสาหัส   คงรอดยาก   หากไม่มีปาฏิหาริย์   ……  เพียงถูกปลายดาบชีต้าของท่านฟาดฟัน  ก็คงตายลงไปอย่างไม่ทันที่จะรู้สึกเจ็บปวดด้วยซ้ำ   \"  



                  ราชาฮีมเตอร์มองดู   ดาบชีต้าที่อาบเลือดในมือของตัวเอง  

                  ดาบเล่มนี้อาบเลือดมานับไม่ถ้วนแล้ว  นับวันก็ยิ่งมีพลังมาขึ้นเมื่อได้เสพเลือด   เมื่อเจ้าครองนครผู้เก่งกาจยังไม่อาจมีชีวิตรอดเมื่อต่อสู้กัน    แล้วเด็กผู้ชายตัวเล็กและสามารถเอาชีวิตรอดได้อย่างไร   บางที   อาจวุ่นวายใจและระแวงไปเองก็เป็นได้



                  ดวงตาอำมหิตมองสูงขึ้นไปยังน้ำตกเบื้องหน้าอีกครา    ร่างน้อยหากร่วงลงมาก็คงแหลกละเอียดไปหมดแล้ว    สูงชันมากมายเช่นนี้

                  มันคงตายไปแล้ว      ไม่มีประโยชน์ที่จะรอดู    ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอีกมากมาย   ……  สงครามกำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง…และอีกครั้ง  ด้วยความหิวกระหายเลือดและชัยชนะ





                  

                  จักรวาลกำลังจะถูกความชั่วร้ายครอบงำ   ผู้เดียวซึ่งสามารถแปลเปลี่ยนชะตากรรมที่เลวร้ายได้    



                  บัดนี้ถูกกลืนหายไป  กับสายน้ำที่บ้าคลั่ง



                                 ****************************************************



                   เมื่อเดินทางจาก ปราสาทพารากอน    เมืองหลวงมาสู่ชายป่าด้านทิศตะวันออก  กินเวลาไปเกือบครึ่งค่อนวัน    

                  ผู้ปกครองนคร     ราชินี   และลูกน้อยทั้งสองนั่งอยู่บนรถม้า   มีอัศวินผู้เข้มแข็งคอบควบคุมม้าตัวโตแข็งแรงทั้งสองตัวอยู่

                  บ่อยครั้งที่เดลิเดเนียมันจะโผล่หน้าออกมาจากผ้าม่านสีทอง   ตื่นเต้นร่าเริงไปกับความงามรอบกายที่รถม้าได้วิ่งผ่านไปด้วยสีเท้าที่ไม่เร็วมากนัก  

                  แม้ระถูกปราม   แต่ก็ยังทำซ้ำๆแบบเดิมอยู่บ่อยครั้ง   จนมาถึงที่หมาย

                  กระโจมที่พัก    อยู่ใกล้ๆริมแม่น้ำพารากอล  ชื่อเดียวกับเมืองเพราะเป็นแม่น้ำสายหลักที่ชาวเมืองต่างก็ใช้สอยประโยชน์   ไม่ว่าจะเป็นด้านอุปโภคหรือบริโภคก็ตาม

                  ก่อนหน้านี้สองวัน เหล่าทหารกล้าได้เดินทางมาถึงล่วงหน้าเพื่อตระเตรียมความพร้อม    พลับพลาถูกสร้างขึ้นมาอย่างแข็งแรง     มีด้วยกันร่วมห้าหลัง   สร้างจากด้วยไม้ไผ่ที่ก่อเป็นโครงร่างคล้ายกระโจมขนาดใหญ่   แล้วใช้ผ้าใบผืนโตคลุมไว้อย่างมิดชิดแน่นหนา    ทุกด้านทุกมุม

                  

                  เหล่าบรรดาข้าราชบริพารหญิงสาวที่ตามติดมาด้วย  ต่างก็ตื่นเต้นดีใจที่ได้ออกมาอยู่ท่ามกลางบรรยากกาศสวยงามของป่าเขาเช่นนี้

                  แต่ที่ดีใจมากที่สุด   ก็คงหนีไม่พ้นธิดาองค์น้อย

                  ทันทีที่สองเท้าเล็กแตะถึงพื้น   เมื่อลงจากรถม้า   ก็โลดเต้นอย่างทีความสุขวิ่งเล่นไปมาจนพี่เลี้ยงทั้งสองวิ่งตามไปไม่ทัน



