ตอนที่ 9 : Mad Dog : Chapter 8
Note : เพิร์ซ ริชมอนด์ = คิม จงอิน
อุณหภูมิที่ลดต่ำลงในช่วงเวลากลางคืนบวกกับสายลมที่พัดพาเอาอากาศเย็นเข้ามาภายในห้อง จนทำให้คนตัวเล็กนั้นห่อตัวเข้าหากัน แสงไฟอันน้อยนิดจากโคมไฟยังพอจะให้ความสว่าง จนทำให้คุณหนูเยลเวอร์ตันสามารถมองเห็นใบหน้าของแมดส์ได้อย่างชัดเจน แค่เพียงดวงตาดุคมที่ฉายแววเรียบนิ่ง ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงสีหน้าเช่นไรภายใต้ผ้าที่ปิดใบหน้าไปเกินครึ่งหนึ่ง
“นายรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่าพวกเขาเรียกตัวเรามาที่นี่เพื่ออะไร..”
เธียร์ควรจะเอะใจตั้งแต่ประโยคกำกวมของไทเลอร์แล้วด้วยซ้ำก่อนที่จะออกมาจากที่นั่น
“ใครบ้างที่ไม่รู้..”
แค่เพียงคำตอบของแมดส์ก็ทำให้เธียร์ยิ่งกอดอีกฝ่ายแน่นมากขึ้น จนทรูอัลฟ่าหนุ่มเองก็รู้สึกได้ถึงแรงกอดรัดที่ช่วงเอวของตัวเอง พอ ๆ กับที่รับรู้ถึงความเปียกชื้นบริเวณอกของตัวเอง
แม้แต่พี่ก็ด้วยหรือ…
“เราไม่น่าหลงดีใจไปกับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ พวกนั้นเลย”
ความหวังที่พยายามหลอกตัวเองว่าจะมีสักวันหนึ่งที่คนในครอบครัวจะสนใจ สุดท้ายแล้วมันก็ยังคงเป็นได้แค่ความหวังที่ไม่อาจเป็นจริง
“มันไม่ผิดที่คุณหนูจะหวัง แต่มันผิดที่คุณหนูคาดหวังกับสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ต่างหาก”
“แต่นายก็เป็นความหวังที่เราเลือกถูก..” มือนิ่มของคนที่ไม่เคยทำอะไรหนัก ทาบทับลงบนหลังฝ่ามือสีเข้มที่กำลังไล่ปลายนิ้วเกลี่ยคราบน้ำตาของตัวเอง “เพราะอย่างน้อยนายก็ไม่ผิดสัญญากับเรา”
ปลายนิ้วของไทเลอร์หยุดไล้แก้วขาวนวลของเยลเวอร์ตัน ก่อนริมฝีปากหยักจะคลี่ยิ้มุมปากที่ทำให้เพียวโอเมก้าเริ่มสับสนในความมั่นใจของตัวเอง
“มั่นใจให้ได้แบบนี้ตลอดล่ะคุณหนู”
ไม่เคยมีครั้งไหนที่รอยยิ้มของ แมดส์ ไทเลอร์ จะทำให้ เธียร์ เยลเวอร์ตัน ไม่รู้สึกถึงความอันตราย
ความช่วยเหลือที่ทำตามเพียงแค่หน้าที่ของไทเลอร์ ไม่สามารถระบุได้ว่าคน ๆ นี้จะดีจะร้ายกับตัวของเขาในตอนไหน ความไม่สามารถคาดเดาดั่งเช่นคลื่นใต้น้ำมันยังคงน่ากลัวอยู่เสมอ
“ต่อให้เป็นแค่เพราะหน้าที่ มันก็ดีแค่ไหนแล้ว”
ช่างเป็นประโยคที่ขัดกับความรู้สึกของเธียร์ในตอนนี้ลิบลับ คำว่าหน้าที่มันกำลังตอกย้ำว่าแท้จริงแล้วการกระทำของไทเลอร์นั้นยังคงเป็นแค่เพียงข้อแลกเปลี่ยนที่ตกลงไว้กับพี่ชายของตนเอง
“แต่มันคงไม่ใช่วันนี้ที่คุณหนูจะได้ออกไปจากที่นี่”
“พาเราออกไปตอนนี้เลยไม่ได้หรือ…” เธียร์ไม่เข้าใจว่าไทเลอร์กำลังรอเวลาอะไร ในเมื่อเวลาของเธียร์นั้นมีเหลือเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
“ออกไปตอนนี้มันก็ไม่สนุกน่ะสิ”
ไทเลอร์อาจจะกำลังนึกสนุกแต่สำหรับเธียร์แล้วมันไม่ใช่เลยสักนิด เขาที่ไม่รู้ว่าโชคชะตาชีวิตข้างหน้าของตัวเองจะเป็นเช่นไร
“แล้วเราต้องรออีกสักเท่าไหร่..” เธียร์ไม่อยากแม้แต่จะเจอหน้าใครอีก แค่ตอนที่เขาเดินออกมาจากห้องของคนเป็นพ่อ ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องราวกับเขาเป็นตัวประหลาด “เราทนรับมันไม่ไหวแล้วไทเลอร์…” หยาดน้ำตาที่เอ่อล้นบนดวงตาคู่สวยร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง ก่อนที่จะถูกเช็ดออกด้วยปลายนิ้วของทรูอัลฟ่าหนุ่มตรงหน้า
เพียงแค่ปลายนิ้วที่สัมผัสผิวแก้มขาวพร้อมกับน้ำตาที่ถูกเช็ดออกด้วยแรงที่แม้จะไม่ได้เบามือ แต่ก็นับว่าอ่อนโยนที่สุดเท่าที่คนอย่าง แมดส์ ไทเลอร์ จะแสดงมันออกมาได้
เจ้าของกลุ่มผมสีเข้มได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกใจกับการกระทำของไทเลอร์ ดวงตาสีน้ำตาลไหม้ยังคงสั่นไหวยามที่จ้องมองใบหน้าของทรูอัลฟ่าหนุ่ม ไม่แพ้กับหัวใจของเจ้าตัวที่กำลังเต้นถี่ระรัวอย่างไม่อาจห้ามได้
ไม่ใช่ว่าเธียร์ไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้.. ไทเลอร์ไม่ใช่คนแรกที่เช็ดน้ำตาให้เธียร์
แต่ แมดส์ ไทเลอร์ คือคนแรกที่ทำให้เพียวโอเมก้าตระกูลเยลเวอร์ตันรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้องของตัวเอง ความรู้สึกประหลาดที่ไม่อาจหาคำตอบได้ว่าเกิดจากอะไร มันช่างทำให้เธียร์นั้นแสนสับสนสิ้นดี
“อดทนอีกแค่เพียงนิดเดียว..”
“เราจะเชื่อนาย..” เธียร์ยอมกลืนก้อนสะอื้นที่ตีขึ้นมาจุกบริเวณลำคอลงไป ก่อนที่จะพยักหน้ารับคำของเจ้าของผิวเข้ม
“ทำตัวให้ปกติเข้าไว้ มันจะดีต่อตัวคุณหนูที่สุด”
“….”
“เมื่อไหร่ที่ฮาร์เดนเจอร์สว่างไสวมากที่สุด เมื่อนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่คุณหนูได้รับอิสระ”
ปลายจมูกโด่งของคนผิวขาวรับรู้ถึงสัมผัสร้อนจากการถูกแตะสัมผัสผ่าน ๆ จากริมฝีปากของคนตัวสูงกว่าซึ่งมีผ้าสีเข้มปิดบังอยู่เกือบครึ่งหน้า ลมหายใจร้อนที่รินรดบนผิวแก้มเพียงแค่ผืนผ้ากั้นแทบจะไม่แตกต่างจากการไม่มีอะไรเป็นตัวคั่นกลางสักนิด
เธียร์ เยลเวอร์ตัน ไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้าขึ้นไปสบสายตากับไทเลอร์เลยด้วยซ้ำ เพราะเพียงแค่ก้มหน้าหลบตาอยู่เช่นนี้ เจ้าตัวก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงสายตาของไทเลอร์ที่ยังคงจ้องมองตัวเองอยู่อย่างไม่วางตา
“เราไม่เข้าใจ..”