    \"  เดเนีย   อย่าเที่ยงเล่นไกลนักนะลูก  นี่ไม่ใช่ปราสาทของเรา จะดื้อหรือซุกซนเกินเหตุไม่ได้ \"  ราชินีคลอริน   ผู้ก้าวลงมาจากรถม้าเป็นคนสุดท้าย   ปรามธิดาองค์เล็ก

                  เจ้าหญิงองค์น้อยชะงักครู่หนึ่ง   ก่อนที่จะส่งยิ้มที่น่ารักไปให้ผู้เป็นมารดา    ไม่กล้าตกปากรับคำอะไร   หากทำไม่ได้ขึ้นมา   ก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นเด็กเลี้ยงแกะ

    \"  ท่านพ่อ  ท่านแม่  ลูกขอตัวนะเจ้าค่ะ  \"

                   แล้วร่างเล็กก็วิ่งปร๋อนำหน้าพี่เลี้ยงทั้งสอง   มุ่งหน้าสู่ความสนุกสนานที่รออยู่เบื้องหน้า  





                  ในที่สุดก็ได้เข้ามาในโลกที่สวยงามใบนี้อีกจนได้   ไม่มีที่ไหนจะสนุกเท่าป่ากว้างอีกแล้ว   แมลงปอปีกปาง  ผีเสื้อแสนสวย   วิ่งไล่จับในสวนดอกไม้ที่ปราสาท  จะสนุกสู้วิ่งอย่างอิสระในทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างไกลสุดตาเช่นนี้ได้อย่างไร

    \"  ในป่านี้มีน้ำตกไหม  มารี  \"  เดเนียหันไปถามพี่เลี้ยง   ที่ตอนนี้นั่งหมดแรงด้วยกันทั้งคู่หลังจากที่ปีนขึ้นมาบนทุ่งหญ้าบนภูเขาแห่งนี้    

                  สมน้ำหน้าใครใช้ให้สวยชุดที่สวยงามเช่นนี้มาเดินป่ากับเล่า   กระโปรงยางกรุยกรายลงมาถึงข้อเท้า  น่ารำคาญจะตายไป   จะวิ่งเล่นหรือปีนต้นไม้ก็ไม่ได้

                  ต้องสวมชุดรัดกุมอย่างเธอสิถึงจะถูก     ถึงจะดูแลคล้ายชุดของพวกผู้ชายก็ตามที







    \"  ไม่ทราบค่ะ  เจ้าหญิง  \"   มารีหันไปมองหน้าเพื่อนหญิงที่มาด้วยกัน  ก่อนจะตอบองค์หญิงตัวน้อยด้วยน้ำเสียงที่มีพิรุธ

    \"  เจ้าโกหก \"

    \"  ………  \"   มารีก้มหน้าลงต่ำ   ไม่กล้าเอื้อยเอ่ยสิ่งใดอีก

    \"  เราไปไกลเกินกว่านี้ไม่ได้   เจ้าหญิงก็ทราบ   อยู่บนนี้ก็ยังสามารถมองเห็นที่พักได้อยู่   แต่ถ้าเป็นที่น้ำตกนั่น  ยังอยู่ห่างจากที่นี่อีกมากมาย  เข้าไปในป่าลึกที่อันตราย   \"   ไอลีนชี้แจงด้วยเหตุผล

    \"  อยู่ในป่าลึกอย่างนั้นเหรอ  \"

    ทั้งมารีและไอลีนต่างก็พยักหน้าพร้อมๆกัน

    \"  เราจะไปที่นั่น…  \"  



                  ดวงตากลมโตทั้งคู่   เป็นประกาย   การเดินทางไปยังน้ำตกไม่เห็นจะยากเลย  ก็เพียงแต่  เดินไปตามลำธารขึ้นไปเรื่องๆ   ก็จะเจอเอง  



                  เดลิเดเนียมองดูพี่เลี้ยงทั้งสอง  ที่ทำหน้าตาตื่นตระหนก  ก็รู้สึกขำ   พวกนางก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร   ได้แต่หวาดระแวงและคอยห้ามปรามไปเสียทุกอย่าง    ช่างไม่กล้าหาญเอาเสียเลย    



                  \"  ให้พวกเข้าเลือก  ว่าจะตามเราไป  หรือ  วิ่งกลับไปฟ้องท่านพ่อ  แต่ถ้าใครกล้าฟ้อง  เราจะเล่นงานให้เจ็บแสบไปเลย  ไม่เชื่อก็คอยดู  \"



                       *****************************************************







          



                  



                  

                                        

          



      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×