และเพียวโอเมก้าตัวขาวเองก็คงไม่มีวันได้เห็นแววตาของ แมดส์ ไทเลอร์ ที่มีประกายบางอย่างอยู่ในดวงตา และรอยยิ้มกว้างที่เหยียดยิ้มออกมานับครั้งได้
“เยลเวอร์ตันจะต้องชดใช้ให้คุณหนู”
ชดใช้ให้สาสมเท่ากับสิ่งที่ทำกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองอย่างเลือดเย็น
“เธอออกไปก่อน...”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของคนที่มีอำนาจเป็นเจ้านายเอ่ยบอกโอเมก้าคนสนิทของคุณหนูเยลเวอร์ตัน โดยไม่ลืมที่จะใช้สายตากดดันให้เจ้าหล่อนนั้นยอมถอยแต่โดยดี
“เกรงว่าคงจะเป็นแบบนั้นไม่ได้” เจ้าหล่อนยืนยันเสียงแข็ง โดยที่ยังยืนกรานไม่ยอมถอยห่างออกจากประตูห้องของคุณหนูเยลเวอร์ตัน
“ฉันมีธุระต้องคุยกับเธียร์” คุณชายเลนนิกซ์เอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะกลอกตาไปมาด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อเห็นว่าคนสนิทของญาติผู้พี่นั้นช่างดื้อด้านเหลือทน
“คุณหนูยังไม่ตื่น หากคุณชายเข้าไปตอนนี้ก็คงจะเป็นการรบกวน” เอนยาว่า
“เธียร์ไม่ใช่คนตื่นสาย” เอ็ดมันด์รู้ดีว่าเธียร์เป็นเช่นไร คนอย่างญาติผู้พี่ไม่มีทางเสียหรอกที่จะตื่นสายเช่นนี้
“ถึงอย่างนั้นมันก็คงไม่เหมาะสมอยู่ดี ความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายกับคุณหนูมันไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน”
“ไม่ต้องมาสอนฉัน” เอ็ดมันด์ เลนนิกซ์ เอ่ยเสียงเข้มก่อนที่จะถอยหลังไปหยุดยืนอยู่ด้านหลัง และปล่อยให้คนสนิทของตัวเองนั้นจัดการกับโอเมก้าตรงหน้าให้พ้นทาง “จะวิ่งไปบอกคุณชายเยลเวอร์ตันก็ได้นะ..”
คุณชายเลนนิกซ์นั้นแสนเอาแต่ใจแค่ไหน ใครกันจะไม่รู้เรื่องนี้ ยิ่งเติบโตขึ้นมาก็ยิ่งทำให้เอ็ดมันด์ไม่แม้แต่จะสนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น เด็กหนุ่มที่กำลังเลือดร้อนยังคงไม่สามารถจัดการกับความเปลี่ยนแปลงของตัวเองได้ดีพอ
“ถ้ายังมีความเห็นใจให้คุณหนู คุณชายก็ควรจะคิดได้นะคะว่าสิ่งที่กำลังจะทำมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น”
“ฉันไม่ได้ขอความเห็นจากเธอ”
เจ้าของกลุ่มผมสีสว่างกระตุกยิ้มเย็นให้โอเมก้าสาวที่ถูกกันให้ออกห่างจากบริเวณหน้าประตูห้อง ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่ของเจ้าตัวจะผลักบานประตูบานสวยเพื่อเข้าไปยังในห้องของญาติผู้พี่
ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ ย่อมแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน จนทำให้ต้องเดินผ่านห้องต่าง ๆ ก่อนจะเข้าไปถึงบริเวณห้องนอนหลัก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธียร์ยังคงลอยเจือจางผสมไปกับอากาศที่ถ่ายเทในห้อง แต่ที่ทำให้คุณชายเลนนิกซ์ถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันก็คงหนีไม่พ้นกลิ่นหอมเข้มที่ผสมปนเปอยู่ในห้องนี่มากกว่า
ไม่มีทางที่กลิ่นหอมนี่จะเป็นของคุณชายเยลเวอร์ตัน แล้วมันจะเป็นกลิ่นของใครกัน?
“เธียร์”
คนที่ยังคงนั่งเหม่อมองออกไปทางด้านนอกหน้าต่างสะดุ้งหยง เมื่อไห้ยินเสียงเรียกของคุณชายเลนนิกซ์ ท่าทางตื่นตระหนกที่ฉายชัดผ่านดวงตาสั่นไหวและร่างกายที่สั่นเทาในทันตา ยามที่คนตัวขาวหันมาสบตากับญาติผู้น้อง
“อย่าเข้ามานะเอ็ด..”
เพียวโอเมก้าตัวขาวพยายามควบคุมเสียงของตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด ก่อนจะก้าวถอยหนีคนที่พยายามเดินเข้ามาใกล้ตัวเอง ใบหน้าของอัลฟ่าหนุ่มผู้เป็นญาติผู้น้องดูคมเข้มขึ้นมากกว่าเดิม เมื่ออีกฝ่ายเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ผิดกับเธียร์ที่ยังคงดูจิ้มลิ้มและน่ารัก แม้จะมีอายุที่มากกว่าเอ็ดมันด์
“ฉันแค่อยากจะคุยด้วยก็เท่านั้น” เอ็ดมันด์ยอมหยุดเดินเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยจะดีของญาติผู้พี่
“นายควรออกไปซะ ก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้า” หากมีใครรู้เข้า คนที่จะมีความผิดมากที่สุดก็คงไม่พ้นเป็นตัวคุณหนูเยลเวอร์ตัน
“จะมีใครหน้าไหนกล้าเข้ามายุ่ง” คนอายุน้อยกว่าว่าเสียงเข้ม พลางยกแขนขึ้นกอดอกตัวเองนิ่ง ๆ “นอกเสียจากนายจะเป็นอนุญาตให้ใครเข้ามาต่างหากล่ะเธียร์”
“….”
“ตอบฉันมาว่ากลิ่นใคร?”
เธียร์ เยลเวอร์ตัน ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไปในลำคอที่แห้งผากของตัวเอง สายตากดดันที่เอ็ดมันด์ใช้จ้องมองกันในตอนนี้มันกำลังทำให้เธียร์รู้สึกอึดอัด กลิ่นหอมประจำตัวของเอ็ดมันด์ที่ถูกปล่อยออกมาหมายจะกลบกลิ่นของ แมดส์ ไทเลอร์ ที่อยู่ในห้อง ย่อมทำให้เธียร์รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย จากที่ตอนแรกนั้นรู้สึกสบายใจเสียด้วยซ้ำเมื่อยังมีกลิ่นของคู่แห่งโชคชะตา
“กะ กลิ่นอะไรของนาย” คนตัวขาวยังคงไม่ยอมรับ
“บอกฉันมาว่ามันเป็นใคร”
เอ็ดมันด์ใช้จังหวะที่เธียร์กำลังตกใจกับคำถามของตัวเอง แล้วขยับตัวเข้ามาประชิดกับคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงไม่ระวังตัวเช่นเคย มือใหญ่ของอัลฟ่าหนุ่มตระกูลเลนนิกซ์คว้าหมับเข้าที่ข้อแขนเล็กไว้ได้อย่างง่ายดาย จะด้วยขนาดร่างกายที่แตกต่างที่ทำให้เอ็ดมันด์ได้เปรียบก็ย่อมใช่ ในขณะที่เพียวโอเมก้าตัวขาวนั้นเบิกตากว้างจนแทบถลนเพราะความตกใจ
“ปล่อย!” เสียงน่าฟังของเธียร์ที่ดังขึ้นมากกว่าปกติ ไม่ได้ทำให้เลนนิกซ์สนใจแต่อย่างใด
“มันเป็นใคร..” เอ็ดมันด์ยังคงใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำของตัวเองถามย้ำกับอีกฝ่าย แต่ทว่าข้อมือเล็กของคนตัวขาวก็ยังคงพยายามที่จะบิดออกจากฝ่ามือใหญ่ โดยไม่สนใจเลยสักนิดว่ามันจะสร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเองมากแค่ไหน
เมื่อเพียวโอเมก้าตัวขาวยังคงเอาแต่หลับตาแน่นและตัวสั่นเทาเป็นลูกนก ก็ทำให้เอ็ดมันด์รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แต่เมื่อเห็นว่าญาติผู้พี่นั้นหวาดกลัวจนร้องไห้ออกมาก็สามารถทำให้คุณชายเลนนิกซ์พ่นลมหายใจหนัก ๆ ออกมา ก่อนที่วงแขนกว้างจะดึงตัวของเธียร์เข้าไปกอดแน่นจนตัวของเพียวโอเมก้านั้นหายเข้าไปจมอก
“ฮึก..”
“ฉันจะไม่ถามซ้ำเป็นครั้งที่สามนะเธียร์..” เลนนิกซ์เอ่ยเตือนคนที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
“มะ มัน ไม่ใช่เรื่องของนาย อึก ปล่อย!” เธียร์ยังคงขัดขืนไม่เลิก
“คิดว่าจะล่าตัวมันไม่ได้หรือ..”
“อะ อย่ายุ่งกับเขา”
เพียงแค่นั้นก็ทำให้เอ็ดมันด์กระตุกยิ้มร้ายออกมาในทันที ไอ้คนที่ตั้งใจทิ้งกลิ่นไว้ในห้องก็คงจะใจกล้าน่าดู ถึงได้ไม่เกรงกลัวว่าจะมีใครได้รับรู้ อีกทั้งยังจงใจทิ้งกลิ่นหอมเข้มไว้บนร่างกายของเธียร์เสียด้วย
“มีความรักหรือ?” เอ็ดมันด์เชยใบหน้าของคนในอ้อมกอดตัวเองขึ้น จนทำให้เห็นใบหน้าน่ารักได้อย่างชัดเจน
“มะ ไม่..”
เธียร์ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบคำถามเอ็ดมันด์เช่นไร และเขาก็ไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่าจะมีใครได้กลิ่นของแมดส์
“ยังโกหกไม่เก่งเหมือนเคย” ญาติผู้พี่เคยนิสัยเป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเหมือนเคย แววตาที่ไม่เคยโกหก และการกระทำที่สวนทางกับคำตอบมันฉายชัดเสียเหลือเกิน “แต่ลืมไปหรือเปล่าว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้า นายจะต้องแต่งงานกับใคร..”
“!!!”
“ฉันไม่คิดว่า เพิร์ซ ริชมอนด์ จะปล่อยนายไปง่าย ๆ หรอกนะเธียร์”
คนตัวขาวดูสะอึกไปไม่น้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น...
“แต่ตอนนี้คนที่ควรปล่อยเธียร์มากที่สุดก็คือนาย”
เสียงของผู้มาใหม่ทำให้คุณชายเลนนิกซ์หัวเราะในลำคอด้วยความเจ็บใจ ถือว่าคนสนิทของเธียร์นั้นรวดเร็วใช้ได้อยู่เหมือนกัน เพราะไม่อย่างนั้น ดีแลนด์ เยลเวอร์ตัน ก็คงไม่เข้ามาในจังหวะที่เจ้าตัวกำลังเค้นคอถามคุณหนูเยลเวอร์ตันแน่นอน
“ขัดจังหวะจริง ๆ” เอ็ดมันด์ตั้งใจพูดให้พี่ชายของคนในอ้อมกอดได้ยิน ก่อนที่เจ้าตัวจะยอมปล่อยเธียร์ ก่อนที่คนตัวขาวนั้นจะรีบวิ่งไปหลบทางด้านหลังพี่ชายของตัวเอง
“ออกไปจากห้องนี้ซะ ก่อนที่ฉันจะให้คนมาลากตัวแกออกไป” เพียงแค่ดีแลนด์คลาดสายตาเธียร์ในเวลาชั่วครู่ เลนนิกซ์ก็กลับใช้ช่องว่างนี้บุกรุกเข้ามาหาเธียร์จนได้
“พี่ก็มีสิทธิ์หวงเธียร์ได้แค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะ” เอ็ดมันด์ยังคงยอกย้อนคุณชายเยลเวอร์ตันที่กางปีกปกป้องน้องชายตัวเอง ไม่ต่างจากแม่นกที่คอยปกป้องลูกนกตัวน้อย
คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าถ้าปีกของมันถูกหัก มันจะเอาอะไรไปปกป้องลูกของตัวเองได้
“เลนนิกซ์..”
“คิดดูดี ๆ แล้วกันว่าสิ่งที่พี่ทำ มันคุ้มแล้วหรือกับผลที่จะตามมา”
ดีแลนด์ เยลเวอร์ตัน ยังคงยืนกำมือแน่นจนเล็บของเจ้าตัวนั้นจิกเข้าหาฝ่ามือตัวเองจนได้เลือด รอยยิ้มเย็นของเอ็ดมันด์กำลังทำให้ร่างสูงโปร่งรู้สึกชาไปทั้งตัวไม่น้อย
ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
เมื่อทั้งห้องหลงเหลือแค่เพียงพี่น้องตระกูลเยลเวอร์ตันที่ยืนกอดกัน ย่อมทำให้เอนยาที่ยืนมองอยู่เงียบ ๆ นั้นเลี่ยงออกมาอยู่ด้านนอก เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่ทั้งคู่
“ร้องไห้จนตาช้ำไปหมดแล้วนะเธียร์”
มันจะมีสักวันไหมที่ดีแลนด์จะได้เห็นใบหน้าน้องชายของตัวเองเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ยิ่งเห็นมันก็ยิ่งตอกย้ำว่าน้องชายผู้เป็นที่รักนั้นบอบช้ำมากแค่ไหน
“น้องขอโทษ..”
“มีอะไรที่น้องยังไม่ได้บอกพี่อีกหรือเปล่า” ดีแลนด์ เยลเวอร์ตัน ได้กลิ่นที่ไม่คุ้นเคยบนตัวของเธียร์อย่างชัดเจน ยิ่งเห็นความสับสนในแววตาของคนเป็นน้องก็ยิ่งทำให้เจ้าตัวมั่นใจว่าเธียร์จะต้องมีเรื่องอะไรที่ปิดบังตัวเองอยู่เป็นแน่
“ถ้าน้องบอกพี่ไป พี่สัญญากับน้องได้ไหมว่าจะฟังคำขอร้องของน้อง” มือนิ่มที่บีบฝ่ามือของคนเป็นพี่เป็นเชิงอ้อนวอน ทำให้ดีแลนด์ยอมพยักหน้ารับอย่างจำใจ
“ก็ว่ามาสิ”
“น้องเจอเขาแล้ว..” เธียร์ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลดีกับตัวเองหรือไม่ในตอนนี้ แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากปิดบังพี่ชายเลยสักนิด ยิ่งรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เขาก็ยิ่งอยากจะบอกเล่าทุกอย่างให้คนที่เป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในครอบครัวฟัง “เขาคนนั้นที่พี่เคยบอกว่าจะเห็นคุณค่าของเรา”
“น้องกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” ดีแลนด์ไม่ใช่คนโง่ แต่เขาแค่ไม่ได้เตรียมใจที่จะมารับรู้เรื่องราวพวกนี้ “พี่ไม่ตลกกับน้องหรอกนะ”
“คู่แห่งโชคชะตา..”
แต่แล้วทำไม เธียร์ เยลเวอร์ตัน ถึงได้ดูโศกเศร้าเหลือเกินเมื่อยามที่พูดถึงคู่แห่งโชคชะตาของตัวเอง
“ใครกัน..” คนเป็นพี่แทบจะหาเสียงของตัวเองไม่เจอ มือขาวที่ไม่แพ้กันกับคนเป็นน้องแตะสัมผัสที่ไหล่เล็กของคนเป็นน้องซึ่งเริ่มสั่นเทา ยามที่เจ้าตัวนั้นก้มหน้าหนีสายตาคนเป็นพี่
เช่นนั้นแล้วกลิ่นประหลาดที่ติดอยู่บนร่างกายของเธียร์ ก็คงหนีไม่พ้นกลิ่นของคู่แห่งโชคชะตา..
“เขาคือคนที่พี่ส่งไปให้ดูแลน้อง…”
เธียร์เงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพี่ด้วยความรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย ยิ่งเห็นแววตาที่แข็งกร้าวของคนเป็นพี่ และมือที่เผลอบีบเข้าที่ไหล่ของตัวเองทั้งที่มือนั้นสั่นเทาไม่แพ้ตัวของเธียร์เอง
“ไทเลอร์งั้นหรือ..”
“เป็นเขาจริง ๆ”
ดีแลนด์ เยลเวอร์ตัน แทบจะล้มทั้งยืนอยู่ตรงนั้น โชคชะตาทำไมถึงได้เล่นตลกกับชีวิตพวกเขาสองคนพี่น้องถึงขนาดนี้ เหตุผลที่เลือก แมดส์ ไทเลอร์ ก็เพราะมันเป็นทางเลือกเดียวที่เขาจะสามารถช่วยเหลือน้องชายตัวเองได้ แต่ใครเล่าจะคิดว่าการตัดสินใจเลือกในครั้งนี้จะสร้างผลกระทบอันมหาศาลให้กับชีวิตของเธียร์
แมดส์ ไทเลอร์ เหมาะกับการเป็นแค่เพียงผู้ดูแล ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาของเธียร์
ดีแลนด์ เยลเวอร์ตัน ไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ ว่าบุคคลอันตรายคนนี้จะสามารถเป็นคู่ชีวิตของน้องชายตัวเองได้ เพราะนอกจากจะสร้างปัญหาอันใหญ่หลวงแล้ว ไทเลอร์เองก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถไว้ใจได้มากพอ
“แสดงว่ารู้มาตั้งแต่แรก..”
“น้องก็พึ่งรู้ตัว”
สัญชาตญาณของอัลฟ่าที่ดีเยี่ยมเป็นที่หนึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่าแมดส์เองก็น่าจะรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอกับเธียร์ หากเป็นเช่นนี้แล้วดีแลนด์จะไว้ใจไทเลอร์ได้อย่างไรกัน
แผนการที่ถูกเตรียมการมาไว้แล้วล่วงหน้าเพื่อช่วยเหลือเธียร์จะต้องล้มเลิกเพียงเพราะเหตุผลนี้อย่างนั้นหรือ?
ทั้งที่ใจของดีแลนด์ในตอนนี้กำลังร้อนรนมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อาจเอาความรู้สึกของตัวเองมาหักล้างกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้ หากเป็นคู่แห่งโชคชะตานั่นก็หมายความว่าเขาเองจะต้องยอมให้น้องชายของตัวเองใช้ชีวิตอยู่กับคนเช่นนั้นจริงหรือ…
แมดส์ ไทเลอร์ ไม่ใช่คนที่ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
“ไทเลอร์ได้ทำอะไรน้องหรือเปล่า..”
เจ้าของกลุ่มผมสีเข้มส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ในขณะที่ยังยกยิ้มให้กับพี่ชายของตัวเอง
“เขาไม่ได้ทำอะไรน้อง.. แต่ก็ใช่ว่าจะดีไปเสียทุกเรื่อง” ประโยคหลังนั้นเธียร์เอ่ยออกมาเสียงเบาหวิวจากความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง “เขาทำตามหน้าที่อย่างที่พี่สั่งทุกอย่าง…”
“ถ้าพี่รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก พี่จะไม่มีทางส่งไทเลอร์ไปอยู่กับน้อง”
“พี่อย่าห่วงไปเลย ยังไงเสียน้องกับเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้..”
“หลอกตัวเองอยู่หรือเธียร์” ดีแลนด์ว่า พลางลูบผมน้องชายที่ชี้ฟูขึ้นมานิด ๆ หลังจากที่เจ้าตัวผละออกจากอ้อมกอดของตัวเอง
“คนแบบเขาจะรักคนอื่นเป็นได้อย่างไร..”
แววตาที่เจ็บปวดยามพูดถึงใครอีกคน มันทำให้ดีแลนด์มั่นใจมากเหลือเกินว่าคนที่รู้สึกก่อนคงหนีไม่พ้นน้องชายของตัวเอง
“ถ้าต้องเลือกระหว่างพี่กับไทเลอร์ น้องจะเชื่อใจใครมากกว่ากัน”
การตัดสินใจที่เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วของดีแลนด์ที่มีต้นเหตุมาจากเรื่องนี้ เจ้าตัวย่อมรู้ดีว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรที่สุดที่ตัวเองพึงจะกระทำ
“….”
“หากเป็นเช่นนี้แล้ว คิดหรือว่าพี่จะยอมปล่อยให้น้องหนีออกไปกับคนอันตรายเช่นนั้น”
“พะ พี่จะทำอะไร” ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังบอกเธียร์ว่ามันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน
“ถ้าเราสองคนหลุดออกไปจากที่นี่ได้ พี่สัญญาว่าจะไม่มีวันพาน้องกลับมาที่นี่อีก”
มันจะเป็นอะไรไปหากตระกูลเยลเวอร์ตันจะไร้ซึ่งคนสืบสกุลและทายาทในการปกครองฮาร์เดนเจอร์
“พี่ทำแบบนี้ไม่ได้ แค่นี้พี่ก็ช่วยเหลือน้องมากพอแล้ว อย่าให้น้องรู้สึกว่าตัวเองต้องทำให้พี่เดือดร้อนไปมากกว่านี้เลย”
“แล้วจะให้พี่ปล่อยน้องไปได้ยังไง!” คุณชายเยลเวอร์ตันขึ้นเสียงใส่น้องชายของตัวเองทั้งที่ดวงตาแดงก่ำไม่แพ้คนเป็นน้อง “ใครหน้าไหนมันจะรักน้องได้เท่าพี่”
“ท่านพ่อไม่มีวันปล่อยพี่ง่าย ๆ พี่ก็น่าจะรู้..” ดีแลนด์ เยลเวอร์ตัน คือทายาทลำดับหนึ่งของตระกูล หากเจ้าตัวหนีหายไปมีหรือที่คนเป็นพ่อจะไม่ไล่ล่าตามหาตัว ร่องรอยของความเครียดบนใบหน้าทำให้เธียร์อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบแก้มนิ่มของคนเป็นพี่ “อย่าได้เป็นห่วงถึงความสัมพันธ์ระหว่างน้องกับเขาเลย..”
“เธียร์..”
“หากเสร็จสิ้นหน้าที่ของเขาแล้ว ไทเลอร์กับน้องก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องพบเจอกันอีก”
HASTAG : #maddogmn
Talk : แมดส์!! แกแอบเนียนจูบจมูกน้องเธียร์!! ก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะนายคนนี้อะ ฮือออ ตอนแรกเราว่าจะเอาตัวละครใหม่ออกมา แต่พอเขียนแล้วดันทำให้ตอนนี้จะยาวเกินเลยขอรวบยอดเป็นตอนหน้าแล้วกันนะคะ ตอนหน้าน้องได้หนีออกจากที่นี่แน่นอน! เชื่อเรา!!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชีวิตแห่งโชคชะตาจะเป็นไปอย่างดีไหมเนี่ย
มองเห็นแต่อุปสรรค
ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาา
ยัยน้องเธียร์สู้ๆ หนีให้ได้นะลูก
พี่แมดส์เธอจุ๊บจมูกน้องอะวั้ยยๆๆ
ps. คือนายเอ็ดมันส์ชอบน้องเธียร์หรืออะไร ทำไมชอบเข้ามาวุ่นวายอยู่เรื่อยทั้งทีพี่น้องเยลเวอร์ตันไม่ต้อนรับ หรือแค่อยากมาเล่นสนุกปั่นประสาทเฉยๆ?